งานจิบชา ชมบุปผาเมืองหย่งโจว
“คุณหนูเจ้าคะ ปีนี้คนมากกว่าปีก่อนๆ จริงๆ นะเจ้าคะ”
“นั่นสิ หวังว่าคงไม่มาเสียเที่ยวนะ”
“ถึงแล้วเจ้าค่ะ ร้านเราได้ที่ตั้งตรงนี้เจ้าค่ะ คุณหนูดูท่าสินค้าใหม่ของท่านน่าจะขายดีอีกตามเคยนะเจ้าคะ”
ฟางถิงถิงเดินไปยังร้านที่ค้าชั่วคราวในงานจิบชาที่มีเหล่าสตรีรายล้อมอยู่หน้าร้าน พร้อมกับอาหลินที่คอยกางร่มให้นางในวันที่อากาศดีแต่ยังมีแดดอยู่ ถิงถิงเดินผ่านเหล่าสตรีและไปถามอาหลาน เด็กสาวอีกคนที่ยืนห่อของให้บรรดาสตรีที่เข้าแถวยืนรอซื้อสบู่หอมซึ่งเป็นสินค้าของทางร้าน
“เข้าแถวๆ ใครแซงมาข้าไม่ขายให้นะ เตือนไว้ก่อน ท่านพี่ท่านนั้นน่ะ ไปต่อแถวเจ้าค่ะ หากไม่ได้วันนี้ข้าจะออกบิลใบจองให้พวกท่านไปรับที่ร้านร้อยบุปผาได้เลย อย่าเบียดๆ โอ๊ย รอก่อนๆ คุณหนูมาแล้ว”
“อาหลาน มา ข้าช่วยเจ้าห่อเอง รับอะไรเจ้าคะ”
“เถ้าแก่เนี้ย ท่านมาเองเลยหรือ ข้าเอาสบู่ข้าวกับสบู่ชาเขียว”
“ได้เจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ”
“คุณหนู สบู่หัวไชเท้า ของทดลองแจกไม่พอเจ้าค่ะ”
“ทุกท่านใจเย็นๆ นะเจ้าคะ ร้านร้อยบุปผาของข้าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หากไม่เพียงพอ สามารถไปขอรับได้ที่ร้านได้เลยเจ้าค่ะ”
เหมือนว่าร้านร้อยบุปผาจะน่าสนใจที่สุดในย่านนี้เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่นำมาขายในงาน ทั้งกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยที่ฟางถิงถิงสั่งให้คนที่ร้านจุดเพื่อส่งกลิ่นไปทั่วทั้งบริเวณ
“ท่านอ๋อง พระองค์พึงใจสตรีผู้ใดหรือไม่ในงานนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ก็แค่สตรี ผู้ใดก็เหมือนกันหมด ไม่เห็นจะแตกต่างกัน”
“……..”
“แต่วันนี้มีแต่ลูกขุนนางชั้นสูงของเมืองหย่งโจวมาร่วม พวกนางนั่งอยู่อีกฝั่งของสวน พระองค์ไม่พึ่งใจผู้ใดเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หมิงลี่หยางมองตรงไปยังร้านค้าที่มีผู้คนเฝ้ามุงดูอยู่มากมาย ร้านนั้นส่งกลิ่นหอมมาถึงที่ที่เขายืน เขาเองก็เดินมาเพราะสะดุดกลิ่นที่หอมเย้ายวนนี้จึงเดินมาดู
“นั่นพวกเขามุงดูอะไรกัน”
“อ้อ นั่นเป็นร้านเครื่องประทินโฉมชื่อดังของหย่งตูที่มาออกร้านค้าในวันนี้ ร้านร้อยบุปผาของเถ้าแก่ฟาง เป็นที่นิยมที่สุดในเมืองหย่งโจวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ร้านเครื่องประทินโฉม แต่เหตุใดถึงได้มีบุรุษไปยืนต่อแถวด้วยเล่า”
“นั่นเป็นเพราะพวกเขาน่าจะไปต่อแถวซื้อสบู่พ่ะย่ะค่ะ”
“สบู่??”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“สบู่นางมีอะไรพิเศษขนาดถึงกับให้บุรุษเหล่านั้นถึงกับไปต่อแถวซื้อกัน”
“สบู่ของนางเป็นทั้งสบู่ระงับกลิ่นกายที่ไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมและรักษาโรคผิวหนังบางโรคได้อย่างดีพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นเหตุผลที่มีคนเข้าแถวซื้อกันไม่ขาดสายพ่ะย่ะค่ะ”
“แค่สบู่ วิเศษปานนั้นเชียว หึ ข้าไม่นึกอยากเชื่อ เรื่องกลิ่นหอมยังพอเข้าใจได้ แต่เรื่องรักษาโรค แค่สบู่นี่น่ะหรือ เกินความจริงไปหรือไม่ ข้าจะเดินไปดูหน่อย”
หมิงลี่หยางกำลังจะเดินไปดูยังร้านค้านั้น ซึ่งตลอดทั้งงานเมื่อนางเริ่มเปิดร้านก็มีแต่คนที่เข้ามารอให้นางเปิดขาย แถวที่ต่อรอซื้อก็ยาวเหยียด จนท่านอ๋องนึกแปลกใจตั้งแต่เริ่มงานแล้ว เมื่อเขากำลังจะเดินไป ท่านเจ้าเมืองพร้อมบุตรีก็เดินมาดักรอเขา
“กระหม่อมหลินชิงเยียนถวายบังคมท่านอ๋อง”
“หม่อมฉันหลินเยว่ซินถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“ท่านเจ้าเมืองหย่งโจวและบุตรสาวที่ขึ้นชื่อว่างดงามอันดับหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
(งดงามอันดับหนึ่ง เห็นจะไม่เกินจริงตามคำเล่าลือ)
ท่านอ๋องนึกในใจระหว่างมองหน้าสตรีตรงหน้าที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แก้มนางเริ่มเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นแดงระเรื่อเเพราะความเขินอายที่สบตากับบุรุษหนุ่มรูปงามอย่างอ๋องหมิงลี่หยางตรงๆ
สายตาคมเข้ม คิ้วเรียงได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสันกับใบหน้ายาวรูปไข่ สตรีใดพบเห็นก็ย่อมตกตะลึงเป็นธรรมดา
“ท่านเจ้าเมืองตามสบายเถิด”
“ท่านอ๋อง งานจิบชาไม่สนุกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“สนุกสิ เราเจอสิ่งน่าสนใจในเมืองหย่งโจวนี้มากมาย เหล่าบรรดาแขกที่มาก็ดูเพลิดเพลิน ชาและอาหารก็เพียบพร้อมไม่ขาดตกบกพร่อง ท่านเจ้าเมือง ท่านจัดงานได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
“ขอบพระทัย เพียงคำชมของท่านอ๋องก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในสวนนี้กว้างนัก บุปผามากมายกำลังเบ่งบาน ถ้าอย่างไรให้กระหม่อมเป็นผู้พาท่านอ๋องชมงานดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ได้สิ เรากำลังจะเดินไปดูทางนั้น เห็นว่าน่าสนใจดี”
“อ้อ ท่านอ๋องคงหมายถึง ร้านร้อยบุปผา ให้กระหม่อมพาไปเองนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญใต้เท้าหลินนำทาง”
หลินเยว่ซินไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก เพราะนั่นคือร้านของฟางถิงถิง เพื่อนเก่านางที่พึ่งย้ายมาจากเมืองอื่นได้ไม่นาน
เมื่อนางย้ายมาและเปิดร้านเครื่องประทินโฉมนี้ขึ้น พร้อมกับคำร่ำลือเรื่องความงามของนางทำให้หลินเยว่ซินที่เป็นสตรีที่ขึ้นชื่อว่างดงามอันดับหนึ่งของหย่งโจวไม่พอใจนาง
แต่หลินเยว่ซินก็เป็นประเภทเกลียดตัวกินไข่ เพราะนางเองก็ซื้อของใช้และเครื่องหอมทุกอย่างจากร้านร้อยบุปผามาใช้เช่นกันเพราะร้านของนางผลิตแต่สินค้าที่มีคุณภาพสูง ราคาย่อมเยาจับต้องได้และยังมีให้เลือกหลากหลายอีกด้วย ความเป็นศัตรูกับนาง ทำได้เพียงเก็บเอาไว้ในใจเท่านั้น
“อย่าเบียดกันๆ ข้าเตือนแล้วนะ ถอยออกไปก่อน ตอนนี้สบู่กลิ่นใหม่สำหรับแจกหมดแล้ว เดี๋ยวรอก่อนๆ ใครไม่ได้ข้าจะแจกให้ทีหลัง”
“ท่านอ๋องเสด็จ”
เสียงเรียกไม่มีผู้ใดสนใจ ผู้นำเสด็จต้องร้องประกาศถึงสามครั้ง กว่าที่คนที่เฝ้ามุงกันที่หน้าร้านนั้นจะรู้ว่าผู้ใดมา พวกเขาจึงยอมหลีกทางแต่ก็ยังต่อแถวออกไปข้างๆ เพื่อไม่ให้พลาดลำดับของตัวเอง
ฟางถิงถิงไม่ทันได้ออกมาเพราะมัวแต่ห่อของอยู่โต๊ะด้านหลัง อาหลินกับอาหลาน สองฝาแฝดสาวใช้เป็นผู้รับหน้าที่รับเสด็จ
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ คารวะท่านเจ้าเมือง”
“ตามสบายเถิด ร้านของพวกเจ้าขายสิ่งใดบ้าง ข้าได้กลิ่นหอมไปถึงศาลาที่ข้านั่ง จึงได้เดินมาตามกลิ่น”
อาหลินได้แต่มองหน้าท่านอ๋องรูปงามตาปริบๆ เพราะตกตะลึงในรูปลักษณ์ของบุรุษหนุ่มในชุดสีดำข้างหน้า อาหลานจึงเป็นผู้อธิบายให้เขาฟัง
“ทูลท่านอ๋อง ด้านนี้เป็นสบู่ของทางร้านเพคะ มีทั้งสบู่ที่ทำให้กลิ่นหอม สบู่ที่รักษาผิวหน้า และสบู่ที่สร้างกลิ่นหอมให้ผิวกายเพคะ”
“เหตุใดสรรพคุณจึงมากเกินตัวเช่นนี้ พวกเจ้ามิได้หลอกขายให้พวกเขาเชื่อเกินจริงใช่หรือไม่”
ฟางถิงถิงได้ยิน นางจึงหยุดห่อของและหันมาเพื่ออธิบายสินค้าด้วยตนเอง นางทนไม่ได้เท่าไหร่ที่จะมีคนมาดูถูกสินค้าที่นางเฝ้าทำมาเองกับมือด้วยความภาคภูมิใจ และเมื่อนางหันมาพบหน้าเขา ทำให้นางชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะรีบเดินเข้ามาเพื่ออธิบาย
“ทูลท่านอ๋อง สบู่ที่ร้านร้อยบุปผาผลิตขึ้นเป็นสบู่ทำมือทุกชิ้น แต่ละชิ้นงานมีการตรวจสอบส่วนผสมอย่างถูกต้อง หม่อมฉันรับรองคุณภาพของสินค้าได้ทุกก้อนที่ลูกค้าซื้อไปเพคะ”
นางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างท้าทาย อ๋องหนุ่มสบตานางที่มองเขาอย่างไม่นึกเกรงกลัว สายตากลมโตเอาเรื่อง
ปากอิ่มรูปกระจับหน้านวลขาวรูปหัวใจนั่นทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดแต่เขากลับนึกไม่ออก เขาจ้องมองนางไปชั่วขณะ ก่อนที่เป่าอี้ องครักษ์คนสนิทของเขาจะเรียกเขาออกจากภวังค์นั้น
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
เขาหยิบสบู่ก้อนหนึ่งขึ้นมาดมดูพบว่า กลิ่นของสบู่นั้นไม่เหมือนกับที่เขาได้กลิ่นที่ลอยในงาน แต่เป็นกลิ่นที่หอมมาก จนมองหน้าผู้ที่พูดด้วยความอยากรู้
“ไม่ทราบว่าแม่นางผู้นี้คือ….”
“นางคือเถ้าแก่ฟาง ฟางถิงถิง เจ้าของร้านร้อยบุปผาพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ว่าที่คู่หมั้น”“ใช่เจ้าค่ะ แต่คุณหนูไม่ยอมรับหมั้นเขาเสียที จึงได้แต่เป็นว่าที่เจ้าค่ะ”“หึ ถ้าเช่นนั้นก็ยังมิได้ถือว่าเป็นอะไรกัน”สายตาเขาหันไปทางหน้าร้านพร้อมกับความรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินที่อาหลินพูดมา รู้แต่ว่าตราบใดที่เขายังอยู่ที่ร้านร้อยบุปผาแห่งนี้ เขาจะไม่มีวันให้ชายอื่นมาใกล้นางเด็ดขาด“ข้าจะไปดูเสียหน่อย”“แต่ว่าท่านอ๋องเพคะ ไม่ได้นะเพคะ คุณหนูสั่งเอาไว้”“อยู่ที่นี่เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายหมิงเถอะ เจ้าชื่ออาหลินใช่หรือไม่”“ใช่เพคะ เอ่อ ใช่เจ้าค่ะคุณชายหมิง”“งั้นอาหลิน ข้าวานให้เจ้าไปดูเหตุการณ์แล้วกลับมาเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปดูให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”หมิงลี่หยางเดินไปที่สวนสมุนไพรที่ปลอดคนก่อนจะเป่าปากเรียกคนออกมา เป่าอี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันที“ท่านอ๋อง ขออภัยที่กระหม่อมละเลยต่อหน้าที่ ทำให้พระองค์ต้องตกอยู่ในอันตราย”“สืบหรือยัง”“สืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนของสำนักหงลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ดูท่าพวกมันจะไม่ยอมปล่อยข้าเลยสินะ”“จากเบาะแสที่กระหม่อมได้มา พวกมันยังอยู่ในเมืองหย่งโจวตามที่พระองค์คาดการณ์ไว้พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าจัดองครักษ์มาคุ้
โจ๊กได้ถูกยกมาให้ในห้อง พร้อมกับสาวใช้อาหลินที่เข้ามายกอ่างน้ำและของที่ไม่ได้ใช้ออกไป ถิงถิงเดินเข้าไปพยุงตัวท่านอ๋องขึ้นมานั่งที่โต๊ะ“ท่านกินไหวหรือไม่”“หากไม่ไหว เจ้าจะป้อนข้าหรือไม่”“คือว่า…ท่าน…ท่านหมอบอกว่าท่านจะต้องกินเองเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงบ้าง”“แต่ข้าพึ่งจะฟื้นเองนะ ถิงถิง เจ้าจะใจร้ายกับข้างั้นหรือ”สายตาที่ส่งมาให้ทำเอานางปฏิเสธไม่ลง ท่านอ๋องเองก็ไม่เคยจะพูดและทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อนเช่นกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดที่เขาอยากจะทำเช่นนี้กับนาง“ก็ได้ ข้าจะป้อนท่าน แต่มื้อต่อๆ ไป ท่านต้องกินเองเพื่อจะได้หายเร็วๆ”“ได้สิ ถิงถิง ข้าต้องใช้หมึกพู่กันกับกระดาษ เจ้าช่วยเตรียมให้ข้าทีสิ”“ได้เจ้าค่ะ อาหลิน ไปเอามาทีสิ"“เจ้าค่ะคุณหนู”นางป้อนโจ๊กเขาจนอิ่มและยกน้ำให้เขาดื่มด้วยตัวเอง อาหลานเป็นคนเดินเอากระดาษและพู่กันมาวางไว้ให้นางวางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยจนท่านอ๋องตกใจหันมามองหน้าสาวใช้ผู้นั้น นางสะบัดหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที ถิงถิงถึงกับมองตามนางไปและหันมามองท่านอ๋อง“นี่ข้าไปทำอะไรให้นางไม่พอใจเมื่อไหร่งั้นหรือ ก่อนออกไปก็เห็นยังดีๆ อยู่นี่”“นั่นอาหลานเจ้า
“ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องแล้วขอรับ ตอนนี้รอเพียงให้ท่านอ๋องฟื้นก็ไม่น่าจะมีอันตรายแล้วขอรับคุณหนู”“แล้วเขาจะมีไข้อีกหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่แล้วขอรับ ช่วงนี้ให้พระองค์นอนพักไปก่อนเพื่อให้ยาเข้าไปสมานแผลภายใน น่าจะอีกราวๆ วันหรือสองวันคงฟื้นขอรับ”“ขอบคุณท่านหมอมาก ท่านทิ้งยาเอาไว้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะเป็นคนเปลี่ยนยากับผ้าพันแผลให้เขาเอง สองวันนี้รบกวนท่านมากเลยแทบจะไม่ได้พักผ่อน”“ไม่เป็นไรขอรับคุณหนูอย่าได้เกรงใจข้า หากไม่ได้คุณหนูช่วยข้าไว้ ข้ากับครอบครัวคงตายไปแล้ว”“อย่าพูดเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านหมอ อย่าได้คิดมากอีกเลย เรื่องในอดีตข้าลืมไปหมดแล้ว”“ขอรับ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเอายาวางให้ท่าน ยาต้องเปลี่ยนวันละสองรอบ เช้าเย็น และพันแผลจนกว่าแผลจะแห้ง”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ"“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”ท่านหมอเดินออกไปแล้ว ถิงถิงจึงเดินมาเพื่อเช็ดตัวให้กับท่านอ๋องที่บัดนี้เริ่มมีเหงื่อออกเพิ่มเพราะอาการเจ็บปวดจากยาทาแผลเมื่อเช็ดตัวให้เขาเสร็จแล้ว นางจึงดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาพร้อมกับมองใบหน้าที่บัดนี้หลับสนิทอยู่ตรงหน้านาง เขาดูเปลี่ยนไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วมาก“หายเร็วๆ นะพี่หยางหยาง”ถิงถิงเดินออกไ
หมิงลี่หยางออกจากจวน วันนี้เขาสวมเพียงชุดลำลองธรรมดาเดินปะปนกับชาวบ้านเพื่อเดินดูรอบๆ เมืองไปด้วยเขาพึ่งมาถึงเหมืองหย่งโจวนี้ไม่นานเท่าใด จึงยังไม่ค่อยมีผู้ใดคุ้นหน้าเขาโดยเฉพาะชาวเมืองที่แทบจะไม่เคยพบหน้าเขามาก่อน ทำให้เขารู้สึกไม่ต้องเกร็งและไม่ต้องจัดขบวนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้วุ่นวาย“แล้ว ร้านร้อยบุปผานั่นอยู่ที่ใด”“อยู่ตรงสุดทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”หมิงลี่หยางเดินไปเรื่อยๆ บรรยากาศที่นี่แตกต่างจากเมืองหลวงมาก ชาวบ้านที่อยู่ที่นี่เป็นกันเองมากกว่าที่เมืองหลวง ร้านรวงที่ตั้งอยู่ริมทางก็มีของน่าสนใจมากที่ตั้งขายกันอยู่ จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งซึ่งถือตะกร้าของมาเพื่อเสนอขายให้แก่เขา“พ่อหนุ่ม ช่วยซื้อมันเผานี่เสียหน่อยเถิด จะหมดแล้ว”“พ่อเฒ่า ท่านขายเช่นไร เป่าอี้ เอาถุงเงินมา”เป่าอี้ยื่นถุงเงินมาให้ท่านอ๋อง และเดินดูบริเวณรอบๆ อย่างระแวดระวัง แม้ว่าที่นี่จะดูปลอดภัยแต่ก็ไม่ควรประมาท“พ่อหนุ่มจะเหมาหมดนี่เลยหรือไม่เล่า หากหมดนี่ข้าคิดสามตำลึง”“ได้สิ ข้าเอาหมดนี่”“ขอบคุณคุณชาย”คนขายล้วงเข้าไปเพื่อจะหยิบมันมาใส่ห่อให้เขา ท่านอ๋องไม่ทันระวังคนขายซัดผงขาวๆ ใส่หน้าเขาอย่างรวดเร็วทำให้สายตาเ
ถิงถิงปิดฝากล่องไม้นั้นลงและเก็บไว้ในตู้ตามเดิม ที่สุดแล้วนางก็ตัดใจทิ้งของสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ดี แม้ว่าตัวผู้ให้เองตอนนี้จะจำนางไม่ได้แล้วก็ตาม“เป่าอี้ ข้าอยากอาบน้ำ เจ้าให้คนเตรียมน้ำให้ข้าที”“พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ ท่านอ๋องจะลองใช้สบู่นี่เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“หึ ของหลอกเด็ก ข้าก็อยากลองเช่นกัน ในเมื่อรับคำท้าแล้ว ก็เอามาลองหน่อย”“ท่านอ๋องจะเลือกก้อนไหนดีพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเลือกมาสักก้อนก็แล้วกัน ข้าไม่สันทัดเรื่องพวกนี้หรอก เหมือนๆ กันนั่นแหละ”“พ่ะย่ะค่ะ”แม้ว่าเป่าหลงจะรับคำสั่งมา แต่เขาเองก็มิใช่สตรีที่จะรู้เรื่องพวกนี้จึงได้บอกให้สาวใช้ในจวนเป็นผู้เลือก เมื่อเขานำไปให้พวกนาง พวกนางดูตื่นเต้นที่เห็นสบู่มากมายของร้านชื่อดัง จนเขาต้องถาม“ของร้านนี้ ชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนี้เชียวหรือ ดูพวกเจ้าตื่นเต้นกันมากเลย”“ใช่เจ้าค่ะ ท่านไม่รู้อะไรอย่างสบู่หยกนี่ รักษาผิวพรรณได้เป็นอย่างดี ผิวข้าเนียนได้ขนาดนี้ก็เพราะสบู่หยกนี่เลยเจ้าค่ะ ท่านดูนี่ เมื่อก่อนนางเป็นกระ ตอนได้สบู่ใบบัวบกมา นางใช้ล้างหน้าทุกวัน ตอนนี้หน้าของนางขาวเนียนจนแทบไม่เหลือร่องรอยเลย หากว่ามาจากร้านร้อยบุปผา” “พวกข้ายืนยันคุณภาพ
“ถิงถิง เหตุใดเจ้าไม่ถวายความเคารพท่านอ๋อง”ถิงถิงยังคงจ้องมองไปที่หมิงลี่หยาง สายตาทั้งคู่สบตากันอย่างมีความหมาย นางหวังว่าเขาอาจจะจำนางได้บ้าง เรื่องราวในอดีตแม้ผ่านมานานกว่าสิบปี แต่นางยังคงจดจำเขาได้เขาเองก็รู้สึกว่านางช่างดูคุ้นตาเขาอย่างประหลาด แต่เหตุใดเขานึกเท่าใดก็นึกไม่ออกว่าเคยพบนางที่ใด แต่เมื่อเห็นสายตาที่ท้าทายเขาอย่างไม่เกรงกลัวนั้น ทำให้เขาไม่อยากยอมแพ้“ข้ามิได้กล่าวเกินจริง เจ้าบอกว่าสบู่ที่ร้านเจ้าทำ ทั้งให้กลิ่นหอม ทั้งสามารถระงับกลิ่นกาย และอะไรนะ…”“เอ่อ ทูลท่านอ๋อง รักษาผิวหน้าและทำให้กายหอมพ่ะย่ะค่ะ”“ทั้งหมดที่ว่ามานั่น ข้าคิดว่าสรรพคุณที่กล่าวอ้างมานี่ ออกจะเกินจริงไปหน่อย ข้าไม่มีสิทธิ์สงสัยงั้นหรือ”“หากท่านอ๋องไม่เชื่อ หม่อมฉันยินดีจะให้พระองค์ได้ทดลองสินค้าของที่ร้านเพคะ หากพระองค์ทดลองใช้แล้วเกิดความเสียหาย ส่งตัวหม่อมฉันไปลงโทษได้เลย แต่หากว่าสินค้าของร้านร้อยบุปผาไม่ผิดปกติ พระองค์ต้องขอโทษหม่อมฉันต่อหน้าชาวเมืองหย่งโจว”“บังอาจ ฟางถิงถิง นั่นท่านอ๋องนะ เหตุใดเจ้าจึงกล้าหมิ่นเบื้องสูงเช่นนั้น”หลินเยว่ซินชี้หน้าต่อว่าฟางถิงถิง นางไม่เคยพลาดที่จะคอยซ้ำ