|PART 3|
วังหมิงหยวน รถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว "เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น "ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว" เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ 'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย' นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้น ภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเวลาเหลือกว่าครึ่งชั่วโมงจึงตั้งใจจะไปหาที่สงบเพื่อรอเวลาเข้าเรียน ในใจนึกโกรธหม่าอี้ที่ทำให้มาถึงมหาวิทยาลัยก่อนเวลา ไม่เช่นนั้นเขาคงมีเวลาอยู่กับเหอไป๋เหยียนมากกว่านี้แล้ว และขณะเดินไปทางด้านหลังตึกเขาก็ถูกวังหมิงหยวนเรียกตัวไว้เสียก่อน วังหมิงหยวน เป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งที่อาศัยอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัยและเป็นเพื่อนร่วมคณะของเซียวเยว่ เขาเป็นมนุษย์ธรรมดาและไม่รู้ว่าคนที่กำลังคุยอยู่ด้วยตอนนี้เป็นสัตว์กลายพันธุ์พิเศษที่มีวิวัฒนาการก้าวหน้ากว่าสัตว์ตัวอื่น นิสัยของเซียวเยว่ค่อนข้างเป็นมิตร วังหมิงหยวนถูกชะตากับเขาตั้งแต่เปิดเรียนวันแรกและเป็นฝ่ายเข้าหาเซียวเยว่ก่อน "นายกำลังจะไปที่ไหนเหรอ?" วังหมิงหยวนถามขึ้น "ฉันว่าจะไปหาอะไรรองท้องที่ร้านอาหารสักหน่อย นายจะไปด้วยกันมั้ย" ทีแรกเซียวเยว่ตั้งใจจะไปหาที่นอนพักผ่อน แต่พอวังหมิงหยวนถามจึงเปลี่ยนใจบอกว่าไปร้านอาหารแทน แต่วังหมิงหยวนกลับบอกกับเขาว่ามีเรื่องที่สนุกกว่าการไปนั่งทานข้าวเป็นไหน ๆ พร้อมกับล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดคลิปวิดีโอของสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยส่งให้เซียวเยว่ดู เซียวเยว่มองภาพบึงน้ำที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แต่เมื่อสังเกตให้ดีก็พบว่าบริเวณโดยรอบบึงน้ำนั้นมีร่องรอยการต่อสู้เกิดขึ้น วังหมิงหยวนเล่าให้ฟังว่าวันนี้เขาตื่นตอนตีสี่เพื่อมาวิ่งออกกำลังกาย และบังเอิญเห็นเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยพร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัยขี่รถไปทางบึงน้ำอย่างรีบเร่ง ด้วยความอยากรู้จึงได้เอารถจักรยานขี่ตามไปดู ตรงบึงน้ำมีกองเลือดที่ยังไม่แห้งดีสาดกระจายอยู่เต็มไปหมด ทั้งที่มีร่องรอยการต่อสู้แต่กลับไม่พบศพบริเวณนั้นนอกจากชายวัยรุ่นร่างผอมที่นอนหมดสติอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ วังหมิงหยวนจึงใช้มือถือบันทึกภาพเอาไว้ บังเอิญว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาพบเข้าเสียก่อนจึงไล่ให้เขาออกจากบริเวณนั้นและสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาอีก "ฉันว่ามันต้องเกิดเรื่องร้ายแรงอย่างพวกการฆาตกรรมอำพรางศพเกิดขึ้นแน่ ๆ พวกเขาถึงได้ปิดข่าวเงียบขนาดนี้" วังหมิงหยวนตั้งข้อสงสัยขึ้น ภายในมหาวิทยาลัยมีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่กลับไม่มีใครพูดถึงสักคน มันจะเป็นไปได้เหรอ เรื่องลึกลับแบบนี้ทำให้เขาอยากค้นหาความจริงขึ้นมาแล้วสิ "นายคิดมากไปหรือเปล่า ฉันว่าอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ" เซียวเยว่ว่าพลางส่งมือถือคืนให้กับวังหมิงหยวน แม้จะบอกกับวังหมิงหยวนไปแบบนั้นแต่เซียวเยว่ก็รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีคนเสียชีวิตจริง และยังรู้อีกว่านั่นไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์เพียงแต่เดาไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของสัตว์กลายพันธุ์ชนิดใด เพราะสัตว์กลายพันธุ์นอกจากพวกที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เหว่ยหลางแล้วยังมีสัตว์กลายพันธุ์อีกหลายชนิดที่หลบซ่อนตัวและใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์ในเมืองเฉินเซินนี้ ก่อนที่วังหมิงหยวนจะถามอะไรไปมากกว่านี้เสียงเตือนเวลาเข้าเรียนได้ดังขึ้นพอดี เซียวเยว่จึงบอกให้เขาเลิกสนใจเรื่องนี้และรีบขึ้นห้องซะ เพราะหากสายจะถูกอาจารย์ตำหนิเอาได้ เหตุฆาตกรรมริมบึงน้ำแม้จะมีการปิดข่าวไม่ให้บุคคลคนภายนอกรับรู้ แต่ภายในมหาวิทยาลัยนอกจากวังหมิงหยวนแล้วยังมีนักศึกษาบางกลุ่มที่รู้เรื่องนี้ และพวกเขายังมองเป็นเรื่องท้าทายที่จะค้นหาตัวฆาตกรให้พบ ภายในห้องของผู้บริหารสูงสุดประจำมหาวิทยาลัยเฉินไห่ เซียวหลางได้ต้อนรับทายาทสกุลหลิวและผู้ติดตามที่สละเวลามา เดิมทีมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นของห้าสกุล คือ สกุลหลิว สกุลจ้าว สกุลซุน สกุลหลี่ และสกุลเซี่ย โดยสกุลหลิวเป็นผู้ถือหุ้นจำนวนมากที่สุด จนเมื่อสามปีก่อนเซียวหลางได้บริจาคเงินจำนวนมหาศาลให้กับทางมหาวิทยาลัย และขอซื้อหุ้นบางส่วนของทั้งห้าสกุลทำให้ตอนนี้สกุลเซียวกลายเป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุด โดยมีสกุลหลิวเป็นอันดับสอง สิทธิ์ในการบริหารจึงตกมาอยู่กับทั้งสองสกุล เซียวหลางแนะนำเหอไป๋เหยียนและหม่าอี้ให้ทายาทสกุลหลิวได้รู้จักและบอกว่าพวกเขาจะมาเป็นอาจารย์ที่นี่ โดยจะมีคนของเหว่ยหลางอีกกลุ่มหนึ่งตามมาสมทบภายหลัง หลิวอิงทายาทสกุลหลิวมีความยินดีที่คนของเหว่ยหลางจะมาเป็นอาจารย์ที่นี่ เพราะได้ยินเรื่องความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคนมานาน กับเหอไป๋เหยียนแม้จะรู้จักแต่ก็ไม่สนิทสนม รู้เพียงว่าอีกฝ่ายเป็นหมอและมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงเท่านั้น "ตอนนี้อาการของไป๋เหยียนดีขึ้นมากแล้ว ผมว่าจะให้เขามาประจำอยู่ที่ห้องพยาบาล ส่วนหม่าอี้มีความสามารถทางด้านร่างกาย ผมจะให้เขาดูแลเรื่องกีฬา" มหาวิทยาลัยเฉินไห่ขึ้นชื่อเรื่องงานวิจัยและทดลองทางด้านชีววิทยา แต่มีจุดอ่อนคือเรื่องกีฬาทุกชนิด ฉะนั้นเวลามีการแข่งขันมักเป็นอันดับสุดท้ายเสมอ แต่ก็มิได้เสียใจเพราะจุดหมายของพวกเขามีเพียงสิ่งเดียวคือการได้ทุนและทำงานกับศูนย์วิจัยนั่นเอง หลิวอิงต้อนรับเหอไป๋เหยียนและหม่าอี้ด้วยความยินดี พูดคุยฝากฝังพอพป็นพิธี จากนั้นจึงได้ขอตัวกลับเพราะยังมีภารกิจอื่นรออยู่อีกมากมาย เซียวหลางได้ให้เหอไป๋เหยียนและหม่าอี้ทดลองทำงานในวันนี้เลย ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดข้อง มีเพียงหม่าอี้ที่แสดงออกว่าไม่อยากอยู่ห่างอสรพิษหนุ่ม เพียงไม่กี่ชั่วโมงข่าวว่ามีอาจารย์ประจำห้องพยาบาลคนใหม่ก็สะพัดไปทั่วเฉินไห่ และวันนั้นจำนวนนักศึกษาที่ป่วยก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ "อาจารย์ครับผมปวดหัวเหลือเกิน อาจารย์ช่วยรักษาให้ผมทีนะครับ" "ไหน..ขอฉันดูหน่อยสิ" นักศึกษาหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ร่างอรชรที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวคลุมทับชุดด้านในสีเดียวกัน ระยะใกล้จนได้กลิ่นหอมจากเรือนสีเงินเปล่งประกายราวเส้นไหมที่ถูกรวบไว้ด้านหลังเพื่อความเรียบร้อยเผยใบหน้าที่งดงามอย่างชัดเจน ทำเอานักศึกษาหนุ่มถึงกับตาลอยเมื่อได้ยลในระยะใกล้ เดิมทีอสรพิษเกล็ดเงินก็มีความสามารถในการล่อลวงสัตว์ต่างสายพันธุ์อยู่แล้ว ไม่แปลกที่มนุษย์เหล่านี้จะหลงเสน่ห์เขาอย่างง่ายดาย "เธอคงอ่านหนังสือดึกเกินไป คืนนี้ดื่มน้ำอุ่นและเข้านอนแค่หัวค่ำ พรุ่งนี้อาการก็จะดีขึ้นเอง" เขาบอกกับนักศึกษาหนุ่ม "อ้อ..ผมยังเจ็บที่ตรงนี้ด้วยครับอาจารย์" นักศึกษาหนุ่มจับจ้องไปยังดวงตาสีมรกต พลางใช้มือกุมไปที่หัวใจ ยังไม่ทันที่เหอไป๋เหยียนจะทำการตรวจ ก็มีเสียงโวยวายดังขึ้นที่หน้าห้อง นักกีฬาบาสเกตบอลที่แข่งขันอยู่ในโรงยิมเกิดอุบัติเหตุหกล้มศีรษะกระแทกกับเสาจนแตก เพื่อน ๆ จึงพากันหิ้วร่างใส่เปลสนามมาส่ง "อาจารย์ครับ เพื่อนผมหัวแตก อาจารย์ทำแผลให้เขาทีครับ" "รีบพาเขาไปที่เตียงก่อน" ทั้งวันเหอไป๋เหยียนแทบไม่ได้พัก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเป็นตัวเขาเองที่จะแย่ และขณะทำแผลให้นักกีฬาก็เกิดมีเสียงดังขึ้นที่หน้าห้องอีกครั้ง คราวนี้เป็นเสียงไล่คนที่อ้างว่าป่วยให้กลับไปพักผ่อนที่ห้อง ส่วนคนที่ว่าป่วยหนักก็ไล่ให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัย "ฉันเรียกรถพยาบาลให้แล้ว อาการของนายฉันว่าควรสแกนสมองสักหน่อยเผื่อจะกระทบกระเทือน" เซียวเยว่ผลักประตูห้องเข้ามาและบอกกับนักกีฬาหนุ่มที่นั่งรอให้ทำแผลอยู่บนเตียง "ฉะ..ฉันไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก" นักกีฬาหนุ่มพูดขึ้น ครั้นพอถูกจ้องด้วยดวงตาสีทองคู่สวย ก็เกิดขนลุกชันอย่างไม่ตั้งใจ รู้สึกว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่ดีแน่จึงให้เพื่อนรีบพาตัวออกจากห้องพยาบาลโดยเร็ว "ไป๋เหยียน นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!" เจ้าลูกหมาป่าพูดขึ้น เขาตื่นเต้นมากจนเก็บอาการไม่อยู่ทำให้พวงหางสีดำโผล่ออกมาและโบกสะบัดไปมาด้วยความดีใจ "รีบเก็บหางของนายก่อนเถอะ ถ้ามนุษย์มาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องเอา" เหอไป๋เหยียนว่าพลางถอนหายใจ เพิ่งเจอกันเมื่อเช้าไม่รู้จะดีใจอะไรนักหนา "นายใจร้ายมากนะ ถ้าซิงซิงไม่บอก ฉันไม่รู้เลยว่านายมาทำงานอยู่ที่นี่" เจ้าลูกหมาป่าเข้าไปคลอเคลียเหอไป๋เหยียนและดันร่างอรชรให้ล้มลงไปที่เตียง เหอไป๋เหยียนเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องทำเรื่องไม่ดีแน่ ๆ จึงต่อว่าไป แต่เจ้าลูกหมาป่ากลับบอกให้เขานอนพักผ่อนเพราะเหนื่อยกับการตรวจนักศึกษามาค่อนวันแล้ว "ละ..แล้วนายจะตามขึ้นมานอนด้วยทำไม ลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!" มือขาวซีดดันหน้าอกลูกหมาป่าที่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ให้ออกห่างจึงถูกรวบร่างอรชรมากอดเอาไว้แนบแน่น เมื่อหมดทางหนีเหอไป๋เหยียนจำต้องยอมตามใจและบอกให้อีกฝ่ายเก็บพวงหางที่โผล่ออกมาให้เรียบร้อยด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก "เก็บหางเหรอ? ฉันก็เก็บไปแล้วนี่นา" เซียวเยว่ว่าพลางใช้มือคลำไปที่ก้นของตน แต่พวงหางที่เหอไป๋เหยียนพูดถึงนั้นไม่ได้หมายความถึงพวงหางที่อยู่ด้านหลังแต่เป็นพวงที่อยู่ด้านหน้าต่างหาก "ฉันหมายถึงหางด้านหน้าของนายต่างหาก มันทิ่มโดนท้องฉันแล้ว ไม่รู้ตัวหรือไง!" อสรพิษหนุ่มอยากจะกลายร่างกลับไปเป็นงูและเลื้อยหายไปเสียตอนนี้จริง ๆ เดิมทีงูเป็นสัตว์ที่ใช้แทนความหมายในเรื่องของกามอารมณ์อยู่แล้ว เหอไป๋เหยียนซึ่งห่างจากกิจกรรมทางเพศมาถึงห้าปี พอมีสิ่งเร้ามากระทบร่างกายจึงเกิดการตอบสนองขึ้นอย่างง่ายดาย แม้ที่ผ่านมาจะมีหม่าอี้ที่อ้างตัวเป็นคู่หมั้นอยู่ข้างกาย แต่เหอไป๋เหยียนก็ไม่เคยเกิดอารมณ์พิศวาสต่ออาชาหนุ่มสักนิด "ตกใจอะไร เมื่อก่อนพวกเราก็นอนกอดกันแบบนี้อยู่บ่อย ๆ นายจำไม่ได้แบบนี้ ฉันเสียใจนะ" หมาป่าหนุ่มเจ้าเล่ห์แสร้งทำเสียงสะอื้นพลางขยับกายเพื่อให้พวงหางด้านหน้าแนบไปกับร่างอรชร ทำเอาเหอไป๋เหยียนอับอายกว่าเก่า และสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความหน้าด้านของอีกฝ่าย "ฉันจะบอกพ่อของนาย ว่านายรบกวนการทำงานของฉัน คอยดูสิ!" บรรยากาศรอบบึงน้ำหลังมหาวิทยาลัยยังคงอึมครึมและน่ากลัวแม้จะเป็นในเวลากลางวัน หลังข่าวการฆาตกรรมวัยรุ่นที่แอบเข้ามาเสพยาหลุดรอดออกไปได้มีนักศึกษาบางกลุ่มลักลอบเข้ามาบริเวณบึงน้ำเพื่อหาร่องรอยของฆาตกร คนที่ถูกกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้จะถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาจับตัวออกไปและสั่งห้ามไม่ให้กลับมาอีก วังหมิงหยวนก็เป็นหนึ่งในนั้น และเขาก็ไม่ลดละความพยายามที่จะค้นหาตัวฆาตกรให้พบ หลังถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปล่อยตัววังหมิงหยวนได้กลับมาที่บึงน้ำอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาเรียวสอดส่องไปรอบบริเวณเพื่อสำรวจกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ตามกำแพง จากนั้นได้หยิบเอาอุปกรณ์บางอย่างออกมา เขาตั้งใจใช้สิ่งนี้ปล่อยคลื่นสัญญาณไปรบกวนการทำงานของกล้องวงจรปิด จากนั้นค่อยหาทางเข้าไปที่บึงน้ำ เมื่อกล้องวงจรปิดถูกคลื่นสัญญาณรบกวนจึงไม่สามารถจับภาพบริเวณบึงน้ำได้ วังหมิงหยวนจึงฉวยโอกาสนี้ลอบเข้าไปยังจุดที่คาดว่าเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น สิ่งของทุกอย่างยังคงวางอยู่ ณ จุดเดิมไม่ว่าจะเป็นกระป๋องเบียร์หรือเถ้าบุหรี่เพื่อรอการตรวจสอบ เขาจึงใช้กล้องจากมือถือถ่ายรูปจุดเกิดเหตุเอาไว้ วังหมิงหยวนเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบ จากนั้นจึงไปยังริมบึงน้ำ นั่งยองลงข้างกองเลือดที่เริ่มแห้งและมองร่องรอยการต่อสู้ที่หลงเหลืออยู่น้อยนิด ต้นหญ้าบริเวณบึงน้ำแหวกเป็นสองฝั่งเป็นทางยาวประมาณหนึ่ง อุปมานได้ว่าคงมีใครคนหนึ่งกระเด็นและไถลมาทางนี้ ในขณะที่วังหมิงหยวนหันหลังให้กับบึงน้ำ ผิวน้ำที่นิ่งสนิทได้ปรากฏดวงตาสีแดงโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ มันจับจ้องมาทางเขาพร้อมเคลื่อนร่างกายอันใหญ่โตอย่างเชื่องช้าโดยที่ผิวน้ำไม่กระเพื่อม ทำให้วังหมิงหยวนไม่รู้สึกตัวว่าอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ "อย่าแตะต้องมัน!" เสียงทุ้มห้ามขึ้นเมื่อวังหมิงหยวนกำลังจะหยิบบางสิ่งที่ตกอยู่ริมบึงน้ำขึ้นมา "เสี่ยวเยว่ ไหนนายบอกไม่สนใจเรื่องนี้ไง แล้วนายมาที่นี่ได้ยังไงกัน" วังหมิงหยวนทักขึ้นด้วยความประหลาดใจ ตอนเขาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเซียวเยว่ไม่ได้มีท่าทีสนใจสักนิด ครั้นพอชวนให้มาด้วยกันก็ปฏิเสธ และนี่แอบตามเขามาตั้งแต่ตอนไหนกัน ถูกถามไปตั้งมากมายแต่อีกฝ่ายกลับยืนนิ่งทำให้วังหมิงหยวนทำหน้าครุ่นคิด ไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่เซียวเยว่ "นายคือ..เซียวอวี่ใช่มั้ย" พี่น้องตระกูลเซียวนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องรูปงามแล้ว ทั้งคู่ยังเป็นฝาแฝดที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันจนแยกไม่ออก ต่างกันตรงเซียวอวี่แฝดผู้พี่จะมีบุคลิกเงียบขรึมพูดน้อย ในขณะที่เซียวเยว่จะเป็นมิตรกับคนรอบข้างมากกว่า "นายก็สนใจคดีฆาตกรรมนี้ใช่มั้ย ยังไงเรามาร่วมมือ.." "ถ้าไม่อยากตายก็อย่าเข้าใกล้บึงน้ำอีก และอีกอย่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังมา นายรีบไปจากบริเวณนี้ซะ" วังหมิงหยวนพูดยังไม่จบก็ถูกเซียวอวี่แทรกขึ้นเสียก่อน เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เซียวอวี่พูด แค่เข้าใกล้บึงน้ำจะทำให้ตายได้อย่างไรหากไม่ได้ตกลงไป ครั้นเมื่อดูเวลาก็เห็นว่ากล้องวงจรปิดน่าจะกลับมาใช้งานได้ปกติแล้ว หากไม่รีบออกไปตอนนี้คงไม่ดีแน่ "แล้วนายไม่ไปเหรอ?" วังหมิงหยวนถามขึ้นเมื่อเห็นเซียวอวี่ยังคงยืนนิ่งอยู่ริมบึงน้ำ พอเมื่อถามแล้วไม่ได้รับคำตอบวังหมิงหยวนจึงส่ายศีรษะก่อนเดินออกไปคนเดียว หลังวังหมิงหยวนไปแล้ว ดวงตาสีแดงเหนือน้ำได้เบนเป้าหมายมายังเซียวอวี่แทน มันขยับเคลื่อนร่างกายอันใหญ่โตมาทางริมบึงอย่างเงียบเชียบโดยไม่รู้ว่าประสาทหูของลูกหมาป่ากลายพันธุ์นั้นดีเยี่ยมเพียงใด เซียวอวี่หมุนตัวกลับหลัง ดวงตาสีทองแปรเปลี่ยนเป็นประกายเพลิงประสานเข้ากับดวงตาสีแดงก่ำอย่างจัง สิ่งที่อยู่ในบึงน้ำรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหน้ามีความแข็งแกร่งมากกว่า ไม่คุ้มที่จะแลก มันจึงว่ายน้ำถอยห่างก่อนดำลงสู่ใต้บึงน้ำอย่างรวดเร็ว เซียวอวี่ไม่ได้ตามมันไป เพราะถึงเวลาที่เขาต้องกลับแล้ว ร่างสูงเดินไปยังจุดที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพได้และอาศัยต้นไม้ใหญ่พรางตัวหลบออกไป คล้อยหลังเซียวอวี่ไปได้ไม่เท่าไรเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ก็มาถึงบริเวณบึงน้ำ พวกเขาเห็นภาพผู้บุกรุกผ่านกล้องวงจรปิด แต่เมื่อมาถึงกลับไม่พบใครอยู่บริเวณนั้นสักคน แม้ทางมหาวิทยาลัยจะห้ามไม่ให้เข้ามาบริเวณบึงน้ำ แต่ก็ไม่สามารถห้ามความอยากรู้อยากเห็นของนักศึกษาบางกลุ่มได้ และตอนกลางคืน นับเป็นเวลาที่เหมาะสมหากพวกเขาจะเข้าไปค้นหาความจริง ช่วงเวลาหลังสี่ทุ่มได้มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งลักลอบเข้ามายังบริเวณบึงน้ำโดยใช้วิธีการคล้ายกับวังหมิงหยวนคือใช้คลื่นสัญญาณรบกวนกล้องวงจรปิด ถึงจะถ่วงเวลาเจ้าหน้าที่ไว้ได้แต่พวกเขาก็ไม่ได้โชคดีเหมือนวังหมิงหยวน ในขณะที่ทุกคนกำลังสำรวจรอบบึงน้ำ ดวงตาสีแดงก่ำที่ลอยคอรอคอยผู้มาเยือนก็คืบคลานขึ้นมาบนพื้นดิน มันไม่ปล่อยให้ใครได้วิ่งหนี หางที่แข็งแรงและมีลักษณะคล้ายหินฟาดเข้าใส่กลุ่มนักศึกษาจนพวกเขาล้มระเนระนาด จากนั้นมันจึงเข้าไปขย้ำเหยื่อที่อ่อนแอกว่าและฉีกร่างกลืนกินลงท้องไปทีละคน คืนนี้ช่างเงียบสงบเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะหลังสิ้นเสียงร้องโหยหวนของนักศึกษาผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้น หลังกลืนกินเหยื่ออันโอชะลงท้องไปแล้ว ร่างกายอันแสนใหญ่โตของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำนั้นก็นอนนิ่งอาบแสงจันทร์อยู่บนพื้นดิน จนเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก สัตว์ร้ายตัวนั้นก็ได้กลายร่างเป็นมนุษย์ที่มีสองเท้ายืนขึ้นเต็มความสูง มันแสยะยิ้มเหี้ยมและใช้หลังมือปาดคราบเลือดที่มุมปากออก "ดูท่าแกจะยังไม่ลืมสันดานเดิมสินะ" ชายหนุ่มรูปร่างกำยำท่อนบนเปลือยเปล่ามองหาที่มาของเสียงไปรอบตัว ก่อนจะพบว่าเจ้าของเสียงนั้นยืนอยู่บนกิ่งไม้สูงเหนือศีรษะของมัน "แกเป็นใคร แล้วมายุ่งอะไรกับข้าด้วย!" สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่กินเนื้อเป็นอาหารถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ มันเป็นสัตว์กลายพันธุ์ตัวหนึ่งที่ถูกนำออกมาจากเกาะตอนที่ปิศาจหมาป่าอาละวาด แม้จะวิวัฒนาการจนสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งสัญชาตญาณเดิม ดวงตาสีอำพันเหยียดมองจระเข้หนุ่มชั่วครู่ก่อนจะบอกจุดมุ่งหมายในการมาครั้งนี้กับมัน พอได้ฟังจระเข้หนุ่มก็แสยะยิ้มร้ายขึ้นอีกครั้งและตอบตกลงในทันที "หวังว่าแกจะทำสำเร็จนะ" พูดจบร่างนั้นก็หายวับไปจากกิ่งไม้ราวกับหายตัวได้ จระเข้หนุ่มกลายพันธุ์แม้จะมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง แต่มันสมองยังพัฒนาไม่เต็มที่และยังไม่ทิ้งสันดานเดิม สิ่งที่ชายปริศนาคนนั้นต้องการให้มันทำคือการจับตัวมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษในด้านต่าง ๆ มาให้ ซึ่งที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็มีจำนวนนับไม่ถ้วน ส่วนข้อแลกเปลี่ยนก็คือแหล่งอาหารที่มันต้องการ ชายหนุ่มในร่างมนุษย์เดินชื่นชมบรรยากาศยามค่ำคืนจนพอใจ จากนั้นจึงได้กลับสู่ร่างเดิมและค่อย ๆ คืบคลานกลับลงสู่บึงน้ำ รุ่งเช้าแทนที่จะมีข่าวการเสียชีวิตของนักศึกษาทุกอย่างกลับเงียบสนิทราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงข่าวของนักศึกษาใหม่สองคนที่ย้ายมาระหว่างภาคเรียนเท่านั้น ส่วนเหตุการณ์นักศึกษาและคนภายนอกมาเสียชีวิตที่บึงน้ำยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือนก็มีคนเสียชีวิตไปแล้วนับยี่สิบคน และเหตุการณ์เลวร้ายที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักศึกษาที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้าน ทั้งหมดไม่เป็นข่าวใหญ่โตแพร่ออกไปเพราะอิทธิพลของสกุลหลิวที่กุมอำนาจสื่อของเมืองเฉิงเซินไว้ทั้งหมดนั่นเองSPECIAL PARTคืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวายในยุคสมัยที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นยุคที่ผู้คนไม่เชื่อเรื่องภูตผีปิศาจหรือสิ่งเร้นลับอีกต่อไป เทศกาลฮาโลวีนกลับยังได้รับความนิยมจากผู้คนในเมืองเฉินเซินเสมอมาแม้เป็นเทศกาลของชาติตะวันตกก็ตามเมืองเฉินเซินนับเป็นเมืองที่จริงจังกับเทศกาลฮาโลวีนไม่แพ้เมืองอื่น ทุกพื้นที่มีการตกแต่งให้ดูน่ากลัวราวกับอยู่ในเมืองแห่งความตายจริง ๆ ร้านค้าขนาดเล็กจะตกแต่งภายในให้เป็นป่าช้า ห้างขนาดใหญ่ถึงขั้นลงทุนตกแต่งตึกให้เป็นโรงพยาบาลผีสิง บนถนนจะมีหลุมฝังศพและสุสานตลอดเส้นทางที่จริงจังกันขนาดนี้เพราะหากสถานที่ใดตกแต่งได้สมจริงและน่ากลัวที่สุดจะได้รับรางวัลจากผู้ว่าการเมืองเฉินเซิน คิดเป็นมูลค่าแล้วไม่น้อยเลยทีเดียวหลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนภายในเมืองทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแต่งกายในชุดผีหรืออมนุษย์ที่เป็นที่นิยมออกไปเคาะประตูตามบ้านเรือน เมื่อเปิดประตูออกมาคุณอาจจะได้พบกับศพที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็เป็นได้ณ คฤหาสน์สกุลหลิว เด็ก ๆ ต่างรอคอยที่จะออกไปเที่ยวเทศกาลฮาโลวีนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาใช้เวลาเลือกชุดแต่งกายแฟนซีเป็นผีที่ชื่นชอบอยู่นาน สุดท
|PART 26|สิ้นสุดการเดินทางสถานการณ์บนดาดฟ้าของศูนย์วิจัยที่ลักลอบสร้างขึ้นในป่านอกเมืองเฉินเซินในตอนนี้เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อเกิดการประจันหน้าระหว่างพวกของพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนกับหลิวเมิ่งอัน โดยตรงนั้นยังมีจางหลิวซิงที่ควรจะออกไปจากที่นี่แล้วอยู่ด้วยและที่ศีรษะของเขาได้มีปืนจ่ออยู่"หลิวซิง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!""พี่หลิวอิง ทำไมไม่ไปที่รถล่ะครับ"ความเอาแต่ใจของทั้งสองคนสร้างความลำบากใจให้กับพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนที่รับปากจะดูแลจางหลิวซิงและช่วยเหลือหลิวอิงจากศูนย์วิจัยไม่น้อย แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้ เป็นการยากที่เขาจะปกป้องคนสองคนไปพร้อมกัน แม้สัตว์ทดลองด้านล่างจะได้สัตว์กลายพันธุ์ที่มาจากเหว่ยหลางช่วยจัดการก็ตาม"นี่นาย!?"หม่าอี้จำได้ว่าเคยพบกับถังหลินชีบนถนนเส้นที่ใช้เดินทางไปยังเรือนปิงเจี๋ย ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าถังหลินชีก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่เดินทางมาจากเกาะเพราะถังหลินชีได้มาอยู่กับสวีเพ่ยหลังหม่าอี้เดินทางออกจากเกาะมาแล้ว ที่สำคัญถังหลินชียังเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วยถังหลินชียิ้มเป็นมิตร
|PART 25|อดีตที่ถูกเปิดเผยบริเวณโถงใหญ่ภายในถ้ำอสรพิษได้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารรับจ้างกลายพันธุ์กับไป๋จื่ออิงขึ้น ในขณะที่หยางลู่เฉิงได้ใช้ปืนที่บรรจุเซรุ่มสำหรับฆ่าสัตว์กลายพันธุ์โดยเฉพาะยิงใส่วังหมิงหยวนที่พยายามห้ามไม่ให้เขาใช้ระเบิดที่มีความรุนแรงภายในถ้ำน่าแปลก..วังหมิงหยวนที่แสนเชื่องช้าคนนั้นกลับหลบกระสุนได้ทัน หรือเขาจะมีเทพเจ้าแห่งโชคคุ้มครองอยู่อย่างที่พูดกันนะ"ยะ..อย่าครับ อย่าฆ่าผม.."วังหมิงหยวนวิ่งหลบกระสุนที่หยางลู่เฉิงยิงใส่จนขาพันกันทำให้ลื่นล้มลงกับพื้น โถงกว้างไม่มีที่ให้หลบแต่กระสุนนั้นกลับไม่โดนตัวเขาสักนัด เพียงแค่เฉียดไปมาเท่านั้น ทำเอาหยางลู่เฉิงถึงกับหงุดหงิดจึงเปลี่ยนไปออกคำสั่งให้ทหารกลายพันธุ์มาจัดการกับวังหมิงหยวนแทน"จัดการกับไอ้ปอดแหกนี่ซะ!!""ช่วยด้วย!!"วังหมิงหยวนวิ่งวนไปรอบโถงและไปหลบอยู่ด้านหลังของไป๋จื่ออิงจึงถูกไล่ให้พ้นทางเพราะเกะกะการต่อสู้ พื้นที่ที่ถูกจำกัดภายในถ้ำอสรพิษทำให้ไป๋จื่ออิงไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ เช่นนั้นแล้วจึงบอกวังหมิงหยวนให้หาทางช่วยตัวเองไปก่อน แต่เพราะฝีมืออ่อนด้อยทำให้วังหมิงหยวนเพลี่ยงพล้ำถูกทหารรับจ้างกลายพันธุ์ที่มีย
|PART 24|ข้อแลกเปลี่ยนศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินนั้นคือหน่วยงานขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากภาครัฐ ทั้งยังได้รับงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการทดลอง โดยศูนย์วิจัยจะเน้นเรื่องการค้นคว้าและทำการทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อช่วยให้ในอนาคตมนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นลึกเข้าไปภายในป่าที่อยู่นอกเมืองเฉินเซินได้มีศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งซุกซ่อนอยู่ คลื่นสัญญาณรบกวนที่ปกคลุมอยู่ในรัศมียี่สิบกิโลเมตรทำให้ยากแก่การค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้ลักลอบทำการดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนสงครามชีวภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่พวกเขาทำล้วนผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ลักลอบล่าสัตว์ป่า ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนเข้ากล้ามาตรวจสอบเพราะศูนย์วิจัยแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของเมืองเฉินเซินร่างของหลิวอิงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงภายในห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุด เพราะเป็นทายาทของสกุลหลิวเขาจึงได้รับความสนใจจากทั้งห้าสกุลเป็นพิเศษสูงขึ้นไปบนชั้นลอยเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ รวมถึงแพทย์
|PART 23|หนอนบ่อนไส้กลางป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน ถ้าไม่สังเกตให้ดีใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหน้าที่เห็นเป็นหน้าผาเวิ้งว้างนั้นด้านล่างจะมีถ้ำน้ำแข็งซ่อนอยู่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำอสรพิษศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสรพิษเกล็ดเงินไป๋จื่ออิงนำทางทุกคนมาจนถึงริมผา จากนั้นได้โรยตัวลงมาเบื้องล่างจึงได้พบกับทางเข้า"ที่นี่ยังไงล่ะ ถ้ำอสรพิษที่พวกเธอตามหา" ไป๋จื่ออิงบอกกับทุกคนเซียวเยว่และวังหมิงหยวนตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีถ้ำน้ำแข็งที่วิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนโลกใบนี้วังหมิงหยวนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าเพื่อเข้าไปดันประตูน้ำแข็งที่สลักลวดลายของอสรพิษไว้บนนั้นแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงหันกลับไปถามไป๋จื่ออิงด้วยความสงสัย“กุญแจก็ไม่ได้ล็อก ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ”ไป๋จื่ออิงมองวังหมิงหยวนด้วยสายตาสมเพชและเข้าไปยืนเบื้องหน้าประตูน้ำแข็ง ตราสัญลักษณ์บนนั้นทำปฏิกิริยากับตราประทับกลางหน้าผากของเขา จากนั้นประตูจึงได้เปิดออก ไป๋จื่ออิงบอกว่ามีเพียงลูกหลานของอสรพิษเกล็ดเงินเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูนี้ได้"พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ"ได้ยินดังนั้นวั
|PART 22|ถ้ำอสรพิษห้องพักภายในหออสรพิษนอกจากเหอไป๋เหยียนแล้วยังมีหมาป่าหนุ่มอยู่ร่วมห้องด้วยอีกคน โดยหมาป่าหนุ่มอ้างว่าเป็นห่วงลูกที่อยู่ในครรภ์จึงไม่สามารถแยกห้องกับเหอไป๋เหยียนได้เหลือเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่เหอไป๋เหยียนจะครบกำหนดคลอด รูปร่างของเขาในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเต้านมที่ขยายใหญ่จนดึงดูดสายตาของหมาป่าหนุ่มให้จับจ้องไม่วางตา ทั้งหมดเป็นเพราะน้ำเชื้อที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเซียวหลางผู้เป็นบิดานั่นเอง"นายเลิกมองหน้าอกฉันสักทีได้มั้ย สายตาน่าขนลุกเป็นบ้า"เหอไป๋เหยียนว่าพลางวางถ้วยน้ำชาในมือลงก่อนลุกเดินหนีไปที่เตียง แต่หมาป่าหนุ่มได้เดินตามและนั่งข้างกันโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่แต่กับหน้าอกของเหอไป๋เหยียน"ฉันอยากจับหน้าอกของนาย อยากบีบเล่นให้หายคันมือ อยากเลีย อยากดูดแรง ๆ ชะมัด"เหอไป๋เหยียนใบหน้าแดงซ่านเมื่อได้ยินคำขอ เขาไม่คิดว่าหมาป่าหนุ่มจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ เช่นนี้แล้วคงจะนอนร่วมห้องกันไม่ได้แน่ ครั้นพอจะหนีก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับเตียงและอ้อนขอจับให้ได้"นะ..ขอฉันจับนิดหน่อยนะ จับแค่นิดหน่อยจริง ๆ ฉันสัญญา""ฉะ..ฉันไม่เชื่อนายหรอก"เหอไป๋เหยียนเห็น