โจ๊กได้ถูกยกมาให้ในห้อง พร้อมกับสาวใช้อาหลินที่เข้ามายกอ่างน้ำและของที่ไม่ได้ใช้ออกไป ถิงถิงเดินเข้าไปพยุงตัวท่านอ๋องขึ้นมานั่งที่โต๊ะ
“ท่านกินไหวหรือไม่”
“หากไม่ไหว เจ้าจะป้อนข้าหรือไม่”
“คือว่า…ท่าน…ท่านหมอบอกว่าท่านจะต้องกินเองเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงบ้าง”
“แต่ข้าพึ่งจะฟื้นเองนะ ถิงถิง เจ้าจะใจร้ายกับข้างั้นหรือ”
สายตาที่ส่งมาให้ทำเอานางปฏิเสธไม่ลง ท่านอ๋องเองก็ไม่เคยจะพูดและทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อนเช่นกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดที่เขาอยากจะทำเช่นนี้กับนาง
“ก็ได้ ข้าจะป้อนท่าน แต่มื้อต่อๆ ไป ท่านต้องกินเองเพื่อจะได้หายเร็วๆ”
“ได้สิ ถิงถิง ข้าต้องใช้หมึกพู่กันกับกระดาษ เจ้าช่วยเตรียมให้ข้าทีสิ”
“ได้เจ้าค่ะ อาหลิน ไปเอามาทีสิ"
“เจ้าค่ะคุณหนู”
นางป้อนโจ๊กเขาจนอิ่มและยกน้ำให้เขาดื่มด้วยตัวเอง อาหลานเป็นคนเดินเอากระดาษและพู่กันมาวางไว้ให้นางวางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยจนท่านอ๋องตกใจหันมามองหน้าสาวใช้ผู้นั้น นางสะบัดหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที ถิงถิงถึงกับมองตามนางไปและหันมามองท่านอ๋อง
“นี่ข้าไปทำอะไรให้นางไม่พอใจเมื่อไหร่งั้นหรือ ก่อนออกไปก็เห็นยังดีๆ อยู่นี่”
“นั่นอาหลานเจ้าค่ะ คนก่อนหน้าคืออาหลิน นางเป็นฝาแฝดกันเจ้าค่ะ"
“อ้อ เป็นเช่นนั้น แต่ว่าเหตุใดอีกคนเรียบร้อย อีกคนช่าง…”
“อาหลินเก่งงานบ้านและงานครัว แต่อาหลานเป็นนักฆ่าเจ้าค่ะ"
“เป็นนักฆ่า ถิงถิง เจ้าร้ายกาจนี่ เก็บนักฆ่าเอาไว้ข้างกายด้วย”
“เหตุการณ์บางอย่างก็ต้องทำให้เราต้องมีเขี้ยวเล็บเจ้าค่ะ ของที่ท่านต้องการมาแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
“ขอบใจเจ้ามากนะถิงถิง”
นางยกชามโจ๊กใส่ถาดและเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เขาอยู่ลำพัง แม้ว่านางจะอยากอยู่ด้วย แต่เรื่องนี้คงเป็นความลับ เขาคงไม่อยากให้นางล่วงรู้
ท่านอ๋องเมื่อเห็นถิงถิงเดินออกไปแล้ว จึงเริ่มเขียนบางอย่างลงในกระดาษอย่างรวดเร็ว เมื่อเขียนเสร็จจึงม้วนเป็นแผ่นเล็กๆ และผิวปากเป็นจังหวะ ไม่นานเกินรอ เหยี่ยวตัวไม่ใหญ่มากก็บินเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ตามเสียงเรียก
“เสี่ยวเฟย เอาไปส่งให้เป่าอี้”
เหยี่ยวที่ถูกผูกจดหมายเอาไว้เริ่มบินออกไปด้านนอกตามคำสั่ง เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมองตามมันไป หากเป่าอี้ได้รับจดหมายคงเบากังวลได้ และเขาจำเป็นต้องเพิ่มความปลอดภัยให้กับร้านร้อยบุปผานี้ให้มากกว่าเดิม เขาหันกลับมาพร้อมกับเห็นว่าถิงถิงนำชุดมาให้เขาเปลี่ยน
“ท่านเปลี่ยนชุดเสียหน่อยเจ้าค่ะ เปลี่ยนได้หรือไม่ ให้ข้าเรียกคนมาช่วยเปลี่ยนหรือไม่”
“ไม่ต้องๆ ข้าจัดการเองได้ ถิงถิง ให้ข้าตามเจ้าไปดูร้านได้หรือไม่”
“ได้เจ้าค่ะ แต่ว่าท่านไม่กลัวจะมีคนเห็นหรือเจ้าคะ”
“ไม่หรอก ข้าดูแค่หลังร้าน ข้าอยากเห็นว่าเจ้าทำอะไรบ้างเท่านั้น”
“ก็ได้เจ้าค่ะ”
เมื่อเขาเปลี่ยนชุดแล้ว จึงเดินตามนางไปดูส่วนต่างๆ ของร้าน มีเพียงหน้าร้านเท่านั้นที่เขาจะไม่ไปดูเพราะยังเสี่ยงเกินไป เขาตามนางไปดูห้องที่อบพวกกลิ่นต่างๆ และทำสบู่กลิ่นต่างๆ
“นั่นเขาทำอะไรน่ะ”
“นั่นเป็นวัตถุดิบที่เอามาทำสบู่เจ้าค่ะ”
“ถั่วเหลือง”
“ใช่เจ้าค่ะ สบู่ทำมาจากไขของถั่วเหลือง ปกติสบู่ทั่วไปหลังจากอาบน้ำแล้วจะทำให้ผิวแห้ง แต่สบู่ของร้านเราจะทำจากไขน้ำมันจากถั่วเหลือง ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบทาน้ำมันหลังอาบน้ำ ป้องกันผิวแห้งแตกได้ดีเจ้าค่ะ”
“นั่นพวกเขาเผาสิ่งใดกัน”
“นั่นเป็นแม่พิมพ์สบู่เจ้าค่ะ ทำจากดินเผา เราจะหลอมสบู่และเทลงในพิมพ์แล้วแกะออกมา แต่ละกลิ่น แต่ละชนิดจะมีแม่พิมพ์ที่แตกต่างกันเจ้าค่ะ”
“คิดไม่ถึงว่าสบู่ก้อนเดียวจะมีวิธีผลิตที่มากขนาดนี้”
“อันที่จริง แค่เพียงต้มสบู่แล้วใส่พิมพ์ ตัดขายอย่างเดียวก็ได้เจ้าค่ะ”
“นั่นสิ ปกติก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้น”
“แต่ข้าว่ามันออกจะมักง่ายไปหน่อย เพียงแค่อาบน้ำและสักพักผิวก็แห้งกร้าน แตกลาย ระงับกลิ่นตัวไม่ได้ พอเหงื่อออกก็ทำให้มีคราบไคล ข้าว่าความสุขในการอาบน้ำมันมีมากกว่านั้นเจ้าค่ะ"
“เพราะเจ้าคิดเช่นนี้ ก็เลยเกิดร้านนี้ขึ้นมางั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“ที่นี่มันสวนอะไรกัน นี่มันว่านหางจระเข้นี่ มากมายขนาดนี้เชียว”
“ใช่เจ้าค่ะ วัตถุดิบบางอย่างพวกเราก็ปลูกเอง เช่นว่านหางจระเข้ แตงกวา หัวไชเท้า ขิงและมะเขือเทศ”
"น่าทึ่งมากจริงๆ แล้ววัตถุดิบอื่นล่ะ โสม ดอกโบ๋ตั๋น หรือพวกใบบัวบก"
“บางอย่างก็รับมาจากชาวบ้านที่ปลูกเองเจ้าค่ะ พวกเขาจะนำมาส่ง ของเหล่านี้สร้างรายได้ให้พวกเขา ที่สำคัญข้าได้ของที่สะอาดปลอดภัยและราคาไม่แพง”
"นั่นห้องอะไร"
“เราอย่าไปเลยดีกว่าเจ้าค่ะ”
“ทำไมเล่า มันไม่น่าดูหรือ”
“นั่นห้องเลี้ยงผึ้งเจ้าค่ะ”
“เจ้าถึงกับ เลี้ยงผึ้งเองเลยหรือ”
“เจ้าค่ะ เพราะมันหายาก และไม่เพียงพอกับความต้องการ แต่หากมีคนนำมาขาย ร้านเราก็รับซื้อนะเจ้าคะ เพราะน้ำผึ้งคือส่วนผสมหลักๆ ในสบู่ที่ใช้ในเรื่องบำรุงผิวพรรณ อย่างสบู่มะเขือเทศ สบู่น้ำนมข้าว สบู่แครอท แตงกวา และหัวไชเท้า สูตรพวกนี้ช่วยในเรื่องทำให้ผิวหน้ากระชับสดใส ลดริ้วรอย ผู้ที่เป็นผื่นฝ้าก็จะจางลงเมื่อใช้ทุกวันเจ้าค่ะ"
“แล้วสบู่โสมโบตั๋นที่ข้าใช้อยู่ล่ะ ข้ายังรู้สึกว่ากลิ่นมันยังอยู่อยู่เลย ขนาดข้ามิได้อาบน้ำมาตั้งหลายวัน”
“สูตรนั้นเน้นเรื่องรักษากลิ่นกายเจ้าค่ะ สำหรับผู้ที่เหงื่อออกง่ายและมักจะมีกลิ่นตัวแรง โสมและขิงจะช่วยในเรื่องนี้ ดอกโบตั๋นจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้ติดทนนานแม้ว่าจะไม่ได้อาบน้ำ หรือหากอาบทุกวัน ตัวท่านก็จะเป็นกลิ่นนี้ไปอีกหลายวันเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ต้องใช้นำมันทาหลังอาบน้ำจริงๆ”
“นั่นเพราะไขจากถั่วเหลืองและน้ำผึ้งเจ้าค่ะ ที่รักษาความชุ่มชื้นให้ผิวของท่าน”
“ยอดเยี่ยม ข้าเริ่มต้นไม่ดี ดูถูกสินค้าของร้านเจ้าทำให้เกิดความเสียหาย เอาไว้ข้าจะหาโอกาสขอโทษเจ้าอย่างจริงจัง เรื่องในครั้งนี้เป็นข้าที่ผิดไปเอง”
“ข้าลืมไปแล้วเจ้าค่ะ เพียงแค่ท่านพอใจในสินค้าก็เพียงพอแล้ว ข้าเพียงต้องการให้สินค้าที่ข้าทำเป็นที่พอใจของลูกค้า รอยยิ้มของลูกค้าสำคัญกว่าคำขอโทษมากนักเจ้าค่ะ ท่านก็อย่าได้คิดมากเลย”
“ขนาดข้าพูดไปขนาดนั้น แต่ดูเหมือนว่าร้านร้อยบุปผาจะไม่ได้สะเทือนเลยแม้แต่น้อยนะ คงเพราะทุกคนต่างรู้คุณภาพของสินค้าเจ้าดีสินะ”
“นั่นเพราะส่วนหนึ่งข้าซื้อวัตถุดิบจากพวกเขามา อีกส่วนหนึ่งคนงานของที่นี่ก็เป็นลูกหลานของคนในเมืองนี้ ข้าให้โอกาสกับทุกคนที่อยากทำงานและอยากเริ่มต้นใหม่ พวกเขาจึงรู้จักร้านข้าดีเจ้าค่ะ"
หมิงลี่หยางมองไปรอบๆ จึงได้สังเกตเห็นว่าคนงานของนาง บางคนก็ชรามากแล้ว และบางคนก็พิการมีแขนข้างเดียว หรือไม่ก็ขาขาดแต่ก็ใช้แขนทำงานอย่างขยันไม่มีอิดออด เขาเดินตามนางไปเรื่อยๆ อย่างนึกเลื่อมใสนางมากขึ้นทุกที
“ถิงถิง เจ้าไปเรียนความรู้เรื่องพวกนี้มาจากที่ใดงั้นหรือ”
“อาจารย์ข้าเป็นผู้สอนเจ้าค่ะ”
“คุณหนูเจ้าคะ คุณชายเฉินลู่เสียนมาหาท่านเจ้าค่ะ"
“เขามาทำไมกัน”
“เร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะคุณหนู เขาทำให้ร้านวุ่นวายไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“ท่านรอข้าอยู่นี่นะเจ้าคะ”
นางเร่งเดินออกไปกับอาหลาน โดยทิ้งเขาเอาไว้กับอาหลิน ท่านอ๋องหันไปถามอาหลินด้วยความอยากรู้
“คุณชายฉินที่ว่านั่นคือผู้ใดงั้นหรือ”
“ทูลท่านอ๋อง เขาคือว่าที่คู่หมั้นคุณหนูเพคะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ว่าที่คู่หมั้น”“ใช่เจ้าค่ะ แต่คุณหนูไม่ยอมรับหมั้นเขาเสียที จึงได้แต่เป็นว่าที่เจ้าค่ะ”“หึ ถ้าเช่นนั้นก็ยังมิได้ถือว่าเป็นอะไรกัน”สายตาเขาหันไปทางหน้าร้านพร้อมกับความรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินที่อาหลินพูดมา รู้แต่ว่าตราบใดที่เขายังอยู่ที่ร้านร้อยบุปผาแห่งนี้ เขาจะไม่มีวันให้ชายอื่นมาใกล้นางเด็ดขาด“ข้าจะไปดูเสียหน่อย”“แต่ว่าท่านอ๋องเพคะ ไม่ได้นะเพคะ คุณหนูสั่งเอาไว้”“อยู่ที่นี่เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายหมิงเถอะ เจ้าชื่ออาหลินใช่หรือไม่”“ใช่เพคะ เอ่อ ใช่เจ้าค่ะคุณชายหมิง”“งั้นอาหลิน ข้าวานให้เจ้าไปดูเหตุการณ์แล้วกลับมาเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปดูให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”หมิงลี่หยางเดินไปที่สวนสมุนไพรที่ปลอดคนก่อนจะเป่าปากเรียกคนออกมา เป่าอี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันที“ท่านอ๋อง ขออภัยที่กระหม่อมละเลยต่อหน้าที่ ทำให้พระองค์ต้องตกอยู่ในอันตราย”“สืบหรือยัง”“สืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนของสำนักหงลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ดูท่าพวกมันจะไม่ยอมปล่อยข้าเลยสินะ”“จากเบาะแสที่กระหม่อมได้มา พวกมันยังอยู่ในเมืองหย่งโจวตามที่พระองค์คาดการณ์ไว้พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าจัดองครักษ์มาคุ้
โจ๊กได้ถูกยกมาให้ในห้อง พร้อมกับสาวใช้อาหลินที่เข้ามายกอ่างน้ำและของที่ไม่ได้ใช้ออกไป ถิงถิงเดินเข้าไปพยุงตัวท่านอ๋องขึ้นมานั่งที่โต๊ะ“ท่านกินไหวหรือไม่”“หากไม่ไหว เจ้าจะป้อนข้าหรือไม่”“คือว่า…ท่าน…ท่านหมอบอกว่าท่านจะต้องกินเองเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงบ้าง”“แต่ข้าพึ่งจะฟื้นเองนะ ถิงถิง เจ้าจะใจร้ายกับข้างั้นหรือ”สายตาที่ส่งมาให้ทำเอานางปฏิเสธไม่ลง ท่านอ๋องเองก็ไม่เคยจะพูดและทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อนเช่นกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดที่เขาอยากจะทำเช่นนี้กับนาง“ก็ได้ ข้าจะป้อนท่าน แต่มื้อต่อๆ ไป ท่านต้องกินเองเพื่อจะได้หายเร็วๆ”“ได้สิ ถิงถิง ข้าต้องใช้หมึกพู่กันกับกระดาษ เจ้าช่วยเตรียมให้ข้าทีสิ”“ได้เจ้าค่ะ อาหลิน ไปเอามาทีสิ"“เจ้าค่ะคุณหนู”นางป้อนโจ๊กเขาจนอิ่มและยกน้ำให้เขาดื่มด้วยตัวเอง อาหลานเป็นคนเดินเอากระดาษและพู่กันมาวางไว้ให้นางวางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยจนท่านอ๋องตกใจหันมามองหน้าสาวใช้ผู้นั้น นางสะบัดหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที ถิงถิงถึงกับมองตามนางไปและหันมามองท่านอ๋อง“นี่ข้าไปทำอะไรให้นางไม่พอใจเมื่อไหร่งั้นหรือ ก่อนออกไปก็เห็นยังดีๆ อยู่นี่”“นั่นอาหลานเจ้า
“ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องแล้วขอรับ ตอนนี้รอเพียงให้ท่านอ๋องฟื้นก็ไม่น่าจะมีอันตรายแล้วขอรับคุณหนู”“แล้วเขาจะมีไข้อีกหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่แล้วขอรับ ช่วงนี้ให้พระองค์นอนพักไปก่อนเพื่อให้ยาเข้าไปสมานแผลภายใน น่าจะอีกราวๆ วันหรือสองวันคงฟื้นขอรับ”“ขอบคุณท่านหมอมาก ท่านทิ้งยาเอาไว้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะเป็นคนเปลี่ยนยากับผ้าพันแผลให้เขาเอง สองวันนี้รบกวนท่านมากเลยแทบจะไม่ได้พักผ่อน”“ไม่เป็นไรขอรับคุณหนูอย่าได้เกรงใจข้า หากไม่ได้คุณหนูช่วยข้าไว้ ข้ากับครอบครัวคงตายไปแล้ว”“อย่าพูดเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านหมอ อย่าได้คิดมากอีกเลย เรื่องในอดีตข้าลืมไปหมดแล้ว”“ขอรับ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเอายาวางให้ท่าน ยาต้องเปลี่ยนวันละสองรอบ เช้าเย็น และพันแผลจนกว่าแผลจะแห้ง”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ"“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”ท่านหมอเดินออกไปแล้ว ถิงถิงจึงเดินมาเพื่อเช็ดตัวให้กับท่านอ๋องที่บัดนี้เริ่มมีเหงื่อออกเพิ่มเพราะอาการเจ็บปวดจากยาทาแผลเมื่อเช็ดตัวให้เขาเสร็จแล้ว นางจึงดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาพร้อมกับมองใบหน้าที่บัดนี้หลับสนิทอยู่ตรงหน้านาง เขาดูเปลี่ยนไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วมาก“หายเร็วๆ นะพี่หยางหยาง”ถิงถิงเดินออกไ
หมิงลี่หยางออกจากจวน วันนี้เขาสวมเพียงชุดลำลองธรรมดาเดินปะปนกับชาวบ้านเพื่อเดินดูรอบๆ เมืองไปด้วยเขาพึ่งมาถึงเหมืองหย่งโจวนี้ไม่นานเท่าใด จึงยังไม่ค่อยมีผู้ใดคุ้นหน้าเขาโดยเฉพาะชาวเมืองที่แทบจะไม่เคยพบหน้าเขามาก่อน ทำให้เขารู้สึกไม่ต้องเกร็งและไม่ต้องจัดขบวนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้วุ่นวาย“แล้ว ร้านร้อยบุปผานั่นอยู่ที่ใด”“อยู่ตรงสุดทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”หมิงลี่หยางเดินไปเรื่อยๆ บรรยากาศที่นี่แตกต่างจากเมืองหลวงมาก ชาวบ้านที่อยู่ที่นี่เป็นกันเองมากกว่าที่เมืองหลวง ร้านรวงที่ตั้งอยู่ริมทางก็มีของน่าสนใจมากที่ตั้งขายกันอยู่ จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งซึ่งถือตะกร้าของมาเพื่อเสนอขายให้แก่เขา“พ่อหนุ่ม ช่วยซื้อมันเผานี่เสียหน่อยเถิด จะหมดแล้ว”“พ่อเฒ่า ท่านขายเช่นไร เป่าอี้ เอาถุงเงินมา”เป่าอี้ยื่นถุงเงินมาให้ท่านอ๋อง และเดินดูบริเวณรอบๆ อย่างระแวดระวัง แม้ว่าที่นี่จะดูปลอดภัยแต่ก็ไม่ควรประมาท“พ่อหนุ่มจะเหมาหมดนี่เลยหรือไม่เล่า หากหมดนี่ข้าคิดสามตำลึง”“ได้สิ ข้าเอาหมดนี่”“ขอบคุณคุณชาย”คนขายล้วงเข้าไปเพื่อจะหยิบมันมาใส่ห่อให้เขา ท่านอ๋องไม่ทันระวังคนขายซัดผงขาวๆ ใส่หน้าเขาอย่างรวดเร็วทำให้สายตาเ
ถิงถิงปิดฝากล่องไม้นั้นลงและเก็บไว้ในตู้ตามเดิม ที่สุดแล้วนางก็ตัดใจทิ้งของสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ดี แม้ว่าตัวผู้ให้เองตอนนี้จะจำนางไม่ได้แล้วก็ตาม“เป่าอี้ ข้าอยากอาบน้ำ เจ้าให้คนเตรียมน้ำให้ข้าที”“พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ ท่านอ๋องจะลองใช้สบู่นี่เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“หึ ของหลอกเด็ก ข้าก็อยากลองเช่นกัน ในเมื่อรับคำท้าแล้ว ก็เอามาลองหน่อย”“ท่านอ๋องจะเลือกก้อนไหนดีพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเลือกมาสักก้อนก็แล้วกัน ข้าไม่สันทัดเรื่องพวกนี้หรอก เหมือนๆ กันนั่นแหละ”“พ่ะย่ะค่ะ”แม้ว่าเป่าหลงจะรับคำสั่งมา แต่เขาเองก็มิใช่สตรีที่จะรู้เรื่องพวกนี้จึงได้บอกให้สาวใช้ในจวนเป็นผู้เลือก เมื่อเขานำไปให้พวกนาง พวกนางดูตื่นเต้นที่เห็นสบู่มากมายของร้านชื่อดัง จนเขาต้องถาม“ของร้านนี้ ชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนี้เชียวหรือ ดูพวกเจ้าตื่นเต้นกันมากเลย”“ใช่เจ้าค่ะ ท่านไม่รู้อะไรอย่างสบู่หยกนี่ รักษาผิวพรรณได้เป็นอย่างดี ผิวข้าเนียนได้ขนาดนี้ก็เพราะสบู่หยกนี่เลยเจ้าค่ะ ท่านดูนี่ เมื่อก่อนนางเป็นกระ ตอนได้สบู่ใบบัวบกมา นางใช้ล้างหน้าทุกวัน ตอนนี้หน้าของนางขาวเนียนจนแทบไม่เหลือร่องรอยเลย หากว่ามาจากร้านร้อยบุปผา” “พวกข้ายืนยันคุณภาพ
“ถิงถิง เหตุใดเจ้าไม่ถวายความเคารพท่านอ๋อง”ถิงถิงยังคงจ้องมองไปที่หมิงลี่หยาง สายตาทั้งคู่สบตากันอย่างมีความหมาย นางหวังว่าเขาอาจจะจำนางได้บ้าง เรื่องราวในอดีตแม้ผ่านมานานกว่าสิบปี แต่นางยังคงจดจำเขาได้เขาเองก็รู้สึกว่านางช่างดูคุ้นตาเขาอย่างประหลาด แต่เหตุใดเขานึกเท่าใดก็นึกไม่ออกว่าเคยพบนางที่ใด แต่เมื่อเห็นสายตาที่ท้าทายเขาอย่างไม่เกรงกลัวนั้น ทำให้เขาไม่อยากยอมแพ้“ข้ามิได้กล่าวเกินจริง เจ้าบอกว่าสบู่ที่ร้านเจ้าทำ ทั้งให้กลิ่นหอม ทั้งสามารถระงับกลิ่นกาย และอะไรนะ…”“เอ่อ ทูลท่านอ๋อง รักษาผิวหน้าและทำให้กายหอมพ่ะย่ะค่ะ”“ทั้งหมดที่ว่ามานั่น ข้าคิดว่าสรรพคุณที่กล่าวอ้างมานี่ ออกจะเกินจริงไปหน่อย ข้าไม่มีสิทธิ์สงสัยงั้นหรือ”“หากท่านอ๋องไม่เชื่อ หม่อมฉันยินดีจะให้พระองค์ได้ทดลองสินค้าของที่ร้านเพคะ หากพระองค์ทดลองใช้แล้วเกิดความเสียหาย ส่งตัวหม่อมฉันไปลงโทษได้เลย แต่หากว่าสินค้าของร้านร้อยบุปผาไม่ผิดปกติ พระองค์ต้องขอโทษหม่อมฉันต่อหน้าชาวเมืองหย่งโจว”“บังอาจ ฟางถิงถิง นั่นท่านอ๋องนะ เหตุใดเจ้าจึงกล้าหมิ่นเบื้องสูงเช่นนั้น”หลินเยว่ซินชี้หน้าต่อว่าฟางถิงถิง นางไม่เคยพลาดที่จะคอยซ้ำ