Home / วาย / รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ / |PART 2| ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ

Share

|PART 2| ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ

Author: Badberry
last update Last Updated: 2025-04-04 19:19:57

|PART 2|

ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ

'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้

นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซิน

มหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียว

ลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วย

และบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา ทางมหาวิทยาลัยจึงได้ประกาศให้เป็นเขตหวงห้ามมิให้นักศึกษาและบุคคลภายนอกเข้ามาโดยเด็ดขาดและทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้โดยรอบ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนลักลอบเข้ามาอยู่บ่อยครั้งเพื่อเสพยาเสพติดหรือไม่ก็ดื่มเหล้า หลายครั้งที่พวกเขาถูกจับได้และนำตัวส่งให้กับตำรวจแต่ก็ไม่เข็ดหลาบ

คืนหนึ่งท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดได้มีดวงตาสีแดงก่ำเป็นประกายวาววับโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำที่สงบนิ่ง โดยที่ร่างกายอันใหญ่โตของมันได้ซุกซ่อนอยู่เบื้องล่าง แววตาอำมหิตสอดส่องไปโดยรอบด้วยความระมัดระวัง คล้ายกำลังมองหาบางสิ่ง

จนเวลาล่วงไปหลังเที่ยงคืนจึงได้เกิดเสียงดังขึ้น เมื่อมีชายวัยรุ่นจำนวนสี่คนลอบปีนรั้วเข้ามา ในมือของพวกเขาได้ถือเครื่องดื่มมึนเมาติดมาด้วย

"ที่นี่มืดชะมัดยาด ฉันว่าพวกเราย้ายที่กันเถอะ" ชายวัยรุ่นคนหนึ่งพูดขึ้น

"นายอย่าตาขาวให้มันมากนักเลย จะกลัวอะไรนักหนา ไฟส่องทางก็มี"

บรรยากาศที่น่ากลัวทำให้วัยรุ่นหนึ่งในสี่คนใจฝ่อชวนเพื่อนให้ย้ายที่สังสรรค์ กลับโดนดูถูกว่าเป็นคนขี้ขลาด ด้วยกลัวเสียหน้าเขาจำต้องยอมตามไป เมื่อเลือกมุมถูกใจได้แล้วต่างก็ล้อมวงเพื่อดื่มของมึนเมาที่เตรียมมาทันที

เบียร์กระป๋องแรกหมดลงไปแล้ว กระป๋องที่สองจึงถูกเปิดต่อทันที พวกเขาทั้งดื่มและสูดควันจากบุหรี่ที่คีบไว้ในมือเข้าปอดก่อนพ่นควันสีขาวออกมาลอยฟุ้ง เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงรอบวงก็มีทั้งกระป๋องเบียร์และเถ้าบุหรี่ตกอยู่ไม่น้อย

ยิ่งจำนวนกระป๋องเบียร์เพิ่มขึ้นเท่าใดความสามารถในการประคองสติของพวกเขาก็ลดลงเท่านั้น แม้แต่มือที่ใช้ถือกระป๋องยังอ่อนแรงตามไปด้วย เมื่อชายวัยรุ่นคนหนึ่งได้ทำกระป๋องเบียร์หลุดออกจากมือและมันได้กลิ้งไปทางบึงน้ำ ด้วยความเสียดายเขาจึงลุกตามไปเก็บท่ามกลางสายตาของเพื่อน ๆ

"ฉันขอไปปลดทุกข์แป๊บนะ"

ชายวัยรุ่นรูปร่างผอมเกร็งคล้ายคนติดยาพูดขึ้น เขาลุกเดินโซเซออกจากวงและตรงไปยังหลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลเพื่อรีบจัดการธุระให้เสร็จจะได้กลับไปดื่มต่อ ขณะกำลังทำธุระเพลิน ๆ ก็ได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้นจึงชะเง้อหน้าออกไปดู สิ่งที่เห็นทำเขาตกใจจนแทบฉี่ไม่ออก

"อ๊ากกกก!!!"

"จวิ้นหยาง! พวกฉันจะไปช่วยนายเดี๋ยวนี้ ทำใจดี ๆ ไว้นะ!!"

ชายวัยรุ่นสองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้พากันวิ่งลงไปทางบึงน้ำเมื่อเพื่อนของเขากำลังถูกสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่โตทำร้าย และสิ่งนั้นยังแข็งแกร่งเกินกว่าที่แรงของมนุษย์จะทำอันตรายมันได้

"อ๊ากกก!!"

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอีกครั้งเมื่อชายวัยรุ่นทั้งสองถูกสิ่งที่แข็งกระด้างราวหินผาฟาดใส่กลางลำตัวอย่างแรง เพียงครั้งเดียวพวกเขาถึงกับกระดูกแหลกเหลวไปทั้งร่างและขาดใจตายในทันที จากนั้นได้ถูกคมเขี้ยวแหลมคมขย้ำจนร่างกายฉีกขาดและถูกกลืนกินลงไป

ชายวัยรุ่นที่แอบมองจากหลังต้นไม้ใหญ่สั่นเทาไปทั้งร่าง ดวงตาเบิกกว้างจนแทบถลนออกมานอกเบ้า มองร่างของเพื่อนทั้งสามคนขณะถูกเงาดำของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่โตนั้นกลืนกิน เขาพยายามเพ่งมองว่ามันคือตัวอะไรแต่ก็เห็นไม่ถนัด เพราะบริเวณนั้นถึงจะมีแสงไฟแต่ก็ยังมืดอยู่ดี

ชายวัยรุ่นยังคงแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่และทำตัวให้เงียบที่สุดเพื่อรอคอยให้สิ่งนั้นค่อย ๆ เคลื่อนร่างกายอันใหญ่โตของมันกลับลงสู่บึงน้ำ จังหวะนั้นเองที่เผลอขยับตัวทำให้เหยียบเข้ากับกิ่งไม้ที่เท้าหักจนเกิดเสียงดังขึ้น เจ้าเงาดำนั้นจึงหยุดชะงักและหันมาทางเขาทันที

"ซะ..ซวยแล้ว.."

ชายวัยรุ่นน้ำตาไหลอาบแก้ม พลางใช้มืออุดปากให้แน่นที่สุดเพื่อไม่ให้เสียงหลุดรอดออกมา นาทีนั้นคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแล้วแน่ ๆ จนเมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ บริเวณรอบตัวได้กลับสู่ความเงียบอีกครั้งจึงค่อย ๆ ชะโงกหน้าออกมาดู คิดว่าเจ้าสิ่งนั้นมันคงกลับลงบึงน้ำไปแล้ว ที่ไหนได้กลับประสานสายตาเข้ากับดวงตาสีแดงคู่นั้นอย่างจัง เพียงเท่านั้นก็สิ้นสติลงทันที

คฤหาสน์สกุลหลิว

สกุลหลิวนับเป็นหนึ่งในห้าสกุลเก่าแก่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเมืองเฉินเซิง ผู้คนล้วนยำเกรงและให้ความนับถือมาหลายชั่วอายุคน ไม่เพียงแค่ในเมืองเฉินเซินนี้เท่านั้น ชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของพวกเขายังทรงอิทธิพลระดับประเทศเลยทีเดียว

ยามเช้าที่เงียบสงบของคฤหาสน์สกุลหลิวเริ่มต้นขึ้นเหมือนทุกวัน บนโต๊ะอาหารที่ทอดยาวมี 'หลิวอิง' ทายาทของสกุลหลิวนั่งอยู่กับ 'หวงหนิงหลง' ที่เป็นทั้งบอดี้การ์ดและเลขาคนสนิท ทั้งคู่เรียกได้ว่าตัวแทบจะติดกันตลอดเวลา ยกเว้นตอนที่แยกไปทำภารกิจเท่านั้น

"อ้าว..เสียวอวี่ แล้วเสี่ยวเยว่ล่ะ ไม่ได้ลงมาด้วยกันเหรอ"

หลิวอิงถามขึ้นเมื่อเห็นลูกหมาป่าเดินเข้ามาภายในห้องอาหารเพียงลำพัง และเรียกให้มาทานอาหารเช้าด้วยกัน

เซียวอวี่ หรือ อวี่หลาง บุตรชายของราชาหมาป่ากลายพันธุ์กับมนุษย์ผู้ชายจางหลิวซิง เพราะต้องอาศัยอยู่ในเมืองพวกเขาจึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อสกุลเซียวซึ่งมาจากชื่อของเซียวหลางและย้ายมายังคฤหาสน์สกุลหลิว เนื่องจากจางเหวินถิงมารดาของจางหลิวซิงนั้นได้แต่งงานใหม่กับเจ้าบ้านสกุลหลิวคนปัจจุบันนั่นเอง

คนในบ้านสกุลหลิวไม่มีใครรู้ว่าคนสกุลเซียวนั้นเกิดจากการกลายพันธุ์ ยกเว้นหลิวอิงและหวงหนิงหลง ซึ่งพวกเขารู้เพียงว่าสาเหตุที่ทำให้จางหลิวซิงสามารถตั้งครรภ์ได้นั้นเป็นเพราะถูกศูนย์วิจัยจับตัวและนำไปทดลองจึงทำให้เป็นเช่นนั้น

ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ ในตอนนี้มีอายุเทียบเท่ากับมนุษย์วัยสิบเก้าปีเศษ พวกเขามีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร มีเส้นผมสีดำสนิทตัดกับผิวขาวราวหิมะซึ่งได้รับถ่ายทอดมาจากราชาหมาป่า เมื่ออยู่ในร่างมนุษย์ดวงตาทั้งคู่จะเป็นประกายสีทอง งดงามราวเทพเซียนจากสรวงสวรรค์ แต่ถ้ากลายร่างเป็นหมาป่าและมีอารมณ์โกรธเกรี้ยว ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงทันที

ทั้งคู่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยโดยอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่สกุลหลิวเชิญมาสอนเป็นการส่วนตัวตั้งแต่อายุสิบปี แต่จางหลิวซิงต้องการให้พวกเขาเรียนรู้สังคมและเติบโตขึ้นเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป จึงได้ให้เข้าเรียนหนังสือตามระดับชั้นอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันก็คือระดับมหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่งนั่นเอง

เซียวอวี่หมาป่าคนพี่มีนิสัยเงียบขรึมและพูดน้อย วัยเด็กค่อนข้างติดจางหลิวซิงอย่างมาก จนเมื่อได้รู้จักกับหลานจิงลูกกระต่ายกลายพันธุ์ก็เริ่มเปิดใจมากขึ้น และได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งหลังสูญเสียหลานจิงไปเมื่อตอนหนีเอาชีวิตรอดจากเกาะกลางมหาสมุทร

เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความเสียใจให้กับเซียวอวี่อย่างมาก ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีความหวังว่าหลานจิงจะยังมีชีวิตอยู่และเฝ้าตามหามาตลอดห้าปี

"เยว่หลางไปที่เหว่ยหลางแต่เช้าแล้วครับ" เขาบอกกับหลิวอิง

เหว่ยหลางคือชื่อคฤหาสน์ของสกุลเซียว คฤหาสน์แห่งนี้ตั้งอยู่นอกเมืองเฉินเซิน โดยรอบเป็นป่าปกคลุมไร้ซึ่งบ้านเรือนของมนุษย์ ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่แสนใหญ่โตแห่งนี้ไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่อพยพมาจากเกาะกลางมหาสมุทร พวกมันเพียงต้องการใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุขเท่านั้น

หลิวอิงรู้ว่าการไปเหว่ยหลางนั้นคือกิจวัตรของเซียวเยว่ จึงไม่ถามอะไรต่อ พวกเขาต่างรับประทานอาหารเช้าตรงหน้าก่อนออกไปทำหน้าที่ของตน โดยตัวเขาและหวงหนิงหลงต้องไปจัดการงานของสกุลหลิว ส่วนเซียวอวี่นั้นได้เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยเฉินไห่

คฤหาสน์เหว่ยหลาง

"ไป๋เหยียนฉันมาแล้ว"

"จะเข้าห้องทำไมไม่เคาะประตูก่อน ไร้มารยาท!!"

มือขาวซีดดึงเสื้อคลุมเพื่อมาปกปิดหน้าอกไว้เมื่อเจ้าลูกหมาป่าตัวโตผลักประตูและเดินเข้ามาภายในห้องขณะที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ดวงตาสีมรกตตวัดมองอย่างตำหนิ

เซียวเยว่ หรือ เยว่หลาง ลูกหมาป่าที่ถือกำเนิดขึ้นจากการกลายพันธุ์ของราชาหมาป่ากับจางหลิวซิงที่เป็นมนุษย์ผู้ชาย เขาเติบโตบนเกาะกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่และได้เดินทางออกจากที่แห่งนั้นมาพร้อมกับจางหลิวซิงเพื่อหนีจากวิกฤตที่เลวร้าย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาต้องสูญเสียคนสำคัญไปมากมาย ทั้งเซียวหลางผู้เป็นพ่อ หลานจิง รวมถึงเหอไป๋เหยียนผู้เป็นที่รัก

จางหลิวซิงได้พาเขาและเซียวอวี่ไปอาศัยอยู่กับจางเหวินถิงผู้เป็นแม่ ซึ่งเธอมีฐานะเป็นภรรยาของเจ้าบ้านสกุลหลิวคนปัจจุบัน แต่อยู่ในเมืองใช่ว่าจะใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข พวกเขาต้องคอยหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนของศูนย์วิจัยที่ตามล่าตัวเพื่อนำกลับไปทำการทดลองอยู่ตลอดเวลา

มีอยู่ครั้งหนึ่งจางหลิวซิงพลาดท่าและถูกจับตัวไปยังศูนย์วิจัย เซียวหลางได้ให้เซียวอวี่เดินทางไปช่วย ในช่วงเวลาที่แสนจะอันตรายนั้นเซียวอวี่ได้พบกับคนที่มีลักษณะคล้ายหลานจิงที่ให้ความช่วยเหลือจนเขาและจางหลิวซิงหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย

จวบจนเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างเข้าสู่ความสงบ เซียวเยว่ได้เดินทางไปยังคฤหาสน์เหว่ยหลางและที่นั่นเขาก็ได้พบกับเหอไป๋เหยียนอีกครั้ง เซียวเยว่ดีใจได้ไม่เท่าไรก็ต้องพบกับความผิดหวังในทันทีเมื่อเหอไป๋เหยียนจำเขาไม่ได้แม้สักนิด ซ้ำยังมีหม่าอี้ที่อ้างตัวเป็นคู่หมั้นคอยอยู่ข้างกายอีก

ต่อมาเซียวหลางได้ย้ายจากคฤหาสน์เหว่ยหลางมายังสกุลหลิวตามความต้องการของจางหลิวซิง โดยให้หม่าอี้รับผิดชอบดูแลที่นั่นแทน และไม่อนุญาตให้เซียวเยว่อาศัยอยู่ที่เหว่ยหลางตามที่ร้องขอ แต่อนุญาตให้เข้าออกได้ตลอดเวลา

สำหรับเซียวเยว่ ถ้าเพื่อเหอไป๋เหยียนแล้วแม้จะมีเวลาเพียงนิดก็จะมาหมกตัวอยู่ที่เหว่ยหลางเพื่อหาทางคืนความทรงจำให้แก่เหอไป๋เหยียน แม้จะถูกอีกฝ่ายไล่ตะเพิดบ่อยครั้งก็ไม่ละความพยายาม ตื๊อจะมาให้เห็นหน้าให้ได้ทุกวัน

"นายกำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่เหรอ มาสิเดี๋ยวฉันช่วยเอง"

"มะ..ไม่ต้องเลยนะ.."

เซียวเยว่ตรงเข้าไปช่วยกลัดกระดุมเสื้อคอจีนสีขาวสะอาดตา เนื้อผ้าเนียนนุ่มราวแพรไหม โดยมิได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจหรือไม่ เหอไป๋เหยียนในยามนี้ไม่แม้แต่จะขัดขืนเจ้าลูกหมาป่าได้ ดวงตาเรียวสีมรกตทำได้เพียงจับจ้องปลายจมูกตรงหน้าจนเมื่ออีกฝ่ายกลัดกระดุมจนครบทุกเม็ด

"เสร็จแล้วก็หลีกไป"

มือขาวซีดผลักหน้าอกของเซียวเยว่ที่ขวางอยู่ด้านหน้าออก ร่างอรชรจึงถูกรวบเข้ามากอดไว้อย่างแนบแน่น อสรพิษเกล็ดเงินผู้สูญเสียความทรงจำและมิอาจคืนร่างเดิม พลังและตบะที่บำเพ็ญมานับร้อยปีในยามนี้มิอาจช่วยให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือลูกหมาป่า ร่างอรชรถูกอุ้มและวางลงบนเตียงโดยซ้อนอยู่บนตักของลูกหมาป่าอีกทีหนึ่ง ทำเอาใบหน้าขาวซีดถึงกับเห่อร้อนขึ้นมา

"เจ้าคนไร้ยางอายจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!!"

"เมื่อก่อนฉันก็เคยนั่งบนตักของนายอยู่บ่อย ๆ จำไม่ได้แล้วเหรอ?"

เซียวเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเจือความน้อยใจ ดวงตาฉายแววความเสียใจจับจ้องเข้าไปในดวงตาสีมรกตของสัตว์เลือดเย็นที่ว่างเปล่า เหอไป๋เหยียนลืมลูกหมาป่าตัวนี้ไปเสียแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าคนรักมีหรือที่เจ้าลูกหมาป่าจะยอมให้เป็นเช่นนี้ตลอดไป

"นะ..นายบอกจะเล่าเรื่องราวของป่าฝนกลางมหาสมุทรให้ฉันฟังไม่ใช่หรือไง?"

อสรพิษเลือดเย็นหวั่นไหวต่อสายตาของลูกหมาป่า คิดในใจว่าเด็กคนนี้เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าสีหน้าเคร่งเครียดเช่นนี้

"นายอยากฟังเหรอ?"

"อืม..แต่ก่อนอื่นนายควรปล่อยฉันลงได้แล้วนะ"

ร่างอรชรบนตักของลูกหมาป่า ไม่สิ..ตอนนี้ต้องเรียกว่าหมาป่าหนุ่มต่างหาก เหอไป๋เหยียนรู้สึกกระดากที่ต้องมานั่งอยู่บนตักชายชาตรี แม้อีกฝ่ายจะมีอายุของหมาป่าเท่ากับเด็กคนหนึ่งก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับอายุของมนุษย์นับว่าเข้าสู่หนุ่มวัยเจริญพันธุ์แล้ว ทั้งส่วนสูงและกล้ามเนื้อล้วนแข็งแรงจนสามารถโอบกอดร่างอรชรได้มิดชิด

"เราไปคุยกันที่สวนเถอะ อยู่แต่ในห้องนายคงอึดอัดแย่" เซียวเยว่เอ่ยชวน

"ได้สิ"

เหอไป๋เหยียนรับคำอย่างง่ายดาย ทำเอาเซียวเยว่หัวใจพองโต เดินเคียงอสรพิษเกล็ดเงินผู้แสนงดงามมายังสวนดอกไม้ของเหว่ยหลางและพากันไปนั่งใต้ร่มไม้ใหญ่

จะห้าปีแล้วสินะที่เหอไป๋เหยียนจำเขาไม่ได้ ถึงอย่างนั้นเจ้าลูกหมาป่าก็ยังไม่ลดละความพยายาม แม้จะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเขาจะต้องคืนความทรงจำของเหอไป๋เหยียนให้จงได้

ทุกครั้งที่เซียวเยว่เล่าเรื่องราวของศูนย์วิจัยบนเกาะกลางมหาสมุทร เหอไป๋เหยียนจะตั้งใจฟังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาถูกสัตว์กลายพันธุ์ดุร้ายตามไล่ล่าและเหอไป๋เหยียนจัดการฆ่าพวกมันอย่างง่ายดาย คนอ่อนแอที่ปกป้องตัวเองยังไม่ได้อย่างเขานี่นะเหรอสามารถช่วยเจ้าลูกหมาป่าที่แข็งแกร่งจากการถูกตามฆ่าได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ

ถึงความทรงจำของเหอไป๋เหยียนจะหายไปแต่ก็เพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีบุคคลหนึ่งที่เขาจำได้นั่นก็คือเซียวหลาง ราชาหมาป่าผู้มีขนสีดำต่างจากเผ่าพันธุ์ และอาศัยอยู่บนยอดเขาอันหนาวเหน็บในดินแดนที่ไร้ซึ่งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ

ขณะที่เซียวเยว่และเหอไป๋เหยียนอยู่ด้วยกัน ได้มีสายตาคู่หนึ่งคอยจับจ้องพวกเขาอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือหม่าอี้ อาชาหนุ่มผิวเข้มที่หลงรักอสรพิษเกล็ดเงินตั้งแต่แรกพบ โดยไม่ต้องถูกล่อลวงด้วยดวงตาสีมรกตคู่นั้น

คราแรกที่เหอไป๋เหยียนมายังเหว่ยหลางเขามิได้สนใจเจ้าลูกหมาป่าสักนิด ซ้ำยังหวาดกลัวทุกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเข้าใกล้ นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้ว ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้เหอไป๋เหยียนหวั่นไหวกับหมาป่าหนุ่มเพียงใด ถึงขั้นปฏิเสธคำขอแต่งงานของเขามาแล้วถึงห้าครั้ง

"มานั่งอยู่ตรงนี้ระวังจะไม่สบายเอา เข้าไปพักในบ้านเถอะนะ"

หม่าอี้ตั้งใจพาตัวเองเข้ามาขัดจังหวะสนทนาของทั้งคู่ เขาไม่พอใจที่เหอไป๋เหยียนให้ความไว้วางใจหมาป่าหนุ่มเท่ากับตัวเอง แม้รู้อยู่แก่ใจถึงความสัมพันธ์ก่อนหน้าของทั้งสองว่าลึกซึ้งเพียงใด แต่ความรักมักทำให้คนเห็นแก่ตัวเสมอ

"เพราะนายให้ไป๋เหยียนอยู่แต่ในบ้านนะสิ ร่างกายถึงได้อ่อนแอแบบนี้ เป็นคนก็ต้องออกกำลังกายถึงจะแข็งแรง เรื่องแค่นี้นายไม่รู้หรือไง"

เซียวเยว่รู้ทันความคิดของหม่าอี้ว่าต้องการจะแยกเขาออกจากอสรพิษหนุ่ม แต่ไม่มีทางซะหรอก วันใดที่ความทรงจำของไป๋เหยียนกลับมาเขาตั้งใจจะฟ้องว่าอาชาหนุ่มนั้นทำอะไรเอาไว้บ้าง

"ไม่เอาน่า อย่าเถียงกันเลย หม่าอี้ นายเข้าไปก่อนเถอะ ตรงนี้แดดไม่ร้อนมาก ฉันไม่เป็นอะไรหรอก" เหอไป๋เหยียนบอกกับหม่าอี้

ทั้งสองเจอหน้ากันทีไรต้องปะทะฝีปากกันทุกที ก่อนหน้าถึงขั้นลงมือจนทุกอย่างรอบตัวพังพินาศ ทำให้เซียวหลางโกรธมากจนต้องสั่งห้ามไม่ให้วิวาทกันอีกมิฉะนั้นจะส่งหม่าอี้กลับไปยังเกาะ และห้ามเซียวเยว่มาที่เหว่ยหลางอีก จึงสงบศึกของทั้งสองลงได้

เหอไป๋เหยียนนึกถึงเมื่อตอนที่เซียวเยว่และหม่าอี้ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนั้นเขาปวดศีรษะอย่างรุนแรงและรู้สึกเหมือนกระดูกจะแหลกเหลวไปทั้งร่าง เพราะกำลังจะกลายร่างกลับไปเป็นอสรพิษเกล็ดเงินอีกครั้ง แต่ด้วยร่างกายที่อ่อนแอทำให้ไม่สำเร็จและหมดสติไปเสียก่อน จำได้ราง ๆ ว่าเห็นเซียวหลางมายังเหว่ยหลางและเป็นผู้ห้ามศึกระหว่างเซียวเยว่กับหม่าอี้

"นายก็เหมือนกัน มีเรียนตอนสิบโมงไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่รีบไปจะไม่ทันเอานะ"

เหอไป๋เหยียนบอกกับลูกหมาป่า เขารู้ตารางเรียนของเซียวเยว่และจดจำวันและเวลาที่อีกฝ่ายมาหาได้แม่นยำ

แม้ไม่อยากห่างจากอสรพิษหนุ่ม แต่เซียวเยว่ก็ไม่รั้งที่จะอยู่ต่อ เขากลับเข้าไปเอากระเป๋าสะพายก่อนเดินทางไปยังมหาวิทยาลัย

คล้อยหลังเซียวเยว่ไปได้ไม่เท่าไร สัตว์กลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเหว่ยหลางได้เข้ามาหาเหอไป๋เหยียนและบอกกับเขาว่ามีแขกมาพบ เหอไป๋เหยียนรู้ทันทีว่าแขกคนนั้นเป็นใคร

"ฉันนึกว่านายลืมที่นี่ไปแล้วเสียอีก"

เหอไป๋เหยียนเอ่ยทักร่างสูงสองเมตรกว่าที่ยืนหันหลังอยู่ภายในห้องรับแขก บนโซฟามีมนุษย์ผู้ชายนั่งดื่มชาอยู่ พอเห็นเขาก็ยิ้มดีใจตรงเข้ามาทักทายอย่างป็นมิตร แม้จะจำมนุษย์ผู้นี้ไม่ได้แต่เหอไปเหยียนก็ถูกชะตากับเขาตั้งแต่แรกพบ

"ดีใจที่ได้พบคุณนะหลิวซิง"

ทักทายจางหลิวซิงแล้วเหอไป๋เหยียนจึงถามถึงธุระที่ทำให้เซียวหลางอุตส่าห์มาหาตนแต่เช้าเช่นนี้

"พวกนายไม่อยากออกไปใช้ชีวิตนอกเหว่ยหลางกันบ้างหรือไง?"

"ว่าไงนะ?" เหอไป๋เหยียนขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่ราชาหมาป่าถาม

สัตว์กลายพันธุ์เหล่านี้อาศัยอยู่ในเหว่ยหลางมาห้าปี ไม่มีตัวไหนคิดแยกไปอยู่ข้างนอกโดยไร้ผู้นำ มีบ้างที่พวกมันจะออกไปเดินปะปนกับมนุษย์โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว

ห้าปีแล้ว นับเป็นเวลาเหมาะสมที่สัตว์กลายพันธ์ุเหล่านี้จะออกสู่สังคมมนุษย์ ถึงเวลาที่พวกมันจะต้องเรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกันและปรับตัวให้เข้ากับสังคมมนุษย์ให้ได้

เหอไป๋เหยียนครุ่นคิดถึงสิ่งที่เซียวหลางกำลังบอกกับตน อิสรภาพที่เหล่าสัตว์กลายพันธุ์ต่างแสวงหากำลังจะเป็นจริงแล้ว

"ห้าปี ครบกำหนดฉันที่รับปากสวีเพ่ยไว้แล้ว จากนี้ถ้าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี พรรคพวกของหม่าอี้ที่อยู่ที่บนเกาะจะได้ออกจากที่นั่นสักที"

เซียวหลางได้รับปากกับพญาคชสาร 'สวีเพ่ย' ผู้นำของเหล่าสัตว์กลายพันธุ์ที่เหลือรอดบนเกาะเอาไว้ว่าจะนำสัตว์กลายพันธุ์ที่มีสติปัญญาและสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์บางส่วนมาเรียนรู้การใช้ชีวิตและอยู่ร่วมกับมนุษย์ หากภายในห้าปีทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีก็จะรับสัตว์กลายพันธุ์ที่เหลือมาอยู่ร่วมกัน

"วันนี้ฉันอยากให้นายกับหม่าอี้ไปที่แห่งหนึ่งด้วยกัน" เซียวหลางบอกกับเหอไป๋เหยียน

"แต่ว่าฉัน.."

เหอไป๋เหยียนกังวลกับร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของตน เซียวหลางรู้ดีจึงบอกให้เขาไม่ต้องกังวล แม้เหอไป๋เหยียนจะไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ แต่ความสามารถของเขาทั้งก่อนและหลังถูกจับตัวมาทดลองนั้นได้ฟื้นขึ้นทีละนิดแล้ว

ได้ยินเช่นนั้นก็สบายใจขึ้น เหอไป๋เหยียนจึงตกลงที่จะออกไปกับเซียวหลางโดยมีหม่าอี้ไปด้วยกัน

ในเมือง นอกจากสัตว์กลายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในเหว่ยหลางแล้วยังมีสัตว์กลายพันธุ์ที่หนีเอาตัวรอดจากเกาะมาหลบซ่อนอยู่จำนวนไม่น้อย มีทั้งพวกดุร้ายที่มารวมกลุ่มกันและพวกที่รักสันโดษแยกตัวไปลำพัง

ฉะนั้นนอกจากคอยหลบเลี่ยงคนของศูนย์วิจัยแล้ว พวกเขายังต้องระวังตัวจากพวกมันอีกด้วย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 3| วังหมิงหยวน

    |PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ

    Last Updated : 2025-04-07
  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 4| กัวเจ๋อ

    |PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่

    Last Updated : 2025-04-11
  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 5| สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้

    |PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได

    Last Updated : 2025-04-14
  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 6| เรือนปิงเจี๋ย

    |PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่

    Last Updated : 2025-04-17
  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 7| อาการของหลิวอิง

    |PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก

    Last Updated : 2025-04-21
  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 8| เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน

    |PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที

    Last Updated : 2025-04-23
  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 9| ผลกระทบจากฟีโรโมน

    |PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา

    Last Updated : 2025-04-26
  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 10| ตั้งครรภ์

    |PART 10|ตั้งครรภ์เรือนปิงเจี๋ยหลังหม่าอี้กลับไปแล้วเซียวเยว่ได้โทรตามเซียวหลางให้มายังเรือนปิงเจี๋ยเป็นการด่วน เพราะจู่ ๆ เหอไป๋เหยียนเกิดมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ถึงขนาดลงไปดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานก่อนจะหมดสติไป"เกิดอะไรขึ้นกับเจ้างูบ้ากัน!!"เซียวหลางมาถึงพร้อมกับจางหลิวซิงถามขึ้น พลางเข้าไปดูเหอไป๋เหยียนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดเซียวเยว่เล่าให้ฟังว่าขณะกำลังต่อสู้กับหม่าอี้ เหอไป๋เหยียนได้เข้ามาขวางจึงถูกหม่าอี้ดีดกระเด็น ทำให้ศีรษะและแผ่นหลังกระแทกเข้ากับกับเสาเรือนอย่างแรง แม้หัวไม่แตกแต่ก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่"ชีพจรของเขาสับสนมากเลย"เซียวหลางพอมีความรู้เรื่องการแพทย์เพราะได้รับพลาสม่าจากอู๋เจี๋ย อาชญากรอัจฉริยะที่เป็นถึงหมออันดับหนึ่งของเมืองเฉินเซิน เขาระบุไม่ได้ว่าอาการของเหอไป๋เหยียนเกิดจากอะไร บอกแต่เพียงว่าร่างกายของเหอไป๋เหยียนมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเมื่อได้ฟังที่เซียวหลางพูด โดยเฉพาะเซียวเยว่ เขากังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีของเหอไป๋เหยียนเมื่อครั้งตกจากเครื่องบินอพยพ แม้ร่างกายจะฟื้นฟูจนดีขึ้นแ

    Last Updated : 2025-04-30

Latest chapter

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 10| ตั้งครรภ์

    |PART 10|ตั้งครรภ์เรือนปิงเจี๋ยหลังหม่าอี้กลับไปแล้วเซียวเยว่ได้โทรตามเซียวหลางให้มายังเรือนปิงเจี๋ยเป็นการด่วน เพราะจู่ ๆ เหอไป๋เหยียนเกิดมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ถึงขนาดลงไปดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานก่อนจะหมดสติไป"เกิดอะไรขึ้นกับเจ้างูบ้ากัน!!"เซียวหลางมาถึงพร้อมกับจางหลิวซิงถามขึ้น พลางเข้าไปดูเหอไป๋เหยียนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดเซียวเยว่เล่าให้ฟังว่าขณะกำลังต่อสู้กับหม่าอี้ เหอไป๋เหยียนได้เข้ามาขวางจึงถูกหม่าอี้ดีดกระเด็น ทำให้ศีรษะและแผ่นหลังกระแทกเข้ากับกับเสาเรือนอย่างแรง แม้หัวไม่แตกแต่ก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่"ชีพจรของเขาสับสนมากเลย"เซียวหลางพอมีความรู้เรื่องการแพทย์เพราะได้รับพลาสม่าจากอู๋เจี๋ย อาชญากรอัจฉริยะที่เป็นถึงหมออันดับหนึ่งของเมืองเฉินเซิน เขาระบุไม่ได้ว่าอาการของเหอไป๋เหยียนเกิดจากอะไร บอกแต่เพียงว่าร่างกายของเหอไป๋เหยียนมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเมื่อได้ฟังที่เซียวหลางพูด โดยเฉพาะเซียวเยว่ เขากังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีของเหอไป๋เหยียนเมื่อครั้งตกจากเครื่องบินอพยพ แม้ร่างกายจะฟื้นฟูจนดีขึ้นแ

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 9| ผลกระทบจากฟีโรโมน

    |PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 8| เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน

    |PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 7| อาการของหลิวอิง

    |PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 6| เรือนปิงเจี๋ย

    |PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 5| สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้

    |PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 4| กัวเจ๋อ

    |PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 3| วังหมิงหยวน

    |PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 2| ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ

    |PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status