LOGINโจ๊กได้ถูกยกมาให้ในห้อง พร้อมกับสาวใช้อาหลินที่เข้ามายกอ่างน้ำและของที่ไม่ได้ใช้ออกไป ถิงถิงเดินเข้าไปพยุงตัวท่านอ๋องขึ้นมานั่งที่โต๊ะ
“ท่านกินไหวหรือไม่”
“หากไม่ไหว เจ้าจะป้อนข้าหรือไม่”
“คือว่า…ท่าน…ท่านหมอบอกว่าท่านจะต้องกินเองเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงบ้าง”
“แต่ข้าพึ่งจะฟื้นเองนะ ถิงถิง เจ้าจะใจร้ายกับข้างั้นหรือ”
สายตาที่ส่งมาให้ทำเอานางปฏิเสธไม่ลง ท่านอ๋องเองก็ไม่เคยจะพูดและทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อนเช่นกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดที่เขาอยากจะทำเช่นนี้กับนาง
“ก็ได้ ข้าจะป้อนท่าน แต่มื้อต่อๆ ไป ท่านต้องกินเองเพื่อจะได้หายเร็วๆ”
“ได้สิ ถิงถิง ข้าต้องใช้หมึกพู่กันกับกระดาษ เจ้าช่วยเตรียมให้ข้าทีสิ”
“ได้เจ้าค่ะ อาหลิน ไปเอามาทีสิ"
“เจ้าค่ะคุณหนู”
นางป้อนโจ๊กเขาจนอิ่มและยกน้ำให้เขาดื่มด้วยตัวเอง อาหลานเป็นคนเดินเอากระดาษและพู่กันมาวางไว้ให้นางวางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยจนท่านอ๋องตกใจหันมามองหน้าสาวใช้ผู้นั้น นางสะบัดหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที ถิงถิงถึงกับมองตามนางไปและหันมามองท่านอ๋อง
“นี่ข้าไปทำอะไรให้นางไม่พอใจเมื่อไหร่งั้นหรือ ก่อนออกไปก็เห็นยังดีๆ อยู่นี่”
“นั่นอาหลานเจ้าค่ะ คนก่อนหน้าคืออาหลิน นางเป็นฝาแฝดกันเจ้าค่ะ"
“อ้อ เป็นเช่นนั้น แต่ว่าเหตุใดอีกคนเรียบร้อย อีกคนช่าง…”
“อาหลินเก่งงานบ้านและงานครัว แต่อาหลานเป็นนักฆ่าเจ้าค่ะ"
“เป็นนักฆ่า ถิงถิง เจ้าร้ายกาจนี่ เก็บนักฆ่าเอาไว้ข้างกายด้วย”
“เหตุการณ์บางอย่างก็ต้องทำให้เราต้องมีเขี้ยวเล็บเจ้าค่ะ ของที่ท่านต้องการมาแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
“ขอบใจเจ้ามากนะถิงถิง”
นางยกชามโจ๊กใส่ถาดและเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เขาอยู่ลำพัง แม้ว่านางจะอยากอยู่ด้วย แต่เรื่องนี้คงเป็นความลับ เขาคงไม่อยากให้นางล่วงรู้
ท่านอ๋องเมื่อเห็นถิงถิงเดินออกไปแล้ว จึงเริ่มเขียนบางอย่างลงในกระดาษอย่างรวดเร็ว เมื่อเขียนเสร็จจึงม้วนเป็นแผ่นเล็กๆ และผิวปากเป็นจังหวะ ไม่นานเกินรอ เหยี่ยวตัวไม่ใหญ่มากก็บินเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ตามเสียงเรียก
“เสี่ยวเฟย เอาไปส่งให้เป่าอี้”
เหยี่ยวที่ถูกผูกจดหมายเอาไว้เริ่มบินออกไปด้านนอกตามคำสั่ง เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมองตามมันไป หากเป่าอี้ได้รับจดหมายคงเบากังวลได้ และเขาจำเป็นต้องเพิ่มความปลอดภัยให้กับร้านร้อยบุปผานี้ให้มากกว่าเดิม เขาหันกลับมาพร้อมกับเห็นว่าถิงถิงนำชุดมาให้เขาเปลี่ยน
“ท่านเปลี่ยนชุดเสียหน่อยเจ้าค่ะ เปลี่ยนได้หรือไม่ ให้ข้าเรียกคนมาช่วยเปลี่ยนหรือไม่”
“ไม่ต้องๆ ข้าจัดการเองได้ ถิงถิง ให้ข้าตามเจ้าไปดูร้านได้หรือไม่”
“ได้เจ้าค่ะ แต่ว่าท่านไม่กลัวจะมีคนเห็นหรือเจ้าคะ”
“ไม่หรอก ข้าดูแค่หลังร้าน ข้าอยากเห็นว่าเจ้าทำอะไรบ้างเท่านั้น”
“ก็ได้เจ้าค่ะ”
เมื่อเขาเปลี่ยนชุดแล้ว จึงเดินตามนางไปดูส่วนต่างๆ ของร้าน มีเพียงหน้าร้านเท่านั้นที่เขาจะไม่ไปดูเพราะยังเสี่ยงเกินไป เขาตามนางไปดูห้องที่อบพวกกลิ่นต่างๆ และทำสบู่กลิ่นต่างๆ
“นั่นเขาทำอะไรน่ะ”
“นั่นเป็นวัตถุดิบที่เอามาทำสบู่เจ้าค่ะ”
“ถั่วเหลือง”
“ใช่เจ้าค่ะ สบู่ทำมาจากไขของถั่วเหลือง ปกติสบู่ทั่วไปหลังจากอาบน้ำแล้วจะทำให้ผิวแห้ง แต่สบู่ของร้านเราจะทำจากไขน้ำมันจากถั่วเหลือง ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบทาน้ำมันหลังอาบน้ำ ป้องกันผิวแห้งแตกได้ดีเจ้าค่ะ”
“นั่นพวกเขาเผาสิ่งใดกัน”
“นั่นเป็นแม่พิมพ์สบู่เจ้าค่ะ ทำจากดินเผา เราจะหลอมสบู่และเทลงในพิมพ์แล้วแกะออกมา แต่ละกลิ่น แต่ละชนิดจะมีแม่พิมพ์ที่แตกต่างกันเจ้าค่ะ”
“คิดไม่ถึงว่าสบู่ก้อนเดียวจะมีวิธีผลิตที่มากขนาดนี้”
“อันที่จริง แค่เพียงต้มสบู่แล้วใส่พิมพ์ ตัดขายอย่างเดียวก็ได้เจ้าค่ะ”
“นั่นสิ ปกติก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้น”
“แต่ข้าว่ามันออกจะมักง่ายไปหน่อย เพียงแค่อาบน้ำและสักพักผิวก็แห้งกร้าน แตกลาย ระงับกลิ่นตัวไม่ได้ พอเหงื่อออกก็ทำให้มีคราบไคล ข้าว่าความสุขในการอาบน้ำมันมีมากกว่านั้นเจ้าค่ะ"
“เพราะเจ้าคิดเช่นนี้ ก็เลยเกิดร้านนี้ขึ้นมางั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“ที่นี่มันสวนอะไรกัน นี่มันว่านหางจระเข้นี่ มากมายขนาดนี้เชียว”
“ใช่เจ้าค่ะ วัตถุดิบบางอย่างพวกเราก็ปลูกเอง เช่นว่านหางจระเข้ แตงกวา หัวไชเท้า ขิงและมะเขือเทศ”
"น่าทึ่งมากจริงๆ แล้ววัตถุดิบอื่นล่ะ โสม ดอกโบ๋ตั๋น หรือพวกใบบัวบก"
“บางอย่างก็รับมาจากชาวบ้านที่ปลูกเองเจ้าค่ะ พวกเขาจะนำมาส่ง ของเหล่านี้สร้างรายได้ให้พวกเขา ที่สำคัญข้าได้ของที่สะอาดปลอดภัยและราคาไม่แพง”
"นั่นห้องอะไร"
“เราอย่าไปเลยดีกว่าเจ้าค่ะ”
“ทำไมเล่า มันไม่น่าดูหรือ”
“นั่นห้องเลี้ยงผึ้งเจ้าค่ะ”
“เจ้าถึงกับ เลี้ยงผึ้งเองเลยหรือ”
“เจ้าค่ะ เพราะมันหายาก และไม่เพียงพอกับความต้องการ แต่หากมีคนนำมาขาย ร้านเราก็รับซื้อนะเจ้าคะ เพราะน้ำผึ้งคือส่วนผสมหลักๆ ในสบู่ที่ใช้ในเรื่องบำรุงผิวพรรณ อย่างสบู่มะเขือเทศ สบู่น้ำนมข้าว สบู่แครอท แตงกวา และหัวไชเท้า สูตรพวกนี้ช่วยในเรื่องทำให้ผิวหน้ากระชับสดใส ลดริ้วรอย ผู้ที่เป็นผื่นฝ้าก็จะจางลงเมื่อใช้ทุกวันเจ้าค่ะ"
“แล้วสบู่โสมโบตั๋นที่ข้าใช้อยู่ล่ะ ข้ายังรู้สึกว่ากลิ่นมันยังอยู่อยู่เลย ขนาดข้ามิได้อาบน้ำมาตั้งหลายวัน”
“สูตรนั้นเน้นเรื่องรักษากลิ่นกายเจ้าค่ะ สำหรับผู้ที่เหงื่อออกง่ายและมักจะมีกลิ่นตัวแรง โสมและขิงจะช่วยในเรื่องนี้ ดอกโบตั๋นจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้ติดทนนานแม้ว่าจะไม่ได้อาบน้ำ หรือหากอาบทุกวัน ตัวท่านก็จะเป็นกลิ่นนี้ไปอีกหลายวันเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ต้องใช้นำมันทาหลังอาบน้ำจริงๆ”
“นั่นเพราะไขจากถั่วเหลืองและน้ำผึ้งเจ้าค่ะ ที่รักษาความชุ่มชื้นให้ผิวของท่าน”
“ยอดเยี่ยม ข้าเริ่มต้นไม่ดี ดูถูกสินค้าของร้านเจ้าทำให้เกิดความเสียหาย เอาไว้ข้าจะหาโอกาสขอโทษเจ้าอย่างจริงจัง เรื่องในครั้งนี้เป็นข้าที่ผิดไปเอง”
“ข้าลืมไปแล้วเจ้าค่ะ เพียงแค่ท่านพอใจในสินค้าก็เพียงพอแล้ว ข้าเพียงต้องการให้สินค้าที่ข้าทำเป็นที่พอใจของลูกค้า รอยยิ้มของลูกค้าสำคัญกว่าคำขอโทษมากนักเจ้าค่ะ ท่านก็อย่าได้คิดมากเลย”
“ขนาดข้าพูดไปขนาดนั้น แต่ดูเหมือนว่าร้านร้อยบุปผาจะไม่ได้สะเทือนเลยแม้แต่น้อยนะ คงเพราะทุกคนต่างรู้คุณภาพของสินค้าเจ้าดีสินะ”
“นั่นเพราะส่วนหนึ่งข้าซื้อวัตถุดิบจากพวกเขามา อีกส่วนหนึ่งคนงานของที่นี่ก็เป็นลูกหลานของคนในเมืองนี้ ข้าให้โอกาสกับทุกคนที่อยากทำงานและอยากเริ่มต้นใหม่ พวกเขาจึงรู้จักร้านข้าดีเจ้าค่ะ"
หมิงลี่หยางมองไปรอบๆ จึงได้สังเกตเห็นว่าคนงานของนาง บางคนก็ชรามากแล้ว และบางคนก็พิการมีแขนข้างเดียว หรือไม่ก็ขาขาดแต่ก็ใช้แขนทำงานอย่างขยันไม่มีอิดออด เขาเดินตามนางไปเรื่อยๆ อย่างนึกเลื่อมใสนางมากขึ้นทุกที
“ถิงถิง เจ้าไปเรียนความรู้เรื่องพวกนี้มาจากที่ใดงั้นหรือ”
“อาจารย์ข้าเป็นผู้สอนเจ้าค่ะ”
“คุณหนูเจ้าคะ คุณชายเฉินลู่เสียนมาหาท่านเจ้าค่ะ"
“เขามาทำไมกัน”
“เร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะคุณหนู เขาทำให้ร้านวุ่นวายไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“ท่านรอข้าอยู่นี่นะเจ้าคะ”
นางเร่งเดินออกไปกับอาหลาน โดยทิ้งเขาเอาไว้กับอาหลิน ท่านอ๋องหันไปถามอาหลินด้วยความอยากรู้
“คุณชายฉินที่ว่านั่นคือผู้ใดงั้นหรือ”
“ทูลท่านอ๋อง เขาคือว่าที่คู่หมั้นคุณหนูเพคะ”
วังบูรพา“เร็วๆ เข้า เอาน้ำมา เตรียมผ้ามาอีก เร็วๆ เข้า”“แม่นม ออกหรือยัง” “ยังเพคะองค์รัชทายาท”“ข้าเข้าไปดูได้หรือไม่”“ไม่ได้ๆๆๆ เพคะ พระองค์รออยู่ตรงนี้เพคะ”“แต่ถิงถิงร้องหาข้า ท่านได้ยินหรือไม่ ให้ข้าเข้าไปเถอะ”“ไม่ได้เพคะ”“อ๊าาาาา ลี่หยาง อึ๊ยยยย”“เบ่งเพคะพระชายา เบ่ง หนึ่ง สอง สาม อึ๊ยยยยย”“อึ๊ยยย ลี่หยาง ท่านพี่ อ๊าาาาา”“ออกหรือยังเล่า ปัดโธ่!!”“เดี๋ยวๆ อย่าเข้าไปนะลี่หยาง เจ้าจะบ้าหรือ สตรีทำคลอดอยู่”“แต่เสียงถิงถิงเรียกข้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ นางเจ็บอยู่ ข้าจะเข้าไป ปล่อยข้านะ”“ไม่!! อย่าไป มารอตรงนี้ เจ้าเข้าไปก็ช่วยนางไม่ได้ รออยู่นี่”“ฟ่านหยวนผิง ปล่อยข้านะ ถิงถิง!!”“อ๊าาาาา ท่านพี่ อื้ออออ”“เบ่งอีกทีเพคะ”“กรีี๊ดดดดดด”“ปล่อยข้านะ ปล่อยยย!!!” ลี่หยางวิ่งเข้าไปที่ห้องคลอด เสียงตกใจของคนในนั้นทำเอาทุกคนทำตัวไม่ถูก ถิงถิงเองก็หลับตาอยู่ แต่ภาพที่เขาเห็นนั้นทำเอาสติของลี่หยางหลุดลอย จนแม่นมดันตัวเขาออกไป“เป่าอี้ รีบเอาตัวองค์รัชทายาทออกไปเร็วเข้า ใครปล่อยให้พระองค์เข้ามา”“ข้าบอกเจ้าแล้ว มานั่งตรงนี้” ลี่หยางกำลังตกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็นเ
สายตาดุที่ส่งมาที่หมิงลี่หยางทำเอาเขาเกรงว่าคืนนี้จะได้นอนนอกห้องเลยไม่กล้าโกหก จึงได้เริ่มเล่าเรื่อง ที่จริงเว่ยจีไม่ควรพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย เขาเองก็ไม่นึกอยากให้ถิงถิงโกรธเท่าใดนัก“ข้าสืบรู้มาว่าหงลี่กบดานอยู่ใกล้ๆ จวนน่าสงสัยก็มีอยู่หลายที่ แต่ที่ติดตามดู ที่จวนคหบดีน่าสงสัยที่สุด ก็เลยเลือกที่จะไปที่นั่น”“ท่านออกงานกับเว่ยจีตอนนั้น ท่านเริ่มสงสัยหรือยัง”“ที่จริงข้าหลอกใช้นางเพื่อให้พวกเขาโจมตี ข้านึกแปลกใจแต่แรกแล้วที่เขาไม่โจมตีเว่ยจีกับจวนนั้น ข้าเลยรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติ”“ท่านรู้ตอนไหนว่าตงหลางคือเจ้าสำนักหงลี่”“หลังจากงานเทศกาลฤดูร้อน”“ท่านรู้แต่ไม่บอกข้างั้นหรือ”“ข้าไม่มีเวลาบอกเจ้าต่างหาก ข้ารู้ระหว่างทางกลับไปเมืองหลวง เลยส่งคนไปเฝ้าร้านเจ้าเอาไว้ และรู้ข่าวว่าพวกหงลี่ก็ไปที่ม่านโจวแล้ว ข้าเลยเบาใจ เพียงแค่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกมันต้องไปม่านโจว ที่แท้ก็เพราะเจ้านี่เอง” ถิงถิงหันกลับมาและเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะเรื่องนี้นางก็ผิดที่ไม่ได้บอกเขาว่านางเป็นท่านหญิงของม่านโจว“นั่นแสดงว่าพวกมันตามข้าไปที่ม่านโจวสินะเจ้าคะ”“ใช่ ข้าก็เลยหมดห่วง แต
หย่งโจว / ร้านร้อยบุปผา“เร็วๆ เข้าเร็วๆ เอาผ้าแดงมาเพิ่มอีก ไม่ทันแล้วเร็วๆ ตรงนั้นล้างเสร็จหรือยัง มาช่วยตรงนี้ก่อน”“อาหลาน ผลไม้นี่เอาไว้ตรงไหน”“วางไว้ที่โต๊ะกลางด้านในเลย”“ป้าลี่ๆ ไปรับชุดที พวกนางมาแล้วเร็วๆ”“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้ อาเถาเอ๊ย มาช่วยยกเครื่องประดับเจ้าสาวหน่อยเร็ว”“เจ้าค่ะๆ”“อาหลาน เจ้าจัดการไปถึงไหนแล้ว”“ฮูหยิน นายท่าน เกือบแล้วเจ้าค่ะ พวกท่านจะไปที่ใดกันเจ้าคะ”“ข้าจะไปจวนท่านเจ้าเมือง อาหลาน ที่เหลือฝากเจ้าดูด้วยนะ”“รับทราบเจ้าค่ะ เชิญฮูหยินกับนายท่านเลยเจ้าค่ะ” ถิงถิงและลี่หยางเดินขึ้นรถม้าพร้อมกับตะกร้าที่ใส่ผลไม้ชุดหนึ่งเอาไว้ รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านร้อยบุปผามุ่งตรงไปที่จวนเจ้าเมือง พวกเขากลับมาที่หย่งโจวหลังพระราชพิธีมงคลสมรสที่เมืองหลวง และมาที่นี่ได้เกือบสองเดือนแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งร้อยวันของหลินเยว่ซินหลังจากที่หมิงลี่หยางแจ้งข่าวให้ท่านเจ้าเมืองและส่งร่างไร้วิญญาณของนางกลับมาที่หย่งโจว รถม้าจอดสนิทตรงหน้าจวนท่านเจ้าเมือง เมื่อพวกเขาเดินลงจากรถม้า และเดินเข้าไปในจวนที่บัดนี้เริ่มเงียบเหงามากกว่าเดิม“องค์รัชทายาทกับพร
มือเรียวของพระชายาเลื่อนลงไปใต้น้ำเพื่อสัมผัสบางสิ่งที่ทิ่มนางอยู่ในน้ำสักพักแล้ว เมื่อนางพบแล้วจึงได้เริ่มขยับเจ้าแท่งแกร่งนั้นรูดขึ้นลง ทำเอาผู้ที่ถูกสัมผัสแทบจะทนไม่ไหว“ถิงถิง อย่าพึ่งใจร้อน ข้ายังไม่พร้อม เจ้าอย่าพึ่ง อาาา” ถิงถิงเองก็ไม่ฟังเสียงขอร้องของเขา นางแนบตัวเข้าไปชิดก่อนจะส่งลิ้นนั้นไปเล่นกับยอดอกสีเข้มตรงหน้าซึ่งนางหวังจะทำเช่นนี้มานานแล้ว หมิงลี่หยางที่ถูกสัมผัสที่รุกล้ำจากนางถึงกับทนไม่ไหว เขาไม่เคยถูกสัมผัสเช่นนี้มาก่อน มันช่างรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้เพราะปกติเป็นเขาที่จู่โจมนาง“ถิงถิง อาาา นี่เจ้า...”“รู้สึกอย่างไรเพคะ”“ข้า จะไม่มีแรงยืนแล้ว...”“อีกนิดเดียวเพคะ”“ไม่นะ อาาา ถิงถิง เบาลงหน่อย อย่าเร่งแบบนั้น อ๊ะ อึ๊ยยย อาาา” ถิงถิงสลับลิ้นไปมาระหว่างแผงอกกว้างของเขาสองข้าง สัมผัสนั้นทำให้ผู้ที่ถูกรุกเริ่มทนไม่ไหวเขาดึงตัวนางออกและจับนางยกตัวขึ้นที่ขอบอ่าง“พอแล้ว ข้าทนอีกไม่ไหวแล้ว ถิงถิง เจ้าต้องรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้”“ท่านพี่ เดี๋ยวสิ อ๊าา อย่าเร็วนักสิเพคะ อ๊าาา”“ไม่ได้ ข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เจ้าเป็นคนเริ่ม
“เดี๋ยวสิ พระชายา เจ้าจะมาทำแบบนี้มันผิดธรรมเนียมนะ คือว่าข้ารอเจ้ามาตั้งสิบวัน สิบวันเชียวนะ แล้วเจ้าจะมาเมินข้าเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง เสด็จอาก็บอกว่า…”“นี่ท่านเมาหรือเพคะ หากอยากจะดื่มต่อท่านก็ออกไปดื่มกับพวกเขาไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้ หากจะอยู่ก็นอนนิ่งๆ วันนี้หม่อมฉันเหนื่อยมาก คุยไม่ไหวแล้ว”“ข้าก็ไม่ได้ชวนเจ้าคุยเสียหน่อย ถิงถิง เรามาสร้างเจ้าตัวเล็กคนใหม่กันเถอะนะ”“….”“ถิงถิง แต่ข้ายังไม่ง่วงเลย …. ถิงถิง..ไม่จริงน่ะ หลับไปแล้วงั้นหรือ” หมิงลี่หยางหันไปมอง นางหลับสนิทไปแล้วโดยไม่รอเขาพูดจบด้วยซ้ำไป แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอกันสิบวัน และพิธีวันนี้ก็เหนื่อยเอามากๆ จริงๆ ไม่แปลกที่นางจะเหนื่อย“เข้าห้องหอแต่ไม่ได้ชื่นชมเจ้าสาว ข้านี่ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ” หมิงลี่หยางทำได้แค่ล้มตัวลงนอนและกอดถิงถิงเอาไว้เท่านั้นในคืนนี้ จะทำอย่างไรได้เมื่อนางไม่ยอม จะมาขืนใจเอาตอนนี้ก็เสี่ยงจะถูกเมินไปอีกหลายวัน เพราะเขาพลั้งปากเองจะโทษผู้ใดได้ พรุ่งนี้ค่อยง้อนางก็แล้วกันวันรุ่งขึ้น หมิงลี่หยางค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมา แต่เขารู้สึกว่าคนข้างๆ ที่เขากอดอยู่มีอาการแปลกๆ เหตุใดเขารู้
งานประกาศผลการประลอง แขกเกือบทุกคนที่ยังอยู่ในงาน องค์ชายต่างแคว้นทุกคนล้วนมีความยินดีที่จะอยู่ร่วมงานจนถึงพิธีมงคลสมรสของทั้งคู่ หลังจากจัดพิธีมงคลสมรสแล้วจะจัดให้มีงานล่าสัตว์ขึ้นด้วย ทั้งนี้ทุกคนต่างตื่นเต้นเพื่อรองานที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองงานนี้อย่างใจจดใจจ่อ“เอาล่ะทุกท่าน ตอนนี้ได้เวลาแล้ว ขอประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการในการประลองเพื่อเลือกคู่ของท่านหญิงฟ่านถิงถิงจวิ้นจู่แห่งม่านโจว องค์รัชทายาทแห่งฉีโจว องค์ชายหมิงลี่หยาง” หมิงลี่หยางในชุดองค์ชายเต็มยศสีเหลืองทองปักเลื่อมมังกรเดินเข้ามาในงานพิธีเพื่อรับมอบลูก “ซิ่วฉิว” ซึ่งเป็นลูกกลมๆ ที่ทำจากผ้าไหมมีพู่ห้อยอยู่รอบๆ ซึ่งถิงถิงยืนถือเอาไว้ที่ด้านหน้า ชุดของนางก็เป็นสีขาวทองปักเลื่อมสีทองรูปนกยูงเช่นกัน เมื่อเดินมาถึง ถิงถิงจึงได้มอบลูก ซิวฉิวให้เขารับเอาไว้และทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปทำการคารวะฝ่าบาทก่อนจะหันออกมาและเดินออกจากท้องพระโรงเพื่อรอขึ้นรถม้าสำหรับแห่รอบเมืองเพื่อฉลองกับชาวเมืองม่านโจว“เหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ แต่หม่อมฉันง่วงนอน”“อยู่ในขบวนแห่ แต่เจ้ากลับง่วงได้ เก่งไปหรือไม่ถิงถิง เจ้ามองดูราษฎ







