LOGINถิงถิงปิดฝากล่องไม้นั้นลงและเก็บไว้ในตู้ตามเดิม ที่สุดแล้วนางก็ตัดใจทิ้งของสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ดี แม้ว่าตัวผู้ให้เองตอนนี้จะจำนางไม่ได้แล้วก็ตาม
“เป่าอี้ ข้าอยากอาบน้ำ เจ้าให้คนเตรียมน้ำให้ข้าที”
“พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ ท่านอ๋องจะลองใช้สบู่นี่เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“หึ ของหลอกเด็ก ข้าก็อยากลองเช่นกัน ในเมื่อรับคำท้าแล้ว ก็เอามาลองหน่อย”
“ท่านอ๋องจะเลือกก้อนไหนดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเลือกมาสักก้อนก็แล้วกัน ข้าไม่สันทัดเรื่องพวกนี้หรอก เหมือนๆ กันนั่นแหละ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
แม้ว่าเป่าหลงจะรับคำสั่งมา แต่เขาเองก็มิใช่สตรีที่จะรู้เรื่องพวกนี้จึงได้บอกให้สาวใช้ในจวนเป็นผู้เลือก เมื่อเขานำไปให้พวกนาง พวกนางดูตื่นเต้นที่เห็นสบู่มากมายของร้านชื่อดัง จนเขาต้องถาม
“ของร้านนี้ ชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนี้เชียวหรือ ดูพวกเจ้าตื่นเต้นกันมากเลย”
“ใช่เจ้าค่ะ ท่านไม่รู้อะไรอย่างสบู่หยกนี่ รักษาผิวพรรณได้เป็นอย่างดี ผิวข้าเนียนได้ขนาดนี้ก็เพราะสบู่หยกนี่เลยเจ้าค่ะ ท่านดูนี่ เมื่อก่อนนางเป็นกระ ตอนได้สบู่ใบบัวบกมา นางใช้ล้างหน้าทุกวัน ตอนนี้หน้าของนางขาวเนียนจนแทบไม่เหลือร่องรอยเลย หากว่ามาจากร้านร้อยบุปผา”
“พวกข้ายืนยันคุณภาพได้ทุกคน เสียอย่างเดียว สินค้าออกมาแต่ละอย่างช้ามากเพราะเป็นของทำมือ ท่านได้มามากมายเช่นนี้คงใช้เงินไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ”
“อ้อ เอ่อ ใช่ๆ เจ้าก็เลือกมาสักก้อนที่เหมาะกับท่านอ๋อง เร็วสิ ข้าจะต้องเอาไปให้ท่านอ๋องอาบแล้ว”
“ข้าแนะนำก้อนนี้เจ้าค่ะ ทำให้ตัวหอม เหมาะกับบุรุษและระงับกลิ่นกาย สบู่ขิงโสมผสมดอกโบตั๋น ทั้งหอมทั้งระงับกลิ่นเจ้าค่ะ รับรองว่ากลิ่นหอมทนนาน ไม่อาบน้ำสามวันกลิ่นยังไม่จางเลยเจ้าค่ะ”
“ได้ๆ ข้ารู้แล้ว ไปก่อนล่ะ ขอบใจพวกเจ้ามาก”
เป่าอี้เลือกหยิบก้อนที่พวกนางแนะนำและรีบกลับไปยังห้องอาบน้ำเพื่อเตรียมให้ท่านอ๋องใช้ หมิงลี่หยางเดินเข้ามาที่ห้องอาบน้ำที่ดูโอ่อ่า กว้างขวาง สระน้ำอุ่นที่กว้างพร้อมกับน้ำตกจำลองที่ปลายอ่างทำให้ห้องนั้นราวงดงามราวกับอยู่ในป่าหิมพานต์
“เป่าอี้ เจ้าจุดกำยานกลิ่นใหม่ในห้องอาบน้ำด้วยงั้นหรือ”
“ทูลท่านอ๋อง เปล่านะพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นกลิ่นหอมนี่มาจากที่ใดกัน”
“เอ่อ ทูลท่านอ๋อง น่าจะมาจาก…สบู่โสมโบตั๋นก้อนนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เขามองไปที่แท่นวางสบู่สีขุ่นที่มีรูปดอกโบตั๋นนูนขึ้นมาเขาจึงหยิบขึ้นมาดมก็พบว่า เป็นกลิ่นเดียวกับที่เขาได้กลิ่นเมื่อครู่จริงๆ
กลิ่นที่ได้เป็นกลิ่นที่สะอาดแต่ก็ได้กลิ่นหอมจากดอกไม้อยู่ในนั้นเขาเดินตัวเปลือยลงในอ่างก่อนจะหยิบสบู่นั้นมาถูกตัว สัมผัสนั้นทำเอาเขาถึงกับประหลาดใจ ฟองที่พอดีที่สามารถขัดคราบไคลออกได้หมดจดจนเขานึกทึ่ง
“เป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเตรียมคำขอโทษเอาไว้แล้วสินะ”
เขายังคงเพลิดเพลินกับการใช้สบู่โสมก้อนนั้นถูกผิวกายจนเขาไม่นึกอยากจะออกจากห้องอาบน้ำ กลิ่นที่ได้จากสบู่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
และเมื่อชำระล้างร่างกายแล้วก็รู้สึกสดชื่นและรู้สึกว่าร่างกายเขานั้น สะอาดกว่าครั้งไหนๆ ที่อาบน้ำ แม้ว่าจะอาบน้ำอุ่น แต่รู้สึกได้ว่าผิวไม่แห้งเหมือนเมื่อก่อนที่ต้องชโลมน้ำมันทันทีที่ขึ้นจากอ่างน้ำอุ่น
“ไม่ต้องทาน้ำมันให้ข้าแล้ว เอาเก็บไปเถอะ”
“แต่ว่าผิวจะแตกเอานะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าบอกว่าไม่ต้อง ตอนนี้ข้ารู้สึกสบายตัวอย่างที่สุดจนไม่ต้องการให้อะไรอีก เจ้าเอากลับไปเถิด”
ความจริงแล้วท่านอ๋องไม่ค่อยชอบน้ำมันที่ทาผิวหลังอาบน้ำเท่าใดนักเพราะเขารู้สึกว่ามันทำให้เหนียวตัวง่ายและไม่ชอบสัมผัสมัน
เขานั่งอ่านตำราจนถึงตอนดึก ปกติหากลืมทาน้ำมัน อากาศแห้งๆ เช่นนี้ต้องทำให้เขาคันและผิวจะเริ่มแห้งแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับยังรู้สึกสบายตัว กลิ่นหอมที่อยู่บนเรือนกายนั้นยังคงติดจมูกราวกับพึ่งจะอาบน้ำมา ที่สำคัญ ผิวของเขาไม่แห้งเหมือนเมื่อก่อนแล้วโดยที่ไม่ต้องทาน้ำมัน
“ฟางถิงถิง ร้านร้อยบุปผา น่าสนใจยิ่งนัก”
เขานึกถึงสายตาท้าทาย คำพูดที่ถือดีหยิ่งยโสเมื่อมีคนไปกล่าวหาสินค้าของนาง ภาพนั้นติดตาเขาจนสลัดออกไม่ได้ แต่เขาก็มิได้นึกหงุดหงิดอะไร กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดจนเก็บไปฝันถึงเรื่องราวในวัยเด็ก กับเด็กสาวน่ารักๆ บนเขาที่เขาเคยเจอ
“พี่หยางหยาง ฮืออ อย่าไปเลย ข้าไม่อยากจากท่าน”
“เจ้าตัวเล็ก อย่าลืมสัญญาของเรา”
“พี่หยางหยาง ฮืออ พี่หยางหยาง”
“เจ้าตัวเล็ก!!”
ท่านอ๋องตกใจตื่นมาตอนดึก เสียงร้องไห้ของเด็กสาวผู้นั้นเขาจำได้ดี เพื่อนในวัยเด็กของเขาที่เขาหลงลืมนานมานาน ตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้างนะ คงโตเป็นสตรีแล้ว
หากไม่เกิดโศกอนาฏกรรมบนเขานั้นเสียก่อน สี่ปีให้หลังเมื่อเขากลับไปที่เขาหนานเซียนเพื่อเคารพสุสานบรรพบุรุษ จึงได้แวะไปหาพวกนาง กลับพบว่าที่นั่นเหลือเพียงซากปรักหักพังจากไฟไหม้
สืบถามจึงได้ทราบว่าคนที่อยู่ที่นี่ถูกฆ่าตายจนหมด ไม่เหลือเลยสักคน เขาทรุดตัวลงด้วยความผิดหวัง เสียใจที่มาไม่ทัน เด็กน้อยคนนั้นถูกฆ่าแล้วเช่นนั้นหรือ
“อาจารย์ เจ้าตัวเล็ก”
น้ำตาเขาไหลราวกับสายน้ำเมื่อรับรู้เรื่องนี้ เขากลับเมืองหลวงด้วยความสิ้นหวัง เมื่อกลับไปเล่าให้เสด็จพ่อฟัง
พระองค์ปลอบใจเขาเพียงว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน หากเราไม่ฆ่าเขาก่อน เขาก็ฆ่าพวกเรา เพราะฉะนั้น ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ อย่าได้เอาใจและชีวิตไปฝากที่ใครง่ายๆ ความสูญเสียนั้นยิ่งใหญ่ หากรับไม่ไหวก็อย่าเอาใจไปผูกติดกับผู้ใด
“เสด็จพ่อ พระองค์ยังคิดถึงเสด็จแม่อยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้เป็นพ่อไม่ตอบ แต่หยดน้ำตาที่หยดมาที่แขนของพระโอรสกลับเป็นคำตอบให้เขาเป็นอย่างดี เสด็จพ่อรักเสด็จแม่ของเขามาก
เขาจึงได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นั้น ทำให้เขาเติบโตขึ้นมากลายเป็นคนที่เย็นชา ไม่สนใจความรู้สึกผู้อื่น อีกทั้งยังไม่ไว้ใจผู้ใดอีกต่อไป จนกระทั่งมาวันนี้ที่พบกับผู้ที่กล้าท้าทายเขาต่อหน้าโดยไม่เกรงกลัวอำนาจของเขา
“เจ้าตัวเล็ก หากว่าเจ้าโต ตอนนี้คงเป็นสตรีที่งดงามมาก”
เขาล้มตัวลงนอนแผงอกกว้างที่เผยออกจากชุดนอนยังคงกระเพื่อมขึ้นลง กลิ่นหอมจากสบู่ที่เขาใช้ยังอยู่ เขาได้กลิ่นนั้นเมื่อสูดหายใจเข้าไปลึกๆ และค่อยๆ หลับไป
“เป่าอี้ เจ้าไปเอาสบู่ที่ซื้อมาเมื่อวานเข้ามาให้ข้าที่นี่ให้หมด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
โชคดีที่ไม่ได้มอบสบู่ให้กับผู้ใด หากท่านอ๋องรู้ว่านางกำนัลอยากได้และขอเขา ปกติเขาก็มอบให้พวกนาง แต่โชคดีที่ครั้งนี้เขายังไม่ได้ให้พวกนางไป จึงรีบนำไปถวายท่านอ๋องที่ห้องทรงอักษรทันที
“ท่านอ๋อง สบู่พ่ะย่ะค่ะ”
“เอาวางไว้ เจ้าออกไปได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เขาวางตำราที่อ่านลงและเดินมานั่งที่โต๊ะที่มีสบู่กองโตวางอยู่ เขาเริ่มแกะดูทีละก้อนและสูดกลิ่นแต่ละก้อนอย่างเพลิดเพลิน แต่ละก้อนมีลักษณะแตกต่างกัน สีและกลิ่นก็ต่างกัน บางอันก็แทบจะไม่มีกลิ่นเลย เขาอยากรู้มากกว่านี้ คงต้องไปด้วยตัวเอง
“เป่าอี้ ข้าจะไปเดินเล่นในเมืองหน่อย”
วังบูรพา“เร็วๆ เข้า เอาน้ำมา เตรียมผ้ามาอีก เร็วๆ เข้า”“แม่นม ออกหรือยัง” “ยังเพคะองค์รัชทายาท”“ข้าเข้าไปดูได้หรือไม่”“ไม่ได้ๆๆๆ เพคะ พระองค์รออยู่ตรงนี้เพคะ”“แต่ถิงถิงร้องหาข้า ท่านได้ยินหรือไม่ ให้ข้าเข้าไปเถอะ”“ไม่ได้เพคะ”“อ๊าาาาา ลี่หยาง อึ๊ยยยย”“เบ่งเพคะพระชายา เบ่ง หนึ่ง สอง สาม อึ๊ยยยยย”“อึ๊ยยย ลี่หยาง ท่านพี่ อ๊าาาาา”“ออกหรือยังเล่า ปัดโธ่!!”“เดี๋ยวๆ อย่าเข้าไปนะลี่หยาง เจ้าจะบ้าหรือ สตรีทำคลอดอยู่”“แต่เสียงถิงถิงเรียกข้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ นางเจ็บอยู่ ข้าจะเข้าไป ปล่อยข้านะ”“ไม่!! อย่าไป มารอตรงนี้ เจ้าเข้าไปก็ช่วยนางไม่ได้ รออยู่นี่”“ฟ่านหยวนผิง ปล่อยข้านะ ถิงถิง!!”“อ๊าาาาา ท่านพี่ อื้ออออ”“เบ่งอีกทีเพคะ”“กรีี๊ดดดดดด”“ปล่อยข้านะ ปล่อยยย!!!” ลี่หยางวิ่งเข้าไปที่ห้องคลอด เสียงตกใจของคนในนั้นทำเอาทุกคนทำตัวไม่ถูก ถิงถิงเองก็หลับตาอยู่ แต่ภาพที่เขาเห็นนั้นทำเอาสติของลี่หยางหลุดลอย จนแม่นมดันตัวเขาออกไป“เป่าอี้ รีบเอาตัวองค์รัชทายาทออกไปเร็วเข้า ใครปล่อยให้พระองค์เข้ามา”“ข้าบอกเจ้าแล้ว มานั่งตรงนี้” ลี่หยางกำลังตกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็นเ
สายตาดุที่ส่งมาที่หมิงลี่หยางทำเอาเขาเกรงว่าคืนนี้จะได้นอนนอกห้องเลยไม่กล้าโกหก จึงได้เริ่มเล่าเรื่อง ที่จริงเว่ยจีไม่ควรพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย เขาเองก็ไม่นึกอยากให้ถิงถิงโกรธเท่าใดนัก“ข้าสืบรู้มาว่าหงลี่กบดานอยู่ใกล้ๆ จวนน่าสงสัยก็มีอยู่หลายที่ แต่ที่ติดตามดู ที่จวนคหบดีน่าสงสัยที่สุด ก็เลยเลือกที่จะไปที่นั่น”“ท่านออกงานกับเว่ยจีตอนนั้น ท่านเริ่มสงสัยหรือยัง”“ที่จริงข้าหลอกใช้นางเพื่อให้พวกเขาโจมตี ข้านึกแปลกใจแต่แรกแล้วที่เขาไม่โจมตีเว่ยจีกับจวนนั้น ข้าเลยรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติ”“ท่านรู้ตอนไหนว่าตงหลางคือเจ้าสำนักหงลี่”“หลังจากงานเทศกาลฤดูร้อน”“ท่านรู้แต่ไม่บอกข้างั้นหรือ”“ข้าไม่มีเวลาบอกเจ้าต่างหาก ข้ารู้ระหว่างทางกลับไปเมืองหลวง เลยส่งคนไปเฝ้าร้านเจ้าเอาไว้ และรู้ข่าวว่าพวกหงลี่ก็ไปที่ม่านโจวแล้ว ข้าเลยเบาใจ เพียงแค่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกมันต้องไปม่านโจว ที่แท้ก็เพราะเจ้านี่เอง” ถิงถิงหันกลับมาและเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะเรื่องนี้นางก็ผิดที่ไม่ได้บอกเขาว่านางเป็นท่านหญิงของม่านโจว“นั่นแสดงว่าพวกมันตามข้าไปที่ม่านโจวสินะเจ้าคะ”“ใช่ ข้าก็เลยหมดห่วง แต
หย่งโจว / ร้านร้อยบุปผา“เร็วๆ เข้าเร็วๆ เอาผ้าแดงมาเพิ่มอีก ไม่ทันแล้วเร็วๆ ตรงนั้นล้างเสร็จหรือยัง มาช่วยตรงนี้ก่อน”“อาหลาน ผลไม้นี่เอาไว้ตรงไหน”“วางไว้ที่โต๊ะกลางด้านในเลย”“ป้าลี่ๆ ไปรับชุดที พวกนางมาแล้วเร็วๆ”“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้ อาเถาเอ๊ย มาช่วยยกเครื่องประดับเจ้าสาวหน่อยเร็ว”“เจ้าค่ะๆ”“อาหลาน เจ้าจัดการไปถึงไหนแล้ว”“ฮูหยิน นายท่าน เกือบแล้วเจ้าค่ะ พวกท่านจะไปที่ใดกันเจ้าคะ”“ข้าจะไปจวนท่านเจ้าเมือง อาหลาน ที่เหลือฝากเจ้าดูด้วยนะ”“รับทราบเจ้าค่ะ เชิญฮูหยินกับนายท่านเลยเจ้าค่ะ” ถิงถิงและลี่หยางเดินขึ้นรถม้าพร้อมกับตะกร้าที่ใส่ผลไม้ชุดหนึ่งเอาไว้ รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านร้อยบุปผามุ่งตรงไปที่จวนเจ้าเมือง พวกเขากลับมาที่หย่งโจวหลังพระราชพิธีมงคลสมรสที่เมืองหลวง และมาที่นี่ได้เกือบสองเดือนแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งร้อยวันของหลินเยว่ซินหลังจากที่หมิงลี่หยางแจ้งข่าวให้ท่านเจ้าเมืองและส่งร่างไร้วิญญาณของนางกลับมาที่หย่งโจว รถม้าจอดสนิทตรงหน้าจวนท่านเจ้าเมือง เมื่อพวกเขาเดินลงจากรถม้า และเดินเข้าไปในจวนที่บัดนี้เริ่มเงียบเหงามากกว่าเดิม“องค์รัชทายาทกับพร
มือเรียวของพระชายาเลื่อนลงไปใต้น้ำเพื่อสัมผัสบางสิ่งที่ทิ่มนางอยู่ในน้ำสักพักแล้ว เมื่อนางพบแล้วจึงได้เริ่มขยับเจ้าแท่งแกร่งนั้นรูดขึ้นลง ทำเอาผู้ที่ถูกสัมผัสแทบจะทนไม่ไหว“ถิงถิง อย่าพึ่งใจร้อน ข้ายังไม่พร้อม เจ้าอย่าพึ่ง อาาา” ถิงถิงเองก็ไม่ฟังเสียงขอร้องของเขา นางแนบตัวเข้าไปชิดก่อนจะส่งลิ้นนั้นไปเล่นกับยอดอกสีเข้มตรงหน้าซึ่งนางหวังจะทำเช่นนี้มานานแล้ว หมิงลี่หยางที่ถูกสัมผัสที่รุกล้ำจากนางถึงกับทนไม่ไหว เขาไม่เคยถูกสัมผัสเช่นนี้มาก่อน มันช่างรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้เพราะปกติเป็นเขาที่จู่โจมนาง“ถิงถิง อาาา นี่เจ้า...”“รู้สึกอย่างไรเพคะ”“ข้า จะไม่มีแรงยืนแล้ว...”“อีกนิดเดียวเพคะ”“ไม่นะ อาาา ถิงถิง เบาลงหน่อย อย่าเร่งแบบนั้น อ๊ะ อึ๊ยยย อาาา” ถิงถิงสลับลิ้นไปมาระหว่างแผงอกกว้างของเขาสองข้าง สัมผัสนั้นทำให้ผู้ที่ถูกรุกเริ่มทนไม่ไหวเขาดึงตัวนางออกและจับนางยกตัวขึ้นที่ขอบอ่าง“พอแล้ว ข้าทนอีกไม่ไหวแล้ว ถิงถิง เจ้าต้องรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้”“ท่านพี่ เดี๋ยวสิ อ๊าา อย่าเร็วนักสิเพคะ อ๊าาา”“ไม่ได้ ข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เจ้าเป็นคนเริ่ม
“เดี๋ยวสิ พระชายา เจ้าจะมาทำแบบนี้มันผิดธรรมเนียมนะ คือว่าข้ารอเจ้ามาตั้งสิบวัน สิบวันเชียวนะ แล้วเจ้าจะมาเมินข้าเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง เสด็จอาก็บอกว่า…”“นี่ท่านเมาหรือเพคะ หากอยากจะดื่มต่อท่านก็ออกไปดื่มกับพวกเขาไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้ หากจะอยู่ก็นอนนิ่งๆ วันนี้หม่อมฉันเหนื่อยมาก คุยไม่ไหวแล้ว”“ข้าก็ไม่ได้ชวนเจ้าคุยเสียหน่อย ถิงถิง เรามาสร้างเจ้าตัวเล็กคนใหม่กันเถอะนะ”“….”“ถิงถิง แต่ข้ายังไม่ง่วงเลย …. ถิงถิง..ไม่จริงน่ะ หลับไปแล้วงั้นหรือ” หมิงลี่หยางหันไปมอง นางหลับสนิทไปแล้วโดยไม่รอเขาพูดจบด้วยซ้ำไป แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอกันสิบวัน และพิธีวันนี้ก็เหนื่อยเอามากๆ จริงๆ ไม่แปลกที่นางจะเหนื่อย“เข้าห้องหอแต่ไม่ได้ชื่นชมเจ้าสาว ข้านี่ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ” หมิงลี่หยางทำได้แค่ล้มตัวลงนอนและกอดถิงถิงเอาไว้เท่านั้นในคืนนี้ จะทำอย่างไรได้เมื่อนางไม่ยอม จะมาขืนใจเอาตอนนี้ก็เสี่ยงจะถูกเมินไปอีกหลายวัน เพราะเขาพลั้งปากเองจะโทษผู้ใดได้ พรุ่งนี้ค่อยง้อนางก็แล้วกันวันรุ่งขึ้น หมิงลี่หยางค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมา แต่เขารู้สึกว่าคนข้างๆ ที่เขากอดอยู่มีอาการแปลกๆ เหตุใดเขารู้
งานประกาศผลการประลอง แขกเกือบทุกคนที่ยังอยู่ในงาน องค์ชายต่างแคว้นทุกคนล้วนมีความยินดีที่จะอยู่ร่วมงานจนถึงพิธีมงคลสมรสของทั้งคู่ หลังจากจัดพิธีมงคลสมรสแล้วจะจัดให้มีงานล่าสัตว์ขึ้นด้วย ทั้งนี้ทุกคนต่างตื่นเต้นเพื่อรองานที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองงานนี้อย่างใจจดใจจ่อ“เอาล่ะทุกท่าน ตอนนี้ได้เวลาแล้ว ขอประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการในการประลองเพื่อเลือกคู่ของท่านหญิงฟ่านถิงถิงจวิ้นจู่แห่งม่านโจว องค์รัชทายาทแห่งฉีโจว องค์ชายหมิงลี่หยาง” หมิงลี่หยางในชุดองค์ชายเต็มยศสีเหลืองทองปักเลื่อมมังกรเดินเข้ามาในงานพิธีเพื่อรับมอบลูก “ซิ่วฉิว” ซึ่งเป็นลูกกลมๆ ที่ทำจากผ้าไหมมีพู่ห้อยอยู่รอบๆ ซึ่งถิงถิงยืนถือเอาไว้ที่ด้านหน้า ชุดของนางก็เป็นสีขาวทองปักเลื่อมสีทองรูปนกยูงเช่นกัน เมื่อเดินมาถึง ถิงถิงจึงได้มอบลูก ซิวฉิวให้เขารับเอาไว้และทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปทำการคารวะฝ่าบาทก่อนจะหันออกมาและเดินออกจากท้องพระโรงเพื่อรอขึ้นรถม้าสำหรับแห่รอบเมืองเพื่อฉลองกับชาวเมืองม่านโจว“เหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ แต่หม่อมฉันง่วงนอน”“อยู่ในขบวนแห่ แต่เจ้ากลับง่วงได้ เก่งไปหรือไม่ถิงถิง เจ้ามองดูราษฎ







