|PART 1|
บทนำ ศูนย์วิจัยทางชีววิทยาขนาดใหญ่ได้ถูกลักลอบสร้างขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และถูกค้นพบโดยองค์กรลับแห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้มีสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนทำให้ยากต่อการค้นหา พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้ทำการทดลองถอดรหัสและปลูกถ่ายพันธุกรรมของมนุษย์ที่มีระดับมันสมองและความสามารถที่แตกต่างกันให้กับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกที่ลักลอบจับมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์เท่านั้นที่ถูกจับมาทดลอง แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเองก็ไม่ยกเว้น โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษ วัตถุประสงค์ของการทดลองก็เพื่อใช้สำหรับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การทดลองได้ดำเนินมาหลายปี จนในวันที่สัตว์กลายพันธุ์ระดับพิเศษตัวหนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมมันได้ลืมตาตื่นขึ้นและหลุดจากการคุมขัง สิ่งแรกที่มันทำคือการฆ่าล้างทุกชีวิตที่อยู่บนเกาะนั้น ไม่เว้นแม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ด้วยกันเอง เพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาจึงได้พากันอพยพออกจากเกาะโดยเครื่องบินลำเลียงที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ขึ้น อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะออกจากเกาะไปแล้วแต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้สัตว์กลายพันธุ์ที่ดุร้ายและมีรูปลักษณ์ไม่ต่างกับปีศาจตัวนี้มีชีวิตต่อไป มันจะต้องถูกฆ่าและทำลายไปพร้อมกับเกาะแห่งนี้เท่านั้น ซึ่งอาวุธสุดท้ายที่ทางศูนย์วิจัยได้เตรียมไว้เพื่อทำลายสัตว์กลายพันธุ์ที่โหดร้ายตัวนั้นกลับเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่มีนามว่า 'จางหลิวซิง' จางหลิวซิง คือมนุษย์เพศชายที่ถูกทิ้งไว้ให้เผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายอย่างโดดเดี่ยว เขาสิ้นหวังและไม่ได้ฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ตัวนั้นซ้ำยังกลายเป็นตัวเมียของมันและให้กำเนิดบุตรชายถึงสองคน เพื่อความอยู่รอดของครอบครัวจางหลิวซิงจำต้องพาลูก ๆ เดินทางออกจากสถานที่อันตรายแห่งนี้โดยมีสัตว์กลายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายที่สุดเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ โดยมันได้ทำลายเกาะแห่งนี้จนพังพินาศอีกครั้งและส่งลูกเมียให้พ้นจากเกาะอย่างปลอดภัย การล่มสลายของศูนย์วิจัยทางชีวภาพได้สร้างภัยพิบัติต่อมวลมนุษยชาติอย่างใหญ่หลวง นอกจากมนุษย์และสัตว์กลายพันธุ์รวมถึงสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ ที่ถูกจับมาเพื่อทดลองได้ล้มตายไปเป็นจำนวนมากแล้ว ยังมีบางส่วนที่หลบหนีออกมาได้และได้แฝงตัวเข้าไปปะปนกับมนุษย์อีกจำนวนไม่น้อย โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว ปัจจุบันศูนย์วิจัยแห่งนี้ได้ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้พร้อมกับความลับมากมาย นอกจากสัตว์กลายพันธุ์ที่ยังหลงเหลืออยู่บนเกาะแล้วสัตว์กลายพันธุ์ที่หลุดรอดออกไปได้จำนวนหนึ่ง พวกมันได้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด และใครกันที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทดลองที่ล้มเหลว ทุกอย่างล้วนเป็นปริศนาที่ยังค้นหาคำตอบไม่ได้มาจนทุกวันนี้ ในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปมากยังมีโลกคู่ขนานที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถหาคำตอบและอธิบายเหตุผลหาที่มาที่ไปได้อยู่อีกมากมาย ใครเล่าจะบอกได้ว่ามนุษย์ที่เดินสวนกันอยู่ทุกวันคือมนุษย์ที่วิวัฒนาการมาจากสัตว์ชนิดหนึ่งตามที่ร่ำเรียนกันมา มิใช่สัตว์กลายพันธุ์ที่แฝงตัวมาในร่างมนุษย์ แต่นั่นยังไม่น่ากลัวเท่ากับมนุษย์ที่ถูกนำมาทดลองเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเอง|PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา
|PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่
|PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได
|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก
|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา
|PART 10|ตั้งครรภ์เรือนปิงเจี๋ยหลังหม่าอี้กลับไปแล้วเซียวเยว่ได้โทรตามเซียวหลางให้มายังเรือนปิงเจี๋ยเป็นการด่วน เพราะจู่ ๆ เหอไป๋เหยียนเกิดมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ถึงขนาดลงไปดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานก่อนจะหมดสติไป"เกิดอะไรขึ้นกับเจ้างูบ้ากัน!!"เซียวหลางมาถึงพร้อมกับจางหลิวซิงถามขึ้น พลางเข้าไปดูเหอไป๋เหยียนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดเซียวเยว่เล่าให้ฟังว่าขณะกำลังต่อสู้กับหม่าอี้ เหอไป๋เหยียนได้เข้ามาขวางจึงถูกหม่าอี้ดีดกระเด็น ทำให้ศีรษะและแผ่นหลังกระแทกเข้ากับกับเสาเรือนอย่างแรง แม้หัวไม่แตกแต่ก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่"ชีพจรของเขาสับสนมากเลย"เซียวหลางพอมีความรู้เรื่องการแพทย์เพราะได้รับพลาสม่าจากอู๋เจี๋ย อาชญากรอัจฉริยะที่เป็นถึงหมออันดับหนึ่งของเมืองเฉินเซิน เขาระบุไม่ได้ว่าอาการของเหอไป๋เหยียนเกิดจากอะไร บอกแต่เพียงว่าร่างกายของเหอไป๋เหยียนมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเมื่อได้ฟังที่เซียวหลางพูด โดยเฉพาะเซียวเยว่ เขากังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีของเหอไป๋เหยียนเมื่อครั้งตกจากเครื่องบินอพยพ แม้ร่างกายจะฟื้นฟูจนดีขึ้นแ
|PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา
|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก
|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่
|PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ
|PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา