LOGIN
งานจิบชา ชมบุปผาเมืองหย่งโจว
“คุณหนูเจ้าคะ ปีนี้คนมากกว่าปีก่อนๆ จริงๆ นะเจ้าคะ”
“นั่นสิ หวังว่าคงไม่มาเสียเที่ยวนะ”
“ถึงแล้วเจ้าค่ะ ร้านเราได้ที่ตั้งตรงนี้เจ้าค่ะ คุณหนูดูท่าสินค้าใหม่ของท่านน่าจะขายดีอีกตามเคยนะเจ้าคะ”
ฟางถิงถิงเดินไปยังร้านที่ค้าชั่วคราวในงานจิบชาที่มีเหล่าสตรีรายล้อมอยู่หน้าร้าน พร้อมกับอาหลินที่คอยกางร่มให้นางในวันที่อากาศดีแต่ยังมีแดดอยู่ ถิงถิงเดินผ่านเหล่าสตรีและไปถามอาหลาน เด็กสาวอีกคนที่ยืนห่อของให้บรรดาสตรีที่เข้าแถวยืนรอซื้อสบู่หอมซึ่งเป็นสินค้าของทางร้าน
“เข้าแถวๆ ใครแซงมาข้าไม่ขายให้นะ เตือนไว้ก่อน ท่านพี่ท่านนั้นน่ะ ไปต่อแถวเจ้าค่ะ หากไม่ได้วันนี้ข้าจะออกบิลใบจองให้พวกท่านไปรับที่ร้านร้อยบุปผาได้เลย อย่าเบียดๆ โอ๊ย รอก่อนๆ คุณหนูมาแล้ว”
“อาหลาน มา ข้าช่วยเจ้าห่อเอง รับอะไรเจ้าคะ”
“เถ้าแก่เนี้ย ท่านมาเองเลยหรือ ข้าเอาสบู่ข้าวกับสบู่ชาเขียว”
“ได้เจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ”
“คุณหนู สบู่หัวไชเท้า ของทดลองแจกไม่พอเจ้าค่ะ”
“ทุกท่านใจเย็นๆ นะเจ้าคะ ร้านร้อยบุปผาของข้าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หากไม่เพียงพอ สามารถไปขอรับได้ที่ร้านได้เลยเจ้าค่ะ”
เหมือนว่าร้านร้อยบุปผาจะน่าสนใจที่สุดในย่านนี้เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่นำมาขายในงาน ทั้งกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยที่ฟางถิงถิงสั่งให้คนที่ร้านจุดเพื่อส่งกลิ่นไปทั่วทั้งบริเวณ
“ท่านอ๋อง พระองค์พึงใจสตรีผู้ใดหรือไม่ในงานนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ก็แค่สตรี ผู้ใดก็เหมือนกันหมด ไม่เห็นจะแตกต่างกัน”
“……..”
“แต่วันนี้มีแต่ลูกขุนนางชั้นสูงของเมืองหย่งโจวมาร่วม พวกนางนั่งอยู่อีกฝั่งของสวน พระองค์ไม่พึ่งใจผู้ใดเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หมิงลี่หยางมองตรงไปยังร้านค้าที่มีผู้คนเฝ้ามุงดูอยู่มากมาย ร้านนั้นส่งกลิ่นหอมมาถึงที่ที่เขายืน เขาเองก็เดินมาเพราะสะดุดกลิ่นที่หอมเย้ายวนนี้จึงเดินมาดู
“นั่นพวกเขามุงดูอะไรกัน”
“อ้อ นั่นเป็นร้านเครื่องประทินโฉมชื่อดังของหย่งตูที่มาออกร้านค้าในวันนี้ ร้านร้อยบุปผาของเถ้าแก่ฟาง เป็นที่นิยมที่สุดในเมืองหย่งโจวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ร้านเครื่องประทินโฉม แต่เหตุใดถึงได้มีบุรุษไปยืนต่อแถวด้วยเล่า”
“นั่นเป็นเพราะพวกเขาน่าจะไปต่อแถวซื้อสบู่พ่ะย่ะค่ะ”
“สบู่??”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“สบู่นางมีอะไรพิเศษขนาดถึงกับให้บุรุษเหล่านั้นถึงกับไปต่อแถวซื้อกัน”
“สบู่ของนางเป็นทั้งสบู่ระงับกลิ่นกายที่ไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมและรักษาโรคผิวหนังบางโรคได้อย่างดีพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นเหตุผลที่มีคนเข้าแถวซื้อกันไม่ขาดสายพ่ะย่ะค่ะ”
“แค่สบู่ วิเศษปานนั้นเชียว หึ ข้าไม่นึกอยากเชื่อ เรื่องกลิ่นหอมยังพอเข้าใจได้ แต่เรื่องรักษาโรค แค่สบู่นี่น่ะหรือ เกินความจริงไปหรือไม่ ข้าจะเดินไปดูหน่อย”
หมิงลี่หยางกำลังจะเดินไปดูยังร้านค้านั้น ซึ่งตลอดทั้งงานเมื่อนางเริ่มเปิดร้านก็มีแต่คนที่เข้ามารอให้นางเปิดขาย แถวที่ต่อรอซื้อก็ยาวเหยียด จนท่านอ๋องนึกแปลกใจตั้งแต่เริ่มงานแล้ว เมื่อเขากำลังจะเดินไป ท่านเจ้าเมืองพร้อมบุตรีก็เดินมาดักรอเขา
“กระหม่อมหลินชิงเยียนถวายบังคมท่านอ๋อง”
“หม่อมฉันหลินเยว่ซินถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“ท่านเจ้าเมืองหย่งโจวและบุตรสาวที่ขึ้นชื่อว่างดงามอันดับหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
(งดงามอันดับหนึ่ง เห็นจะไม่เกินจริงตามคำเล่าลือ)
ท่านอ๋องนึกในใจระหว่างมองหน้าสตรีตรงหน้าที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แก้มนางเริ่มเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นแดงระเรื่อเเพราะความเขินอายที่สบตากับบุรุษหนุ่มรูปงามอย่างอ๋องหมิงลี่หยางตรงๆ
สายตาคมเข้ม คิ้วเรียงได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสันกับใบหน้ายาวรูปไข่ สตรีใดพบเห็นก็ย่อมตกตะลึงเป็นธรรมดา
“ท่านเจ้าเมืองตามสบายเถิด”
“ท่านอ๋อง งานจิบชาไม่สนุกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“สนุกสิ เราเจอสิ่งน่าสนใจในเมืองหย่งโจวนี้มากมาย เหล่าบรรดาแขกที่มาก็ดูเพลิดเพลิน ชาและอาหารก็เพียบพร้อมไม่ขาดตกบกพร่อง ท่านเจ้าเมือง ท่านจัดงานได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
“ขอบพระทัย เพียงคำชมของท่านอ๋องก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในสวนนี้กว้างนัก บุปผามากมายกำลังเบ่งบาน ถ้าอย่างไรให้กระหม่อมเป็นผู้พาท่านอ๋องชมงานดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ได้สิ เรากำลังจะเดินไปดูทางนั้น เห็นว่าน่าสนใจดี”
“อ้อ ท่านอ๋องคงหมายถึง ร้านร้อยบุปผา ให้กระหม่อมพาไปเองนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญใต้เท้าหลินนำทาง”
หลินเยว่ซินไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก เพราะนั่นคือร้านของฟางถิงถิง เพื่อนเก่านางที่พึ่งย้ายมาจากเมืองอื่นได้ไม่นาน
เมื่อนางย้ายมาและเปิดร้านเครื่องประทินโฉมนี้ขึ้น พร้อมกับคำร่ำลือเรื่องความงามของนางทำให้หลินเยว่ซินที่เป็นสตรีที่ขึ้นชื่อว่างดงามอันดับหนึ่งของหย่งโจวไม่พอใจนาง
แต่หลินเยว่ซินก็เป็นประเภทเกลียดตัวกินไข่ เพราะนางเองก็ซื้อของใช้และเครื่องหอมทุกอย่างจากร้านร้อยบุปผามาใช้เช่นกันเพราะร้านของนางผลิตแต่สินค้าที่มีคุณภาพสูง ราคาย่อมเยาจับต้องได้และยังมีให้เลือกหลากหลายอีกด้วย ความเป็นศัตรูกับนาง ทำได้เพียงเก็บเอาไว้ในใจเท่านั้น
“อย่าเบียดกันๆ ข้าเตือนแล้วนะ ถอยออกไปก่อน ตอนนี้สบู่กลิ่นใหม่สำหรับแจกหมดแล้ว เดี๋ยวรอก่อนๆ ใครไม่ได้ข้าจะแจกให้ทีหลัง”
“ท่านอ๋องเสด็จ”
เสียงเรียกไม่มีผู้ใดสนใจ ผู้นำเสด็จต้องร้องประกาศถึงสามครั้ง กว่าที่คนที่เฝ้ามุงกันที่หน้าร้านนั้นจะรู้ว่าผู้ใดมา พวกเขาจึงยอมหลีกทางแต่ก็ยังต่อแถวออกไปข้างๆ เพื่อไม่ให้พลาดลำดับของตัวเอง
ฟางถิงถิงไม่ทันได้ออกมาเพราะมัวแต่ห่อของอยู่โต๊ะด้านหลัง อาหลินกับอาหลาน สองฝาแฝดสาวใช้เป็นผู้รับหน้าที่รับเสด็จ
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ คารวะท่านเจ้าเมือง”
“ตามสบายเถิด ร้านของพวกเจ้าขายสิ่งใดบ้าง ข้าได้กลิ่นหอมไปถึงศาลาที่ข้านั่ง จึงได้เดินมาตามกลิ่น”
อาหลินได้แต่มองหน้าท่านอ๋องรูปงามตาปริบๆ เพราะตกตะลึงในรูปลักษณ์ของบุรุษหนุ่มในชุดสีดำข้างหน้า อาหลานจึงเป็นผู้อธิบายให้เขาฟัง
“ทูลท่านอ๋อง ด้านนี้เป็นสบู่ของทางร้านเพคะ มีทั้งสบู่ที่ทำให้กลิ่นหอม สบู่ที่รักษาผิวหน้า และสบู่ที่สร้างกลิ่นหอมให้ผิวกายเพคะ”
“เหตุใดสรรพคุณจึงมากเกินตัวเช่นนี้ พวกเจ้ามิได้หลอกขายให้พวกเขาเชื่อเกินจริงใช่หรือไม่”
ฟางถิงถิงได้ยิน นางจึงหยุดห่อของและหันมาเพื่ออธิบายสินค้าด้วยตนเอง นางทนไม่ได้เท่าไหร่ที่จะมีคนมาดูถูกสินค้าที่นางเฝ้าทำมาเองกับมือด้วยความภาคภูมิใจ และเมื่อนางหันมาพบหน้าเขา ทำให้นางชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะรีบเดินเข้ามาเพื่ออธิบาย
“ทูลท่านอ๋อง สบู่ที่ร้านร้อยบุปผาผลิตขึ้นเป็นสบู่ทำมือทุกชิ้น แต่ละชิ้นงานมีการตรวจสอบส่วนผสมอย่างถูกต้อง หม่อมฉันรับรองคุณภาพของสินค้าได้ทุกก้อนที่ลูกค้าซื้อไปเพคะ”
นางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างท้าทาย อ๋องหนุ่มสบตานางที่มองเขาอย่างไม่นึกเกรงกลัว สายตากลมโตเอาเรื่อง
ปากอิ่มรูปกระจับหน้านวลขาวรูปหัวใจนั่นทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดแต่เขากลับนึกไม่ออก เขาจ้องมองนางไปชั่วขณะ ก่อนที่เป่าอี้ องครักษ์คนสนิทของเขาจะเรียกเขาออกจากภวังค์นั้น
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
เขาหยิบสบู่ก้อนหนึ่งขึ้นมาดมดูพบว่า กลิ่นของสบู่นั้นไม่เหมือนกับที่เขาได้กลิ่นที่ลอยในงาน แต่เป็นกลิ่นที่หอมมาก จนมองหน้าผู้ที่พูดด้วยความอยากรู้
“ไม่ทราบว่าแม่นางผู้นี้คือ….”
“นางคือเถ้าแก่ฟาง ฟางถิงถิง เจ้าของร้านร้อยบุปผาพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
วังบูรพา“เร็วๆ เข้า เอาน้ำมา เตรียมผ้ามาอีก เร็วๆ เข้า”“แม่นม ออกหรือยัง” “ยังเพคะองค์รัชทายาท”“ข้าเข้าไปดูได้หรือไม่”“ไม่ได้ๆๆๆ เพคะ พระองค์รออยู่ตรงนี้เพคะ”“แต่ถิงถิงร้องหาข้า ท่านได้ยินหรือไม่ ให้ข้าเข้าไปเถอะ”“ไม่ได้เพคะ”“อ๊าาาาา ลี่หยาง อึ๊ยยยย”“เบ่งเพคะพระชายา เบ่ง หนึ่ง สอง สาม อึ๊ยยยยย”“อึ๊ยยย ลี่หยาง ท่านพี่ อ๊าาาาา”“ออกหรือยังเล่า ปัดโธ่!!”“เดี๋ยวๆ อย่าเข้าไปนะลี่หยาง เจ้าจะบ้าหรือ สตรีทำคลอดอยู่”“แต่เสียงถิงถิงเรียกข้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ นางเจ็บอยู่ ข้าจะเข้าไป ปล่อยข้านะ”“ไม่!! อย่าไป มารอตรงนี้ เจ้าเข้าไปก็ช่วยนางไม่ได้ รออยู่นี่”“ฟ่านหยวนผิง ปล่อยข้านะ ถิงถิง!!”“อ๊าาาาา ท่านพี่ อื้ออออ”“เบ่งอีกทีเพคะ”“กรีี๊ดดดดดด”“ปล่อยข้านะ ปล่อยยย!!!” ลี่หยางวิ่งเข้าไปที่ห้องคลอด เสียงตกใจของคนในนั้นทำเอาทุกคนทำตัวไม่ถูก ถิงถิงเองก็หลับตาอยู่ แต่ภาพที่เขาเห็นนั้นทำเอาสติของลี่หยางหลุดลอย จนแม่นมดันตัวเขาออกไป“เป่าอี้ รีบเอาตัวองค์รัชทายาทออกไปเร็วเข้า ใครปล่อยให้พระองค์เข้ามา”“ข้าบอกเจ้าแล้ว มานั่งตรงนี้” ลี่หยางกำลังตกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็นเ
สายตาดุที่ส่งมาที่หมิงลี่หยางทำเอาเขาเกรงว่าคืนนี้จะได้นอนนอกห้องเลยไม่กล้าโกหก จึงได้เริ่มเล่าเรื่อง ที่จริงเว่ยจีไม่ควรพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย เขาเองก็ไม่นึกอยากให้ถิงถิงโกรธเท่าใดนัก“ข้าสืบรู้มาว่าหงลี่กบดานอยู่ใกล้ๆ จวนน่าสงสัยก็มีอยู่หลายที่ แต่ที่ติดตามดู ที่จวนคหบดีน่าสงสัยที่สุด ก็เลยเลือกที่จะไปที่นั่น”“ท่านออกงานกับเว่ยจีตอนนั้น ท่านเริ่มสงสัยหรือยัง”“ที่จริงข้าหลอกใช้นางเพื่อให้พวกเขาโจมตี ข้านึกแปลกใจแต่แรกแล้วที่เขาไม่โจมตีเว่ยจีกับจวนนั้น ข้าเลยรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติ”“ท่านรู้ตอนไหนว่าตงหลางคือเจ้าสำนักหงลี่”“หลังจากงานเทศกาลฤดูร้อน”“ท่านรู้แต่ไม่บอกข้างั้นหรือ”“ข้าไม่มีเวลาบอกเจ้าต่างหาก ข้ารู้ระหว่างทางกลับไปเมืองหลวง เลยส่งคนไปเฝ้าร้านเจ้าเอาไว้ และรู้ข่าวว่าพวกหงลี่ก็ไปที่ม่านโจวแล้ว ข้าเลยเบาใจ เพียงแค่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกมันต้องไปม่านโจว ที่แท้ก็เพราะเจ้านี่เอง” ถิงถิงหันกลับมาและเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะเรื่องนี้นางก็ผิดที่ไม่ได้บอกเขาว่านางเป็นท่านหญิงของม่านโจว“นั่นแสดงว่าพวกมันตามข้าไปที่ม่านโจวสินะเจ้าคะ”“ใช่ ข้าก็เลยหมดห่วง แต
หย่งโจว / ร้านร้อยบุปผา“เร็วๆ เข้าเร็วๆ เอาผ้าแดงมาเพิ่มอีก ไม่ทันแล้วเร็วๆ ตรงนั้นล้างเสร็จหรือยัง มาช่วยตรงนี้ก่อน”“อาหลาน ผลไม้นี่เอาไว้ตรงไหน”“วางไว้ที่โต๊ะกลางด้านในเลย”“ป้าลี่ๆ ไปรับชุดที พวกนางมาแล้วเร็วๆ”“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้ อาเถาเอ๊ย มาช่วยยกเครื่องประดับเจ้าสาวหน่อยเร็ว”“เจ้าค่ะๆ”“อาหลาน เจ้าจัดการไปถึงไหนแล้ว”“ฮูหยิน นายท่าน เกือบแล้วเจ้าค่ะ พวกท่านจะไปที่ใดกันเจ้าคะ”“ข้าจะไปจวนท่านเจ้าเมือง อาหลาน ที่เหลือฝากเจ้าดูด้วยนะ”“รับทราบเจ้าค่ะ เชิญฮูหยินกับนายท่านเลยเจ้าค่ะ” ถิงถิงและลี่หยางเดินขึ้นรถม้าพร้อมกับตะกร้าที่ใส่ผลไม้ชุดหนึ่งเอาไว้ รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านร้อยบุปผามุ่งตรงไปที่จวนเจ้าเมือง พวกเขากลับมาที่หย่งโจวหลังพระราชพิธีมงคลสมรสที่เมืองหลวง และมาที่นี่ได้เกือบสองเดือนแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งร้อยวันของหลินเยว่ซินหลังจากที่หมิงลี่หยางแจ้งข่าวให้ท่านเจ้าเมืองและส่งร่างไร้วิญญาณของนางกลับมาที่หย่งโจว รถม้าจอดสนิทตรงหน้าจวนท่านเจ้าเมือง เมื่อพวกเขาเดินลงจากรถม้า และเดินเข้าไปในจวนที่บัดนี้เริ่มเงียบเหงามากกว่าเดิม“องค์รัชทายาทกับพร
มือเรียวของพระชายาเลื่อนลงไปใต้น้ำเพื่อสัมผัสบางสิ่งที่ทิ่มนางอยู่ในน้ำสักพักแล้ว เมื่อนางพบแล้วจึงได้เริ่มขยับเจ้าแท่งแกร่งนั้นรูดขึ้นลง ทำเอาผู้ที่ถูกสัมผัสแทบจะทนไม่ไหว“ถิงถิง อย่าพึ่งใจร้อน ข้ายังไม่พร้อม เจ้าอย่าพึ่ง อาาา” ถิงถิงเองก็ไม่ฟังเสียงขอร้องของเขา นางแนบตัวเข้าไปชิดก่อนจะส่งลิ้นนั้นไปเล่นกับยอดอกสีเข้มตรงหน้าซึ่งนางหวังจะทำเช่นนี้มานานแล้ว หมิงลี่หยางที่ถูกสัมผัสที่รุกล้ำจากนางถึงกับทนไม่ไหว เขาไม่เคยถูกสัมผัสเช่นนี้มาก่อน มันช่างรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้เพราะปกติเป็นเขาที่จู่โจมนาง“ถิงถิง อาาา นี่เจ้า...”“รู้สึกอย่างไรเพคะ”“ข้า จะไม่มีแรงยืนแล้ว...”“อีกนิดเดียวเพคะ”“ไม่นะ อาาา ถิงถิง เบาลงหน่อย อย่าเร่งแบบนั้น อ๊ะ อึ๊ยยย อาาา” ถิงถิงสลับลิ้นไปมาระหว่างแผงอกกว้างของเขาสองข้าง สัมผัสนั้นทำให้ผู้ที่ถูกรุกเริ่มทนไม่ไหวเขาดึงตัวนางออกและจับนางยกตัวขึ้นที่ขอบอ่าง“พอแล้ว ข้าทนอีกไม่ไหวแล้ว ถิงถิง เจ้าต้องรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้”“ท่านพี่ เดี๋ยวสิ อ๊าา อย่าเร็วนักสิเพคะ อ๊าาา”“ไม่ได้ ข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เจ้าเป็นคนเริ่ม
“เดี๋ยวสิ พระชายา เจ้าจะมาทำแบบนี้มันผิดธรรมเนียมนะ คือว่าข้ารอเจ้ามาตั้งสิบวัน สิบวันเชียวนะ แล้วเจ้าจะมาเมินข้าเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง เสด็จอาก็บอกว่า…”“นี่ท่านเมาหรือเพคะ หากอยากจะดื่มต่อท่านก็ออกไปดื่มกับพวกเขาไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้ หากจะอยู่ก็นอนนิ่งๆ วันนี้หม่อมฉันเหนื่อยมาก คุยไม่ไหวแล้ว”“ข้าก็ไม่ได้ชวนเจ้าคุยเสียหน่อย ถิงถิง เรามาสร้างเจ้าตัวเล็กคนใหม่กันเถอะนะ”“….”“ถิงถิง แต่ข้ายังไม่ง่วงเลย …. ถิงถิง..ไม่จริงน่ะ หลับไปแล้วงั้นหรือ” หมิงลี่หยางหันไปมอง นางหลับสนิทไปแล้วโดยไม่รอเขาพูดจบด้วยซ้ำไป แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอกันสิบวัน และพิธีวันนี้ก็เหนื่อยเอามากๆ จริงๆ ไม่แปลกที่นางจะเหนื่อย“เข้าห้องหอแต่ไม่ได้ชื่นชมเจ้าสาว ข้านี่ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ” หมิงลี่หยางทำได้แค่ล้มตัวลงนอนและกอดถิงถิงเอาไว้เท่านั้นในคืนนี้ จะทำอย่างไรได้เมื่อนางไม่ยอม จะมาขืนใจเอาตอนนี้ก็เสี่ยงจะถูกเมินไปอีกหลายวัน เพราะเขาพลั้งปากเองจะโทษผู้ใดได้ พรุ่งนี้ค่อยง้อนางก็แล้วกันวันรุ่งขึ้น หมิงลี่หยางค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมา แต่เขารู้สึกว่าคนข้างๆ ที่เขากอดอยู่มีอาการแปลกๆ เหตุใดเขารู้
งานประกาศผลการประลอง แขกเกือบทุกคนที่ยังอยู่ในงาน องค์ชายต่างแคว้นทุกคนล้วนมีความยินดีที่จะอยู่ร่วมงานจนถึงพิธีมงคลสมรสของทั้งคู่ หลังจากจัดพิธีมงคลสมรสแล้วจะจัดให้มีงานล่าสัตว์ขึ้นด้วย ทั้งนี้ทุกคนต่างตื่นเต้นเพื่อรองานที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองงานนี้อย่างใจจดใจจ่อ“เอาล่ะทุกท่าน ตอนนี้ได้เวลาแล้ว ขอประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการในการประลองเพื่อเลือกคู่ของท่านหญิงฟ่านถิงถิงจวิ้นจู่แห่งม่านโจว องค์รัชทายาทแห่งฉีโจว องค์ชายหมิงลี่หยาง” หมิงลี่หยางในชุดองค์ชายเต็มยศสีเหลืองทองปักเลื่อมมังกรเดินเข้ามาในงานพิธีเพื่อรับมอบลูก “ซิ่วฉิว” ซึ่งเป็นลูกกลมๆ ที่ทำจากผ้าไหมมีพู่ห้อยอยู่รอบๆ ซึ่งถิงถิงยืนถือเอาไว้ที่ด้านหน้า ชุดของนางก็เป็นสีขาวทองปักเลื่อมสีทองรูปนกยูงเช่นกัน เมื่อเดินมาถึง ถิงถิงจึงได้มอบลูก ซิวฉิวให้เขารับเอาไว้และทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปทำการคารวะฝ่าบาทก่อนจะหันออกมาและเดินออกจากท้องพระโรงเพื่อรอขึ้นรถม้าสำหรับแห่รอบเมืองเพื่อฉลองกับชาวเมืองม่านโจว“เหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ แต่หม่อมฉันง่วงนอน”“อยู่ในขบวนแห่ แต่เจ้ากลับง่วงได้ เก่งไปหรือไม่ถิงถิง เจ้ามองดูราษฎ







