ป่าหิมพานต์เวลากลางคืนมีความลึกลับ ท้องฟ้ามืดครึ้ม ดวงดาวระยิบระยับเปล่งแสงลงมายังผืนป่า เต็มไปด้วยพืชพันธุ์สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” นางมองใบหน้าซีดเผือดจากการเสียเลือดจากบาดแผลของชายหนุ่มแปลกหน้า
“ข้ามิเป็นไร” ชายหนุ่มตอบเสียงแผ่วเบา
แสงจันทร์ส่องผ่านต้นไม้สูงใหญ่ ทำให้เกิดเงา เคลื่อนไหวตามสายลมบางเบา
“คืนนี้อากาศช่างหนาวเย็นนัก” นางหาเรื่องคุย บาดแผลตามลำตัวของครุฑหนุ่มเริ่มทุเลาเบาลงแล้ว
“เจ้ารู้สึกหนาวใช่หรือไม่” เขามองหญิงสาวกอดอกเนื้อตัวสั่นน้อยๆ
เสียงลมพัดผ่านใบไม้ดังเป็นจังหวะที่นุ่มนวล ผสมกับเสียงน้ำไหลจากลำธาร มันส่องประกายระยิบระยับตามแสงจันทร์
“ข้าไม่เป็นไร พวกเรานอนพักกันเถอะ พวกมันคงไปตามหาเราที่อื่นแล้ว” เขามองเข้าในป่า หลบสายตาหวานของหญิงสาว
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ป่าบานเฉพาะยามค่ำคืนโชยมา กลิ่นนี้ชวนให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย
“เจ้านอนพักเถิด ข้ายังไม่ง่วง” นางลุกขึ้นยืนมองบรรยากาศรอบๆ ที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความงดงาม
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าแล้วกัน”
ครุฑหนุ่มนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ หายใจอ่อนแรงเพราะความเหนื่อยล้า บาดแผลยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา
“ข้าจะอยู่ยาม คอยคุ้มภัยให้แก่เจ้าแล้วกัน” หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน ครุฑหนุ่มนอนหลับไปอย่างรวดเร็วเพราะความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนแรง
ทันใดนั้น หญิงสาวกลายร่างเป็นพญานาคค่อยๆ เลื้อยเข้ามาใกล้คนนอนหลับ นางคายพิษไว้รอบตัวชายหนุ่มเพื่อป้องกันอันตราย
“โอ้ เจ้าเป็นนาคหรือนี่” เขามองใบหน้านาคสาวที่อยู่ใกล้แค่คืบ
“ใช่ ข้าเป็นนาค” นางตอบอย่างชัดเจน กลายร่างเป็นหญิงสาวงดงามเช่นเดิม
“ยามนี้ข้าอ่อนแรง เจ้าทำร้ายข้าได้” เขาพูดออกมา เช่นนั้น เพราะนาคและครุฑเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาแสนนาน
“ข้าจะช่วยเจ้าต่างหาก ขอเพียงเจ้าอยู่นิ่งๆ อย่าขยับตัว เจ้าเสียเลือดมากแล้ว” นางเอ่ยปาก
ครุฑหนุ่มมองนางด้วยความระแวดระวัง แต่ความเหนื่อยล้าทำให้เขาตัดสินใจยอมรับความช่วยเหลือ
“ชีวิตข้าอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว”
นางค่อยๆ นั่งลงข้างเขา วางมือสัมผัสบริเวณบาดแผลตามเนื้อตัวของวายุภัทรอย่างแผ่วเบา
“ข้ามิเคยคิดเป็นศัตรูกับผู้ใดทั้งสิ้น” ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปยังบาดแผล ความเจ็บปวดบรรเทาลงในทันที
“ทำไมเจ้าถึงช่วยข้า? ข้าเป็นศัตรูของเจ้า เจ้าก็รู้ดีนี่” พญาครุฑถามเสียงแผ่วเบา
“ยามนี้ข้าไม่ได้มองเจ้าเป็นศัตรู แต่เจ้าเป็นเพียงผู้ต้องการความช่วยเหลือ ข้าไม่สามารถมองข้ามความเจ็บปวดของผู้ใดได้ ไม่ว่าพวกเราจะเป็นศัตรูหรือมิตรก็ตามแต่” นาคาสาวยิ้มอ่อนหวาน
“น้ำใจเจ้าช่างงดงามจริงๆ เลย ข้าขอบใจเจ้ายิ่งนัก” เขาเอ่ยปาก สายตามองการกระทำอีกฝ่ายอย่างรู้สึกดี
นาคสาวใช้สมุนไพรและน้ำจากลำธารใกล้เคียง ร่ายเวทมนตร์ รักษาบาดแผล แสงประหลาดจากมือของนางทำให้บาดแผลค่อยๆ สมานตัว
“เจ้าไม่กลัวข้าจะทำร้ายเจ้าหรือ” พญาครุฑหนุ่มรู้สึกได้ถึงพลังที่กำลังฟื้นฟู แต่ยังคงมองนางด้วยความสงสัย
“เจ้าเรียกข้าว่าแก้วกัลยาเถิด” นางเอ่ยนามตนเอง
“ข้าชื่อวายุภัทร” ครุฑหนุ่มบอกชื่อตัวเองด้วยเช่นกัน
“ข้ามีความเชื่อว่า การช่วยเหลือผู้อื่นยามลำบาก จะสามารถทำให้ความแค้นในตัวลดลงได้ ข้าไม่อาจรู้ได้ว่า ครุฑกับนาคเป็นศัตรูกันด้วยเรื่องอะไร” นาคสาวเสียงนุ่มนวล
“เจ้าช่างงดงามทั้งหน้าตาและความคิด ข้าก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเพราะเหตุใดครุฑกับนาคถึงเป็นศัตรูกัน”
ครุฑหนุ่มนิ่งเงียบ มองดูหญิงสาวตรงหน้า นางกำลังใช้มือเรียวยาวลูบไล้ปิดบาดแผลให้เขา
“เจ้าเจ็บมากหรือไม่” เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความจริงใจจากอีกฝ่าย ความคิดที่เคยเต็มไปด้วยความเกลียดชังเริ่มสั่นคลอนด้วยความเมตตาและความดีของนาง
“บางครั้ง...ข้าอาจต้องคิดทบทวนเรื่องเล่าขาน ข้าเชื่อมาตลอดว่าครุฑกับนาคเป็นศัตรูกัน” วายุภัทรพึมพำเบาๆ
“เป็นเช่นนั้น” หญิงสาวเอ่ยปาก
“ข้าขอบใจเจ้าที่ช่วยชีวิตข้าในครั้งนี้” เขาพูดออกมาจากส่วนลึกในใจ
ความรู้สึกดีเริ่มก่อตัว สองหนุ่มสาวรู้สึกต่อกันเช่นนั้น แม้ไม่ได้เอ่ยเป็นคำพูด แต่เมื่อมองตากันย่อมรู้ซึ้งถึงหัวใจของกันและกัน
วันต่อมา ภายในถ้ำกว้างใหญ่แก้วกัลยานั่งสมาธิ เจริญสติภาวนา ในนิมิตนั้น นางได้ยินเสียงมารดากำลังเรียกหา
“แก้วกัลยา เจ้าอยู่ที่ใด” นางมณีรัตนาเรียกหาบุตรสาว
“ท่านแม่ ลูกอยู่ที่นี่ ลูกขอออกมาเที่ยวเล่นนะเจ้าคะ อีกไม่นานลูกจะกลับไปหาท่านแม่” นางตอบกลับให้มารดาสบายใจ
“แม่เป็นห่วงเจ้ามาก เจ้ารู้หรือไม่เมืองมนุษย์มีแต่อันตราย เจ้าจงรักษาตัวให้ดี อย่าเข้าใกล้พวกครุฑ มันจะจับเจ้าเป็นอาหารของพวกมัน” มารดาเตือนบุตรีเหมือนทุกครั้ง
“ท่านแม่อย่าได้กังวล ลูกดูแลตนเองได้” นางกล่าวคำมั่น
“เช่นนั้นแม่ก็เบาใจ” เสียงนั้นหายไป
“ท่านแม่ ข้ามิได้โกหกท่าน”
ยามนี้นางมีแต่ความรู้สึกดีๆ ต่อพญาครุฑหนุ่ม นางก็ไม่รู้เหมือนกันจะเรียกความรู้สึกนั้นว่าอะไร
ณ ธารน้ำสายใหญ่ แก้วกัลยาเดินเคียงข้างวายุภัทร ความผูกพันระหว่างกันก่อตัวอย่างรวดเร็ว ยามอยู่ใกล้ทั้งรู้สึกดี หัวใจเต้นแรง และอบอุ่น
“เจ้าดูสิ ดอกไม้เหล่านั้นช่างงดงาม เหมาะกับสาวงามเช่นเจ้า” ชายหนุ่มคุกเข่ามอบดอกไม้ป่า มันส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
“เจ้าก็กล่าวเกินไป” นาคสาวหน้าแดงด้วยความเขินอาย ก่อนเดินหนีอย่างรวดเร็ว
“เจ้า งาม ทั้งน้ำใจและใบหน้า ข้าไม่เคยเห็นหญิงงามเช่นเจ้า”เขาถือโอกาสบรรจงแสบดอกไม้สีขาวแซมผมนาง
“วายุภัทร ข้าขอบใจในคำชมของเจ้า” แก้วกัลยาเขินอายเดินเลี่ยงออกไป
“ข้าช่างเป็นผู้โชคดี ได้อยู่ใกล้หญิงงามเช่นเจ้า” เขาพูดความรู้สึกภายในใจออกมา
“ข้าอยากรู้นักว่า พญาครุฑหนุ่มทุกตน ปากหวานเหมือนกันหมดหรือไม่” นางเอ่ยถาม
“ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าครุฑตนอื่นเป็นเช่นไร แต่ข้ารู้ว่าข้าเป็นคนพูดจาขวานผ่าซาก จนมาเจอเจ้า คำพูดทุกคำล้วนออกมาจากหัวใจ” เขาจับมือหญิงสาวมาวางบนอกข้างซ้าย
“วายุภัทร...เจ้านี่” หญิงสาวหน้าแดง หัวใจเต้นแรง
“ข้ามิเคยปากหวานกับผู้ใด จนมาพบเจ้า”
“วายุภัทร เจ้าก็เป็นคนแรกที่ทำหัวใจข้าเต้นแรง อดหวั่นไหวในคำหวานของเจ้าไม่ได้”
“ข้ารักเจ้า แก้วกัลยา” เขาสารภาพความในใจ
“ข้า...” แก้วกัลยาเดินหนีอย่างเขินอาย กายร้อนเหมือนมีกองไฟสุมทรวง แต่เป็นไฟให้ความอบอุ่นหัวใจและกายนางมากกว่า
ป่าใหญ่แห่งนี้มีพระธุดงค์นั่งสมาธิใต้ต้นไทรใหญ่ มันแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมแผ่นดิน ให้ร่มเงาแก่สรรพสิ่งตรงนั้น
“หลวงตา...” สองหนุ่มสาวกราบท่านอย่างนอบน้อมและศรัทธา ยามมองท่านเห็นแสงสีทองส่องประกายออกมา
“เจริญพร...”ท่านลืมตา ออกจากสมาธิ
“ข้ามารบกวนท่านหรือไม่” วายุภัทรถามอย่างเกรงใจ
“พวกโยมมิได้รบกวนอาตมาหรอก อาตมายินดีที่ได้เจอโยมทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง” น้ำเสียงแห่งความเมตตา
“ข้ารู้สึกดีใจอย่างประหลาดที่พบท่านในป่าใหญ่เช่นนี้ มนุษย์น้อยคนจะมาอยู่ในป่านี้ได้” วายุภัทรเอ่ย
“อาตมาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง รู้สึกดีใจที่ได้พบโยมทั้งสอง โยมเป็นพญาครุฑ ส่วนโยมเป็นนาคี...”
“ท่าน…รู้ได้อย่างไร” วายุภัทรและแก้วกัลยาประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“อาตมารู้ได้ด้วยญาณ” ท่านเอ่ยเช่นนั้น
“ท่านสามารถล่วงรู้อนาคตของเราสองได้หรือไม่เจ้าคะ” แก้วกัลยาถามอย่างใคร่รู้
“โยมจะรู้ไปทำไมหรือ รู้มากก็เป็นทุกข์มาก” ท่านกล่าวอย่างปลงตก
“ข้า...”หญิงสาวสับสน
“แก้วกัลยา เจ้าอย่าถามในสิ่งที่ท่านไม่อยากตอบเลย” วายุภัทรพูดเตือนสติหญิงสาว
“ข้าขออวยพรให้ความรักของโยมทั้งสองสมหวัง” ท่านเอ่ยก่อนหลับตานิ่ง คล้ายต้องการตัดบทสนทนา
“ขอบพระคุณท่านเหลือเกิน” สองหนุ่มสาวกราบลาพระธุดงค์ แล้วหันหลังเดินจากไป หันกลับมาอีกครั้งกลับไม่เห็นท่านแม้แต่เงา
“ท่านคงไม่อยากให้พวกเรารบกวน” วายุภัทรคิดในใจ
พระธุดงค์ลืมตาช้าๆ รอยยิ้มแห่งความเมตตาเกิดขึ้นในตัวผู้ทรงศีล
“ความรักของพญาครุฑกับพญานาคจะจบลงเช่นไร ข้าไม่อาจบอกเจ้าทั้งสองคนได้ ดวงชะตาของพวกเจ้าไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้เลย แก้วกัลยา วายุภัทร”
บนฟากฟ้า วิมานพญาครุฑนามว่าสุบรรณ ผู้เป็นอาของวายุภัทรกระวนกระวายใจ เป็นห่วงหลานชายที่หายหน้าไปหลายเดือน
“พวกเจ้าได้ข่าวหลานชายข้าหรือไม่” ท่านถามพญาครุฑหนุ่มผู้ปกป้องวิมานแห่งนี้
“ข้ายังไม่รู้ข่าวท่านวายุภัทรเลยขอรับ” มันก้มหน้าพูดตามข่าวที่ได้รับรู้มา
“วายุหนอวายุ เจ้าเป็นตายร้ายดีเช่นไร เหตุใดไม่ส่งข่าวมาให้ข้ารู้เลย” บ่นหลานชายที่รักดุจบุตรชาย
“ท่านสุบรรณ ช่วงนี้มีแต่เรื่องครุฑกับพญานาคต่อสู้กันทั้งนั้น ข้าเกรงว่าท่านวายุภัทรอาจได้รับอันตรายจากสงครามนี้”
“ไม่มีผู้ใดทำร้ายวายุภัทรหลานชายข้าได้หรอก ข้าเชื่อเช่นนั้น” แม้จะเป็นห่วงหลานชาย แต่สุบรรณมั่นใจว่าชายหนุ่มต้องดูแลตนเองได้
“ท่านสุบรรณ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ...” ครุฑเฒ่าตะโกนเสียงดัง สีหน้าแววตาตกอกตกใจ
“ใจเย็นก่อน เกิดอะไรขึ้นหรือ” ท่านมองหน้าผู้มาใหม่ อดยิ้มให้ความร้อนรนของมันไม่ได้
“ข้ารู้ข่าวมาว่า ท่านวายุภัทรถูกทำร้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส” มันรายงานเสียงดัง
“ใครมันบังอาจทำร้ายหลานชายข้า...” แววตาลุกเป็นไฟ
“ข้ามิอาจทราบได้”
“พวกเจ้าจงเร่งตามหาวายุภัทร” เจ้าแห่งวิมานนี้สั่งการรวดเร็ว
“ขอรับ พวกข้าจะรีบไปกัน” ครุฑทั้งหลายต่างพากันตามหาหลานชายท่านสุบรรณ
“ไม่ว่าเป็นบนฟ้า พื้นดิน ใต้ผืนน้ำ พวกเจ้าจงรีบเร่งตามหา ถ้ามันผู้ใดคิดอ่านเป็นศัตรูกับหลานชายข้า จงฆ่ามันให้สิ้น”
ความโกรธทวีความรุนแรง วิมานร้อนดุจเปลวไฟ ท่านสุบรรณเร่งติดตามหาหลานชายสุดที่รัก
จิ๊บ จิ๊บ
เสียงนกร้องแข่งกันอย่างสดใส เหล่าดอกไม้หลากสีสันชูช่อไหวตามแรงลม
“เขาทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก” ผีเสื้อน้อยกำลังดูดดื่มน้ำหวานจากเกสรดอกไม้
“ข้าไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นครุฑกับนาคเดินเคียงคู่กันเช่นนี้” ผึ้งน้อยมองภาพตรงหน้า
“ความร้อนของแสงแดดไม่อาจต้านทานความร้อนแรงแห่งความรักของสองหนุ่มสาวได้เลย” มันอดอิจฉาไม่ได้
“พวกเราควรดีใจกับพวกเขาด้วย ความรักทำให้โลกสดใสน่าอยู่ขึ้น” พวกมันรวมตัวกันหัวเราะชอบใจ
“จริงด้วย” เหล่าแมลงบินว่อนเป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่กลางท้องฟ้ากว้าง
“อุ๊ย น่ารักจริง” หญิงสาวยิ้มกว้าง
“แก้วกัลยา” มันเรียกนาคสาวพร้อมเพรียงกัน
“ว่าอย่างไรเจ้าผีเสื้อน้อย” แก้วกัลยาผู้รู้ภาษาสัตว์ทุกชนิดทักทายพวกมันที่กำลังบินเข้ามาหา
“พวกข้าอดอิจฉาท่านไม่ได้” ผึ้งน้อยเอ่ย โดยมีผี้เสื้อหลากสีสันล้อมรอบตัวหญิงสาว
“พวกเจ้ายังมีคู่ได้ ทำไมข้าจะมีคู่ไม่ได้เล่า” นางแซวคู่สนทนาที่มีผึ้งตัวผู้บินวนรอบตัว
“แต่หวานสู้เจ้ากับครุฑหนุ่มไม่ได้หรอก...” มันบินใกล้ตัวหญิงสาว
“แต่ข้าว่าพวกเจ้าหวานกว่า อยู่กันเป็นคู่ท่ามกลางดงดอกไม้ มีเกสรดอกไม้เป็นอาหารอันเลิศรส”
“แก้วกัลยา เจ้ามาอยู่ที่นี่เอง ข้าตามหาเจ้าเสียทั่ว” วายุภัทรเดินมาหาหญิงสาวที่เขารัก
“ท่านมีสิ่งใดหรือ”
“ข้าคิดถึงเจ้า...” เขาหยอดคำหวาน
“แต่เราเพิ่งแยกกันไม่นาน” หญิงสาวกล่าวท้วง
“ข้าไม่อยากจากเจ้าแม้เสี้ยววินาที” เขากอดหญิงสาวแสดงความเป็นเจ้าของ
“อุ๊ย หวานจนน้ำผึ้งอาย” ฝูงแมลงรีบบินจากไป
“ข้าว่าพวกเรากลับเข้าถ้ำกันเถิด ตอนนี้ใกล้ค่ำแล้ว” เขาชวนหญิงสาว รู้ว่าทุกแห่งหนย่อมมีภัย
สองหนุ่มสาวเดินจูงมือกันไป ชมนกชมไม้ตามรายทางอย่างมีความสุข ได้แต่อธิษฐานในใจขอให้สิ่งนี้คงอยู่ตลอดไป
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่ ช่างเป็นภาพงดงามจับตา พญาครุฑหนุ่มและนาคสาวเดินเคียงกันริมลำธารใสสะท้อนแสงจันทร์ พื้นน้ำคล้ายแสงเงินแสงทองจากดวงดาวปลายฟากฟ้า“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตของข้าจะเปลี่ยนไปเช่นนี้...ตั้งแต่วันแรกที่พบเจ้า ทุกสิ่งที่ข้าเคยเชื่อมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น” พญาครุฑหนุ่มหยุดเดิน มองเงาดวงจันทร์สะท้อนในน้ำ“ข้าเองก็ไม่เคยคิดว่าหัวใจจะเต้นแรงผิดจังหวะได้เช่นนี้” พญานาคสาวยิ้มบางๆ หันมามองเขาสองหนุ่มสาวสบตากันเป็นเวลานาน ความรู้สึกสองหัวใจที่เก็บซ่อนความรู้สึกไว้เริ่มเผยออกมา“ข้าไม่อาจละสายตาจากเจ้าได้ ตั้งแต่วันที่เจ้าช่วยรักษาบาดแผลของข้า ข้าเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างในตัวเจ้าดึงดูดหัวใจข้า...บางอย่างทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น”พญาครุฑหนุ่มก้าวเข้ามาใกล้นาคสาว เขาเอื้อมมือไปแตะมือของเธออย่างอ่อนโยน“ข้าก็เช่นกัน...ข้าไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกที่มีต่อเจ้าได้ แม้เราสองจะมาจากเผ่าพันธุ์ต่างกัน แต่ข้ารู้สึกว่าความรู้สึกนี้ มันเป็นเป็นอะไรไม่อาจรู้ได้ แต่ข้ารู้ว่า มันคือสิ่งที่ข้ารอมานานแสนนาน”นางมองดูมือของเขา สองมือจับกันไว้“ข้าก็รู้สึกไม่ต่างจากเจ้าเช่นกัน แก้วกัลยา” ค
ป่าหิมพานต์เวลากลางคืนมีความลึกลับ ท้องฟ้ามืดครึ้ม ดวงดาวระยิบระยับเปล่งแสงลงมายังผืนป่า เต็มไปด้วยพืชพันธุ์สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” นางมองใบหน้าซีดเผือดจากการเสียเลือดจากบาดแผลของชายหนุ่มแปลกหน้า“ข้ามิเป็นไร” ชายหนุ่มตอบเสียงแผ่วเบาแสงจันทร์ส่องผ่านต้นไม้สูงใหญ่ ทำให้เกิดเงา เคลื่อนไหวตามสายลมบางเบา“คืนนี้อากาศช่างหนาวเย็นนัก” นางหาเรื่องคุย บาดแผลตามลำตัวของครุฑหนุ่มเริ่มทุเลาเบาลงแล้ว“เจ้ารู้สึกหนาวใช่หรือไม่” เขามองหญิงสาวกอดอกเนื้อตัวสั่นน้อยๆเสียงลมพัดผ่านใบไม้ดังเป็นจังหวะที่นุ่มนวล ผสมกับเสียงน้ำไหลจากลำธาร มันส่องประกายระยิบระยับตามแสงจันทร์“ข้าไม่เป็นไร พวกเรานอนพักกันเถอะ พวกมันคงไปตามหาเราที่อื่นแล้ว” เขามองเข้าในป่า หลบสายตาหวานของหญิงสาว กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ป่าบานเฉพาะยามค่ำคืนโชยมา กลิ่นนี้ชวนให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย“เจ้านอนพักเถิด ข้ายังไม่ง่วง” นางลุกขึ้นยืนมองบรรยากาศรอบๆ ที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความงดงาม“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าแล้วกัน”ครุฑหนุ่มนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ หายใจอ่อนแรงเพราะความเหนื่อยล้า บาดแผลยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา“ข้าจะอยู่ย
ณ ดินแดนอันไกลโพ้น แสงสีส้มจับขอบฟ้า ความเงียบสงบปกคลุมทุกแห่งหน พญาครุฑหนุ่มบาดเจ็บจากการถูกโจมตี เลือดไหลออกมาตามลำตัว“วายุภัทร พวกข้าต้องจับเจ้าให้ได้” เสียงสั่งการดังก้องฟ้า“ต่อให้มันมีปีกกว้าง หรือมีพลังอำนาจขนาดไหน ก็ไม่อาจต้านทานพวกเราได้หรอก”เปรี้ยง!อสุนีฟาดใส่พญาครุฑหนุ่มสายใหญ่ พาความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วทั้งร่าง“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุด เจ้าหนีไม่พ้นเงื้อมมือข้าไปได้หรอก เจ้าวายุภัทร”“ข้า…ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะทำกับข้าเยี่ยงนี้” ครุฑหนุ่มตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด เสียงราวกัมปนาทดังลั่นท้องฟ้าทันใดนั้น ท้องฟ้าพลันมืดดำ สายลมกรรโชกแรงราวครึ่งนาที ทุกอย่างจึงค่อยกลับมาเป็นปกติ ทว่าบริเวณที่เคยมีร่างครุฑหนุ่มกลับว่างเปล่า ทุกสายตามองหาพญาครุฑที่บาดเจ็บ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอาศัยช่วงฟ้ามืดเร้นกายหายไปจากตรงนั้นแล้ว“ผู้ใดบังอาจมาช่วยมัน”“มันหายตัวได้อย่างไร” เสียงหนึ่งตะโกนอย่างไม่พอใจขณะนี้พญาครุฑหนุ่มหมดแรงและสิ้นหวัง เขาเหาะผ่านป่าหิมพานต์ บาดแผลทางกายทำให้รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง เขากระพือปีก เลือดไหลซึมจากบาดแผลที่ถูกโจมตี เขารู้ว่าหากไม่หลบซ่อนที่ใดสักแห่งในตอนนี้ เขาอาจไม่รอด