/ วาย / รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ / |PART 2| ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ

공유

|PART 2| ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ

작가: Badberry
last update 최신 업데이트: 2025-04-04 19:19:57

|PART 2|

ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ

'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้

นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซิน

มหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียว

ลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วย

และบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา ทางมหาวิทยาลัยจึงได้ประกาศให้เป็นเขตหวงห้ามมิให้นักศึกษาและบุคคลภายนอกเข้ามาโดยเด็ดขาดและทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้โดยรอบ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนลักลอบเข้ามาอยู่บ่อยครั้งเพื่อเสพยาเสพติดหรือไม่ก็ดื่มเหล้า หลายครั้งที่พวกเขาถูกจับได้และนำตัวส่งให้กับตำรวจแต่ก็ไม่เข็ดหลาบ

คืนหนึ่งท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดได้มีดวงตาสีแดงก่ำเป็นประกายวาววับโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำที่สงบนิ่ง โดยที่ร่างกายอันใหญ่โตของมันได้ซุกซ่อนอยู่เบื้องล่าง แววตาอำมหิตสอดส่องไปโดยรอบด้วยความระมัดระวัง คล้ายกำลังมองหาบางสิ่ง

จนเวลาล่วงไปหลังเที่ยงคืนจึงได้เกิดเสียงดังขึ้น เมื่อมีชายวัยรุ่นจำนวนสี่คนลอบปีนรั้วเข้ามา ในมือของพวกเขาได้ถือเครื่องดื่มมึนเมาติดมาด้วย

"ที่นี่มืดชะมัดยาด ฉันว่าพวกเราย้ายที่กันเถอะ" ชายวัยรุ่นคนหนึ่งพูดขึ้น

"นายอย่าตาขาวให้มันมากนักเลย จะกลัวอะไรนักหนา ไฟส่องทางก็มี"

บรรยากาศที่น่ากลัวทำให้วัยรุ่นหนึ่งในสี่คนใจฝ่อชวนเพื่อนให้ย้ายที่สังสรรค์ กลับโดนดูถูกว่าเป็นคนขี้ขลาด ด้วยกลัวเสียหน้าเขาจำต้องยอมตามไป เมื่อเลือกมุมถูกใจได้แล้วต่างก็ล้อมวงเพื่อดื่มของมึนเมาที่เตรียมมาทันที

เบียร์กระป๋องแรกหมดลงไปแล้ว กระป๋องที่สองจึงถูกเปิดต่อทันที พวกเขาทั้งดื่มและสูดควันจากบุหรี่ที่คีบไว้ในมือเข้าปอดก่อนพ่นควันสีขาวออกมาลอยฟุ้ง เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงรอบวงก็มีทั้งกระป๋องเบียร์และเถ้าบุหรี่ตกอยู่ไม่น้อย

ยิ่งจำนวนกระป๋องเบียร์เพิ่มขึ้นเท่าใดความสามารถในการประคองสติของพวกเขาก็ลดลงเท่านั้น แม้แต่มือที่ใช้ถือกระป๋องยังอ่อนแรงตามไปด้วย เมื่อชายวัยรุ่นคนหนึ่งได้ทำกระป๋องเบียร์หลุดออกจากมือและมันได้กลิ้งไปทางบึงน้ำ ด้วยความเสียดายเขาจึงลุกตามไปเก็บท่ามกลางสายตาของเพื่อน ๆ

"ฉันขอไปปลดทุกข์แป๊บนะ"

ชายวัยรุ่นรูปร่างผอมเกร็งคล้ายคนติดยาพูดขึ้น เขาลุกเดินโซเซออกจากวงและตรงไปยังหลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลเพื่อรีบจัดการธุระให้เสร็จจะได้กลับไปดื่มต่อ ขณะกำลังทำธุระเพลิน ๆ ก็ได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้นจึงชะเง้อหน้าออกไปดู สิ่งที่เห็นทำเขาตกใจจนแทบฉี่ไม่ออก

"อ๊ากกกก!!!"

"จวิ้นหยาง! พวกฉันจะไปช่วยนายเดี๋ยวนี้ ทำใจดี ๆ ไว้นะ!!"

ชายวัยรุ่นสองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้พากันวิ่งลงไปทางบึงน้ำเมื่อเพื่อนของเขากำลังถูกสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่โตทำร้าย และสิ่งนั้นยังแข็งแกร่งเกินกว่าที่แรงของมนุษย์จะทำอันตรายมันได้

"อ๊ากกก!!"

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอีกครั้งเมื่อชายวัยรุ่นทั้งสองถูกสิ่งที่แข็งกระด้างราวหินผาฟาดใส่กลางลำตัวอย่างแรง เพียงครั้งเดียวพวกเขาถึงกับกระดูกแหลกเหลวไปทั้งร่างและขาดใจตายในทันที จากนั้นได้ถูกคมเขี้ยวแหลมคมขย้ำจนร่างกายฉีกขาดและถูกกลืนกินลงไป

ชายวัยรุ่นที่แอบมองจากหลังต้นไม้ใหญ่สั่นเทาไปทั้งร่าง ดวงตาเบิกกว้างจนแทบถลนออกมานอกเบ้า มองร่างของเพื่อนทั้งสามคนขณะถูกเงาดำของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่โตนั้นกลืนกิน เขาพยายามเพ่งมองว่ามันคือตัวอะไรแต่ก็เห็นไม่ถนัด เพราะบริเวณนั้นถึงจะมีแสงไฟแต่ก็ยังมืดอยู่ดี

ชายวัยรุ่นยังคงแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่และทำตัวให้เงียบที่สุดเพื่อรอคอยให้สิ่งนั้นค่อย ๆ เคลื่อนร่างกายอันใหญ่โตของมันกลับลงสู่บึงน้ำ จังหวะนั้นเองที่เผลอขยับตัวทำให้เหยียบเข้ากับกิ่งไม้ที่เท้าหักจนเกิดเสียงดังขึ้น เจ้าเงาดำนั้นจึงหยุดชะงักและหันมาทางเขาทันที

"ซะ..ซวยแล้ว.."

ชายวัยรุ่นน้ำตาไหลอาบแก้ม พลางใช้มืออุดปากให้แน่นที่สุดเพื่อไม่ให้เสียงหลุดรอดออกมา นาทีนั้นคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแล้วแน่ ๆ จนเมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ บริเวณรอบตัวได้กลับสู่ความเงียบอีกครั้งจึงค่อย ๆ ชะโงกหน้าออกมาดู คิดว่าเจ้าสิ่งนั้นมันคงกลับลงบึงน้ำไปแล้ว ที่ไหนได้กลับประสานสายตาเข้ากับดวงตาสีแดงคู่นั้นอย่างจัง เพียงเท่านั้นก็สิ้นสติลงทันที

คฤหาสน์สกุลหลิว

สกุลหลิวนับเป็นหนึ่งในห้าสกุลเก่าแก่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเมืองเฉินเซิง ผู้คนล้วนยำเกรงและให้ความนับถือมาหลายชั่วอายุคน ไม่เพียงแค่ในเมืองเฉินเซินนี้เท่านั้น ชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของพวกเขายังทรงอิทธิพลระดับประเทศเลยทีเดียว

ยามเช้าที่เงียบสงบของคฤหาสน์สกุลหลิวเริ่มต้นขึ้นเหมือนทุกวัน บนโต๊ะอาหารที่ทอดยาวมี 'หลิวอิง' ทายาทของสกุลหลิวนั่งอยู่กับ 'หวงหนิงหลง' ที่เป็นทั้งบอดี้การ์ดและเลขาคนสนิท ทั้งคู่เรียกได้ว่าตัวแทบจะติดกันตลอดเวลา ยกเว้นตอนที่แยกไปทำภารกิจเท่านั้น

"อ้าว..เสียวอวี่ แล้วเสี่ยวเยว่ล่ะ ไม่ได้ลงมาด้วยกันเหรอ"

หลิวอิงถามขึ้นเมื่อเห็นลูกหมาป่าเดินเข้ามาภายในห้องอาหารเพียงลำพัง และเรียกให้มาทานอาหารเช้าด้วยกัน

เซียวอวี่ หรือ อวี่หลาง บุตรชายของราชาหมาป่ากลายพันธุ์กับมนุษย์ผู้ชายจางหลิวซิง เพราะต้องอาศัยอยู่ในเมืองพวกเขาจึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อสกุลเซียวซึ่งมาจากชื่อของเซียวหลางและย้ายมายังคฤหาสน์สกุลหลิว เนื่องจากจางเหวินถิงมารดาของจางหลิวซิงนั้นได้แต่งงานใหม่กับเจ้าบ้านสกุลหลิวคนปัจจุบันนั่นเอง

คนในบ้านสกุลหลิวไม่มีใครรู้ว่าคนสกุลเซียวนั้นเกิดจากการกลายพันธุ์ ยกเว้นหลิวอิงและหวงหนิงหลง ซึ่งพวกเขารู้เพียงว่าสาเหตุที่ทำให้จางหลิวซิงสามารถตั้งครรภ์ได้นั้นเป็นเพราะถูกศูนย์วิจัยจับตัวและนำไปทดลองจึงทำให้เป็นเช่นนั้น

ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ ในตอนนี้มีอายุเทียบเท่ากับมนุษย์วัยสิบเก้าปีเศษ พวกเขามีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร มีเส้นผมสีดำสนิทตัดกับผิวขาวราวหิมะซึ่งได้รับถ่ายทอดมาจากราชาหมาป่า เมื่ออยู่ในร่างมนุษย์ดวงตาทั้งคู่จะเป็นประกายสีทอง งดงามราวเทพเซียนจากสรวงสวรรค์ แต่ถ้ากลายร่างเป็นหมาป่าและมีอารมณ์โกรธเกรี้ยว ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงทันที

ทั้งคู่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยโดยอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่สกุลหลิวเชิญมาสอนเป็นการส่วนตัวตั้งแต่อายุสิบปี แต่จางหลิวซิงต้องการให้พวกเขาเรียนรู้สังคมและเติบโตขึ้นเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป จึงได้ให้เข้าเรียนหนังสือตามระดับชั้นอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันก็คือระดับมหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่งนั่นเอง

เซียวอวี่หมาป่าคนพี่มีนิสัยเงียบขรึมและพูดน้อย วัยเด็กค่อนข้างติดจางหลิวซิงอย่างมาก จนเมื่อได้รู้จักกับหลานจิงลูกกระต่ายกลายพันธุ์ก็เริ่มเปิดใจมากขึ้น และได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งหลังสูญเสียหลานจิงไปเมื่อตอนหนีเอาชีวิตรอดจากเกาะกลางมหาสมุทร

เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความเสียใจให้กับเซียวอวี่อย่างมาก ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีความหวังว่าหลานจิงจะยังมีชีวิตอยู่และเฝ้าตามหามาตลอดห้าปี

"เยว่หลางไปที่เหว่ยหลางแต่เช้าแล้วครับ" เขาบอกกับหลิวอิง

เหว่ยหลางคือชื่อคฤหาสน์ของสกุลเซียว คฤหาสน์แห่งนี้ตั้งอยู่นอกเมืองเฉินเซิน โดยรอบเป็นป่าปกคลุมไร้ซึ่งบ้านเรือนของมนุษย์ ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่แสนใหญ่โตแห่งนี้ไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่อพยพมาจากเกาะกลางมหาสมุทร พวกมันเพียงต้องการใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุขเท่านั้น

หลิวอิงรู้ว่าการไปเหว่ยหลางนั้นคือกิจวัตรของเซียวเยว่ จึงไม่ถามอะไรต่อ พวกเขาต่างรับประทานอาหารเช้าตรงหน้าก่อนออกไปทำหน้าที่ของตน โดยตัวเขาและหวงหนิงหลงต้องไปจัดการงานของสกุลหลิว ส่วนเซียวอวี่นั้นได้เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยเฉินไห่

คฤหาสน์เหว่ยหลาง

"ไป๋เหยียนฉันมาแล้ว"

"จะเข้าห้องทำไมไม่เคาะประตูก่อน ไร้มารยาท!!"

มือขาวซีดดึงเสื้อคลุมเพื่อมาปกปิดหน้าอกไว้เมื่อเจ้าลูกหมาป่าตัวโตผลักประตูและเดินเข้ามาภายในห้องขณะที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ดวงตาสีมรกตตวัดมองอย่างตำหนิ

เซียวเยว่ หรือ เยว่หลาง ลูกหมาป่าที่ถือกำเนิดขึ้นจากการกลายพันธุ์ของราชาหมาป่ากับจางหลิวซิงที่เป็นมนุษย์ผู้ชาย เขาเติบโตบนเกาะกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่และได้เดินทางออกจากที่แห่งนั้นมาพร้อมกับจางหลิวซิงเพื่อหนีจากวิกฤตที่เลวร้าย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาต้องสูญเสียคนสำคัญไปมากมาย ทั้งเซียวหลางผู้เป็นพ่อ หลานจิง รวมถึงเหอไป๋เหยียนผู้เป็นที่รัก

จางหลิวซิงได้พาเขาและเซียวอวี่ไปอาศัยอยู่กับจางเหวินถิงผู้เป็นแม่ ซึ่งเธอมีฐานะเป็นภรรยาของเจ้าบ้านสกุลหลิวคนปัจจุบัน แต่อยู่ในเมืองใช่ว่าจะใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข พวกเขาต้องคอยหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนของศูนย์วิจัยที่ตามล่าตัวเพื่อนำกลับไปทำการทดลองอยู่ตลอดเวลา

มีอยู่ครั้งหนึ่งจางหลิวซิงพลาดท่าและถูกจับตัวไปยังศูนย์วิจัย เซียวหลางได้ให้เซียวอวี่เดินทางไปช่วย ในช่วงเวลาที่แสนจะอันตรายนั้นเซียวอวี่ได้พบกับคนที่มีลักษณะคล้ายหลานจิงที่ให้ความช่วยเหลือจนเขาและจางหลิวซิงหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย

จวบจนเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างเข้าสู่ความสงบ เซียวเยว่ได้เดินทางไปยังคฤหาสน์เหว่ยหลางและที่นั่นเขาก็ได้พบกับเหอไป๋เหยียนอีกครั้ง เซียวเยว่ดีใจได้ไม่เท่าไรก็ต้องพบกับความผิดหวังในทันทีเมื่อเหอไป๋เหยียนจำเขาไม่ได้แม้สักนิด ซ้ำยังมีหม่าอี้ที่อ้างตัวเป็นคู่หมั้นคอยอยู่ข้างกายอีก

ต่อมาเซียวหลางได้ย้ายจากคฤหาสน์เหว่ยหลางมายังสกุลหลิวตามความต้องการของจางหลิวซิง โดยให้หม่าอี้รับผิดชอบดูแลที่นั่นแทน และไม่อนุญาตให้เซียวเยว่อาศัยอยู่ที่เหว่ยหลางตามที่ร้องขอ แต่อนุญาตให้เข้าออกได้ตลอดเวลา

สำหรับเซียวเยว่ ถ้าเพื่อเหอไป๋เหยียนแล้วแม้จะมีเวลาเพียงนิดก็จะมาหมกตัวอยู่ที่เหว่ยหลางเพื่อหาทางคืนความทรงจำให้แก่เหอไป๋เหยียน แม้จะถูกอีกฝ่ายไล่ตะเพิดบ่อยครั้งก็ไม่ละความพยายาม ตื๊อจะมาให้เห็นหน้าให้ได้ทุกวัน

"นายกำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่เหรอ มาสิเดี๋ยวฉันช่วยเอง"

"มะ..ไม่ต้องเลยนะ.."

เซียวเยว่ตรงเข้าไปช่วยกลัดกระดุมเสื้อคอจีนสีขาวสะอาดตา เนื้อผ้าเนียนนุ่มราวแพรไหม โดยมิได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจหรือไม่ เหอไป๋เหยียนในยามนี้ไม่แม้แต่จะขัดขืนเจ้าลูกหมาป่าได้ ดวงตาเรียวสีมรกตทำได้เพียงจับจ้องปลายจมูกตรงหน้าจนเมื่ออีกฝ่ายกลัดกระดุมจนครบทุกเม็ด

"เสร็จแล้วก็หลีกไป"

มือขาวซีดผลักหน้าอกของเซียวเยว่ที่ขวางอยู่ด้านหน้าออก ร่างอรชรจึงถูกรวบเข้ามากอดไว้อย่างแนบแน่น อสรพิษเกล็ดเงินผู้สูญเสียความทรงจำและมิอาจคืนร่างเดิม พลังและตบะที่บำเพ็ญมานับร้อยปีในยามนี้มิอาจช่วยให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือลูกหมาป่า ร่างอรชรถูกอุ้มและวางลงบนเตียงโดยซ้อนอยู่บนตักของลูกหมาป่าอีกทีหนึ่ง ทำเอาใบหน้าขาวซีดถึงกับเห่อร้อนขึ้นมา

"เจ้าคนไร้ยางอายจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!!"

"เมื่อก่อนฉันก็เคยนั่งบนตักของนายอยู่บ่อย ๆ จำไม่ได้แล้วเหรอ?"

เซียวเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเจือความน้อยใจ ดวงตาฉายแววความเสียใจจับจ้องเข้าไปในดวงตาสีมรกตของสัตว์เลือดเย็นที่ว่างเปล่า เหอไป๋เหยียนลืมลูกหมาป่าตัวนี้ไปเสียแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าคนรักมีหรือที่เจ้าลูกหมาป่าจะยอมให้เป็นเช่นนี้ตลอดไป

"นะ..นายบอกจะเล่าเรื่องราวของป่าฝนกลางมหาสมุทรให้ฉันฟังไม่ใช่หรือไง?"

อสรพิษเลือดเย็นหวั่นไหวต่อสายตาของลูกหมาป่า คิดในใจว่าเด็กคนนี้เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าสีหน้าเคร่งเครียดเช่นนี้

"นายอยากฟังเหรอ?"

"อืม..แต่ก่อนอื่นนายควรปล่อยฉันลงได้แล้วนะ"

ร่างอรชรบนตักของลูกหมาป่า ไม่สิ..ตอนนี้ต้องเรียกว่าหมาป่าหนุ่มต่างหาก เหอไป๋เหยียนรู้สึกกระดากที่ต้องมานั่งอยู่บนตักชายชาตรี แม้อีกฝ่ายจะมีอายุของหมาป่าเท่ากับเด็กคนหนึ่งก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับอายุของมนุษย์นับว่าเข้าสู่หนุ่มวัยเจริญพันธุ์แล้ว ทั้งส่วนสูงและกล้ามเนื้อล้วนแข็งแรงจนสามารถโอบกอดร่างอรชรได้มิดชิด

"เราไปคุยกันที่สวนเถอะ อยู่แต่ในห้องนายคงอึดอัดแย่" เซียวเยว่เอ่ยชวน

"ได้สิ"

เหอไป๋เหยียนรับคำอย่างง่ายดาย ทำเอาเซียวเยว่หัวใจพองโต เดินเคียงอสรพิษเกล็ดเงินผู้แสนงดงามมายังสวนดอกไม้ของเหว่ยหลางและพากันไปนั่งใต้ร่มไม้ใหญ่

จะห้าปีแล้วสินะที่เหอไป๋เหยียนจำเขาไม่ได้ ถึงอย่างนั้นเจ้าลูกหมาป่าก็ยังไม่ลดละความพยายาม แม้จะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเขาจะต้องคืนความทรงจำของเหอไป๋เหยียนให้จงได้

ทุกครั้งที่เซียวเยว่เล่าเรื่องราวของศูนย์วิจัยบนเกาะกลางมหาสมุทร เหอไป๋เหยียนจะตั้งใจฟังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาถูกสัตว์กลายพันธุ์ดุร้ายตามไล่ล่าและเหอไป๋เหยียนจัดการฆ่าพวกมันอย่างง่ายดาย คนอ่อนแอที่ปกป้องตัวเองยังไม่ได้อย่างเขานี่นะเหรอสามารถช่วยเจ้าลูกหมาป่าที่แข็งแกร่งจากการถูกตามฆ่าได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ

ถึงความทรงจำของเหอไป๋เหยียนจะหายไปแต่ก็เพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีบุคคลหนึ่งที่เขาจำได้นั่นก็คือเซียวหลาง ราชาหมาป่าผู้มีขนสีดำต่างจากเผ่าพันธุ์ และอาศัยอยู่บนยอดเขาอันหนาวเหน็บในดินแดนที่ไร้ซึ่งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ

ขณะที่เซียวเยว่และเหอไป๋เหยียนอยู่ด้วยกัน ได้มีสายตาคู่หนึ่งคอยจับจ้องพวกเขาอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือหม่าอี้ อาชาหนุ่มผิวเข้มที่หลงรักอสรพิษเกล็ดเงินตั้งแต่แรกพบ โดยไม่ต้องถูกล่อลวงด้วยดวงตาสีมรกตคู่นั้น

คราแรกที่เหอไป๋เหยียนมายังเหว่ยหลางเขามิได้สนใจเจ้าลูกหมาป่าสักนิด ซ้ำยังหวาดกลัวทุกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเข้าใกล้ นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้ว ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้เหอไป๋เหยียนหวั่นไหวกับหมาป่าหนุ่มเพียงใด ถึงขั้นปฏิเสธคำขอแต่งงานของเขามาแล้วถึงห้าครั้ง

"มานั่งอยู่ตรงนี้ระวังจะไม่สบายเอา เข้าไปพักในบ้านเถอะนะ"

หม่าอี้ตั้งใจพาตัวเองเข้ามาขัดจังหวะสนทนาของทั้งคู่ เขาไม่พอใจที่เหอไป๋เหยียนให้ความไว้วางใจหมาป่าหนุ่มเท่ากับตัวเอง แม้รู้อยู่แก่ใจถึงความสัมพันธ์ก่อนหน้าของทั้งสองว่าลึกซึ้งเพียงใด แต่ความรักมักทำให้คนเห็นแก่ตัวเสมอ

"เพราะนายให้ไป๋เหยียนอยู่แต่ในบ้านนะสิ ร่างกายถึงได้อ่อนแอแบบนี้ เป็นคนก็ต้องออกกำลังกายถึงจะแข็งแรง เรื่องแค่นี้นายไม่รู้หรือไง"

เซียวเยว่รู้ทันความคิดของหม่าอี้ว่าต้องการจะแยกเขาออกจากอสรพิษหนุ่ม แต่ไม่มีทางซะหรอก วันใดที่ความทรงจำของไป๋เหยียนกลับมาเขาตั้งใจจะฟ้องว่าอาชาหนุ่มนั้นทำอะไรเอาไว้บ้าง

"ไม่เอาน่า อย่าเถียงกันเลย หม่าอี้ นายเข้าไปก่อนเถอะ ตรงนี้แดดไม่ร้อนมาก ฉันไม่เป็นอะไรหรอก" เหอไป๋เหยียนบอกกับหม่าอี้

ทั้งสองเจอหน้ากันทีไรต้องปะทะฝีปากกันทุกที ก่อนหน้าถึงขั้นลงมือจนทุกอย่างรอบตัวพังพินาศ ทำให้เซียวหลางโกรธมากจนต้องสั่งห้ามไม่ให้วิวาทกันอีกมิฉะนั้นจะส่งหม่าอี้กลับไปยังเกาะ และห้ามเซียวเยว่มาที่เหว่ยหลางอีก จึงสงบศึกของทั้งสองลงได้

เหอไป๋เหยียนนึกถึงเมื่อตอนที่เซียวเยว่และหม่าอี้ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนั้นเขาปวดศีรษะอย่างรุนแรงและรู้สึกเหมือนกระดูกจะแหลกเหลวไปทั้งร่าง เพราะกำลังจะกลายร่างกลับไปเป็นอสรพิษเกล็ดเงินอีกครั้ง แต่ด้วยร่างกายที่อ่อนแอทำให้ไม่สำเร็จและหมดสติไปเสียก่อน จำได้ราง ๆ ว่าเห็นเซียวหลางมายังเหว่ยหลางและเป็นผู้ห้ามศึกระหว่างเซียวเยว่กับหม่าอี้

"นายก็เหมือนกัน มีเรียนตอนสิบโมงไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่รีบไปจะไม่ทันเอานะ"

เหอไป๋เหยียนบอกกับลูกหมาป่า เขารู้ตารางเรียนของเซียวเยว่และจดจำวันและเวลาที่อีกฝ่ายมาหาได้แม่นยำ

แม้ไม่อยากห่างจากอสรพิษหนุ่ม แต่เซียวเยว่ก็ไม่รั้งที่จะอยู่ต่อ เขากลับเข้าไปเอากระเป๋าสะพายก่อนเดินทางไปยังมหาวิทยาลัย

คล้อยหลังเซียวเยว่ไปได้ไม่เท่าไร สัตว์กลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเหว่ยหลางได้เข้ามาหาเหอไป๋เหยียนและบอกกับเขาว่ามีแขกมาพบ เหอไป๋เหยียนรู้ทันทีว่าแขกคนนั้นเป็นใคร

"ฉันนึกว่านายลืมที่นี่ไปแล้วเสียอีก"

เหอไป๋เหยียนเอ่ยทักร่างสูงสองเมตรกว่าที่ยืนหันหลังอยู่ภายในห้องรับแขก บนโซฟามีมนุษย์ผู้ชายนั่งดื่มชาอยู่ พอเห็นเขาก็ยิ้มดีใจตรงเข้ามาทักทายอย่างป็นมิตร แม้จะจำมนุษย์ผู้นี้ไม่ได้แต่เหอไปเหยียนก็ถูกชะตากับเขาตั้งแต่แรกพบ

"ดีใจที่ได้พบคุณนะหลิวซิง"

ทักทายจางหลิวซิงแล้วเหอไป๋เหยียนจึงถามถึงธุระที่ทำให้เซียวหลางอุตส่าห์มาหาตนแต่เช้าเช่นนี้

"พวกนายไม่อยากออกไปใช้ชีวิตนอกเหว่ยหลางกันบ้างหรือไง?"

"ว่าไงนะ?" เหอไป๋เหยียนขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่ราชาหมาป่าถาม

สัตว์กลายพันธุ์เหล่านี้อาศัยอยู่ในเหว่ยหลางมาห้าปี ไม่มีตัวไหนคิดแยกไปอยู่ข้างนอกโดยไร้ผู้นำ มีบ้างที่พวกมันจะออกไปเดินปะปนกับมนุษย์โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว

ห้าปีแล้ว นับเป็นเวลาเหมาะสมที่สัตว์กลายพันธ์ุเหล่านี้จะออกสู่สังคมมนุษย์ ถึงเวลาที่พวกมันจะต้องเรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกันและปรับตัวให้เข้ากับสังคมมนุษย์ให้ได้

เหอไป๋เหยียนครุ่นคิดถึงสิ่งที่เซียวหลางกำลังบอกกับตน อิสรภาพที่เหล่าสัตว์กลายพันธุ์ต่างแสวงหากำลังจะเป็นจริงแล้ว

"ห้าปี ครบกำหนดฉันที่รับปากสวีเพ่ยไว้แล้ว จากนี้ถ้าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี พรรคพวกของหม่าอี้ที่อยู่ที่บนเกาะจะได้ออกจากที่นั่นสักที"

เซียวหลางได้รับปากกับพญาคชสาร 'สวีเพ่ย' ผู้นำของเหล่าสัตว์กลายพันธุ์ที่เหลือรอดบนเกาะเอาไว้ว่าจะนำสัตว์กลายพันธุ์ที่มีสติปัญญาและสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์บางส่วนมาเรียนรู้การใช้ชีวิตและอยู่ร่วมกับมนุษย์ หากภายในห้าปีทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีก็จะรับสัตว์กลายพันธุ์ที่เหลือมาอยู่ร่วมกัน

"วันนี้ฉันอยากให้นายกับหม่าอี้ไปที่แห่งหนึ่งด้วยกัน" เซียวหลางบอกกับเหอไป๋เหยียน

"แต่ว่าฉัน.."

เหอไป๋เหยียนกังวลกับร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของตน เซียวหลางรู้ดีจึงบอกให้เขาไม่ต้องกังวล แม้เหอไป๋เหยียนจะไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ แต่ความสามารถของเขาทั้งก่อนและหลังถูกจับตัวมาทดลองนั้นได้ฟื้นขึ้นทีละนิดแล้ว

ได้ยินเช่นนั้นก็สบายใจขึ้น เหอไป๋เหยียนจึงตกลงที่จะออกไปกับเซียวหลางโดยมีหม่าอี้ไปด้วยกัน

ในเมือง นอกจากสัตว์กลายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในเหว่ยหลางแล้วยังมีสัตว์กลายพันธุ์ที่หนีเอาตัวรอดจากเกาะมาหลบซ่อนอยู่จำนวนไม่น้อย มีทั้งพวกดุร้ายที่มารวมกลุ่มกันและพวกที่รักสันโดษแยกตัวไปลำพัง

ฉะนั้นนอกจากคอยหลบเลี่ยงคนของศูนย์วิจัยแล้ว พวกเขายังต้องระวังตัวจากพวกมันอีกด้วย

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   SPECIAL PART คืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวาย

    SPECIAL PARTคืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวายในยุคสมัยที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นยุคที่ผู้คนไม่เชื่อเรื่องภูตผีปิศาจหรือสิ่งเร้นลับอีกต่อไป เทศกาลฮาโลวีนกลับยังได้รับความนิยมจากผู้คนในเมืองเฉินเซินเสมอมาแม้เป็นเทศกาลของชาติตะวันตกก็ตามเมืองเฉินเซินนับเป็นเมืองที่จริงจังกับเทศกาลฮาโลวีนไม่แพ้เมืองอื่น ทุกพื้นที่มีการตกแต่งให้ดูน่ากลัวราวกับอยู่ในเมืองแห่งความตายจริง ๆ ร้านค้าขนาดเล็กจะตกแต่งภายในให้เป็นป่าช้า ห้างขนาดใหญ่ถึงขั้นลงทุนตกแต่งตึกให้เป็นโรงพยาบาลผีสิง บนถนนจะมีหลุมฝังศพและสุสานตลอดเส้นทางที่จริงจังกันขนาดนี้เพราะหากสถานที่ใดตกแต่งได้สมจริงและน่ากลัวที่สุดจะได้รับรางวัลจากผู้ว่าการเมืองเฉินเซิน คิดเป็นมูลค่าแล้วไม่น้อยเลยทีเดียวหลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนภายในเมืองทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแต่งกายในชุดผีหรืออมนุษย์ที่เป็นที่นิยมออกไปเคาะประตูตามบ้านเรือน เมื่อเปิดประตูออกมาคุณอาจจะได้พบกับศพที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็เป็นได้ณ คฤหาสน์สกุลหลิว เด็ก ๆ ต่างรอคอยที่จะออกไปเที่ยวเทศกาลฮาโลวีนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาใช้เวลาเลือกชุดแต่งกายแฟนซีเป็นผีที่ชื่นชอบอยู่นาน สุดท

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 26| สิ้นสุดการเดินทาง

    |PART 26|สิ้นสุดการเดินทางสถานการณ์บนดาดฟ้าของศูนย์วิจัยที่ลักลอบสร้างขึ้นในป่านอกเมืองเฉินเซินในตอนนี้เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อเกิดการประจันหน้าระหว่างพวกของพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนกับหลิวเมิ่งอัน โดยตรงนั้นยังมีจางหลิวซิงที่ควรจะออกไปจากที่นี่แล้วอยู่ด้วยและที่ศีรษะของเขาได้มีปืนจ่ออยู่"หลิวซิง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!""พี่หลิวอิง ทำไมไม่ไปที่รถล่ะครับ"ความเอาแต่ใจของทั้งสองคนสร้างความลำบากใจให้กับพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนที่รับปากจะดูแลจางหลิวซิงและช่วยเหลือหลิวอิงจากศูนย์วิจัยไม่น้อย แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้ เป็นการยากที่เขาจะปกป้องคนสองคนไปพร้อมกัน แม้สัตว์ทดลองด้านล่างจะได้สัตว์กลายพันธุ์ที่มาจากเหว่ยหลางช่วยจัดการก็ตาม"นี่นาย!?"หม่าอี้จำได้ว่าเคยพบกับถังหลินชีบนถนนเส้นที่ใช้เดินทางไปยังเรือนปิงเจี๋ย ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าถังหลินชีก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่เดินทางมาจากเกาะเพราะถังหลินชีได้มาอยู่กับสวีเพ่ยหลังหม่าอี้เดินทางออกจากเกาะมาแล้ว ที่สำคัญถังหลินชียังเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วยถังหลินชียิ้มเป็นมิตร

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 25| อดีตที่ถูกเปิดเผย

    |PART 25|อดีตที่ถูกเปิดเผยบริเวณโถงใหญ่ภายในถ้ำอสรพิษได้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารรับจ้างกลายพันธุ์กับไป๋จื่ออิงขึ้น ในขณะที่หยางลู่เฉิงได้ใช้ปืนที่บรรจุเซรุ่มสำหรับฆ่าสัตว์กลายพันธุ์โดยเฉพาะยิงใส่วังหมิงหยวนที่พยายามห้ามไม่ให้เขาใช้ระเบิดที่มีความรุนแรงภายในถ้ำน่าแปลก..วังหมิงหยวนที่แสนเชื่องช้าคนนั้นกลับหลบกระสุนได้ทัน หรือเขาจะมีเทพเจ้าแห่งโชคคุ้มครองอยู่อย่างที่พูดกันนะ"ยะ..อย่าครับ อย่าฆ่าผม.."วังหมิงหยวนวิ่งหลบกระสุนที่หยางลู่เฉิงยิงใส่จนขาพันกันทำให้ลื่นล้มลงกับพื้น โถงกว้างไม่มีที่ให้หลบแต่กระสุนนั้นกลับไม่โดนตัวเขาสักนัด เพียงแค่เฉียดไปมาเท่านั้น ทำเอาหยางลู่เฉิงถึงกับหงุดหงิดจึงเปลี่ยนไปออกคำสั่งให้ทหารกลายพันธุ์มาจัดการกับวังหมิงหยวนแทน"จัดการกับไอ้ปอดแหกนี่ซะ!!""ช่วยด้วย!!"วังหมิงหยวนวิ่งวนไปรอบโถงและไปหลบอยู่ด้านหลังของไป๋จื่ออิงจึงถูกไล่ให้พ้นทางเพราะเกะกะการต่อสู้ พื้นที่ที่ถูกจำกัดภายในถ้ำอสรพิษทำให้ไป๋จื่ออิงไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ เช่นนั้นแล้วจึงบอกวังหมิงหยวนให้หาทางช่วยตัวเองไปก่อน แต่เพราะฝีมืออ่อนด้อยทำให้วังหมิงหยวนเพลี่ยงพล้ำถูกทหารรับจ้างกลายพันธุ์ที่มีย

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 24| ข้อแลกเปลี่ยน

    |PART 24|ข้อแลกเปลี่ยนศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินนั้นคือหน่วยงานขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากภาครัฐ ทั้งยังได้รับงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการทดลอง โดยศูนย์วิจัยจะเน้นเรื่องการค้นคว้าและทำการทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อช่วยให้ในอนาคตมนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นลึกเข้าไปภายในป่าที่อยู่นอกเมืองเฉินเซินได้มีศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งซุกซ่อนอยู่ คลื่นสัญญาณรบกวนที่ปกคลุมอยู่ในรัศมียี่สิบกิโลเมตรทำให้ยากแก่การค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้ลักลอบทำการดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนสงครามชีวภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่พวกเขาทำล้วนผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ลักลอบล่าสัตว์ป่า ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนเข้ากล้ามาตรวจสอบเพราะศูนย์วิจัยแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของเมืองเฉินเซินร่างของหลิวอิงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงภายในห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุด เพราะเป็นทายาทของสกุลหลิวเขาจึงได้รับความสนใจจากทั้งห้าสกุลเป็นพิเศษสูงขึ้นไปบนชั้นลอยเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ รวมถึงแพทย์

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 23| หนอนบ่อนไส้

    |PART 23|หนอนบ่อนไส้กลางป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน ถ้าไม่สังเกตให้ดีใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหน้าที่เห็นเป็นหน้าผาเวิ้งว้างนั้นด้านล่างจะมีถ้ำน้ำแข็งซ่อนอยู่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำอสรพิษศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสรพิษเกล็ดเงินไป๋จื่ออิงนำทางทุกคนมาจนถึงริมผา จากนั้นได้โรยตัวลงมาเบื้องล่างจึงได้พบกับทางเข้า"ที่นี่ยังไงล่ะ ถ้ำอสรพิษที่พวกเธอตามหา" ไป๋จื่ออิงบอกกับทุกคนเซียวเยว่และวังหมิงหยวนตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีถ้ำน้ำแข็งที่วิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนโลกใบนี้วังหมิงหยวนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าเพื่อเข้าไปดันประตูน้ำแข็งที่สลักลวดลายของอสรพิษไว้บนนั้นแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงหันกลับไปถามไป๋จื่ออิงด้วยความสงสัย“กุญแจก็ไม่ได้ล็อก ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ”ไป๋จื่ออิงมองวังหมิงหยวนด้วยสายตาสมเพชและเข้าไปยืนเบื้องหน้าประตูน้ำแข็ง ตราสัญลักษณ์บนนั้นทำปฏิกิริยากับตราประทับกลางหน้าผากของเขา จากนั้นประตูจึงได้เปิดออก ไป๋จื่ออิงบอกว่ามีเพียงลูกหลานของอสรพิษเกล็ดเงินเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูนี้ได้"พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ"ได้ยินดังนั้นวั

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 22| ถ้ำอสรพิษ

    |PART 22|ถ้ำอสรพิษห้องพักภายในหออสรพิษนอกจากเหอไป๋เหยียนแล้วยังมีหมาป่าหนุ่มอยู่ร่วมห้องด้วยอีกคน โดยหมาป่าหนุ่มอ้างว่าเป็นห่วงลูกที่อยู่ในครรภ์จึงไม่สามารถแยกห้องกับเหอไป๋เหยียนได้เหลือเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่เหอไป๋เหยียนจะครบกำหนดคลอด รูปร่างของเขาในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเต้านมที่ขยายใหญ่จนดึงดูดสายตาของหมาป่าหนุ่มให้จับจ้องไม่วางตา ทั้งหมดเป็นเพราะน้ำเชื้อที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเซียวหลางผู้เป็นบิดานั่นเอง"นายเลิกมองหน้าอกฉันสักทีได้มั้ย สายตาน่าขนลุกเป็นบ้า"เหอไป๋เหยียนว่าพลางวางถ้วยน้ำชาในมือลงก่อนลุกเดินหนีไปที่เตียง แต่หมาป่าหนุ่มได้เดินตามและนั่งข้างกันโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่แต่กับหน้าอกของเหอไป๋เหยียน"ฉันอยากจับหน้าอกของนาย อยากบีบเล่นให้หายคันมือ อยากเลีย อยากดูดแรง ๆ ชะมัด"เหอไป๋เหยียนใบหน้าแดงซ่านเมื่อได้ยินคำขอ เขาไม่คิดว่าหมาป่าหนุ่มจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ เช่นนี้แล้วคงจะนอนร่วมห้องกันไม่ได้แน่ ครั้นพอจะหนีก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับเตียงและอ้อนขอจับให้ได้"นะ..ขอฉันจับนิดหน่อยนะ จับแค่นิดหน่อยจริง ๆ ฉันสัญญา""ฉะ..ฉันไม่เชื่อนายหรอก"เหอไป๋เหยียนเห็น

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status