“ถิงถิง เหตุใดเจ้าไม่ถวายความเคารพท่านอ๋อง”
ถิงถิงยังคงจ้องมองไปที่หมิงลี่หยาง สายตาทั้งคู่สบตากันอย่างมีความหมาย นางหวังว่าเขาอาจจะจำนางได้บ้าง เรื่องราวในอดีตแม้ผ่านมานานกว่าสิบปี แต่นางยังคงจดจำเขาได้
เขาเองก็รู้สึกว่านางช่างดูคุ้นตาเขาอย่างประหลาด แต่เหตุใดเขานึกเท่าใดก็นึกไม่ออกว่าเคยพบนางที่ใด แต่เมื่อเห็นสายตาที่ท้าทายเขาอย่างไม่เกรงกลัวนั้น ทำให้เขาไม่อยากยอมแพ้
“ข้ามิได้กล่าวเกินจริง เจ้าบอกว่าสบู่ที่ร้านเจ้าทำ ทั้งให้กลิ่นหอม ทั้งสามารถระงับกลิ่นกาย และอะไรนะ…”
“เอ่อ ทูลท่านอ๋อง รักษาผิวหน้าและทำให้กายหอมพ่ะย่ะค่ะ”
“ทั้งหมดที่ว่ามานั่น ข้าคิดว่าสรรพคุณที่กล่าวอ้างมานี่ ออกจะเกินจริงไปหน่อย ข้าไม่มีสิทธิ์สงสัยงั้นหรือ”
“หากท่านอ๋องไม่เชื่อ หม่อมฉันยินดีจะให้พระองค์ได้ทดลองสินค้าของที่ร้านเพคะ หากพระองค์ทดลองใช้แล้วเกิดความเสียหาย ส่งตัวหม่อมฉันไปลงโทษได้เลย แต่หากว่าสินค้าของร้านร้อยบุปผาไม่ผิดปกติ พระองค์ต้องขอโทษหม่อมฉันต่อหน้าชาวเมืองหย่งโจว”
“บังอาจ ฟางถิงถิง นั่นท่านอ๋องนะ เหตุใดเจ้าจึงกล้าหมิ่นเบื้องสูงเช่นนั้น”
หลินเยว่ซินชี้หน้าต่อว่าฟางถิงถิง นางไม่เคยพลาดที่จะคอยซ้ำเติมฟางถิงถิงหากมีโอกาสเหมาะ
“ข้าให้ความเคารพกับทุกคน แต่มิใช่กับคนที่ดูถูกสินค้าของร้านร้อยบุปผา หากท่านอ๋องยินดีขอโทษที่ปรามาสสินค้าของข้าก่อน ข้าก็จะยินดีขอโทษพระองค์ที่เสียมารยาท”
อ๋องหนุ่มมองสายตาที่ไม่ยอมคนของนางอย่างนึกสนุกพร้อมกับยกมุมปากขึ้นมายิ้มพร้อมกับมองหน้านาง
“ได้สิ ข้าจะลองนำสินค้าของร้านเจ้าไปใช้ อ้อ ข้าซื้อ ไม่ต้องเอาให้ข้าเปล่าๆ หรอกนะ จะได้ไม่ต้องเป็นที่ครหาว่าข้ารังแกเจ้า เถ้าแก่ฟาง หากว่าสินค้าเจ้าดีจริง ข้าจะเป็นผู้ขอโทษเจ้าเอง ต่อหน้าลูกค้าเจ้าที่ร้านร้อยบุปผา เป่าอี้ จ่ายเงิน”
เป่าอี้นำเงินวางให้นางเป็นตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงพร้อมกับรับสินค้าจากอาหลินที่ส่งมอบให้เขาและเดินออกมาพร้อมกับเสียงเรียกของถิงถิง
“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์จ่ายเงินมาเกินเพคะ ค่าสินค้านั้นเพียงแค่สามร้อยตำลึงเท่านั้น”
“ถือว่าข้าให้เป็นพิเศษ หากว่าสินค้าเจ้ามีความผิดปกติ ข้าจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า จำเอาไว้”
ท่านอ๋องพร้อมกับเจ้าเมืองเดินออกไปจากที่นั่นพร้อมกับหลินเยว่ซินที่เดินตามเขาไปติดๆ ก่อนจะหันมายิ้มเยาะเย้ยฟางถิงถิง
“ถิงถิง เจ้ากล้ามากนะที่ไปท้าทายท่านอ๋อง เจ้าไม่รู้หรือว่าท่านอ๋องพระองค์นี้ดุมากเพียงใด หากว่าสินค้าเจ้ามีความผิดปกติแม้แต่น้อย หรือหากว่าพระองค์ใช้แล้วมีปัญหา อย่าว่าแต่ร้านร้อยบุปผาของเจ้าเลย แม้แต่หัวของเจ้าก็มิอาจรักษาเอาไว้ได้”
“แม่นางหลินเกรงว่าจะไม่ได้ใช้สินค้าของร้านข้าถึงเพียงนี้ ข้าต้องขอบคุณมากจริงๆ”
“ถิงถิง นี่เจ้า…ข้าเปล่านะ ข้าไม่เคยใช้ เจ้าอย่ามาพูดเพ้อเจ้อ ข้าจะรอดูวันที่เจ้าระเห็จออกจากเมืองหย่งโจว”
ฟางถิงถิงมองตามคณะท่านอ๋องไป เขาจำนางไม่ได้ เขาลืมนางไปแล้วจริงๆ สายตาที่เขามองมามีแต่ความดูถูก น้ำเสียงที่ใช้พูดก็แฝงด้วยคำดูแคลนนางที่เป็นเพียงแม่ค้าที่คิดว่าทำสินค้ามาหลอกขายแก่ผู้คน แม้ว่าเขาจะยอมรับสินค้าของนางไปทดลอง แต่ก็ทำให้ลูกค้าที่รออยู่เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ จนบางคนถึงกับเดินออกไปก็มี
“คุณหนู ท่านอ๋องผู้นั้นช่างปากร้ายเสียจริง เขามาทีเดียวทำลูกค้าเราหายหมด ยังดีที่วันนี้มีแต่ลูกค้าเก่าที่เคยใช้สินค้าแล้วรู้จักพวกเราดี ไม่เช่นนั้น ..คิดแล้วโมโห อย่าให้ข้าเจอเขาข้างนอกนะ จะฟันปากให้ดู”
“อาหลาน เก็บของกลับร้านกันเถิด”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
แม้ว่าสินค้าจะขายจนหมด ถิงถิงก็รู้สึกไม่อยากอยู่ร่วมงานนี้จนจบเสียแล้ว แม้ว่าช่วงบ่ายจะมีงานจิบชาและการละเล่นหลายอย่างที่น่่าสนใจ แต่นางกลับไม่มีอารมณ์ที่จะดูงานเสียแล้ว อาหลานกับเด็กๆ ในร้านขออนุญาตอยู่ต่อ นางไม่ขัด แต่อาหลินขอกลับพร้อมนางเพราะไม่อยากให้นางกลับคนเดียวเพราะเป็นห่วงคุณหนู
ร้านร้อยบุปผา
ลูกค้ายังคงเนืองแน่นเช่นเดิม ส่วนหนึ่งก็มาจากงานจิบชาชมบุปผาที่จัดขึ้นที่สวนของเมืองหย่งโจว ถิงถิงขอตัวไปพักด้านบน อาหลินจึงอยู่ช่วยหน้าร้านและไม่รบกวนนาง
เมื่อขึ้นไปถึงห้องนอน ถิงถิงจึงได้หยิบกล่องไม้ออกมาพร้อมกับมองของที่อยู่ในนั้น เป็นถุงหอมซึ่งเก่ามากแล้ว ถุงหอมผ้าแพรสีเงินที่ปักด้วยดิ้นไหมสีทอง
“เจ้าตัวเล็ก นี่เป็นถุงหอมที่ท่านแม่ทำให้ข้า เจ้าเก็บเอาไว้ วันหน้าหากเราพบกัน เจ้าก็มอบมันให้ข้า ข้าจะได้จำเจ้าได้ทันที”
“ท่านพี่หยางหยาง ท่านจะกลับบ้านแล้วหรือเจ้าคะ ท่านจะไม่มาที่นี่แล้วหรือ”
“ใช่แล้วข้าหายดีแล้ว พวกเขาจะส่งข้าไปยังที่ปลอดภัย อาจารย์เจ้าก็เกรงว่าหากอยู่นาน ข้าจะต้องทำให้ทุกคนเดือดร้อน เจ้าอย่าลืมข้านะเจ้าตัวเล็ก”
“เจ้าค่ะ ข้าจะคิดถึงท่านนะพี่หยางหยาง”
เด็กน้อยก้มลงจูบหน้าผากเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าเขาราวๆ สองสามปี ตอนนั้นหมิงลี่หยางอายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้นที่เขาถูกลอบสังหารพร้อมมารดาบนเขาหนานเซียงระหว่างที่ไปกราบไหว้บรรพชนสกุลเหรียนของมารดา
โชคดีที่อาจารย์เฟยเทียนและฟางถิงถิงเจอเขาที่หนีรอดมาได้ พวกเขาจึงพามาที่เรือนสมุนไพรของอาจารย์กลางหุบเขาหนานเซียน
“อาจารย์จะเป็นคนไปส่งท่านหรือ”
“ไม่หรอก จะมีคนมารับข้า เจ้าไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะต้องกลับมาหาเจ้าแน่นอน”
“ข้าจะรอท่านเจ้าค่ะพี่หยางหยาง”
ไม่นานนักหลังจากที่เขาจากไป นางกับอาจารย์ก็อยู่กันบนเขา จนอายุนางอายุสิบเจ็ดปี วรยุทธที่ร่ำเรียนจากอาจารย์มาก็มากพอที่จะดูแลและป้องกันตัวเองได้ อีกทั้งสรรพวิชาสมุนไพรและตำราที่ควรรู้ นางก็ล้วนแต่ร่ำเรียนกับอาจารย์เฟยเทียนมาแล้วทั้งสิ้น
ในวันที่นางอายุครบสิบแปดปี ก็มีคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายพวกนางเนื่องด้วยมาสืบข่าวของเด็กที่พวกเขาเคยช่วยเหลือเมื่อหลายปีก่อน เหตุการณ์นั้นคร่าชีวิตอาจารย์เฟยเทียนไปจากถิงถิง นางจำได้เพียงผู้ฆ่าเป็นชายและมีรอยสักที่ข้อมือและหน้าอกรูปตราประทับหกแฉก และมีคำว่า หง ในตรานั้น
“อาจารย์ ข้าต้องแก้แค้นให้ท่านให้ได้ คนที่ฆ่าท่าน ข้าจะไม่ปล่อยมันไปได้เลยสักคน”
นางต้องระเห็จมาที่เมืองหย่งโจวเพื่อซ่อนตัวอยู่นานถึงสองปี กว่าที่จะเริ่มเปิดร้านสบู่และเครื่องประทินโฉมขึ้นมา และกลายเป็นร้านร้อยบุปผาเฉกเช่นทุกวันนี้
มาวันนี้ เพื่อนในวัยเด็กปรากฏตัวต่อหน้านางอีกครั้ง แต่เขาเป็นถึงท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ และยังเป็นต้นเหตุของเรื่องหายนะที่เขาหนานเซียนจนทำให้อาจารย์ของนางต้องตายด้วย
“หมิงลี่หยาง ในเมื่อท่านจำข้าไม่ได้ก็อย่าได้มีความทรงจำใดๆ ต่อกันอีกเลย”
ถิงถิงเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าเขาจะจูบนางเช่นนี้มือนางเริ่มปัดป่ายไปทั่วเพื่อให้เขาผละออกไป แต่มือหนาของเขากลับรวบตัวนางไม่ให้ดิ้นเพื่อจะได้รุกล้ำตัวนางให้มากขึ้น“ถิงถิง หลับตาสิ”“อื้ออ ไม่นะ ท่านอ๋อง…”เขาไม่สนใจแล้วว่านางจะหลับตาหรือไม่ เขาบดขยี้ปากอิ่มรูปกระจับของนาง รสชาตินี้นี่เอง นางช่างอ่อนหวานยิ่งนัก หวานกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ ความรู้สึกเช่นนี้เขาพึ่งเคยรู้สึกเป็นครั้งแรก ลิ้นสากหนาของเขาเริ่มล้วงเข้าไปในปากนางเขากวาดลิ้นเพื่อเปิดทางเข้าไป ถิงถิงขัดขืนเขาไม่ไหว เรี่ยวแรงนางหายไปจนหมดสิ้นจนเขาสามารถรุกล้ำไปถึงข้างในได้ มือหนาข้างหนึ่งสางผมนางเล่นอย่างใจลอย จนเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ถิงถิงจึงผลักตัวออกจากเขาอย่างรวดเร็ว“คุณหนูเจ้าคะ อาหารเย็นและยาพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”“เอา…เอาเข้ามาได้เลย”นางเริ่มเดินสะเปะสะปะและหยิบผ้าขาวใส่อ่างก่อนจะรีบเดินสวนพวกสาวใช้ออกไปนอกห้องทันทีโดยไม่มองหน้าผู้ใดอีกเลยลี่หยางมองตามนางออกไปพร้อมกับจับริมฝีปากตัวเองและยิ้มเบาๆ จนอาหลินไม่กล้ามองเขาเพราะกลัว เมื่อตอนบ่ายทำราวกับจะฆ่าคนให้ได้ ตอนนี้ท่านอ๋องนั่งยิ้มเหมือนคนบ้า นางรับอาการแบบนี้ไม่ไหวจริง
หมิงลี่หยางเดินวนไปมาในห้องของตนเองด้วยความกระวนกระวายใจจนถึงช่วงค่ำเมื่อเห็นว่าฟางถิงถิงไม่กลับมาเสียที เขาเอาแต่เฝ้าถามอาหลินทุกครั้งที่นางเดินผ่านหน้าห้องเขาว่าถิงถิงกลับมาหรือยัง คำตอบที่ได้มาทุกครั้งคือนางยังไม่กลับมา ทำให้เขารู้สึกนั่งไม่ติดที่“ข้าไม่เคยทำอะไรบ้าๆ เช่นนี้มาก่อนเลยนะถิงถิง”เขาเปลี่ยนชุดและสวมหน้ากากและออกไปทางหน้าต่างมุ่งตรงไปยังท่าเรือที่อาหลินบอก ไม่นานเขาก็พบนางที่กำลังเดินกลับบ้านพร้อมกับบุรุษหนุ่มรูปงามในชุดลำลองสบายๆ สีฟ้าอ่อน ทั้งคู่เดินคุยกันอย่างสบายใจพร้อมกับถือของมากมายในมือของบุรุษหนุ่มผู้นั้น“กรมเจ้าท่า ขุนนางของหย่งโจวดูท่าจะว่างกันมากสินะ”เขาเฝ้ามองนางจากด้านบน เมื่อนางกำลังจะเดินแยกจากบุรุษหนุ่มผู้นั้นเพื่อกลับไปยังร้านร้อยบุปผา“ใต้เท้าตง ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะที่ไปเป็นเพื่อนข้าไปรับของ เราแยกกันตรงนี้ก็ได้เจ้าค่ะ”“แม่นางฟางให้ข้าไปส่งที่ร้านเถิด ของมากมายถึงเพียงนี้เจ้าถือไปคนเดียวคงจะไม่สะดวก”“ไม่รบกวนใต้เท้าตงเจ้าค่ะ ข้าถือไปได้เจ้าค่ะ”“อย่าได้ปฏิเสธข้าเลย วันนี้ได้ข่าวว่าคุณชายเฉินผู้นั้นไปหาเรื่องเจ้าถึงที่ร้านอีกแล้วงั้นหรือ”“ข่าวไปถ
“เอ่อ คุณชาย คำถามพวกนี้ข้าต้องตอบท่านจริงๆ หรือเจ้าคะ”“ใช่ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง”“เขาชื่อเฉินลู่เสียน เป็นลูกขุนนางกรมเจ้าท่า มารดาของเขาอยากให้เขาแต่งงานออกเรือนเพราะความรักสนุกเสเพลไปวันๆ จึงมาทาบทามสู่ขอข้า แต่ข้าก็ปฏิเสธไปแล้วสองครั้ง พวกเขาก็ยังไม่คิดจะเลิกรา พวกเขาชอบมาวุ่นวายที่ร้านข้าเป็นประจำ อาหลานเองก็รับมือเขาไปหลายรอบแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ลดละความพยายาม จนมาครั้งนี้เจอท่าน คิดว่าเขาคงจะเข็ดไปอีกนาน”“แล้วเจ้าไม่ได้รู้สึกชอบเขางั้นหรือ”“แม้ว่าสตรีทั้งเมืองต่างลุ่มหลงในเงินและอำนาจและหน้าตาของเขา แต่ข้าก็มิใช่หนึ่งในสตรีเหล่านั้นอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ชายมากรักเสเพลไม่รักใครจริงเช่นนั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลาไปให้คุณค่า”รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านอ๋องเผยขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะยกชาขึ้นมาจิบเพื่อปกปิดแต่ก็ไม่สามารถควบคุมความดีใจออกนอกหน้าในคำพูดของนางไปได้“แล้ว เจ้ายังไม่มีคนที่ชอบพอกันบ้างเลยหรือถิงถิง”ถิงถิงหันมามองหน้าท่านอ๋อง สายตานางมองเขาอย่างมีความนัยบางอย่างซึ่งเขามองไม่ออกว่านางหมายความว่าอย่างไรในสายตานั้น แต่เขาก็ใคร่รู้เหลือเกิน จนนางพูดกับเขา“ข้ามีคนที่อย
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ว่าที่คู่หมั้น”“ใช่เจ้าค่ะ แต่คุณหนูไม่ยอมรับหมั้นเขาเสียที จึงได้แต่เป็นว่าที่เจ้าค่ะ”“หึ ถ้าเช่นนั้นก็ยังมิได้ถือว่าเป็นอะไรกัน”สายตาเขาหันไปทางหน้าร้านพร้อมกับความรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินที่อาหลินพูดมา รู้แต่ว่าตราบใดที่เขายังอยู่ที่ร้านร้อยบุปผาแห่งนี้ เขาจะไม่มีวันให้ชายอื่นมาใกล้นางเด็ดขาด“ข้าจะไปดูเสียหน่อย”“แต่ว่าท่านอ๋องเพคะ ไม่ได้นะเพคะ คุณหนูสั่งเอาไว้”“อยู่ที่นี่เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายหมิงเถอะ เจ้าชื่ออาหลินใช่หรือไม่”“ใช่เพคะ เอ่อ ใช่เจ้าค่ะคุณชายหมิง”“งั้นอาหลิน ข้าวานให้เจ้าไปดูเหตุการณ์แล้วกลับมาเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปดูให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”หมิงลี่หยางเดินไปที่สวนสมุนไพรที่ปลอดคนก่อนจะเป่าปากเรียกคนออกมา เป่าอี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันที“ท่านอ๋อง ขออภัยที่กระหม่อมละเลยต่อหน้าที่ ทำให้พระองค์ต้องตกอยู่ในอันตราย”“สืบหรือยัง”“สืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนของสำนักหงลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ดูท่าพวกมันจะไม่ยอมปล่อยข้าเลยสินะ”“จากเบาะแสที่กระหม่อมได้มา พวกมันยังอยู่ในเมืองหย่งโจวตามที่พระองค์คาดการณ์ไว้พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าจัดองครักษ์มาคุ้
โจ๊กได้ถูกยกมาให้ในห้อง พร้อมกับสาวใช้อาหลินที่เข้ามายกอ่างน้ำและของที่ไม่ได้ใช้ออกไป ถิงถิงเดินเข้าไปพยุงตัวท่านอ๋องขึ้นมานั่งที่โต๊ะ“ท่านกินไหวหรือไม่”“หากไม่ไหว เจ้าจะป้อนข้าหรือไม่”“คือว่า…ท่าน…ท่านหมอบอกว่าท่านจะต้องกินเองเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงบ้าง”“แต่ข้าพึ่งจะฟื้นเองนะ ถิงถิง เจ้าจะใจร้ายกับข้างั้นหรือ”สายตาที่ส่งมาให้ทำเอานางปฏิเสธไม่ลง ท่านอ๋องเองก็ไม่เคยจะพูดและทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อนเช่นกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดที่เขาอยากจะทำเช่นนี้กับนาง“ก็ได้ ข้าจะป้อนท่าน แต่มื้อต่อๆ ไป ท่านต้องกินเองเพื่อจะได้หายเร็วๆ”“ได้สิ ถิงถิง ข้าต้องใช้หมึกพู่กันกับกระดาษ เจ้าช่วยเตรียมให้ข้าทีสิ”“ได้เจ้าค่ะ อาหลิน ไปเอามาทีสิ"“เจ้าค่ะคุณหนู”นางป้อนโจ๊กเขาจนอิ่มและยกน้ำให้เขาดื่มด้วยตัวเอง อาหลานเป็นคนเดินเอากระดาษและพู่กันมาวางไว้ให้นางวางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยจนท่านอ๋องตกใจหันมามองหน้าสาวใช้ผู้นั้น นางสะบัดหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที ถิงถิงถึงกับมองตามนางไปและหันมามองท่านอ๋อง“นี่ข้าไปทำอะไรให้นางไม่พอใจเมื่อไหร่งั้นหรือ ก่อนออกไปก็เห็นยังดีๆ อยู่นี่”“นั่นอาหลานเจ้า
“ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องแล้วขอรับ ตอนนี้รอเพียงให้ท่านอ๋องฟื้นก็ไม่น่าจะมีอันตรายแล้วขอรับคุณหนู”“แล้วเขาจะมีไข้อีกหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่แล้วขอรับ ช่วงนี้ให้พระองค์นอนพักไปก่อนเพื่อให้ยาเข้าไปสมานแผลภายใน น่าจะอีกราวๆ วันหรือสองวันคงฟื้นขอรับ”“ขอบคุณท่านหมอมาก ท่านทิ้งยาเอาไว้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะเป็นคนเปลี่ยนยากับผ้าพันแผลให้เขาเอง สองวันนี้รบกวนท่านมากเลยแทบจะไม่ได้พักผ่อน”“ไม่เป็นไรขอรับคุณหนูอย่าได้เกรงใจข้า หากไม่ได้คุณหนูช่วยข้าไว้ ข้ากับครอบครัวคงตายไปแล้ว”“อย่าพูดเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านหมอ อย่าได้คิดมากอีกเลย เรื่องในอดีตข้าลืมไปหมดแล้ว”“ขอรับ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเอายาวางให้ท่าน ยาต้องเปลี่ยนวันละสองรอบ เช้าเย็น และพันแผลจนกว่าแผลจะแห้ง”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ"“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”ท่านหมอเดินออกไปแล้ว ถิงถิงจึงเดินมาเพื่อเช็ดตัวให้กับท่านอ๋องที่บัดนี้เริ่มมีเหงื่อออกเพิ่มเพราะอาการเจ็บปวดจากยาทาแผลเมื่อเช็ดตัวให้เขาเสร็จแล้ว นางจึงดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาพร้อมกับมองใบหน้าที่บัดนี้หลับสนิทอยู่ตรงหน้านาง เขาดูเปลี่ยนไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วมาก“หายเร็วๆ นะพี่หยางหยาง”ถิงถิงเดินออกไ