|PART 6|
เรือนปิงเจี๋ย ร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้ว หม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที "อ๊ะ!!" "ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!" ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่ก็ยังพยายามเข้าไปดูเหอไป๋เหยียนด้วยความเป็นห่วง "อ๊ากกกก!!" เหอไป๋เหยียนกรีดร้องด้วยความทรมาน เมื่อจู่ ๆ เกิดปวดศีรษะขึ้นมาอย่างรุนแรง ภายในหัวปรากฏเป็นภาพหุบเขาอันหนาวเหน็บที่ปกคลุมไปด้วยหิมะกับภาพของศูนย์วิจัยบนเกาะแห่งหนึ่งขึ้น ตัดสลับไปมาอยู่แบบนั้น เหอไป๋เหยียนเห็นตัวเองในร่างของอสรพิษเกล็ดเงินที่มีขนาดใหญ่โตกำลังร่วงจากท้องฟ้าลงสู่เบื้องล่าง ระหว่างนั้นเขาได้ยินเสียงเล็ก ๆ ตะโกนเรียกชื่อดังอยู่เป็นระยะ จนในที่สุดก็ขาดหายไป ในตอนนั้นเองที่ดวงตาสีมรกตได้เปล่งประกายขึ้นครั้งหนึ่ง ร่างอรชรเปลือยเปล่าถูกปกปิดด้วยเกล็ดคล้ายอัญมณีสีเงิน เหอไป๋เหยียนกำลังจะกลายร่างอย่างนั้นหรือ? หม่าอี้คาดเดาว่าต้องเช่นนั้นแน่ "ไป๋เหยียน นี่คุณ.." เมื่อสัตว์กลายพันธุ์กลับสู่ร่างเดิมจะไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งมันได้ ที่ผ่านมาเป็นเพราะพลาสม่าของมนุษย์ที่ได้รับทำให้เหอไป๋เหยียนสามารถควบคุมสัญชาตญาณของตัวเองได้ แต่ยาปลุกเซ็กซ์ที่หม่าอี้นำมาให้ดื่มนั้นมีฤทธิ์เป็นยากระตุ้น ทำให้สัญชาตญาณการสืบพันธุ์ของเหอไป๋เหยียนตื่นขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ "เกิดอะไรขึ้น!" เสียงกรีดร้องของเหอไปเหยียนดังไปจนถึงห้องพักฝั่งตะวันออก ประสาทหูของหมาป่ากลายพันธุ์นั้นไวกว่าสิ่งใดได้ปลุกเซียวเยว่ให้ตื่นขึ้นแม้อยู่ในห้วงหลับลึก เขาพุ่งตัวออกจากห้องตรงไปยังห้องพักของเหอไปเหยียนในทันที ครั้นพอผลักประตูเข้าไปดวงตาสีทองที่เปล่งประกายวาววับได้เปลี่ยนเป็นสีเพลิงขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าหมาอี้อยู่ภายในนั้นด้วยสภาพเปลือยเปล่า แทนที่จะตกใจเมื่อเห็นร่างอสรพิษเกล็ดเงินของเหอไป๋เหยียน "นายมาทำอะไรในห้องของไป๋เหยียน!!" เซียวเยว่โกรธจัดจนควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เขากำหมัดแน่นและพุ่งเข้าใส่หม่าอี้ทันที อีกไม่ถึงครึ่งฟุตหมัดของเขาก็จะปะทะเข้ากับใบหน้าหม่าอี้ บังเอิญว่าเหลือบไปเห็นเหอไป๋เหยียนในร่างของอสรเกล็ดเงินกำลังพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่างเสียก่อนจึงรีบกระโจนตามออกไป เป็นเพราะห้องที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้พื้นที่เล็กเกินไปสำหรับเหอไป๋เหยียนเสียแล้ว ร่างเดิมของเหอไป๋เหยียนนั้นมีขนาดมหึมา ปลายหางที่ตกกระแทกพื้นหญ้าด้านล่างถึงกับทำให้คฤหาสน์ที่มีการก่อสร้างอย่างแข็งแรงสั่นสะเทือนราวเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง เพียงอสรพิษเกล็ดเงินเลื้อยขึ้นไปบนหลังคา คฤหาสน์ฝั่งตะวันตกก็พังราบเป็นหน้ากลอง "ไป๋เหยียน นี่ฉันเอง เสี่ยวเยว่ นายได้ยินมั้ย!!" เซียวเยว่ตะโกนเรียกชื่อของเหอไป๋เหยียนที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เหอไป๋เหยียนในยามนี้กำลังคลุ้มคลั่งเพราะถูกปลุกสัญชาตญาณการสืบพันธุ์ขึ้นมา หมาป่าหนุ่มไม่ต้องการทำร้ายเหอไป๋เหยียน และตอนนี้สัตว์กลายพันธ์ุร่วมร้อยชีวิตที่อาศัยอยู่ในเหว่ยหลางต่างออกมามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาพยายามช่วยกันหาวิธีเพื่อทำให้เหอไป๋เหยียนกลับร่างเดิมให้ได้โดยเร็ว "เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณไป๋เหยียนถึงเป็นแบบนี้!" ซิ่วซิ่ว กวางสาวผู้มีความสามารถในการรักษาถามขึ้น เธอเป็นผู้ดูแลเหอไป๋เหยียนเมื่อครั้งตกจากเครื่องบินลำเลียงจนร่างกายแหลกเหลวให้ฟื้นกลับมาได้ และยังเคยรับบทเป็นคู่หมั้นของเซียวหลางเมื่อครั้งมาที่เฉินเซินในช่วงแรก "คือ..ฉัน.." หม่าอี้อ้ำอึ้ง พูดไม่ออกว่าตนได้วางยาปลุกเซ็กซ์กับเหอไป๋เหยียน อสรพิษเกล็ดเงินทำลายคฤหาสน์เหว่ยหลางเสียหายไปกว่าครึ่งและกำลังจะเลื้อยออกไปภายนอก เห็นท่าไม่ดีเซียวเยว่จึงเข้าขัดขวางไว้ เมื่อใดที่ต้องลงมือกับเหอไป๋เหยียน เป็นตัวเขาเองรู้สึกเจ็บทุกครั้ง "ไป๋เหยียนตั้งสติไว้ นี่ฉันเยว่เอ๋อร์ของนายไง นายนึกดูให้ดีสิ!!" เซียวเยว่ขึ้นไปยืนอยู่บนร่างของอสรพิษเกล็ดเงินและพูดขึ้น ดวงตาสีมรกตเหลือบมองมาทางเซียวเยว่ ก่อนสะบัดร่างกายที่ใหญ่โตเพื่อให้เซียวเยว่หลุดจากแผ่นหลังและยกปลายหางขึ้นเพื่อฟาดใส่สัตว์กลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ที่อยู่ด้านล่าง ก่อนที่ความเสียหายจะทวีความรุนแรงขึ้นได้มีเงาสีดำแผ่เข้าปกคลุมส่วนหัวของอสรพิษเกล็ดเงินที่กำลังอาละวาด มันดิ้นรนเพื่อต่อสู้แต่ก็มิอาจเอาชนะเงาสีดำนั้นได้ ภายใต้เงาสีดำปรากฏเป็นดวงตาสีแดงเพลิงและดวงตาสีมรกตที่ส่องสว่าง สักพักดวงตาสีมรกตคู่นั้นก็วูบหายไป จากนั้นควันสีดำได้ลอยลงสู่เบื้องล่างและคืนร่างเป็นมนุษย์ ในวงแขนได้อุ้มเหอไป๋เหยียนโดยมีเสื้อโค้ตยาวคลุมร่างเปลือยไว้ "ไป๋เหยียน!" ทั้งหม่าอี้และเซียวเยว่ต่างเข้าไปดูเหอไป๋เหยียนด้วยความเป็นห่วง หม่าอี้คิดว่าเซียวหลางต้องส่งเหอไป๋เหยียนให้ตนที่เป็นคู่หมั้น แต่ไม่ใช่ คราวนี้กลับส่งให้เซียวเยว่แทน "ทำไมล่ะครับ?" หม่าอี้ถามขึ้น "ครั้งนี้ให้เยว่หลางดูแลเจ้างูบ้านี่ก็แล้วกัน ส่วนนายมีหน้าที่ต้องจัดการกับเหว่ยหลางให้เรียบร้อย" "แต่ว่า" "มีอะไรอีก ดูนายไม่อยากให้เยว่หลางดูแลเจ้างูบ้านี่จังเลยนะ" "ปะ..เปล่า ไม่มีอะไร.." ทำไมต้องเป็นครั้งนี้ด้วยนะ! หม่าอี้คิดในใจ หม่าอี้รู้อยู่แก่ใจว่าอาการติดสัดจากฤทธิ์ของยาที่ให้เหอไป๋เหยียนดื่มนั้นยังไม่หมดแต่ไม่กล้าพูดออกไป และเขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของเซียวหลางจึงก้มหน้ารับฟังแต่โดยดี คิดกังวลว่าหากหมดฤทธิ์ยาและเหอไป๋เหยียนจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้ เขาจะมองหน้าอีกฝ่ายได้อย่างไร เซียวหลางส่งตัวของเหอไป๋เหยียนให้กับเซียวเยว่และบอกให้พาไปยังเรือนต้องห้ามของคฤหาสน์สกุลหลิวที่อยู่บนเขา ที่นั่นจะไม่มีใครรบกวนพวกเขา และกำชับให้ดูแลเหอไป๋เหยียนให้ดี จากนั้นจึงได้หันไปมองหม่าอี้อีกครั้งซึ่งอีกฝ่ายได้หลบสายตาของเขาด้วยท่าทีพิรุธ เซียวเยว่ได้พาเหอไป๋เหยียนมายังเรือนปิงเจี๋ยซึ่งเป็นของสกุลหลิวตามคำสั่งของเซียวหลาง เรือนแห่งนี้มีอายุร่วมร้อยกว่าปี ปลูกสร้างอยู่บนเขาที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี แม้เวลาจะผ่านมานานแต่เรือนแห่งนี้ก็ยังคงสภาพเดิมเพราะได้รับการบูรณะและตกแต่งอย่างต่อเนื่องโดยสกุลหลิว เหอไป๋เหยียนมีอาการกระสับกระส่ายมาตั้งแต่อยู่บนรถ เซียวเยว่ไม่รู้ว่าอาการเช่นนี้คืออะไรและต้องดูแลอย่างไร ใบหน้าของเหอไป๋เหยียนยามนี้แดงก่ำ ทั้งร่างกายยังเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็ก ที่สำคัญคือส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งรถ "แค่เช็ดตัวก็หายแล้ว อาจจะนานหน่อย แต่ก็พยายามเข้านะ" เซียวเยว่นึกถึงคำของเซียวหลางที่พูดกับตนเมื่อตอนพาเหอไป๋เหยียนออกจากเหว่ยหลาง อาการแบบนี้แค่เช็ดตัวมันจะหายจริงเหรอ และที่บอกให้พยายาม เขาต้องพยายามเรื่องอะไรล่ะ หมาป่าวัยเจริญพันธุ์ไม่เข้าใจคำพูดของผู้เป็นพ่อ เซียวเยว่อุ้มเหอไปเหยียนเข้ามายังห้องพักในเรือนปิงเจี๋ย ร่างอรชรในอ้อมแขนร้อนรุ่มเหมือนคนเป็นไข้สูง เซียวเยว่จึงตั้งใจจะเช็ดตัวให้ตามคำของเซียวหลาง เขาวางร่างของเหอไป๋เหยียนลงบนเตียงและบอกให้นอนนิ่ง ๆ สักครู่ "นายรอฉันครู่หนึ่งก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำมาเช็ดตัวให้" ยังไม่ทันได้ลุกจากเตียงหมาป่าหนุ่มก็ถูกมือขาวซีดรั้งชายเสื้อเอาไว้ และดึงจนร่างล้มลงไปกับเตียงนั้น พลันร่างอรชรเปลือยเปล่าได้พลิกขึ้นไปอยู่ด้านบนของหมาป่าหนุ่ม พลางโน้มกายลงมาในระยะประชิดจนเรือนผมสีเงินยาวสยายหล่นปรกใบหน้าของคนใต้ร่าง เหอไป๋เหยียนในยามนี้ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนไปทั่ว ไม่ใช่แค่ภายในห้องเท่านั้น กลิ่นนั้นยังฟุ้งกระจายไปรอบเรือนต้องห้ามของสกุลหลิว ดีที่ไม่มีสัตว์กลายพันธุ์ตัวผู้อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ เพราะกลิ่นจากร่างของเหอไป๋เหยียนนั้นคือกลิ่นฟีโรโมนของสัตว์ตัวเมียที่สามารถกระตุ้นตัวผู้ให้เกิดความต้องการที่จะผสมพันธุ์ได้ โดยจะเรียกหาตัวผู้ที่อยู่ใกล้ที่สุดให้เข้าหา อย่างนี้นี่เอง มิน่า..เซียวหลางถึงให้เขาพาเหอไป๋เหยียนมาที่นี่ เซียวเยว่เริ่มเข้าใจที่ราชาหมาป่าพูดขึ้นมาแล้ว "ฉันทำไม่ได้ ขอโทษนะไป๋เหยียน" เซียวเยว่เบือนใบหน้าหลบริมฝีปากของเหอไปเหยียนที่ตั้งใจก้มลงมาจูบ จะให้เขาล่วงเกินเหอไป๋เหยียนในยามไม่มีสติเช่นนี้ เขาจะทำได้อย่างไรกัน "ตอนนี้ฉันมีสติดีทุกอย่าง ถ้านายไม่ช่วยฉัน อาการนี้คงไม่หาย หรือนายจะให้ฉันโทรตามหม่าอี้มาล่ะ" เหอไป๋เหยียนบอกกับเซียวเยว่ พอได้ยินชื่อหม่าอี้หมาป่าหนุ่มก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที จากที่คอยหลบเลี่ยงก็เป็นฝ่ายดึงใบหน้าของอสรพิษหนุ่มลงมาประกบริมฝีปากเพื่อไม่ให้เอ่ยชื่อหม่าอี้ให้ได้ยินอีก "ถ้านายอนุญาต ฉันก็จะไม่ขัดละนะ" สัญชาตญาณในการสืบพันธุ์ของหมาป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์นั้นช่างรุนแรง โดยเฉพาะสายเลือดที่เข้มข้นของราชาหมาป่าเซียวหลางที่เหลือจำนวนเพียงน้อยนิด สิ่งเหล่านี้ได้สอนเซียวเยว่ว่าต้องทำอย่างไร ยิ่งได้คู่เป็นถึงอสรพิษ สัตว์ที่เป็นตัวแทนของกามารมณ์ ตัณหาและราคะ นับว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง ร่างเปลือยขาวซีดของเหอไป๋เหยียนนั้นนุ่มลื่นไร้ซึ่งริ้วรอยหรือจุดหมอง ครั้นพอได้รับการกระตุ้นจากหมาป่าหนุ่มวัยเจริญพันธุ์ก็พลันปรากฏเป็นสีชมพูไปทั้งร่าง แม้จะเป็นบุรุษแต่เหอไป๋เหยียนนั้นกลับงดงามไม่ต่างจากสตรี ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้านั้นมีเสน่ห์ยิ่งนัก และเขาก็ส่งกลิ่นหอมยิ่งขึ้นเมื่อเกิดอารมณ์ร่วมกับคู่ ทั้งเซียวเยว่และเหอไป๋เหยียนกอดรัดกันอย่างแนบแน่น เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของบุรุษของทั้งคู่เสียดสีกันจนแข็งกร้าวและเปลี่ยนเป็นสีที่เข้มขึ้น พวกเขาไม่อายที่จะแสดงท่วงท่าหยาบโลนในการสืบพันธุ์ต่อกัน ปลดปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามสัญชาตญาณ และนี่เป็นครั้งแรกที่เหอไป๋เหยียนต้องผันตัวเองมาเป็นฝ่ายถูกกระทำ เขาแยกขาทั้งสองออกกว้างเพื่อให้หมาป่าหนุ่มได้สอดใส่ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดบนร่างกายยามนี้เข้าสู่ภายในของตน ไม่เสียแรงที่เป็นสัตว์ตัวแทนในเรื่องของกามอารมณ์ ร่างกายที่อ่อนราวไร้กระดูกสามารถรับส่วนที่ใหญ่โตของหมาป่าหนุ่มวัยเจริญพันธุ์เข้ามาได้อย่างง่ายดาย และตอบสนองโดยการบีบดรัดตรงนั้นของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น จนเซียวเยว่ถึงกับหน้าเบ้เมื่อได้สัมผัสและรู้จักความซ่านเสียวเป็นครั้งแรก แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นสายเลือดของราชาหมาป่า ไม่นานเขาก็เป็นฝ่ายคืนความเสียวซ่านนั้นให้กับเหอไป๋เหยียนบ้าง ทำเอาเหอไป๋เหยียนถึงกับครางลั่นเรือน เอวอ่อนหวานร่อนขึ้นตามจังหวะขยับกายของหมาป่าหนุ่ม แม้จะรู้สึกเสียหน้า แต่ก็ยอมรับว่าหมาป่าหนุ่มนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ทั้งเซียวเยว่และเหอไป๋เหยียนร่วมรักกันทั้งคืน จนฤทธิ์ยาที่หม่าอี้แอบใส่ให้เหอไป๋เหยียนดื่มนั้นหมดไปแล้วแต่ก็ทั้งคู่ก็ยังไม่หยุด เพราะต่างเข้าสู่ช่วงติดสัดพอดี พวกเขามีอะไรกันเจ็ดวันเจ็ดคืนโดยไม่พัก แม้แต่ตอนเติมน้ำให้กับร่างกาย ตอนนั้นเหอไป๋เหยียนยังเป็นฝ่ายควบขี่อยู่บนตักของเซียวเยว่ น้ำที่ไหลออกจากปากของเขาลงสู่ยอดอกชูชันนั้นถูกปลายลิ้นของหมาป่าตวัดเลียจนแห้งเหือด ก่อนจะถูกแย่งชิงผ่านริมฝีปากอีกครั้ง "นายเป็นของฉันแล้ว ต่อไปฉันจะเป็นคนดูแลนายเองนะ" เซียวเยว่พูดขึ้นเมื่อตื่นนอนในตอนเช้าและพบว่าเหอไป๋เหยียนยังอยู่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา เหอไป๋เหยียนมีนิสัยเกียจคร้านของงูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะสายพันธุ์ของเขาที่ในแต่ละวันจะหมดไปกับการจำศีลบนยอดเขาหนาวเหน็บที่มีแต่หิมะปกคลุมตลอดทั้งปี และที่เรือนปิงเจี๋ยนี้ก็มีอากาศเย็นจึงทำให้ไม่อยากขยับตัวออกจากหน้าอกอันแสนอบอุ่นของหมาป่าหนุ่ม อันที่จริงเหอไป๋เหยียนอยากจะให้เซียวเยว่นั้นคืนร่างเป็นหมาป่าด้วยซ้ำเพื่อจะได้ขดตัวอยู่ภายใต้ขนที่แสนอบอุ่นนั้นตลอดทั้งวัน "ฮ้าวว..รับผิดชอบอะไรกัน ไม่จำเป็นหรอก ขอแค่นายอย่ามาเซ้าซี้ฉันเหมือนเมื่อก่อนก็พอ" เหอไป๋เหยียนว่าพลางลุกขึ้นบิดไล่ความเมื่อยล้า ก่อนพาร่างเปลือยเปล่าไปหาเสื้อผ้าในตู้มาสวมใส่ พอเปิดตู้ก็พบว่าแต่ละชุดนั้นมีขนาดใหญ่กว่าตัวเขาทั้งสิ้นจึงเลือกตัวที่สวมใส่สบายออกมาชุดหนึ่ง และในขณะที่กำลังสวมเสื้อ ก็มีบางอย่างสวมเข้าที่ลำคอของเขา "นี่มันอะไรกัน?" เหอไป๋เหยียนขมวดคิ้วและถามขึ้น มือขาวซีดสัมผัสโดนสิ่งของบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายโลหะสีดำที่ถูกนำมาสวมที่ลำคอระหง "โชคเกอร์น่ะ ท่านพ่อให้มา" "โชคเกอร์อะไรกัน นี่มันปลอกคอชัด ๆ" เหอไป๋เหยียนพยายามจะถอดสิ่งที่เขาเรียกว่าปลอกคอออก แต่ไม่สำเร็จเพราะมันเป็นระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือเท่านั้น ของแบบนี้จะยอมให้มาอยู่บนร่างกายของเขาได้อย่างไร เขาเป็นถึงเจ้าแห่งอสรพิษเชียวนะ ไม่ใช่พวกหมาป่าจอมเผด็จการที่ต้องสวมปลอกคอเช่นนี้ "ถอดให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ปลอกคอมีไว้สำหรับหมาบ้าอย่างพวกนายไม่ใช่งูอย่างฉัน!" ดวงตาสีมรกตตวัดมองหมาป่าหนุ่มด้วยความไม่พอใจ "ไม่ได้หรอก ท่านพ่อบอกว่าเพื่อความปลอดภัยนายต้องสวมมันไว้สักระยะ และอีกอย่างพวกเราต้องอยู่ด้วยกันที่นี่ต่อไปอีกสักพักหนึ่ง" "ว่าไงน่ะ?!" เหอไปเหยียนอยากจะกรีดร้องออกมาให้ดังเมื่อได้ฟังที่เซียวเยว่พูด เหตุผลที่เซียวหลางให้เหอไป๋เหยียนอยู่ที่เรือนปิงเจี๋ยต่อก็เพื่อให้แน่ใจว่าอาการติดสัดของเหอไป๋เหยียนนั้นหมดลงแล้ว เพราะหากให้กลับออกมาฟีโรโมนของเขาอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่นได้ ระหว่างอยู่ที่เรือนปิงเจี๋ย วันวันหนึ่งนอกจากพยายามถอดปลอกคอแล้วไป๋เหยียนจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน เพราะอากาศที่เรือนปิงเจี๋ยนั้นมีความคล้ายกับถิ่นกำเนิดของอสรพิษเกล็ดเงิน แม้จะเพียงเศษเสี้ยวแต่ก็ดีกว่าสภาพอากาศในเมืองมากนัก วันหนึ่งเมื่อเหอไป๋เหยียนตื่นนอนขึ้นมาในตอนบ่ายก็ไม่พบเซียวเยว่ แผนการหลบหนีออกจากเรือนปิงเจี๋ยจึงเริ่มขึ้น แต่ก่อนอื่นเขาต้องถอดปลอกคออันนี้ออกให้ได้เสียก่อน หลังคืนร่างเดิมได้แล้ว ร่างกายของเหอไปเหยียนก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างมาก ความสามารถที่ลืมเลือนไปก็เริ่มกลับมาด้วย เว้นแต่ความทรงจำเท่านั้น คราแรกเหอไป๋เหยียนจะคืนร่างเดิมที่มีขนาดมโหฬารเพื่อทำให้ปลอกคอนั้นขาด แต่กลัวว่าเซียวเยว่จะรู้และเรือนปิงเจี๋ยจะพังไปด้วย จึงคืนร่างเป็นงูขาวแทน ปรากฏว่าปลอกคอนั้นกลับหดตามขนาดของร่างกายลงมาด้วย "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!" งูขาวเลื้อยไปมารอบห้อง สะบัดร่างกายเป็นคลื่นเพื่อให้เครื่องพันธนาการที่ลำคอหลุดออกแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายก็เหนื่อยจนไม่อยากคืนร่างเป็นมนุษย์อีก เหอไป๋เหยียนในร่างของงูขาวจึงเลื้อยขึ้นไปนอนขดตัวอยู่บนเตียงตามเดิมและผล็อยหลับไป "ไป๋เหยียนฉันซื้อไก่ย่างของโปรดนายมาให้ด้วยนะ" เซียวเยว่กลับมาพร้อมกับอาหาร ครั้นพอเปิดประตูเข้ามาก็พบงูขาวนอนขดอยู่บนเตียง เขาจึงวางถุงอาหารลงบนโต๊ะจากนั้นจึงเดินไปหาเหอไปเหยียนพร้อมกลายร่างเป็นหมาป่าขนสีดำสนิทขึ้นไปนอนบนเตียง เหอไป๋เหยียนรับรู้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของหมาป่าหนุ่มจึงขยับกายเข้าไปขดตัวอยู่ในแผงอกที่มีกลุ่มขนอ่อนนุ่มปกคลุมและหลับไปอย่างมีความสุขSPECIAL PARTคืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวายในยุคสมัยที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นยุคที่ผู้คนไม่เชื่อเรื่องภูตผีปิศาจหรือสิ่งเร้นลับอีกต่อไป เทศกาลฮาโลวีนกลับยังได้รับความนิยมจากผู้คนในเมืองเฉินเซินเสมอมาแม้เป็นเทศกาลของชาติตะวันตกก็ตามเมืองเฉินเซินนับเป็นเมืองที่จริงจังกับเทศกาลฮาโลวีนไม่แพ้เมืองอื่น ทุกพื้นที่มีการตกแต่งให้ดูน่ากลัวราวกับอยู่ในเมืองแห่งความตายจริง ๆ ร้านค้าขนาดเล็กจะตกแต่งภายในให้เป็นป่าช้า ห้างขนาดใหญ่ถึงขั้นลงทุนตกแต่งตึกให้เป็นโรงพยาบาลผีสิง บนถนนจะมีหลุมฝังศพและสุสานตลอดเส้นทางที่จริงจังกันขนาดนี้เพราะหากสถานที่ใดตกแต่งได้สมจริงและน่ากลัวที่สุดจะได้รับรางวัลจากผู้ว่าการเมืองเฉินเซิน คิดเป็นมูลค่าแล้วไม่น้อยเลยทีเดียวหลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนภายในเมืองทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแต่งกายในชุดผีหรืออมนุษย์ที่เป็นที่นิยมออกไปเคาะประตูตามบ้านเรือน เมื่อเปิดประตูออกมาคุณอาจจะได้พบกับศพที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็เป็นได้ณ คฤหาสน์สกุลหลิว เด็ก ๆ ต่างรอคอยที่จะออกไปเที่ยวเทศกาลฮาโลวีนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาใช้เวลาเลือกชุดแต่งกายแฟนซีเป็นผีที่ชื่นชอบอยู่นาน สุดท
|PART 26|สิ้นสุดการเดินทางสถานการณ์บนดาดฟ้าของศูนย์วิจัยที่ลักลอบสร้างขึ้นในป่านอกเมืองเฉินเซินในตอนนี้เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อเกิดการประจันหน้าระหว่างพวกของพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนกับหลิวเมิ่งอัน โดยตรงนั้นยังมีจางหลิวซิงที่ควรจะออกไปจากที่นี่แล้วอยู่ด้วยและที่ศีรษะของเขาได้มีปืนจ่ออยู่"หลิวซิง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!""พี่หลิวอิง ทำไมไม่ไปที่รถล่ะครับ"ความเอาแต่ใจของทั้งสองคนสร้างความลำบากใจให้กับพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนที่รับปากจะดูแลจางหลิวซิงและช่วยเหลือหลิวอิงจากศูนย์วิจัยไม่น้อย แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้ เป็นการยากที่เขาจะปกป้องคนสองคนไปพร้อมกัน แม้สัตว์ทดลองด้านล่างจะได้สัตว์กลายพันธุ์ที่มาจากเหว่ยหลางช่วยจัดการก็ตาม"นี่นาย!?"หม่าอี้จำได้ว่าเคยพบกับถังหลินชีบนถนนเส้นที่ใช้เดินทางไปยังเรือนปิงเจี๋ย ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าถังหลินชีก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่เดินทางมาจากเกาะเพราะถังหลินชีได้มาอยู่กับสวีเพ่ยหลังหม่าอี้เดินทางออกจากเกาะมาแล้ว ที่สำคัญถังหลินชียังเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วยถังหลินชียิ้มเป็นมิตร
|PART 25|อดีตที่ถูกเปิดเผยบริเวณโถงใหญ่ภายในถ้ำอสรพิษได้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารรับจ้างกลายพันธุ์กับไป๋จื่ออิงขึ้น ในขณะที่หยางลู่เฉิงได้ใช้ปืนที่บรรจุเซรุ่มสำหรับฆ่าสัตว์กลายพันธุ์โดยเฉพาะยิงใส่วังหมิงหยวนที่พยายามห้ามไม่ให้เขาใช้ระเบิดที่มีความรุนแรงภายในถ้ำน่าแปลก..วังหมิงหยวนที่แสนเชื่องช้าคนนั้นกลับหลบกระสุนได้ทัน หรือเขาจะมีเทพเจ้าแห่งโชคคุ้มครองอยู่อย่างที่พูดกันนะ"ยะ..อย่าครับ อย่าฆ่าผม.."วังหมิงหยวนวิ่งหลบกระสุนที่หยางลู่เฉิงยิงใส่จนขาพันกันทำให้ลื่นล้มลงกับพื้น โถงกว้างไม่มีที่ให้หลบแต่กระสุนนั้นกลับไม่โดนตัวเขาสักนัด เพียงแค่เฉียดไปมาเท่านั้น ทำเอาหยางลู่เฉิงถึงกับหงุดหงิดจึงเปลี่ยนไปออกคำสั่งให้ทหารกลายพันธุ์มาจัดการกับวังหมิงหยวนแทน"จัดการกับไอ้ปอดแหกนี่ซะ!!""ช่วยด้วย!!"วังหมิงหยวนวิ่งวนไปรอบโถงและไปหลบอยู่ด้านหลังของไป๋จื่ออิงจึงถูกไล่ให้พ้นทางเพราะเกะกะการต่อสู้ พื้นที่ที่ถูกจำกัดภายในถ้ำอสรพิษทำให้ไป๋จื่ออิงไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ เช่นนั้นแล้วจึงบอกวังหมิงหยวนให้หาทางช่วยตัวเองไปก่อน แต่เพราะฝีมืออ่อนด้อยทำให้วังหมิงหยวนเพลี่ยงพล้ำถูกทหารรับจ้างกลายพันธุ์ที่มีย
|PART 24|ข้อแลกเปลี่ยนศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินนั้นคือหน่วยงานขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากภาครัฐ ทั้งยังได้รับงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการทดลอง โดยศูนย์วิจัยจะเน้นเรื่องการค้นคว้าและทำการทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อช่วยให้ในอนาคตมนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นลึกเข้าไปภายในป่าที่อยู่นอกเมืองเฉินเซินได้มีศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งซุกซ่อนอยู่ คลื่นสัญญาณรบกวนที่ปกคลุมอยู่ในรัศมียี่สิบกิโลเมตรทำให้ยากแก่การค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้ลักลอบทำการดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนสงครามชีวภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่พวกเขาทำล้วนผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ลักลอบล่าสัตว์ป่า ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนเข้ากล้ามาตรวจสอบเพราะศูนย์วิจัยแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของเมืองเฉินเซินร่างของหลิวอิงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงภายในห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุด เพราะเป็นทายาทของสกุลหลิวเขาจึงได้รับความสนใจจากทั้งห้าสกุลเป็นพิเศษสูงขึ้นไปบนชั้นลอยเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ รวมถึงแพทย์
|PART 23|หนอนบ่อนไส้กลางป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน ถ้าไม่สังเกตให้ดีใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหน้าที่เห็นเป็นหน้าผาเวิ้งว้างนั้นด้านล่างจะมีถ้ำน้ำแข็งซ่อนอยู่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำอสรพิษศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสรพิษเกล็ดเงินไป๋จื่ออิงนำทางทุกคนมาจนถึงริมผา จากนั้นได้โรยตัวลงมาเบื้องล่างจึงได้พบกับทางเข้า"ที่นี่ยังไงล่ะ ถ้ำอสรพิษที่พวกเธอตามหา" ไป๋จื่ออิงบอกกับทุกคนเซียวเยว่และวังหมิงหยวนตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีถ้ำน้ำแข็งที่วิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนโลกใบนี้วังหมิงหยวนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าเพื่อเข้าไปดันประตูน้ำแข็งที่สลักลวดลายของอสรพิษไว้บนนั้นแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงหันกลับไปถามไป๋จื่ออิงด้วยความสงสัย“กุญแจก็ไม่ได้ล็อก ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ”ไป๋จื่ออิงมองวังหมิงหยวนด้วยสายตาสมเพชและเข้าไปยืนเบื้องหน้าประตูน้ำแข็ง ตราสัญลักษณ์บนนั้นทำปฏิกิริยากับตราประทับกลางหน้าผากของเขา จากนั้นประตูจึงได้เปิดออก ไป๋จื่ออิงบอกว่ามีเพียงลูกหลานของอสรพิษเกล็ดเงินเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูนี้ได้"พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ"ได้ยินดังนั้นวั
|PART 22|ถ้ำอสรพิษห้องพักภายในหออสรพิษนอกจากเหอไป๋เหยียนแล้วยังมีหมาป่าหนุ่มอยู่ร่วมห้องด้วยอีกคน โดยหมาป่าหนุ่มอ้างว่าเป็นห่วงลูกที่อยู่ในครรภ์จึงไม่สามารถแยกห้องกับเหอไป๋เหยียนได้เหลือเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่เหอไป๋เหยียนจะครบกำหนดคลอด รูปร่างของเขาในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเต้านมที่ขยายใหญ่จนดึงดูดสายตาของหมาป่าหนุ่มให้จับจ้องไม่วางตา ทั้งหมดเป็นเพราะน้ำเชื้อที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเซียวหลางผู้เป็นบิดานั่นเอง"นายเลิกมองหน้าอกฉันสักทีได้มั้ย สายตาน่าขนลุกเป็นบ้า"เหอไป๋เหยียนว่าพลางวางถ้วยน้ำชาในมือลงก่อนลุกเดินหนีไปที่เตียง แต่หมาป่าหนุ่มได้เดินตามและนั่งข้างกันโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่แต่กับหน้าอกของเหอไป๋เหยียน"ฉันอยากจับหน้าอกของนาย อยากบีบเล่นให้หายคันมือ อยากเลีย อยากดูดแรง ๆ ชะมัด"เหอไป๋เหยียนใบหน้าแดงซ่านเมื่อได้ยินคำขอ เขาไม่คิดว่าหมาป่าหนุ่มจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ เช่นนี้แล้วคงจะนอนร่วมห้องกันไม่ได้แน่ ครั้นพอจะหนีก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับเตียงและอ้อนขอจับให้ได้"นะ..ขอฉันจับนิดหน่อยนะ จับแค่นิดหน่อยจริง ๆ ฉันสัญญา""ฉะ..ฉันไม่เชื่อนายหรอก"เหอไป๋เหยียนเห็น