Share

|PART 4| กัวเจ๋อ

Author: Badberry
last update Huling Na-update: 2025-04-11 10:53:56

|PART 4|

กัวเจ๋อ

ข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้าน

บนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหาก

จากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไป

เหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่

หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่างต่อเนื่อง

"นี่มันเรื่องอะไรกันเซียวหลาง คุณดูแลมหาวิทยาลัยยังไงถึงได้ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้!"

ตัวแทนสกุลจ้าวถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปทางเซียวหลาง ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้มีท่าทียี่หระ สำหรับเขาเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักนิด มนุษย์พวกนี้ไม่รู้จะตื่นตระหนกไปทำไมกัน

"แล้วยังไง ในเมื่อผมห้ามแล้วแต่พวกเขาก็ยังจะเข้าไปกันเอง นั่นมันก็ช่วยไม่ได้นี่นา"

คำตอบของเซียวหลางทำคนในห้องประชุมถึงกับขมวดคิ้ว แม้ไม่ถูกใจคนฟังแต่สิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง และก่อนที่สถานการณ์จะตึงเครียดไปกว่านี้จางหลิวซิงที่ติดตามมาด้วยจึงลุกขึ้นและเป็นฝ่ายพูดแทน เขารับประกันว่าเซียวหลางจะเร่งคลี่คลายเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็ว ขอให้ทุกคนวางใจ

สกุลจ้าวและอีกสามสกุลไม่เชื่อมั่นในคำพูดของจางหลิวซิง ครั้นพอหลิวอิวเอ่ยปากรับรองและบอกจะให้ความร่วมมือพวกเขาจึงเชื่อมั่นขึ้นมานิดหน่อย จนเมื่อได้ข้อสรุปที่พอใจทั้งห้าสกุลจึงแยกย้ายกันกลับ

"ขอบคุณพี่หลิวอิงมากนะครับ"

จางหลิวซิงพูดขึ้นขณะมาส่งหลิวอิงและหวงหนิงหลงที่รถ ถ้าไม่ได้อำนาจของสกุลหลิวมีหรือที่อีกสี่สกุลจะเชื่อคำพูดของเขา

"ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องแค่นี้เอง และพี่เชื่อว่าเธอกับคุณเซียวจะจัดการกับเรื่องนี้ได้"

หลิวอิงวางมือลงบนบ่าของจางหลิวซิงและบอกกับเขาว่าเป็นพี่น้องหากไม่ช่วยเหลือกันแล้วจะให้ไปช่วยใคร และอีกอย่างหลิวอิงก็เชื่อมั่นว่าเซียวหลางจะจัดการกับเรื่องนี้ได้ในไม่ช้า

"ฉันว่าจะไปสำรวจที่บึงน้ำสักหน่อย นายไปด้วยกันกับฉันนะ"

จางหลิวซิงบอกกับเซียวหลาง แต่ราชาหมาป่ากลายพันธุ์กลับอิดออดและต่อรองบางอย่างกับเขาแทน จะให้ทำเรื่องไร้สาระอย่างมนุษย์เช่นนี้มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันนิดหน่อย

"ไม่นะไค เรื่องแบบนี้เอาไว้ทำที่บ้านสิ!"

จางหลิวซิงรู้เท่าทันความคิดของหมาป่า ดวงตาสีทองเป็นประกายวาววับตอนอยากผสมพันธุ์กับเขา และไม่เก็บอาการจนหูตั้งขึ้น

"เธออย่าเล่นตัวนักเลยซิงซิง หลิวอิงเคยบอกฉันว่ามนุษย์ชอบที่จะเปลี่ยนสถานที่ผสมพันธุ์ไปเรื่อย ๆ เพราะมันตื่นเต้นดี"

"นายไม่ต้องเอาพี่หลิวอิงมาอ้างเลย ไม่นะไค! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!"

หมาป่าติดสัดรวบร่างของจางหลิวซิงเข้ามาสวมกอด และในตอนนั้นเองที่ดวงตาอันแหลมคมของราชาหมาป่าได้เหลือบไปเห็นมนุษย์ผู้หนึ่งเข้าและอดที่จะสนใจไม่ได้ สายตาของเขาทำให้จางหลิวซิงต้องมองตาม

"นั่นคนรู้จักนายเหรอ?"

"ไม่ใช่"

เซียวหลางสามารถจำแนกได้ว่าคนตรงหน้าเป็นมนุษย์หรือสัตว์กลายพันธุ์โดยอาศัยสัมผัสพิเศษของหมาป่าที่กลายพันธุ์ไปถึงขั้นปิศาจ

กัวเจ๋อ ชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำ เจ้าของใบหน้าที่หล่อเหลาราวเทพบุตร ข้างกายของเขาถูกห้อมล้อมด้วยหญิงสาวมากมาย ทั้งที่เพิ่งจะย้ายมาที่เฉินไห่ได้เพียงสองสัปดาห์แต่กลับเป็นที่พูดถึงไม่หยุด

ขณะหยอกล้อกับกลุ่มหญิงสาว กัวเจ๋อรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตา เขามองหาที่มาของสายตานั้นไปรอบตัวและประสานกับดวงตาสีทองเข้าอย่างจัง ด้วยความเป็นนักศึกษาที่เพิ่งย้ายมาใหม่จึงโค้งกายเพื่อทำความเคารพอีกฝ่าย

"นั่นประธานเซียวนี่นา ตัวจริงหล่อมาก ฉันอยากเข้าไปขอถ่ายรูปด้วยจังเลย"

นอกจากกัวเจ๋อแล้ว นักศึกษาสาวที่ห้อมล้อมเขาอยู่ก็สังเกตเห็นเซียวหลางเช่นกัน กัวเจ๋อสำรวจราชาหมาป่าด้วยสายตาและยอมรับว่าชายผู้นี้มีใบหน้าที่งดงามราวเทพเซียนและมีรูปร่างน่ายำเกรง ไม่แปลกใจเลยที่สาว ๆ รอบตัวเขาจะสนใจเซียวหลางมากกว่า

"อย่าไปสนใจเลย เราไปทำเรื่องของเราให้จบกันดีกว่า"

"อะไรของนาย ฉันบอกว่าไม่ไงล่ะ ไค! นี่นายไม่ฟังที่ฉันพูดเลยหรือไง"

เมื่อไม่พบความผิดปกติของกัวเจ๋อ เซียวหลางจึงจูงมือจางหลิวซิงกลับเข้าห้อง เสียเวลากับเรื่องไร้สาระมามากแล้ว ตอนนี้เขาอยากมีอะไรกับคนรักเต็มที อดรนทนรอแทบจะไม่ไหวจนพวงหางด้านหน้าตั้งขึ้นมาแล้ว

บริเวณบึงน้ำหลังมหาวิทยาลัยเฉินไห่ในยามนี้ได้กลายเป็นเขตหวงห้ามไปเสียแล้ว แต่ยังมีคนลอบเข้ามาอยู่ทุกวัน แม้จะรู้ว่าหากเข้ามาแล้วโอกาสรอดชีวิตออกไปแทบจะไม่มีเลยก็ตาม ถึงกระนั้นก็ยังห้ามความอยากรู้ของมนุษย์ไม่ได้

วังหมิงหยวนก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาลอบกลับมาที่บึงน้ำอีกครั้งและซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่เพื่อคอยสังเกตการณ์ จนเมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างรอบบึงน้ำก็ยังคงสงบนิ่ง หรือวันนี้ฆาตกรจะไม่มากันนะ ถึงอย่างนั้นเขาก็ตั้งใจจะเฝ้าอยู่เช่นนี้ไปตลอดทั้งคืน

คราแรก วังหมิงหยวนได้ชวนเซียวเยว่ให้มาด้วยกัน แต่อีกฝ่ายได้ปฏิเสธบอกว่ามีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ

"เซียวเยว่นะเซียวเยว่ ถ้าฉันจับตัวฆาตกรได้และเกิดดังขึ้นมา ฉันจะทำเป็นไม่รู้จักนาย คอยดูสิ"

ขณะบ่นน้อยใจ วังหมิงหยวนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้บึงน้ำ ทีแรกก็คิดว่าเป็นพวกที่สนใจเรื่องลึกลับเหมือนกับเขา เกือบจะออกจากที่ซ่อนเพื่อไปชวนให้มาทำภารกิจร่วมกัน บังเอิญว่าเห็นสิ่งผิดปกติเข้าเสียก่อนจึงซ่อนตัวอยู่ตามเดิมและจับตาดูต่อไป

สิ่งที่วังหมิงหยวนเห็นคือชายรูปร่างสูงคนหนึ่งกำลังพาหญิงสาวสามคนซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันมาทางบึงน้ำ เขาใช้กล้องส่องทางไกลขนาดเล็กขึ้นมาส่องดูใบหน้าทีละคน

"หมอนั่นมันคนที่เพิ่งย้ายมานี่นา"

วังหมิงหยวนสงสัยว่าคนพวกนั้นมาทำอะไรที่นี่ ครั้นพอใช้กล้องดึงภาพของหญิงสาวที่มาด้วยกันก็เห็นว่าพวกเธอทั้งหมดอยู่ในอาการเหม่อลอย

"ขยับมาทางนี้สิ"

กัวเจ๋อพูดขึ้น หญิงสาวทั้งสามจึงไปยืนเรียงกันอยู่ริมบึงน้ำตามคำสั่ง และทันใดนั้นดวงตาของกัวเจ๋อก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดง ม่านตาเปลี่ยนไป มองยังไงก็ไม่ใช่มนุษย์ ทำเอาวังหมิงหยวนตกใจจนมือไม้อ่อน

"พี่น้องของข้า อาหารมื้อพิเศษมาถึงแล้ว พวกเจ้าจงปรากฏกายออกมาเถิด" กัวเจ๋อประกาศเสียงก้อง

สิ้นเสียงของกัวเจ๋อ ดวงตาสีแดงนับสิบคู่ได้โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ วังหมิงหยวนเห็นภาพนั้นแล้วถึงกับเบิกตาโพลง พอตั้งสติได้จึงรีบคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาบันทึกภาพเอาไว้ จะด้วยความซวยหรืออย่างไรไม่รู้ได้เมื่อเขาดันลืมปิดเสียงกดปุ่ม ทำให้กัวเจ๋อได้ยินเสียงนั้นเข้า

"แม่งเอ๊ย..ให้ตายสิ!" วังหมิงหยวนสบถว่าตัวเองออกมา

ครั้นพอได้ยินเสียง ทั้งกัวเจ๋อและดวงตาสีแดงนับสิบคู่ต่างจับจ้องมาทางวังหมิงหยวนเป็นตาเดียว เท่าทันความคิด วังหมิงหยวนคว้ากระเป๋าข้างกายและออกวิ่งทันที แต่ไม่ทันกัวเจ๋อที่มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

"ดึก ๆ ดื่น ๆ มาทำอะไรอยู่แถวนี้หรือครับรุ่นพี่" กัวเจ๋อยิ้มเหี้ยม ทำเอาวังหมิงหยวนถึงกับขนลุกชัน

ทั้งคู่เคยพบหน้ากันมาก่อนแต่ไม่เคยได้พูดคุย วังหมิงหยวนรู้เพียงว่ากัวเจ๋อเป็นนักศึกษาที่ย้ายมาระหว่างภาคเรียนเท่านั้น

"ฉะ..ฉันทำของตกเลยมาหา นะ..นี่ไง เจอพอดีเลย"

วังหมิงหยวนหยิบปากกาในกระเป๋าสะพายออกมาให้ดู และขอตัวกลับ แต่กัวเจ๋อไม่หลีกทางให้

"แค่ปากกาด้ามเดียว รุ่นพี่ถึงกับมาหาจนมืดค่ำ มันคงสำคัญมากสินะ"

"ชะ..ใช่ ปากกาแท่งนี้แม่ของปู่ของพ่อฉันเขาให้ไว้ก่อนตายน่ะ นะ..นี่ก็ดึกมากแล้วฉันขอตัวนะ"

"จะรีบไปไหนล่ะครับรุ่นพี่"

กัวเจ๋อพูดพลางยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้จนวังหมิงหยวนตกใจและถอยหลังหนี เริ่มรู้ตัวแล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ปล่อยเขาไปแน่ ๆ จึงตั้งใจวิ่งหนี แต่ช้าไปเมื่อเขาถูกกัวเจ๋อจับเข้าที่ปกเสื้อและยกตัวลอยขึ้นด้วยมือเดียว ปลายเท้าของวังหมิงหยวนตอนนี้ไม่ติดพื้น ก่อนจะถูกเหวี่ยงไปทางบึงน้ำ

ร่างของวังหมิงหยวนกลิ้งลงไปตามทางลาดชันและมาหยุดอยู่ที่ริมบึงน้ำใกล้กับหญิงสาวทั้งสามคน ครั้นพอวังหมิงหยวนเงยหน้าขึ้นก็พบกัวเจ๋อยืนอยู่เบื้องหน้าก็ตกใจกว่าเก่า

นะ..นี่เขาหายตัวมาหรือไงนะถึงได้เร็วขนาดนี้ เมื่อครู่ยังอยู่หลังต้นไม้อยู่เลย

เห็นแบบนั้นวังหมิงหยวนจึงรีบลุกขึ้นเพื่อจะวิ่งหนี โดยไม่ลืมเรียกหญิงสาวทั้งสามคนให้ไปด้วยดัน

"มัวทำอะไรกันอยู่ รีบหนีสิ!"

เมื่อเรียกแล้วไม่ได้ยืนวังหมิงหยวนจึงเขย่าร่างของหญิงสาวทีละคนเพื่อเรียกให้ได้สติ แต่พวกเธอยังคงยืนนิ่ง

"ไร้ประโยชน์ เรียกไปพวกเธอก็ไม่รู้สึกตัวหรอก"

"นายทำอะไรกับพวกเธอ รีบปล่อยพวกเธอเดี๋ยวนี้เลยนะ มะ..ไม่อย่างนั้นฉันจะไปตามเจ้าหน้าที่มา!!"

วังหมิงหยวนเข้าใจไปเองว่ากัวเจ๋อมอมเหล้าหรือไม่ก็ใช้ยากับพวกผู้หญิง พวกเธอจึงไม่รู้สติเช่นนี้ แต่คำขู่ของเขาก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกลัวสักนิด ซ้ำยังหัวเราะในลำคอเบา ๆ กับความไม่รู้เรื่องรู้ราวของวังหมิงหยวน

"หึ ๆ ๆ ผมว่ารุ่นพี่คงทำเช่นนั้นไม่ได้แล้วล่ะ"

บริเวณรอบบึงน้ำตอนนี้ถูกกัวเจ๋อควบคุมไว้ทั้งหมด กล้องวงจรปิดไม่สามารถใช้งานได้ เจ้าหน้าที่ที่เดินตรวจตราก็ถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว

"พวกเธออย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ ฉันจะไปตามคนมาช่วยเดี๋ยวนี้"

เมื่อเห็นท่าไม่ดีวังหมิงหยวนจึงคิดไปตามคนมาช่วย เขาตั้งใจวิ่งสุดฝีเท้า ที่ไหนได้ยังไม่ถึงห้าเมตรก็ถูกวัตถุที่มีความแข็งแกร่งคล้ายหินฟาดเข้าที่ต้นขาอย่างแรงจนทำให้เสียหลักล้มลงกับพื้น สิ่งที่อยู่ในบึงน้ำเห็นดังนั้นจึงพากันขึ้นจากบึงและคืบคลานเข้าหาวังหมิงหยวนอย่างรวดเร็ว

ในตอนนั้นวังหมิงหยวนคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแน่ ๆ เมื่อสัตว์ร้ายนัยน์ตาสีแดงก่ำตัวหนึ่งได้กระโจนเข้าใส่ หมายขย้ำฉีกเนื้อของเขาเพื่อกลืนกินลงท้อง

"ลุกขึ้น!"

เพียงเสี้ยววินาที ได้มีมือหนึ่งฉุดแขนของวังหมิงหยวนและดึงร่างของเขาให้พ้นจากคมเขี้ยวแหลมคมได้อย่างหวุดหวิด วังหมิงหยวนได้กลิ่นลมหายใจเหม็นสาบพ่นออกมาจากจมูกของสิ่งมีชีวิตนั้นผ่านปลายจมูกไปในระยะประชิด เขาถึงกับหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกผะอืดผะอมจนอยากอาเจียนออกมา

"ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเข้ามาที่นี่!"

น้ำเสียงและสีหน้าที่เย็นชาต่อว่าวังหมิงหยวนไปพร้อมกับตวัดปลายเท้าเตะร่างของสิ่งมีชีวิตที่มีผิวหนังตะปุ่มตะป่ำและแข็งกร้าวกระเด็นตกบึงน้ำไปอีกครั้ง

"นะ..นาย คือเซียวอวี่ใช่มั้ย.."

"รีบหนีไปซะ!"

ผู้มีพระคุณของวังหมิงหยวนไม่สนใจคำถามงี่เง่า และไล่เขาให้พ้นจากบริเวณนี้เพื่อจะต่อสู้ได้ถนัด

"ละ..แล้วผู้หญิงพวกนั้นล่ะ"

วังหมิงหยวนชี้นิ้วไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ริมบึงน้ำ ด้านหลังของพวกเธอมีสิ่งมีชีวิตอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้

เซียวอวี่รู้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ที่อยู่ริมบึงน้ำจึงต้องปกป้องพวกเขา ด้วยสายเลือดของราชาหมาป่ากลายพันธุ์ แม้จะอยู่ในร่างมนุษย์ก็ยังเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ประกอบกับได้เรียนวรยุทธ์และศิลปะการต่อสู้มาจากหวงหนิงหลง ทำให้ฝีมือไม่เป็นรองใคร

เซียวอวี่ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตดวงตาสีแดงก่ำที่พากันคืบคลานขึ้นมาจากบึงน้ำอย่างไม่เป็นรอง แต่จำนวนของพวกไม่ใช่น้อยซ้ำยังมีผิวหนังที่แข็งกร้าวราวกับหินผาทำให้เขาต้องใช้แรงมากกว่าปกติ

"นะ..นี่มัน จระเข้ไม่ใช่เหรอ.."

สิ่งมีชีวิตปริศนาตัวหนึ่งได้ถูกเซียวอวี่เตะกระเด็นไปทางวังหมิงหยวน เมื่อพิจารณาให้ดีจึงรู้ว่ามันคือจระเข้ที่มีรูปร่างและผิวหนังต่างไปจากเดิม ซึ่งทั้งหมดล้วนเกิดจากการกลายพันธุ์ทั้งสิ้น

จระเข้กลายพันธุ์มีจำนวนมากกว่าที่เซียวอวี่คาดไว้ พวกมันมีหางและผิวหนังที่แข็งแกร่งทำให้ยากต่อการจัดการ และไหนจะวังหมิงหยวนกับหญิงสาวที่อยู่ริมบึงน้ำที่เป็นอุปสรรคในการจัดการกับจระเข้กลายพันธุ์อีก เพราะเซียวอวี่ต้องคอยปกป้องพวกเขาไปพร้อมกัน หากเป็นเช่นนี้ต้องแย่แน่ ๆ

เซียวอวี่เหวี่ยงร่างของหญิงสาวให้ออกห่างจากบึงน้ำเพราะบริเวณนี้ค่อนข้างอันตราย แม้จะเป็นการเสียมารยาทต่อพวกเธอแต่ก็เพื่อความปลอดภัย จะเหลือก็แต่ตัวยุ่งยากอย่างหวังหมิงหยวนที่คว้าท่อนไม้แถวนั้นมาช่วยฟาดจระเข้แต่ก็ไม่ระคายผิวพวกมันสักนิด ซ้ำยังเกะกะเขาอีก และในที่สุดก็พลาดท่าเข้าจนได้ เมื่อวังหมิงหยวนโดนจระเข้ตัวหนึ่งฟาดหางเข้าใส่อย่างแรง

"จ๊ากกกกก!!"

"วังหมิงหยวน!!"

ร่างของวังหมิงหยวนลอยละลิ่วก่อนตกลงสู่บึงน้ำ เซียวอวี่จะกระโจนลงไปช่วยก็ทำไม่ได้เพราะถูกกัวเจ๋อขวางไว้

"หลีกไป!" เขาพูดเสียงกร้าว

"นายลงไปตอนนี้ก็ช่วยเขาไม่ทันแล้วล่ะ" กัวเจ๋อแสยะยิ้มร้ายกาจ ยืนประจันหน้ากับเซียวอวี่ด้วยสีหน้าเป็นต่อ

ลูกหมาป่ากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ดวงตาสีทองเปลี่ยนเป็นประกายเพลิงพร้อมใบหูที่ตั้งขึ้น เห็นเช่นนั้นกัวเจ๋อถึงกับมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้น

"กะ..แกนี่เอง..ฮึ่ม!!"

เมื่อเห็นร่างจริงของเซียวอวี่ กัวเจ๋อก็ระเบิดความแค้นออกมาทันที เขาเค้นพลังจนเสื้อผ้าที่สวมอยู่ขาดออกจากร่าง ผิวหนังที่เหมือนมนุษย์เปลี่ยนเป็นตะปุ่มตะป่ำ ด้านหลังปรากฏเป็นหางงอกออกมา

สัตว์กลายพันธุ์แม้สมองจะมีกระบวนการคิดเหมือนกับมนุษย์แต่พวกมันกลับไม่สามารถอำพรางสัญชาตญาณเดิมได้ทั้งหมด

เซียวอวี่ไม่เข้าใจว่าทำไมกัวเจ๋อถึงได้โกรธแค้นตนนัก ลำพังแค่ขัดขวางการล่าเหยื่อไม่เห็นต้องโมโหราวกับมีเรื่องบาดหมางกันมานับสิบชาติ จนเมื่อกัวเจ๋อประกาศกร้าวว่าจะล้างแค้นให้พรรคพวกที่อยู่บนเกาะให้จงได้

ย้อนไปเมื่อเจ้าลูกหมาป่ายังอยู่ในครรภ์ของจางหลิวซิง มีอยู่วันหนึ่งจางหลิวซิงได้เดินเล่นหลงเข้าไปในป่าและได้พบกับจระเข้ที่ยังกลายพันธุ์ไม่สมบูรณ์ตัวหนึ่งเข้า จระเข้ตัวนั้นต้องการจับเขาที่กำลังตั้งครรภ์ฉีกเนื้อกิน แต่โชคร้ายที่ราชาหมาป่าได้มาพบเข้าเสียก่อนและได้ฆ่าจระเข้ตัวนั้นตาย กัวเจ๋อที่แอบดูอยู่จึงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเต็มสองตา

กัวเจ๋อในตอนนั้นได้ซ่อนตัวอยู่หลังโขดหิน เขาพรางตัวให้กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม คนทั่วไปไม่สามารถสังเกตเห็นแต่ไม่อาจเล็ดรอดสายตาของหมาป่าปิศาจไปได้ เพียงแต่ตอนนั้นเซียวหลางไม่อยากจะสนใจมันเท่านั้นเอง

หลังราชาหมาป่าได้พาจางหลิวซิงจากไปแล้วกัวเจ๋อจึงได้กลายร่างเป็นมนุษย์และจดจำความแค้นนั้นเอาไว้ ครั้นพอเกิดการล่มสลายของศูนย์วิจัย เขาได้ถูกคนของศูนย์วิจัยนำตัวออกจากเกาะมาเพื่อทำการมาทดลองต่อ จากนั้นได้ถูกนำมาไว้ที่บึงน้ำแห่งนี้

"ไร้สาระชะมัด"

เซียวอวี่ที่ตอนนั้นนั้นยังไม่ลืมตาดูโลกจึงไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นและเขาก็ไม่คิดอยากจะรู้ด้วย หน้าที่ของเขาคือจัดการกับสัตว์กลายพันธุ์ที่มาทำร้ายมนุษย์ตามคำสั่งของราชาหมาป่าเท่านั้น

กัวเจ๋อตั้งใจจะแก้แค้นเซียวหลางโดยการฆ่าเซียวอวี่ ลำพังตัวเขาไม่คณามือเจ้าลูกหมาป่าแต่จระเข้กลายพันธุ์จำนวนไม่น้อยทำให้เซียวอวี่รับมือได้ยาก

ทั้งกัวเจ๋อและจระเข้กลายพันธุ์ล้วนมีผิวหนังที่แข็งแกร่ง ทำให้เซียวอวี่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ในขณะที่กำลังเพลี้ยงพล้ำหางอันทรงพลังของกัวเจ๋อได้ฟาดมาที่เขาสุดแรง ตัวเซียวอวี่กระโดดหลบได้อย่างทันท่วงทีแต่ก็ถูกฝูงจระเข้ที่ล้อมอยู่พุ่งเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง

ตู้มม!!

จระเข้ที่กลายร่างเป็นมนุษย์ได้ไม่สมบูรณ์ตัวหนึ่งกระโจนเข้าใส่เซียวอวี่ตอนกำลังเผลอ แต่ไม่ทันได้สัมผัสถูกปลายเส้นผมร่างของมันก็ปลิวลงบึงน้ำไปเสียก่อน พอหันกลับไปมองก็พบเซียวเยว่ยืนอยู่

"นายมาช้านะเยว่หลาง" เขาต่อว่าน้องชายไป

"โทษที พอดีฉันแวะไปดูไป๋เหยียนมาน่ะ"

ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้รับคำสั่งจากราชาหมาป่าให้มาจัดการกับสิ่งที่อยู่ในบึงน้ำที่ออกมาทำร้ายมนุษย์

กัวเจ๋อพอเห็นเซียวเยว่ความโกรธแค้นก็ทวีคูณขึ้นเมื่อรู้ว่าทารกที่อยู่ในครรภ์ของจางหลิวซิงที่เป็นต้นเหตุให้คนในเผ่าพันธุ์ของมันต้องตายมีถึงสองคน ฉะนั้น คืนนี้อย่าหวังว่าทั้งคู่จะรอดชีวิตออกจากบึงน้ำแห่งนี้ไปได้เลย

"เอ๊ะ? ว่าแต่นายนี่หน้าตาคุ้น ๆ นะ"

เซียวเยว่พิจารณาใบหน้าของจระเข้หนุ่มกลายพันธุ์อย่างตั้งใจ เหมือนเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ครั้นพอเซียวอวี่บอกว่ามันคือกัวเจ๋อนักศึกษาที่เพิ่งย้ายมาเขาก็ร้องอ๋อขึ้นมาทันที

จระเข้กลายพันธุ์อย่างกัวเจ๋อนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าเดิมเพราะถูกนำมาทดลองด้วยยาตัวใหม่ ซ้ำยังมีพัฒนาการทางสมองจนใกล้เคียงกับมนุษย์ แม้จะมีเซียวเยว่มาช่วย เซียวอวี่ก็ยังจัดการมันไม่ได้

"ทำไมมันถึงแข็งแกร่งแบบนี้น่ะ"

เซียวเยว่อยากจะรีบจัดการกัวเจ๋อให้จบ ๆ เพื่อที่จะได้กลับไปหาไป๋เหยียน เขาได้ต่อรองกับเซียวหลางไว้ว่าหากคลี่คลายเรื่องนี้ได้สำเร็จจะขอรางวัลเป็นการไปค้างที่เหว่ยหลาง ซึ่งเซียวหลางก็รับปาก

ฝูงจระเข้ที่ทั้งกลายร่างเป็นมนุษย์ได้และไม่ได้รวมถึงกัวเจ๋อได้เข้ารุมทั้งคู่ แต่ขึ้นชื่อว่าบุตรชายของราชาหมาป่ามีหรือพี่พวกมันจะเอาชนะได้ง่าย ๆ กรงเล็บอันแหลมคมของหมาป่ากรีดลงบนผิวหนังของจระเข้ที่ทั้งหนาและแข็งแกร่งจนฉีกขาดเป็นแผลลึก ส่งผลให้มีเลือดสีแดงสดไหลลงในบึง จนทำให้น้ำนั้นแทบจะกลายเป็นสีเลือด ทั้งยังส่งกลิ่นคาวเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว

กัวเจ๋อคิดว่าหากสู้กันบนบกเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบจึงตั้งใจจะทำให้ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ตกลงในบึงน้ำและให้พรรคพวกรุมขย้ำ เท่านี้ก็ชำระแค้นได้แล้ว

กัวเจ๋อขยายร่างกายให้ใหญ่ขึ้นก่อนฟาดหางใส่ทั้งคู่เพื่อให้กระเด็นตกลงในบึงน้ำ เหมือนจะสำเร็จ กัวเจ๋อแสยะยิ้มร้ายกาจ แต่เพียงชั่วครู่รอยยิ้มนั้นก็อันตรธานหายไปเมื่อเจ้าลูกหมาป่าได้รับการช่วยเหลือจากชายปริศนาคนหนึ่ง

"จุดอ่อนของพวกมันอยู่ที่ดวงตาและจมูก ถ้าอยากเอาชนะก็ต้องจัดการส่วนนั้นก่อน"

ชายหนุ่มรูปร่างบอบบางในชุดสีขาวพูดกับเซียวอวี่ด้วยน้ำเสียงที่แสนไพเราะ ใบหน้าอ่อนเยาว์ครึ่งหนึ่งถูกปกปิดไว้ด้วยหน้ากากเผยให้เห็นเพียงริมฝีปากสีอ่อนหวานเท่านั้น

"คะ..คุณคือ.."

น้ำเสียงของเซียวอวี่ทำให้เขาต้องผละตัวออกอย่างรวดเร็ว ร่างปราดเปรียวกระโดดขึ้นไปยืนบนกิ่งไม้อย่างแผ่วเบาและมองกลับมาครั้งหนึ่งก่อนจะกระโดดหายไปในความมืด เหลือเพียงเสียงกระพรวนแผ่วเบาที่ดังก้องอยู่ในหูของเซียวอวี่

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   SPECIAL PART คืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวาย

    SPECIAL PARTคืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวายในยุคสมัยที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นยุคที่ผู้คนไม่เชื่อเรื่องภูตผีปิศาจหรือสิ่งเร้นลับอีกต่อไป เทศกาลฮาโลวีนกลับยังได้รับความนิยมจากผู้คนในเมืองเฉินเซินเสมอมาแม้เป็นเทศกาลของชาติตะวันตกก็ตามเมืองเฉินเซินนับเป็นเมืองที่จริงจังกับเทศกาลฮาโลวีนไม่แพ้เมืองอื่น ทุกพื้นที่มีการตกแต่งให้ดูน่ากลัวราวกับอยู่ในเมืองแห่งความตายจริง ๆ ร้านค้าขนาดเล็กจะตกแต่งภายในให้เป็นป่าช้า ห้างขนาดใหญ่ถึงขั้นลงทุนตกแต่งตึกให้เป็นโรงพยาบาลผีสิง บนถนนจะมีหลุมฝังศพและสุสานตลอดเส้นทางที่จริงจังกันขนาดนี้เพราะหากสถานที่ใดตกแต่งได้สมจริงและน่ากลัวที่สุดจะได้รับรางวัลจากผู้ว่าการเมืองเฉินเซิน คิดเป็นมูลค่าแล้วไม่น้อยเลยทีเดียวหลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนภายในเมืองทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแต่งกายในชุดผีหรืออมนุษย์ที่เป็นที่นิยมออกไปเคาะประตูตามบ้านเรือน เมื่อเปิดประตูออกมาคุณอาจจะได้พบกับศพที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็เป็นได้ณ คฤหาสน์สกุลหลิว เด็ก ๆ ต่างรอคอยที่จะออกไปเที่ยวเทศกาลฮาโลวีนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาใช้เวลาเลือกชุดแต่งกายแฟนซีเป็นผีที่ชื่นชอบอยู่นาน สุดท

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 26| สิ้นสุดการเดินทาง

    |PART 26|สิ้นสุดการเดินทางสถานการณ์บนดาดฟ้าของศูนย์วิจัยที่ลักลอบสร้างขึ้นในป่านอกเมืองเฉินเซินในตอนนี้เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อเกิดการประจันหน้าระหว่างพวกของพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนกับหลิวเมิ่งอัน โดยตรงนั้นยังมีจางหลิวซิงที่ควรจะออกไปจากที่นี่แล้วอยู่ด้วยและที่ศีรษะของเขาได้มีปืนจ่ออยู่"หลิวซิง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!""พี่หลิวอิง ทำไมไม่ไปที่รถล่ะครับ"ความเอาแต่ใจของทั้งสองคนสร้างความลำบากใจให้กับพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนที่รับปากจะดูแลจางหลิวซิงและช่วยเหลือหลิวอิงจากศูนย์วิจัยไม่น้อย แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้ เป็นการยากที่เขาจะปกป้องคนสองคนไปพร้อมกัน แม้สัตว์ทดลองด้านล่างจะได้สัตว์กลายพันธุ์ที่มาจากเหว่ยหลางช่วยจัดการก็ตาม"นี่นาย!?"หม่าอี้จำได้ว่าเคยพบกับถังหลินชีบนถนนเส้นที่ใช้เดินทางไปยังเรือนปิงเจี๋ย ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าถังหลินชีก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่เดินทางมาจากเกาะเพราะถังหลินชีได้มาอยู่กับสวีเพ่ยหลังหม่าอี้เดินทางออกจากเกาะมาแล้ว ที่สำคัญถังหลินชียังเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วยถังหลินชียิ้มเป็นมิตร

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 25| อดีตที่ถูกเปิดเผย

    |PART 25|อดีตที่ถูกเปิดเผยบริเวณโถงใหญ่ภายในถ้ำอสรพิษได้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารรับจ้างกลายพันธุ์กับไป๋จื่ออิงขึ้น ในขณะที่หยางลู่เฉิงได้ใช้ปืนที่บรรจุเซรุ่มสำหรับฆ่าสัตว์กลายพันธุ์โดยเฉพาะยิงใส่วังหมิงหยวนที่พยายามห้ามไม่ให้เขาใช้ระเบิดที่มีความรุนแรงภายในถ้ำน่าแปลก..วังหมิงหยวนที่แสนเชื่องช้าคนนั้นกลับหลบกระสุนได้ทัน หรือเขาจะมีเทพเจ้าแห่งโชคคุ้มครองอยู่อย่างที่พูดกันนะ"ยะ..อย่าครับ อย่าฆ่าผม.."วังหมิงหยวนวิ่งหลบกระสุนที่หยางลู่เฉิงยิงใส่จนขาพันกันทำให้ลื่นล้มลงกับพื้น โถงกว้างไม่มีที่ให้หลบแต่กระสุนนั้นกลับไม่โดนตัวเขาสักนัด เพียงแค่เฉียดไปมาเท่านั้น ทำเอาหยางลู่เฉิงถึงกับหงุดหงิดจึงเปลี่ยนไปออกคำสั่งให้ทหารกลายพันธุ์มาจัดการกับวังหมิงหยวนแทน"จัดการกับไอ้ปอดแหกนี่ซะ!!""ช่วยด้วย!!"วังหมิงหยวนวิ่งวนไปรอบโถงและไปหลบอยู่ด้านหลังของไป๋จื่ออิงจึงถูกไล่ให้พ้นทางเพราะเกะกะการต่อสู้ พื้นที่ที่ถูกจำกัดภายในถ้ำอสรพิษทำให้ไป๋จื่ออิงไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ เช่นนั้นแล้วจึงบอกวังหมิงหยวนให้หาทางช่วยตัวเองไปก่อน แต่เพราะฝีมืออ่อนด้อยทำให้วังหมิงหยวนเพลี่ยงพล้ำถูกทหารรับจ้างกลายพันธุ์ที่มีย

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 24| ข้อแลกเปลี่ยน

    |PART 24|ข้อแลกเปลี่ยนศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินนั้นคือหน่วยงานขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากภาครัฐ ทั้งยังได้รับงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการทดลอง โดยศูนย์วิจัยจะเน้นเรื่องการค้นคว้าและทำการทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อช่วยให้ในอนาคตมนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นลึกเข้าไปภายในป่าที่อยู่นอกเมืองเฉินเซินได้มีศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งซุกซ่อนอยู่ คลื่นสัญญาณรบกวนที่ปกคลุมอยู่ในรัศมียี่สิบกิโลเมตรทำให้ยากแก่การค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้ลักลอบทำการดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนสงครามชีวภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่พวกเขาทำล้วนผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ลักลอบล่าสัตว์ป่า ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนเข้ากล้ามาตรวจสอบเพราะศูนย์วิจัยแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของเมืองเฉินเซินร่างของหลิวอิงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงภายในห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุด เพราะเป็นทายาทของสกุลหลิวเขาจึงได้รับความสนใจจากทั้งห้าสกุลเป็นพิเศษสูงขึ้นไปบนชั้นลอยเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ รวมถึงแพทย์

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 23| หนอนบ่อนไส้

    |PART 23|หนอนบ่อนไส้กลางป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน ถ้าไม่สังเกตให้ดีใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหน้าที่เห็นเป็นหน้าผาเวิ้งว้างนั้นด้านล่างจะมีถ้ำน้ำแข็งซ่อนอยู่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำอสรพิษศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสรพิษเกล็ดเงินไป๋จื่ออิงนำทางทุกคนมาจนถึงริมผา จากนั้นได้โรยตัวลงมาเบื้องล่างจึงได้พบกับทางเข้า"ที่นี่ยังไงล่ะ ถ้ำอสรพิษที่พวกเธอตามหา" ไป๋จื่ออิงบอกกับทุกคนเซียวเยว่และวังหมิงหยวนตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีถ้ำน้ำแข็งที่วิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนโลกใบนี้วังหมิงหยวนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าเพื่อเข้าไปดันประตูน้ำแข็งที่สลักลวดลายของอสรพิษไว้บนนั้นแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงหันกลับไปถามไป๋จื่ออิงด้วยความสงสัย“กุญแจก็ไม่ได้ล็อก ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ”ไป๋จื่ออิงมองวังหมิงหยวนด้วยสายตาสมเพชและเข้าไปยืนเบื้องหน้าประตูน้ำแข็ง ตราสัญลักษณ์บนนั้นทำปฏิกิริยากับตราประทับกลางหน้าผากของเขา จากนั้นประตูจึงได้เปิดออก ไป๋จื่ออิงบอกว่ามีเพียงลูกหลานของอสรพิษเกล็ดเงินเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูนี้ได้"พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ"ได้ยินดังนั้นวั

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 22| ถ้ำอสรพิษ

    |PART 22|ถ้ำอสรพิษห้องพักภายในหออสรพิษนอกจากเหอไป๋เหยียนแล้วยังมีหมาป่าหนุ่มอยู่ร่วมห้องด้วยอีกคน โดยหมาป่าหนุ่มอ้างว่าเป็นห่วงลูกที่อยู่ในครรภ์จึงไม่สามารถแยกห้องกับเหอไป๋เหยียนได้เหลือเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่เหอไป๋เหยียนจะครบกำหนดคลอด รูปร่างของเขาในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเต้านมที่ขยายใหญ่จนดึงดูดสายตาของหมาป่าหนุ่มให้จับจ้องไม่วางตา ทั้งหมดเป็นเพราะน้ำเชื้อที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเซียวหลางผู้เป็นบิดานั่นเอง"นายเลิกมองหน้าอกฉันสักทีได้มั้ย สายตาน่าขนลุกเป็นบ้า"เหอไป๋เหยียนว่าพลางวางถ้วยน้ำชาในมือลงก่อนลุกเดินหนีไปที่เตียง แต่หมาป่าหนุ่มได้เดินตามและนั่งข้างกันโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่แต่กับหน้าอกของเหอไป๋เหยียน"ฉันอยากจับหน้าอกของนาย อยากบีบเล่นให้หายคันมือ อยากเลีย อยากดูดแรง ๆ ชะมัด"เหอไป๋เหยียนใบหน้าแดงซ่านเมื่อได้ยินคำขอ เขาไม่คิดว่าหมาป่าหนุ่มจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ เช่นนี้แล้วคงจะนอนร่วมห้องกันไม่ได้แน่ ครั้นพอจะหนีก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับเตียงและอ้อนขอจับให้ได้"นะ..ขอฉันจับนิดหน่อยนะ จับแค่นิดหน่อยจริง ๆ ฉันสัญญา""ฉะ..ฉันไม่เชื่อนายหรอก"เหอไป๋เหยียนเห็น

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status