ราชาแห่งการตกแต่งภายใน
ในห้องทำงานอันหรูหรา ธีรเทพนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ มองดูวิวเมืองกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับ
ธีรเทพ ชายหนุ่มวัย 38 ปี เจ้าของบริษัทผลิตสินค้าตกแต่งภายในบ้านที่มีชื่อว่า “บ้านสไตล์” บริษัทของเขามีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วประเทศ เขาเป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจด้วยความเก่งกาจและฉลาด
ธีรเทพก่อตั้งบริษัทของเขามาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จากธุรกิจเล็กๆ ที่เริ่มต้นในโรงรถของบ้าน ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย
เขาทำงานหนัก ทุ่มเท และอดทน เขาเรียนรู้จากประสบการณ์ และพัฒนาธุรกิจของเขาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด เขาก็ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นเจ้าของบริษัทที่ใหญ่โต
ธีรเทพ ไม่ได้มุ่งหวังแค่ความสำเร็จทางธุรกิจ เขาต้องการที่จะสร้างสรรค์สินค้าตกแต่งบ้านที่สวยงาม และมีคุณภาพ เขาต้องการช่วยให้ผู้คนสร้างบ้านให้สวยงาม และน่าอยู่ เขาต้องการทำให้บ้านของทุกคนเป็นสถานที่ที่อบอุ่น และเต็มไปด้วยความสุข
ธีรเทพ เป็นคนทำงานหนัก และทุ่มเทให้กับธุรกิจของเขา แต่เมื่อใดก็ตามที่มีเวลาว่าง ธีรเทพ ชอบออกไปเที่ยว และผ่อนคลาย เขามักจะไปเล่นกอล์ฟ หรือไปทานอาหารกับเพื่อนฝูง
ธีรเทพ ยังเป็นคนใจดี และชอบช่วยเหลือผู้อื่น
เขามักจะบริจาคเงินให้กับมูลนิธิต่างๆ
ธีรเทพ เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม
เขาประสบความสำเร็จในชีวิต มีหน้าที่การงานที่ดี
และมีครอบครัวที่อบอุ่น
“คิดอะไรอยู่เหรอคะ?” กานต์รวีเดินมากอดด้านหลังของสามี พร้อมกับมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง
“อืม...ช่วงนี้ผมปวดหัวกับเรื่องงานออกแบบสินค้าน่ะ”
ธีรเทพหันกลับมากอดเธอกลับ
“ทำไมเหรอคะ ? มีปัญหาอะไรเหรอ?”
“ผมกำลังจะเปิดตัวสินค้าใหม่น่ะ แต่ยังหาคนออกแบบที่ถูกใจไม่ได้ซะที”
ธีรเทพโอบเอวหญิงสาวและพาเดินไปยังโต๊ะทำงานของเขาที่เต็มไปด้วยแบบร่างของสินค้าตัวใหม่
“โอ้โห นี่ก็สวยแล้วนี่คะ”
“ผมรู้สึกว่า มันน่าจะดีได้มากกว่านี้น่ะ”
“เลยอยากจะหานักออกแบบใหม่สินะคะ”
“ฮื้มม รู้ใจผมที่สุดเลย” ธีรเทพหันไปจูบหน้าผากของภรรยาแสนรัก
“ฉันแนะนำเพื่อนฉันให้มั้ยคะ เธอชื่อ ณัฐรินีย์ เป็นนักออกแบบฝีมือดีมาก ได้รับรางวัลมาเยอะเลย แล้วงานของเธอก็เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครด้วยค่ะ”
“ณัฐรินีย์เหรอ? แล้วสไตล์ของเธอเป็นยังไงล่ะ”
“อืม..เป็นแบบโมเดิร์น เรียบง่าย แต่มีลูกเล่นน่าสนใจ ฉันว่าน่าจะตรงกับความต้องการของคุณนะคะ”
“น่าสนใจมากเลย ติดต่อให้ผมหน่อยได้มั้ย?”
“ได้สิคะ เดี๋ยวฉันนัดให้ค่ะ” กานต์รวีหัวเราะคิกคัก
“เฮ้อ..งั้นเรื่องนี้ก็น่าจะเบาใจได้ละ ถ้างั้นเรา....” ธีรเทพยิ้มกรุ้มกริ่ม เคลื่อนหน้าเข้าใกล้จะจูบกานต์รวี
“ฮื้อ...ไว้วันหลังนะคะ วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย” กานต์รวีเบี่ยงหน้าหลบ และดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา
“อะ...”
“มาค่ะ นอนกอดกันก็พอแล้วนะคะ” กานต์รวีไถตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียงพร้อมกับกวักมือเรียกสามี
“ก็ได้ วันนี้ผมยอมให้” ธีรเทพยิ้มอ่อนใจ ก่อนจะขึ้นเตียงและนอนกอดภรรยาเอาไว้
(ขอโทษนะคะ วันนี้ฉันมีความสุขกับชัญญามาแล้ว ไม่อยากให้คุณมาทำลายความสุขของฉันค่ะ)
กาแฟร้อน สะท้อนใจ
ยามเช้า แสงแดดสาดส่องผ่านกระจกบานใหญ่ของร้านกาแฟ "The Coffee House" ธีรเทพ หนุ่มนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ กำลังนั่งอ่านข่าวบนแทปเล็ต รอกาแฟพลางๆ อยู่คนเดียว
บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยเสียงเพลงเบาๆ และกลิ่นหอมของกาแฟ ธีรเทพ แต่งกายด้วยชุดสูทสีกรมท่า ดูภูมิฐาน ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ดึงดูดทุกสายตา แม้จะอยู่ในวัย 38 แต่เขายังดูหนุ่มแน่น เต็มไปด้วยเสน่ห์
“ลาเต้ร้อน ของคุณธีร์ได้แล้วครับ”
เสียงพนักงานร้องแจ้ง ธีรเทพรีบลุกขึ้นเดินไปยังเคาเตอร์กาแฟ ในขณะเดียวกันณัฐรินีย์กำลังยืนรอกาแฟตามคิวอยู่ เธอแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ดูเรียบร้อย
ธีรเทพรีบเร่งรับกาแฟจนไม่ทันระวัง กาแฟร้อนๆ ในมือเขาหกใส่เสื้อทำงานสีขาวของณัฐรินีย์ หญิงสาวตกใจรีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
“นี่คุณ!! ระวังหน่อยสิ” ณัฐรินีย์เสียงดังใส่
“ขอโทษครับ ผมรีบไปหน่อย” ธีรเทพตกใจมาก
“คุณรู้ไหม เสื้อนี้ฉันเพิ่งซื้อมา ราคาแพงมาก!!” ณัฐรินีย์มองกาแฟที่เปื้อนเสื้อ ทำให้เธอโมโหมาก
“ผมขอโทษจริงๆ เดี๋ยวผมจะชดเชยให้”
“ชดเชยยังไง ? คุณคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างเหรอ?” ณัฐรินีย์ยิ่งโมโห
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นครับ ผมแค่...”
“แค่? แค่อะไร? คุณคิดว่าฉันไม่มีธุระเหรอ? ฉันต้องมาเสียเวลาเพราะคุณ!!” ณัฐรินีย์เอ่ยขัด
“คุณใจเย็นๆ สิครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ...”
“ใจเย็นยังไง เสื้อฉันเปื้อนกาแฟ! คุณจะรับผิดชอบยังไง” ณัฐรินีย์หรี่ตามองเขาอย่างเอาเรื่อง
“เดี๋ยวผมซื้อเสื้อให้ใหม่” ธีรเทพถอนหายใจ
“จริงเหรอ?” ณัฐรินีย์จ้องธีรเทพ
“จริงสิครับ ผมสัญญา” ธีรเทพยิ้ม
“เราไม่รู้จักกัน ทำไมคุณต้องใจดีกับฉันด้วย?” ณัฐรินีย์มองธีรเทพด้วยความสงสัย
“ก็...ผมชอบคุณน่ะ” ธีรเทพยิ้มกว้าง
“คุณ..พูดอะไรน่ะ” ณัฐรินีย์อึ้ง ตาเหลือก
“ผมหมายความว่า ผมรู้สึกดีที่ได้เจอคุณ ผมชอบนิสัยของคุณ....”
“หยุดพูด ฉันไม่เชื่อคุณ!” ณัฐรินีย์ขัด
“ไม่เชื่อก็ช่าง ผมแค่พูดความจริง” ธีรเทพหัวเราะ
“บ้าจริง ผู้ชายอะไรเนี่ย!” ณัฐรินีย์เดินหนีไปทันที
“น่ารักดีนะ....” ธีรเทพมองตามณัฐรินีย์ และยิ้มออกมา
“เอ่อ...แล้วกาแฟของคุณผู้หญิงคนนั้น” พนักงานขายกาแฟเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“ฮึฮึ สงสัยโกรธจนลืมกาแฟแล้วมั้ง” ธีรเทพขำจนหัวเราะออกมา
หลังจากที่พลังมืดที่เคยปกคลุมทุกชีวิตถูกทำลายลง ความสงบสุขก็กลับคืนมาอีกครั้ง กฤติน อาคิรา ธีรเทพและณัฐรินีย์ต่างหายใจโล่งขึ้น พวกเขาได้ผ่านพ้นความท้าทายและการต่อสู้อันโหดร้ายที่ทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นบรรยากาศในสวนหลังคฤหาสถ์เทวานุรักษ์นั้นชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ยามค่ำคืนที่อบอุ่นเต็มไปด้วยแสงเทียนที่ส่องสว่างรอบๆ พุ่มดอกไม้ เสียงลมพัดเบาๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบ บรรยากาศในวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน ทุกคนอยู่ด้วยกันเพื่อฉลองการเริ่มต้นใหม่ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ดอกไม้บานสะพรั่งรอบๆ สวน มีแสงเทียนนุ่มนวลที่ถูกจุดประดับประดา สร้างบรรยากาศโรแมนติกธีรเทพมองไปที่ณัฐรินีย์อย่างอ่อนโยน ขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขา เธอหัวเราะและพูดคุยกับอาคิราอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับดวงดาวธีรเทพรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความรักและความผูกพันที่เขามีต่อเธอ หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาที่ยากลำบากเขารู้ว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ความรักที่เ
เงาแห่งความสูญหายณัฐภัทรเดินเข้ามาในหอสมุดเทวานุรักษ์ด้วยท่าทางเร่งรีบ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความสับสน ขณะที่ก้าวเข้าไปในโถงทางเดิน หัวของเขาก็หมุนวนไปกับความคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเดินมาถึงห้องประชุมเล็กที่เขามักจะมาพูดคุยกับกฤติน เขาก็หยุดหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมความคิด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง กฤติน อาคิรา ธีรเทพ และณัฐรินีย์ ต่างกำลังนั่งทำงานอยู่ในส่วนของตนเอง บรรยากาศสงบเงียบ มีเสียงแผ่วเบาจากการพลิกกระดาษและพิมพ์แป้นพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ ทุกคนดูเหมือนจะมีสมาธิในงานที่ทำ จนกระทั่งณัฐภัทรก้าวเข้ามาในห้อง“ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” ณัฐภัทรพูดเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความเร่งด่วนในน้ำเสียง ทุกสายตาในห้องหันมามองเขาในทันทีอาคิราส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขา“คุณภัทร เชิญนั่งค่ะ” เธอเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร พร้อมดึงเก้าอี้ให้เขานั่งลงตรงข้ามกับกฤตินกฤตินสังเกตถึงท่าทางที่ไม่ปกติของณัฐภัทร เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่มองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยความสนใจณัฐภัทรนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว ก่อน
ชัญญาเดินวนไปมาภายในห้อง ความเงียบภายในห้องใหญ่ทำให้บรรยากาศโดยรอบยิ่งน่ากังวลมากขึ้น ทุกเสียงฝีเท้าที่เธอเดินสะท้อนกลับมาเหมือนเสียงกระทบจากความว่างเปล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอพยายามติดต่อหมอผียงซานหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย แม้แต่ข้อความหรือตอบกลับก็ไม่มี ทุกอย่างดูเงียบสงัดเหมือนคนที่หายไปในอากาศ ความกังวลเริ่มเกาะกินหัวใจของเธอ ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติเริ่มถาโถมเข้ามาแต่สิ่งที่ทำให้เธอหวาดกลัวมากกว่าการหายตัวไปของยงซาน คือเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เริ่มเกิดขึ้นกับเธอทุกคืน เหตุการณ์ที่เธอไม่อาจอธิบายได้ทุกคืน เมื่อเธอล้มตัวลงนอนในห้องนอนที่กว้างขวางและโดดเดี่ยว เธอกลับรู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ เธอ สัมผัสที่ลึกลับและอ่อนโยนเริ่มเข้ามาลูบไล้ร่างกายของเธอ ค่อยๆ แตะต้องเหมือนลมหายใจเบาๆ ที่คอยกระซิบข้างหู ร่างกายของเธอตอบสนองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความรู้สึกเสียวซ่านและหวานหวามไหลเวียนไปทั่วร่างกาย เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปตามผิวเนื้อของเธอในช่วงแรก ชัญญาพยายามจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ เธอคิดว่ามันอาจเป็นเพียงภาพหลอนจากควา
อาคิรายืนรออย่างกระวนกระวายอยู่ด้านหน้าของหอสมุด ความเงียบของยามค่ำคืนไม่ได้ช่วยให้เธอสงบลงได้แม้แต่น้อยหลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์จากกฤตินว่าเขากำลังจะกลับมาถึงในไม่ช้าหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นด้วยความกังวล เธออดคิดไม่ได้ว่าการต่อสู้ที่เขาเผชิญหน้ามาจะเป็นอย่างไร และเขาบาดเจ็บมากแค่ไหนไไม่นานนัก เธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอเดินตรงเข้ามาจากทางเข้าหอสมุด กฤตินดูเหนื่อยล้าและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลแม้ว่าเขาจะพยายามเดินอย่างมั่นคง แต่ความอ่อนล้าก็ปกคลุมอยู่บนใบหน้า อาคิราไม่รอช้า เธอวิ่งตรงไปหาเขาโดยไม่คิดอะไร โผเข้ากอดเขาแน่นทันที“ฉันกลับมาแล้ว”กฤตินยิ้มบางๆ ก่อนจะทิ้งกระเป๋าลงกับพื้นแล้วรับร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน อ้อมกอดของเธอให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอบโยน แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้าเพียงใด แต่การได้กลับมาหาเธอทำให้ความเจ็บปวดนั้นเบาบางลงไปในทันทีอาคิรากอดเขาแน่น ราวกับไม่ต้องการให้เขาห่างไปไหนอีก“กฤต...” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก แต่ทันใดนั้น กฤตินก็ครางออกมาเบาๆ“โอ๊ย...เบาหน่อยสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดที่พยายามเก็บไว้อาคิรารีบผละออกจากเขาทันที เธอ
หลังจากที่พลังมืดของยงซานถูกทำลายลง เหลือเพียงร่างกายของเขาเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ ยงซานมองไปที่กฤตินด้วยสายตาอาฆาตและความโกรธ แม้พลังมืดที่เคยครอบครองจะหายไปหมด แต่ร่างกายของยงซานยังแข็งแกร่งจากการฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปีกฤตินยกดาบขึ้นพร้อมจะจบการต่อสู้นี้ แต่ยงซานไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขารู้ว่าการใช้เพียงกายภาพอาจเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขารอดได้ ยงซานพุ่งเข้าหากฤตินอย่างรวดเร็ว กฤตินยกดาบขึ้นป้องกัน หมัดของยงซานกระแทกเข้ากับดาบเสียงดังสนั่น แรงนั้นทำให้กฤตินถอยหลังไปเล็กน้อยกฤตินและยงซาน ยืนประจันหน้ากันกลางลานโล่ง บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้งด้วยความเงียบ ราวกับธรรมชาติหยุดนิ่งเพื่อรอคอยผลการต่อสู้ครั้งนี้กฤตินที่ผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอย่างช่ำชอง ไม่ว่าจะเป็นไอคิโด เทควันโด และวิชาการต่อสู้แขนงอื่นๆ ยืนในท่าพร้อมรับมือ เขารู้ดีว่ายงซานเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตราย แม้พลังเวทจะหมดไปแล้ว แต่ร่างกายของเขายังสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงได้ทันใดนั้น ยงซานก็พุ่งเข้าโจมตีกฤตินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ หมัดแรกพุ่งตรงเข้าที่กลางลำตัวของกฤติน แต่กฤตินที่คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวแบบนี้หลบได้อย่างค
หมอผีเขมร ยงซาน ปรากฏตัวออกมาจากเงามืด ราวกับว่าเขาคือส่วนหนึ่งของความมืดนั้นเอง ทุกย่างก้าวของเขาเงียบสงัด แต่กลับสร้างแรงกดดันที่หนักอึ้ง บรรยากาศรอบตัวพลันหนาวเย็นลงเมื่อเขาเข้ามาใกล้ใบหน้าของยงซานที่ซ่อนอยู่ใต้เงาผ้าคลุมเผยออกมาเพียงบางส่วน ผิวของเขาคล้ำจากการใช้ชีวิตอยู่กับมนตร์ดำมาเนิ่นนาน ดวงตาสีดำสนิทของเขามองทะลุความมืด ลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับเป็นช่องว่างแห่งความสิ้นหวังที่ดูดกลืนทุกสิ่งที่มองเห็นดวงตาคู่นั้นไม่ได้สะท้อนแสงใดๆ แต่กลับเหมือนเป็นบ่อน้ำลึกที่เก็บกักความลับและความโหดเหี้ยมของโลกวิญญาณ ราวกับว่าความมืดทั้งหมดในโลกนี้ถูกกักขังอยู่ภายใน เขาสวมผ้าคลุมยาวสีดำที่พริ้วไหวตามการเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่เพราะสายลม ผ้าคลุมของเขาเหมือนมีชีวิต มันโอบรัดร่างของเขาอย่างแน่นหนา ราวกับจะปกป้องนายของมันจากสิ่งใดก็ตามที่พยายามเข้ามาใกล้อักขระโบราณสีเทาหม่นถูกปักลงบนผ้าคลุมนั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งมนตร์ดำที่ยงซานใช้ควบคุมวิญญาณชั่วร้าย และเหนือหัวของเขามีกลุ่มเงามืดหมุนวน วิญญาณร้ายหลายตนซ่อนตัวอยู่ในนั้น รอเพียงคำสั่งจากยงซานเพื่อปลดปล่อยความวินาศออกมา“พวกเจ้าช่างชักช้าจริง” ยงซานเอ่ยเสี