Главная / วาย / รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ / |PART 5| สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้

Share

|PART 5| สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้

Aвтор: Badberry
last update Последнее обновление: 2025-04-14 15:24:16

|PART 5|

สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้

เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติ

พวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด

"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ

เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข

"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"

กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได้ แค่กัวเจ๋อฟาดหางเพียงครั้งเดียวพื้นที่โดยรอบก็พังราบเป็นหน้ากลอง

กัวเจ๋อเป็นจระเข้ยักษ์ที่ปราดเปรียวแต่ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ที่ดวงตาและจมูกเหมือนจระเข้ทั่วไป เซียวอวี่และเซียวเยว่กางกรงเล็บออกพร้อมกระโจนเข้าใส่กัวเจ๋อ ไม่น่าเชื่อว่าผิวหนังที่แข็งแกร่งทนทานต่ออาวุธกลับพ่ายแพ้ให้กับกรงเล็บของหมาป่ากลายพันธุ์ได้

กัวเจ๋อส่งเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อแผ่นหลังของเขาถูกตะปบด้วยกรงเล็บที่แหลมคม เขาตวัดหางใส่เซียวอวี่ที่กระโดดหลบด้วยท่วงท่าที่งดงาม และถูกเซียวเยว่ใช้กรงเล็บที่แข็งแกร่งราวเพชรแทงทะลุดวงตาจนเลือดสีแดงสดพุ่งทะลัก ก่อนจะถูกเซียวอวี่แทงซ้ำลงไปที่หัวใจ กัวเจ๋อขาดใจตายทันที

จากนั้นร่างของจระเข้ยักษ์กลายพันธุ์ก็ได้กลับสู่ร่างเดิม ประกายตาสีแดงดับวูบลงและกลายเป็นสีเหลืองตามเดิม

"แล้วจะทำยังไงกับสามคนนั้นดีล่ะ"

เซียวเยว่ถามถึงหญิงสาวทั้งสามที่พี่ชายของตนโยนไปไว้ตรงต้นไม้ใหญ่ เมื่อกัวเจ๋อตายไปแล้ว มนต์ที่สะกดพวกเธอไว้จึงได้คลายออก

"ก็ทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ อีกเดียวก็เช้าแล้ว"

"ทำแบบนั้นได้ยังไงกัน พวกเธอเป็นผู้หญิงนะ!" เซียวเยว่ประท้วงขึ้น

เซียวอวี่เห็นว่าบึงน้ำตอนนี้ไม่มีอันตรายและอีกไม่นานก็เช้าแล้ว ประเดี๋ยวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็มาถึง สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือต้องจัดการกับซากจระเข้จำนวนมากเหล่านี้เสียก่อน

ครั้นพอเห็นซากจระเข้ที่นอนตายทำให้เซียวอวี่นึกขึ้นมาได้ว่ามีอยู่หนึ่งคนที่ถูกจระเข้ฟาดหางใส่จนตกลงไปในบึงน้ำ เวลาล่วงมาป่านนี้ คงไม่รอดแล้วล่ะมั้ง

"ฉันมีเรื่องต้องบอกนายนะเยว่หลาง" เซียวอวี่พูดขึ้น

"เรื่องอะไรเหรอ?"

"เรื่องเพื่อนของนาย วังหมิงหยวน.."

"วังหมิงหยวน ทำไมเหรอ?"

"คือ..เขา.."

ยังไม่ทันที่เซียวอวี่จะบอกว่าวังหมิงหยวนตกลงไปในบึงน้ำที่มีจระเข้ และคิดว่าเขาคงไม่รอด พลันในบึงน้ำก็มีบางสิ่งทะลึ่งพรวดขึ้นมา พอมองให้ดีจึงพบว่านั่นคือวังหมิงหยวนนั่นเอง เห็นเช่นนั้นทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่จึงเข้าไปช่วยดึงตัวเขาขึ้นมา

"นึกว่าจะตายซะแล้ว" วังหมิงหยวนทิ้งร่างนอนหายใจหอบ

"อยู่ในน้ำตั้งนาน นายรอดมาได้ยังไงกัน"

เซียวอวี่ไม่เชื่อว่ามนุษย์ธรรมดาจะสามารถอยู่ใต้น้ำได้เป็นชั่วโมงโดยไม่มีเครื่องช่วยหายใจ วังหมิงหยวนจึงเล่าให้ฟังว่าขณะที่เซียวอวี่และเซียวเยว่กำลังต่อสู้กับกัวเจ๋อ ตัวเขาได้ว่ายน้ำไปหลบอยู่อีกฝั่งของบึงและมองดูด้วยความตื่นเต้น พอทุกอย่างคลี่คลายจึงว่ายน้ำกลับมาแต่เกิดหมดแรงเสียก่อน

"นายปลอดภัยก็ดีแล้ว" เซียวเยว่พูดขึ้น

"ว่าแต่พวกนายเถอะ ไม่น่าเชื่อว่าเก่งถึงขนาดฆ่าจระเข้ได้เป็นฝูง ไหนจะกัวเจ๋อ ไม่อยากเชื่อว่าเป็น..เป็น.."

จู่ ๆ วังหมิงหยวนก็ตกอยู่ในภวังค์เมื่อสบเข้ากับดวงตาสีทองของเซียวเยว่

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมนุษย์ไม่ควรจะรับรู้และหลงเหลืออยู่ในความทรงจำ พวกเขาไม่รู้ว่าวังหมิงหยวนเห็นอะไรมากแค่ไหน การลบความทรงจำของเขาไปนับว่าดีที่สุด

เมื่อดวงตาสีทองเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง วังหมิงหยวนก็หมดสติทันที เขาตื่นขึ้นอีกครั้งเพราะเสียงเรียกของเซียวเยว่

"หมิงหยวน วังหมิงหยวน นายจะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะ รีบตื่นได้แล้ว"

วังหมิงหยวนปรือตาขึ้นและเห็นเซียวเยว่อยู่เบื้องหน้า เขามองไปรอบตัว ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมราวกับไม่เคยมีการต่อสู้เกิดขึ้น ส่วนหญิงสาวทั้งสามคนก็ถูกลบความทรงจำเช่นกัน พวกเธอจะลืมเหตุการณ์ทุกอย่างหลังก้าวเท้าพ้นจากบึงน้ำไปแล้ว

"ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" วังหมิงหยวนยังมีอาการมึนงงถามขึ้นและมองไปรอบตัว

"นายนัดฉันให้มาหาบอกมีอะไรจะให้ดู พอฉันมาถึงก็เห็นนายนอนหลับอยู่ ถ้าง่วงมากทำไมไม่กลับไปนอนที่ห้องล่ะ" เซียวเยว่บอกกับวังหมิงหยวน

วังหมิงหยวนจำไม่ได้สักนิดว่านัดเซียวเยว่มาที่บึงน้ำ รู้แต่เพียงว่ามีเรื่องสำคัญมากที่ต้องทำถึงได้มาที่นี่ แต่ก็นึกไม่ออกว่าคือเรื่องอะไร

"ถ้าไม่มีอะไรฉันว่าพวกเราก็กลับกันเถอะ นี่ก็ใกล้เช้าแล้วด้วย"

เซียวเยว่ดึงแขนวังหมิงหยวนให้ลุกขึ้นและให้ซ้อนท้ายจักรยานไฟฟ้าที่เซียวอวี่นำมาจอดไว้พาไปส่งยังหอพัก เพราะระยะทางจากบึงน้ำมายังหอพักไม่ใช่ใกล้ ๆ

หลังส่งหวังหมิงหยวนเรียบร้อยเซียวเยว่ก็ขี่จักรยานมาที่หน้ามหาลัยและยกมันให้กับคนที่ผ่านทางมา จากนั้นจึงได้วิ่งมุ่งตรงไปยังเหว่ยหลาง เพราะฝีเท้าของหมาป่ากลายพันธุ์นั้นรวดเร็วกว่าจักรยานไฟฟ้าหลายเท่านัก

คฤหาสน์เหว่ยหลาง

"..ไป๋เหยียน ไป๋เหยียน ฉันอยากไปเล่นน้ำ นายพาฉันไปหน่อยสิ.."

เสียงเล็ก ๆ ของลูกหมาป่าพูดขึ้น พร้อมใช้มือป้อม ๆ ลูบลงบนเรือนผมสีเงินที่พลิ้วไหวไปตามสายลม

"เจ้าตัวน้อยทำไมถึงมาคนเดียวล่ะ แล้วซิงซิงล่ะไปไหน?"

ถามพลางใช้มือขาวซีดอุ้มตัวลูกหมาป่าตัวน้อยขึ้นมานั่งบนตัก เสี่ยวเยว่นั้นติดเหอไป๋เหยียนยิ่งกว่าจางหลิวซิงผู้เป็นพ่อเสียอีก ส่วนราชาหมาป่านั้นไม่ต้องพูดถึง อยู่ให้ไกลไว้ล่ะดีที่สุด

"อวี่เอ๋อร์กับท่านพ่อแย่งซิงซิงไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร เพราะเยว่เอ๋อร์ชอบอยู่กับไป๋เหยียนมากกว่า"

"นายต้องเรียกฉันว่าท่านอานะ ท่านพ่อของนายไม่ได้บอกหรือไง"

ราชาหมาป่านั้นไม่เคยบอกจริง ๆ นั่นแหละ แต่จางหลิวซิงนั้นสั่งสอนลูกอย่างดี เสียวอวี่จะเรียกเหอไป๋เหยียนว่าท่านอา แต่เสี่ยวเยว่นั้นกลับไม่ยอมเรียก

"เยว่เอ๋อร์ไม่เรียกท่านอา เพราะไป๋เหยียนไม่ใช่ท่านอา ไป๋เหยียนเป็นคนรักของเยว่เอ๋อร์ต่างหาก"

อสรพิษเกล็ดเงินถึงกับหลุดยิ้มเมื่อได้ฟังคำพูดแก่แดดที่ออกมาจากปากของลูกหมาป่าที่ไร้เดียงสา และเขาก็ไม่บังคับใจเจ้าตัวน้อยให้ทำตาม ร่างอรชรลุกขึ้นยืนโดยอุ้มเยว่หลางไว้ในอ้อมอกและพาไปเล่นน้ำตามที่อีกฝ่ายต้องการ

"ตัวหนักขึ้นนะ อีกหน่อยฉันคงอุ้มนายไม่ไหวแน่"

"ถ้าเยว่เอ๋อร์โตเมื่อไหร่ เยว่เอ๋อร์จะเป็นคนอุ้มไป๋เหยียนเองนะ"

"ฮ่า ๆ ๆ ฉันจะรอวันนั้นนะ"

เหอไป๋เหยียนลูบศีรษะน้อย ๆ อย่างเอ็นดู ในตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจคำพูดไร้เดียงสาของเจ้าลูกหมาป่าตัวน้อยสักนิด ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นหมายมั่นจะเติบโตโดยเร็ว เพื่อจะได้อุ้มร่างอรชรของอสรพิษเกล็ดเงินบ้าง

แสงแดดในยามสายสาดเข้ามาในห้อง ดวงตาสีมรกตจึงค่อย ๆ ลืมขึ้น ระยะหลังเหอไป๋เหยียนมักฝันเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง ในความฝันนั้นมีทั้งเรื่องที่มีความสุขและเรื่องที่น่ากลัวสลับกันไป

ด้วยความที่นอนท่าเดิมมานานเหอไป๋เหยียนจึงขยับร่างกายพื่อเปลี่ยนอิริยาบถและคลายความเมื่อยล้า ขณะเหยียดกาย ฝ่ามือได้ไปสัมผัสถูกร่างกายกำยำเข้า คราแรกเขาคิดว่าเป็นหม่าอี้ แต่เท่าที่รู้จักอาชาหนุ่มมาหลายปีไม่มีสักครั้งที่หม่าอี้จะเข้าห้องของเขาโดยไม่เคาะประตูบอกก่อน หรือว่าครั้งนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นนะ

"เอ่อ..หม่าอี้ ฉันว่านายควรกลับไปนอนที่ห้องของนายจะดีกว่านะ"

ด้วยความที่ไม่มีใจพิศวาสหรือคิดเกินเลยกับหม่าอี้ เหอไป๋เหยียนจึงพูดปฏิเสธออกไปอย่างนุ่มนวล ครานี้กลับถูกท่อนแขนแข็งแกร่งรวบร่างอรชรเข้าไปสวมกอดไว้แนบแน่น จนท่อนแขนเรียวเล็กเจ็บร้าว

"นี่นายนอนกับไอ้ม้าบ้านั่นแล้วเหรอ!!"

"..!?"

เสียงทุ้มเต็มไปด้วยแรงโกรธถามขึ้นทำเหอไป๋เหยียนหน้าแดงซ่าน พยายามดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของหมาป่าหนุ่ม

"อะ..ไอ้เด็กบ้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

เหอไป๋เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด กำปั้นขาวซีดทุบลงบนหน้าอกที่แข็งแกร่งสุดแรงแต่ไม่ระคายผิวอีกฝ่ายสักนิด จนเมื่อเซียวเยว่พลิกตัวขึ้นมาคร่อมอยู่ด้านบนและตรึงแขนทั้งสองข้างของเขาไว้กับเตียง

"ทำไมนายถึงเอาแต่ไล่ฉันล่ะ ฉันเสียใจนะไป๋เหยียน"

เหอไป๋เหยียนจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหมาป่าหนุ่มและเกิดเห็นเป็นภาพทับซ้อนกับลูกหมาป่าในความฝัน เขาจึงพยายามทบทวนความฝันนั้นอีกครั้ง คราวนี้ปรากฏเป็นภาพของภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตัดสลับกับภาพบนเกาะที่มนุษย์และสัตว์หลายชนิดกำลังวิ่งหนีตายกันชุลมุน พอยิ่งคิดก็ทำให้ปวดหัวมากยิ่งขึ้น จนต้องส่งเสียงร้องออกมา

"อะ..โอ๊ยย.."

"ไป๋เหยี๋ยนนายเป็นอะไรไป ปวดหัวเหรอ ฉันจะไปตามซิ่วซิ่วมาให้นะ"

เซียวเยว่ลงจากร่างอรชรที่คร่อมอยู่ด้วยความตกใจ พุ่งตัวจะออกไปตามกวางสาวซิ่วซิ่วให้มาดูอาการแต่ถูกห้ามเอาไว้ก่อน เหอไปเหยียนบอกว่าตัวเขาไม่เป็นอะไรมาก นอนพักสักหน่อยก็หาย เซียวเยว่จึงกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้งและดึงร่างอรชรขึ้นมานอนทับบนหน้าอก เหอไป๋เหยียนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อต้านจึงจำยอมแต่โดยดี และการอยู่ในท่านี้ก็ทำให้เขารู้สึกสบายตัวขึ้น

ก๊อก ๆ

"ไป๋เหยียนคุณตื่นหรือยัง วันนี้ผมว่าจะ.."

เป็นหม่าอี้ที่เคาะประตูก่อนจะเปิดออก ครั้นพอเห็นว่าบนเตียงของเหอไป๋เหยียนมีผู้ชายอยู่บนนั้นก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง ไม่รอช้า ก้าวพรวดเข้าไปด้านในทันที

"ธะ..เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!" อาชาหนุ่มผิวสีเข้มกำหมัดแน่นกัดฟันกรอดถามหมาป่าหนุ่มที่อสรพิษเกล็ดเงินนอนแอบอิงอยู่

"ท่านพ่ออนุญาตให้ฉันมาอยู่ที่นี่ได้" เขาบอกกับหม่าอี้

หลังจัดการกับกัวเจ๋อเป็นที่เรียบร้อย เซียวเยว่ไม่ได้กลับบ้านแต่ตรงมาที่เหว่ยหลางโดยทันที เขาลอบเข้ามาในห้องนอนของเหอไป๋เหยียนและนอนด้วยกันทั้งคืนโดยที่เหอไป๋เหยียนไม่รู้สึกตัว ทั้งที่ปกติงูจะมีสัญชาตญาณในการระวังตัวสูงเป็นพิเศษ

"ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ควรอยู่ห้องเดียวกับไป๋เหยียน ที่นี่มีห้องว่างอีกเยอะ ฉันจะให้คนจัดห้องฝั่งตะวันออกให้เธอเอง"

หม่าอี้ต้องการแยกเซียวเยว่ออกจากเหอไป๋เหยียนโดยให้ไปพักอยู่อีกฟากของคฤหาสน์ ซึ่งไกลจากห้องของเหอไป๋เหยียน แม้รู้ทั้งรู้ว่ามันไร้ประโยชน์และไม่ช่วยให้ความหึงหวงในใจของเขาเบาบางลงก็ตาม

"ก็ได้ รบกวนนายด้วยก็แล้วกัน"

สำหรับเซียวเยว่แล้ว หม่าอี้จะจัดห้องให้ไกลแค่ไหนก็ไม่สำคัญ เพราะเขาตั้งใจจะมุดมุ้งของเหอไป๋เหยียนทุกคืนอยู่แล้ว

"วันนี้เธอไม่มีเรียนเหรอ สายป่านนี้แล้วนะ" หม่าอี้พูดขึ้น

"นายลืมไปแล้วหรือไงว่ามหาลัยปิดหนึ่งเดือนเพราะมีการแข่งขันวิชาการ"

เพราะมัวแต่กังวลใจเรื่องของเซียวเยว่ทำให้หม่าอี้ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท แบบนี้เท่ากับว่าหมาป่าหนุ่มก็มีโอกาสใกล้ชิดกับเหอไป๋เหยียนของเขามากขึ้นนะสิ แม้ห้าปีที่ผ่านมาเหอไป๋เหยียนจะยังจำเรื่องราวบนเกาะได้ไม่ทั้งหมด แต่หม่าอี้ก็รู้อยู่แก่ใจว่าความทรงจำบางส่วนของเหอไป๋เหยียนนั้นเริ่มเป็นรูปร่างขึ้นมาแล้ว

"จะยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้พวกนายสองคนควรออกจากห้องฉันไปได้แล้ว"

เหอไป๋เหยียนลำบากใจทุกครั้งเมื่อเซียวเยว่เผชิญหน้ากับหม่าอี้ ที่สำคัญตอนนี้เขาอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เต็มทีแล้ว

เมื่อให้เซียวเยว่และหม่าอี้ออกจากห้องไปแล้ว เหอไป๋เหยียนได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพื่อไล่ความอึดอัดก่อนจะเข้าไปในห้องอาบน้ำ มือขาวซีดปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ห่มกายลงไปกองอยู่กับพื้น ดวงตาสีมรกตจับจ้องเรือนร่างอรชรเบื้องหน้าที่ปรากฏเครื่องเพศชัดเจน บุรุษบนโลกใบนี้ก็มีตั้งมากมาย ทำไมเจ้าลูกหมาป่ากับอาชาหนุ่มถึงต้องมายึดติดกับเขาขนาดนี้ด้วยนะ

จากนั้นเหอไปเหยียนได้หันด้านข้างของร่างกายเข้ากับกระจก ตรงช่วงเอวมีเกล็ดคล้ายอัญมณีสีเงินขนาดเท่ารอยปานปรากฏอยู่ เขาไม่ตกใจเพราะนั่นคือสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ที่สืบทอดกันมา และยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าในอีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนจะสามารถกลายร่างได้อีกครั้ง

เมื่อมีโอกาสได้อยู่กับเหอไป๋เหยียนทั้งวัน เซียวเยว่จึงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายคลาดสายตา ตามติดเป็นเงาตามตัวและยังคอยกีดกันหม่าอี้ไม่ให้เข้าใกล้อีกด้วย ทำเอาอาชาหนุ่มผู้แสนสุขุมถึงกับนั่งไม่ติด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่นานเขาต้องเสียผู้เป็นที่รักให้กับหมาป่าหนุ่มแน่ ๆ

"ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอร้องล่ะ คืนนี้นายอย่ารบกวนการนอนของฉันเลยนะ" เหอไปเหยียนบอกกับเซียวเยว่

หมาป่าหนุ่มออกอาการอิดออดเพราะไม่อยากอยู่ห่างจากเหอไป๋เหยียน ถึงอย่างนั้นก็ไม่รั้นที่จะอยู่ จึงกำชับเหอไป๋เหยียนให้ทานยาและเข้านอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้า จากนั้นจึงได้กลับห้องพักฝั่งตะวันออกที่หม่าอี้จัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งห้องนั้นอยู่ตรงข้ามกับห้องของเหอไป๋เหยียนไปคนละทิศ

หลังเซียวเยว่พ้นไปแล้ว หม่าอี้ได้ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องของเหอไป๋เหยียนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดกันแน่น ในแววตากำลังครุ่นคิดบางอย่าง เขาถอนใหายจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนตัดสินใจเคาะประตู

"คุณยังไม่นอนอีกเหรอ?" หม่าอี้ถามขึ้น

"ใกล้แล้วล่ะ" เหอไปเหยียนบอกกับหม่าอี้

"ได้ยินว่าวันนี้คุณปวดหัว ผมเลยให้ซิ่วซิ่งต้มยาบำรุงมาให้"

หม่าอี้ยื่นแก้วกระเบื้องเคลือบสีหยกที่มีฝาปิดอยู่ส่งให้ เห็นว่าเหอไป๋เหยียนนั้นถูกเซียวเยว่ตามตื้อมาทั้งวันคงจะเหนื่อย แค่นอนพักคงไม่พอจึงนำยาบำรุงมาให้ดื่มเพื่อให้นอนหลับสบาย

"ขอบใจนะ" ด้วยความเกรงใจเหอไป๋เหยียนจึงรับถ้วยยาบำรุงที่หม่าอี้นำมาให้ยกขึ้นดื่ม

หม่าอี้มองเหอไป๋เหยียนไม่วางตาจนอีกฝ่ายดื่มยาจนหมด จากนั้นจึงได้บอกกับเหอไป๋เหยียนว่าวันนี้ทั้งวันพวกเขาแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ฉะนั้นในฐานะคู่หมั้นจึงขอเวลาอยู่ด้วยกันสักนิดในยามนี้ ซึ่งเหอไป๋เหยียนเองก็ตอบตกลง

นิสัยดั้งเดิมของเหอไป๋เหยียนนั้นช่างเจรจา แต่เมื่ออยู่ลำพังกับหม่าอี้เขากลับไม่รู้จะพูดคุยอย่างไร และตัวหม่าอี้เองก็ไม่ใช่คนพูดเก่งโดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าเหอไป๋เหยียน

บทสนทนาของทั้งคู่จึงเป็นเพียงบทสนทนาสั้น ๆ ถามคำตอบคำแต่กลับใช้เวลาไปถึงสิบนาที และตอนนั้นเองที่เหอไป๋เหยียนรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ทีแรกคิดว่าเป็นอาการที่ยังหลงเหลือจากการบาดเจ็บเมื่อห้าปีก่อน สักพักจึงรู้ว่ามันไม่ใช่

"เกิดอะไรขึ้น ไป๋เหยียน คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า!"

อาชาหนุ่มผิวเข้มเข้ามาดูอาการของเหอไป๋เหยียนอย่างกระตือรือร้น ครั้นพอสัมผัสถูกต้นแขนบอบบางก็หลุดยิ้มออกมาทีหนึ่ง

อุณหภูมิร่างกายของเหอไป๋เหยียนในตอนนี้สูงขึ้นจนทำให้ใบหน้าขาวราวหิมะเปลี่ยนมาเป็นชมพูระเรื่อ ดวงตาสีมรกตเป็นประกายวาววับก่อนร่างอรชรจะอ่อนยวบลงไปบนเตียงหลังใหญ่

"ผมขอโทษที่ต้องทำแบบนี้"

หม่าอี้เอ่ยออกมาเสียงแผ่ว เพราะเขารู้สึกกังวลใจที่เซียวเยว่มาใกล้ชิดกับเหอไป๋เหยียนจึงแอบใส่ยาปลุกเซ็กซ์ลงในยาบำรุงและนำมาให้เหอไป๋เหยียนดื่ม คนอุตส่าห์เฝ้าถนอมดูแลมาถึงห้าปีจะยอมเสียให้กับคนอื่นได้อย่างไร แม้จะเป็นการทำผิดต่อเหอไป๋เหยียน แต่หม่าอี้คิดว่าอีกฝ่ายคงเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาและยกโทษให้

สำหรับอสรพิษเกล็ดเงินเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์จะใช้เวลาอย่างต่ำสองสัปดาห์ในการร่วมรักกับคู่ แต่เพราะการกลายพันธุ์เหอไป๋เหยียนจึงสามารถควบคุมความต้องการนี้ได้ ห้าปีที่ผ่านมาเขาจึงไม่เกิดอารมณ์อยากร่วมรักกับหม่าอี้สักครั้ง

อาชาหนุ่มผิวเข้มมองเรือนร่างอรชรปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์บนร่างขาวซีดออกด้วยท่าทางที่ยั่วยวน เรือนผมสีเงินถูกปล่อยสยายปกคลุมยอดอกสีอ่อนหวาน ส่วนสืบพันธุ์เหลือเพียงหนึ่งเดียวเมื่ออยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ผู้ชาย

เหอไป๋เหยียนในยามนี้ช่างเย้ายวน จนทำให้ร่างกายของหม่าอี้เกิดอาการร้อนวูบวาบและชา กลิ่นที่โชยจากเรือนร่างอรชรนั้นหอมหวานชวนให้ลุ่มหลง หากมนุษย์ได้เสพกลิ่นนี้เข้าไปแล้วก็ยากจะถอนตัว ล้วนต้องตกเป็นทาสรักของอสรพิษหนุ่มผู้งดงามจนวันตาย ขนาดอาชาหนุ่มอย่างหม่าอี้ยังหลงเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเรียกสติกลับคืนมาได้ หม่าอี้พยายามตั้งสติไม่ให้ถูกเสน่ห์ของอสรพิษเกล็ดเงินเข้าครอบงำได้อีก แม้ร่างกายในยามนี้จะตื่นตัวขึ้นเพราะฟีโรโมนของอีกฝ่ายก็ตาม

อาชาหนุ่มผีสีเข้มก้าวขึ้นไปบนเตียงด้วยหัวใจที่สั่นระรัว จ้องมองเรือนร่างกึ่งเปลือยที่งดงามจนเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ก่อนกระโจนเข้าปลุกปล้ำเหอไป๋เหยียนอย่างหื่นกระหาย

ขึ้นชื่อว่าเป็นอสรพิษซึ่งเป็นตัวแทนในเรื่องของกามารมณ์ ประกอบกับร่างกายถูกกระตุ้นให้เกิดความต้องการสืบพันธุ์ เหอไป๋เหยียนจึงขาดการยับยั้งชั่งใจ ไม่ต่างจากมนุษย์ที่โดนยาปลุกเซ็กซ์จนทำให้ขาดสติ

หม่าอี้จุมพิตริมฝีปากสีชาด พลางสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปด้านใน ดูดกลืนเหอไป๋เหยียนอย่างกระหาย อาชาหนุ่มที่แสนสุภาพและอบอุ่นยามนี้ช่างดูป่าเถื่อนราวกับม้าศึก แม้จะยั้งใจแต่ก็ถูกมนต์เสน่ห์ของเหอไป๋เหยียนเข้าครอบงำจนได้

หม่าอี้ตั้งใจจะอ่อนโยนกับเหอไป๋เหยียนแต่ไม่สามารถทำได้ ไม่นานอาชาหนุ่มผิวเข้มก็ตกอยู่ในร่างเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับเหอไป๋เหยียน รูปร่างของหม่าอี้นั้นแข็งแรง กล้ามเนื้อหนาแน่นกำยำ โดยเฉพาะสิ่งที่แสดงความเป็นบุรุษเพศ มีขนาดไม่ด้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมสักนิด

เหอไป๋เหยียนสามารถผสมพันธุ์กับหม่าอี้ในฐานะตัวเมียได้ เพราะแต่เดิมเผ่าพันธุ์ของเขาก็มิได้ระบุเพศอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาชอบที่จะเป็นฝ่ายกระทำมากกว่า แต่ในยามนี้ร่างกายของเขาถูกทำให้เป็นฝ่ายถูกกระทำ จึงมิอาจต่อต้าน ทำได้เพียงปล่อยตัวไปตามแรงแห่งอารมณ์เท่านั้น

ดูเหมือนอารมณ์ของหม่าอี้จะกระเจิงยิ่งกว่าเหอไป๋เหยียน เขาเคยผสมพันธุ์กับตัวเมียในเผ่าพันธุ์มาบ้างแต่ไม่เคยรู้สึกเสียวซ่านเช่นครั้งนี้ ร่างกายที่อ่อนนุ่มของเหอไป๋เหยียนช่างพิเศษนัก ยามปลายนิ้วแข็งกระด้างของอาชาหนุ่มสัมผัสโดนช่องทางต้องห้ามของบุรุษ ตรงนั้นของเหอไปเหยียนก็ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหล่อลื่นเพื่อรอรับการผสมพันธุ์

หม่าอี้ต้องการสอดแทรกตัวตนอันใหญ่โตของเขาเข้าไปในร่างกายของเหอไป๋เหยียนเพื่อตีตราร่างอรชรนี้ไว้ กันไม่ให้หมาป่าหนุ่มวัยกำหนัดเข้าใกล้

เขาเปลี่ยนท่วงท่าเพื่อร่วมรักกับเหอไป๋เหยียนได้ถนัด อาชาหนุ่มผิวสีเข้มใช้มือหยาบหนาสาวชักสัญลักษณ์แห่งบุรุษเพศเพื่อกระตุ้นให้มันขยายใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นไปอีก ก่อนจะกดดันสิ่งนั้นเข้าไปในช่องทางที่เปียกชื้นของเหอไป๋เหยียน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   SPECIAL PART คืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวาย

    SPECIAL PARTคืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวายในยุคสมัยที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นยุคที่ผู้คนไม่เชื่อเรื่องภูตผีปิศาจหรือสิ่งเร้นลับอีกต่อไป เทศกาลฮาโลวีนกลับยังได้รับความนิยมจากผู้คนในเมืองเฉินเซินเสมอมาแม้เป็นเทศกาลของชาติตะวันตกก็ตามเมืองเฉินเซินนับเป็นเมืองที่จริงจังกับเทศกาลฮาโลวีนไม่แพ้เมืองอื่น ทุกพื้นที่มีการตกแต่งให้ดูน่ากลัวราวกับอยู่ในเมืองแห่งความตายจริง ๆ ร้านค้าขนาดเล็กจะตกแต่งภายในให้เป็นป่าช้า ห้างขนาดใหญ่ถึงขั้นลงทุนตกแต่งตึกให้เป็นโรงพยาบาลผีสิง บนถนนจะมีหลุมฝังศพและสุสานตลอดเส้นทางที่จริงจังกันขนาดนี้เพราะหากสถานที่ใดตกแต่งได้สมจริงและน่ากลัวที่สุดจะได้รับรางวัลจากผู้ว่าการเมืองเฉินเซิน คิดเป็นมูลค่าแล้วไม่น้อยเลยทีเดียวหลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนภายในเมืองทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแต่งกายในชุดผีหรืออมนุษย์ที่เป็นที่นิยมออกไปเคาะประตูตามบ้านเรือน เมื่อเปิดประตูออกมาคุณอาจจะได้พบกับศพที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็เป็นได้ณ คฤหาสน์สกุลหลิว เด็ก ๆ ต่างรอคอยที่จะออกไปเที่ยวเทศกาลฮาโลวีนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาใช้เวลาเลือกชุดแต่งกายแฟนซีเป็นผีที่ชื่นชอบอยู่นาน สุดท

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 26| สิ้นสุดการเดินทาง

    |PART 26|สิ้นสุดการเดินทางสถานการณ์บนดาดฟ้าของศูนย์วิจัยที่ลักลอบสร้างขึ้นในป่านอกเมืองเฉินเซินในตอนนี้เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อเกิดการประจันหน้าระหว่างพวกของพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนกับหลิวเมิ่งอัน โดยตรงนั้นยังมีจางหลิวซิงที่ควรจะออกไปจากที่นี่แล้วอยู่ด้วยและที่ศีรษะของเขาได้มีปืนจ่ออยู่"หลิวซิง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!""พี่หลิวอิง ทำไมไม่ไปที่รถล่ะครับ"ความเอาแต่ใจของทั้งสองคนสร้างความลำบากใจให้กับพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนที่รับปากจะดูแลจางหลิวซิงและช่วยเหลือหลิวอิงจากศูนย์วิจัยไม่น้อย แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้ เป็นการยากที่เขาจะปกป้องคนสองคนไปพร้อมกัน แม้สัตว์ทดลองด้านล่างจะได้สัตว์กลายพันธุ์ที่มาจากเหว่ยหลางช่วยจัดการก็ตาม"นี่นาย!?"หม่าอี้จำได้ว่าเคยพบกับถังหลินชีบนถนนเส้นที่ใช้เดินทางไปยังเรือนปิงเจี๋ย ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าถังหลินชีก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่เดินทางมาจากเกาะเพราะถังหลินชีได้มาอยู่กับสวีเพ่ยหลังหม่าอี้เดินทางออกจากเกาะมาแล้ว ที่สำคัญถังหลินชียังเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วยถังหลินชียิ้มเป็นมิตร

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 25| อดีตที่ถูกเปิดเผย

    |PART 25|อดีตที่ถูกเปิดเผยบริเวณโถงใหญ่ภายในถ้ำอสรพิษได้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารรับจ้างกลายพันธุ์กับไป๋จื่ออิงขึ้น ในขณะที่หยางลู่เฉิงได้ใช้ปืนที่บรรจุเซรุ่มสำหรับฆ่าสัตว์กลายพันธุ์โดยเฉพาะยิงใส่วังหมิงหยวนที่พยายามห้ามไม่ให้เขาใช้ระเบิดที่มีความรุนแรงภายในถ้ำน่าแปลก..วังหมิงหยวนที่แสนเชื่องช้าคนนั้นกลับหลบกระสุนได้ทัน หรือเขาจะมีเทพเจ้าแห่งโชคคุ้มครองอยู่อย่างที่พูดกันนะ"ยะ..อย่าครับ อย่าฆ่าผม.."วังหมิงหยวนวิ่งหลบกระสุนที่หยางลู่เฉิงยิงใส่จนขาพันกันทำให้ลื่นล้มลงกับพื้น โถงกว้างไม่มีที่ให้หลบแต่กระสุนนั้นกลับไม่โดนตัวเขาสักนัด เพียงแค่เฉียดไปมาเท่านั้น ทำเอาหยางลู่เฉิงถึงกับหงุดหงิดจึงเปลี่ยนไปออกคำสั่งให้ทหารกลายพันธุ์มาจัดการกับวังหมิงหยวนแทน"จัดการกับไอ้ปอดแหกนี่ซะ!!""ช่วยด้วย!!"วังหมิงหยวนวิ่งวนไปรอบโถงและไปหลบอยู่ด้านหลังของไป๋จื่ออิงจึงถูกไล่ให้พ้นทางเพราะเกะกะการต่อสู้ พื้นที่ที่ถูกจำกัดภายในถ้ำอสรพิษทำให้ไป๋จื่ออิงไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ เช่นนั้นแล้วจึงบอกวังหมิงหยวนให้หาทางช่วยตัวเองไปก่อน แต่เพราะฝีมืออ่อนด้อยทำให้วังหมิงหยวนเพลี่ยงพล้ำถูกทหารรับจ้างกลายพันธุ์ที่มีย

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 24| ข้อแลกเปลี่ยน

    |PART 24|ข้อแลกเปลี่ยนศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินนั้นคือหน่วยงานขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากภาครัฐ ทั้งยังได้รับงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการทดลอง โดยศูนย์วิจัยจะเน้นเรื่องการค้นคว้าและทำการทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อช่วยให้ในอนาคตมนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นลึกเข้าไปภายในป่าที่อยู่นอกเมืองเฉินเซินได้มีศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งซุกซ่อนอยู่ คลื่นสัญญาณรบกวนที่ปกคลุมอยู่ในรัศมียี่สิบกิโลเมตรทำให้ยากแก่การค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้ลักลอบทำการดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนสงครามชีวภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่พวกเขาทำล้วนผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ลักลอบล่าสัตว์ป่า ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนเข้ากล้ามาตรวจสอบเพราะศูนย์วิจัยแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของเมืองเฉินเซินร่างของหลิวอิงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงภายในห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุด เพราะเป็นทายาทของสกุลหลิวเขาจึงได้รับความสนใจจากทั้งห้าสกุลเป็นพิเศษสูงขึ้นไปบนชั้นลอยเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ รวมถึงแพทย์

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 23| หนอนบ่อนไส้

    |PART 23|หนอนบ่อนไส้กลางป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน ถ้าไม่สังเกตให้ดีใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหน้าที่เห็นเป็นหน้าผาเวิ้งว้างนั้นด้านล่างจะมีถ้ำน้ำแข็งซ่อนอยู่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำอสรพิษศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสรพิษเกล็ดเงินไป๋จื่ออิงนำทางทุกคนมาจนถึงริมผา จากนั้นได้โรยตัวลงมาเบื้องล่างจึงได้พบกับทางเข้า"ที่นี่ยังไงล่ะ ถ้ำอสรพิษที่พวกเธอตามหา" ไป๋จื่ออิงบอกกับทุกคนเซียวเยว่และวังหมิงหยวนตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีถ้ำน้ำแข็งที่วิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนโลกใบนี้วังหมิงหยวนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าเพื่อเข้าไปดันประตูน้ำแข็งที่สลักลวดลายของอสรพิษไว้บนนั้นแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงหันกลับไปถามไป๋จื่ออิงด้วยความสงสัย“กุญแจก็ไม่ได้ล็อก ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ”ไป๋จื่ออิงมองวังหมิงหยวนด้วยสายตาสมเพชและเข้าไปยืนเบื้องหน้าประตูน้ำแข็ง ตราสัญลักษณ์บนนั้นทำปฏิกิริยากับตราประทับกลางหน้าผากของเขา จากนั้นประตูจึงได้เปิดออก ไป๋จื่ออิงบอกว่ามีเพียงลูกหลานของอสรพิษเกล็ดเงินเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูนี้ได้"พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ"ได้ยินดังนั้นวั

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 22| ถ้ำอสรพิษ

    |PART 22|ถ้ำอสรพิษห้องพักภายในหออสรพิษนอกจากเหอไป๋เหยียนแล้วยังมีหมาป่าหนุ่มอยู่ร่วมห้องด้วยอีกคน โดยหมาป่าหนุ่มอ้างว่าเป็นห่วงลูกที่อยู่ในครรภ์จึงไม่สามารถแยกห้องกับเหอไป๋เหยียนได้เหลือเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่เหอไป๋เหยียนจะครบกำหนดคลอด รูปร่างของเขาในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเต้านมที่ขยายใหญ่จนดึงดูดสายตาของหมาป่าหนุ่มให้จับจ้องไม่วางตา ทั้งหมดเป็นเพราะน้ำเชื้อที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเซียวหลางผู้เป็นบิดานั่นเอง"นายเลิกมองหน้าอกฉันสักทีได้มั้ย สายตาน่าขนลุกเป็นบ้า"เหอไป๋เหยียนว่าพลางวางถ้วยน้ำชาในมือลงก่อนลุกเดินหนีไปที่เตียง แต่หมาป่าหนุ่มได้เดินตามและนั่งข้างกันโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่แต่กับหน้าอกของเหอไป๋เหยียน"ฉันอยากจับหน้าอกของนาย อยากบีบเล่นให้หายคันมือ อยากเลีย อยากดูดแรง ๆ ชะมัด"เหอไป๋เหยียนใบหน้าแดงซ่านเมื่อได้ยินคำขอ เขาไม่คิดว่าหมาป่าหนุ่มจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ เช่นนี้แล้วคงจะนอนร่วมห้องกันไม่ได้แน่ ครั้นพอจะหนีก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับเตียงและอ้อนขอจับให้ได้"นะ..ขอฉันจับนิดหน่อยนะ จับแค่นิดหน่อยจริง ๆ ฉันสัญญา""ฉะ..ฉันไม่เชื่อนายหรอก"เหอไป๋เหยียนเห็น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status