“เจ้าว่าอย่างไรนะ ว่าที่คู่หมั้น”
“ใช่เจ้าค่ะ แต่คุณหนูไม่ยอมรับหมั้นเขาเสียที จึงได้แต่เป็นว่าที่เจ้าค่ะ”
“หึ ถ้าเช่นนั้นก็ยังมิได้ถือว่าเป็นอะไรกัน”
สายตาเขาหันไปทางหน้าร้านพร้อมกับความรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินที่อาหลินพูดมา รู้แต่ว่าตราบใดที่เขายังอยู่ที่ร้านร้อยบุปผาแห่งนี้ เขาจะไม่มีวันให้ชายอื่นมาใกล้นางเด็ดขาด
“ข้าจะไปดูเสียหน่อย”
“แต่ว่าท่านอ๋องเพคะ ไม่ได้นะเพคะ คุณหนูสั่งเอาไว้”
“อยู่ที่นี่เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายหมิงเถอะ เจ้าชื่ออาหลินใช่หรือไม่”
“ใช่เพคะ เอ่อ ใช่เจ้าค่ะคุณชายหมิง”
“งั้นอาหลิน ข้าวานให้เจ้าไปดูเหตุการณ์แล้วกลับมาเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”
“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปดูให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
หมิงลี่หยางเดินไปที่สวนสมุนไพรที่ปลอดคนก่อนจะเป่าปากเรียกคนออกมา เป่าอี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันที
“ท่านอ๋อง ขออภัยที่กระหม่อมละเลยต่อหน้าที่ ทำให้พระองค์ต้องตกอยู่ในอันตราย”
“สืบหรือยัง”
“สืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนของสำนักหงลี่พ่ะย่ะค่ะ”
“ดูท่าพวกมันจะไม่ยอมปล่อยข้าเลยสินะ”
“จากเบาะแสที่กระหม่อมได้มา พวกมันยังอยู่ในเมืองหย่งโจวตามที่พระองค์คาดการณ์ไว้พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าจัดองครักษ์มาคุ้มครองร้านร้อยบุปผาหรือยัง”
“จัดการเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ มากพอๆ กับจวนอ๋อง หรืออาจจะมากกว่าด้วยเพราะที่นี่มีทั้งคนชราและสตรีพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าอยากให้เจ้าไปจัดการเรื่องวุ่นวายหน้าร้านร้อยบุปผาตอนนี้”
“แต่ว่านั่นมัน”
เป่าอี้หันหน้ามองท่านอ๋องซึ่งส่งสายตาดุดันมาให้ เขาจึงรีบกลับไปจัดการตามคำสั่ง เป็นครั้งที่สองหลังจากรับคำสั่งจากจดหมายที่เสี่ยวเฟยนำส่งมา ว่าให้จัดองครักษ์มาคุ้มกันที่จวนร้อยบุปผาให้มากที่สุด และครั้งนี้ถึงกับให้เขาไปจัดการผู้ที่มาสร้างความวุ่นวายที่หน้าร้านร้อยบุปผาของแม่นางฟาง
“คุณชายเฉิน ท่านมาด้วยธุระอันใด”
“ถิงถิง ข้ามาหาเจ้า แต่ดูเหมือนว่าคนของเจ้าไม่ค่อยต้อนรับข้าเท่าไหร่ นี่มันไม่เกินไปหน่อยหรือ”
“คุณชายเฉิน หากท่านมาเพื่อซื้อของ เด็กๆ ของข้าคงไม่ขัดขวางท่าน แต่หากท่านมาด้วยธุระอื่น ข้าคงไม่ต้อนรับ”
“ถิงถิง ยังโกรธข้าอยู่งั้นหรือ ข้าก็บอกไปแล้วว่าข้าเลิกกับแม่นางหลี่นั่นไปแล้วอย่างไรเล่า จากนี้จะมีเจ้าคนเดียว ข้าพูดจริงๆ นะ”
“ปากเหม็น ผู้ชายโสโครก”
“นี่นังสาวใช้คนนี้ กล้าดีเช่นไรมาด่าข้า ตบปากนางเดี๋ยวนี้”
“ใครกล้าแตะต้องคนของข้า ข้าจะไม่ไว้หน้าคนผู้นั้น คุณชายเฉิน ข้าพูดชัดเจนแล้ว ข้ากับท่านไม่ได้เป็นอะไรกัน อย่าได้เที่ยวพูดจาเพ้อเจ้อ หากท่านยังพูดไม่รู้เรื่อง อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจสกุลเฉินของพวกท่าน”
“ฟางถิงถิง ข้าพูดดีๆ กับเจ้านะ ข้าก็อธิบายไปหมดแล้ว ระหว่างข้ากับแม่นางหลี่ผู้นั้นจบกันไปแล้ว เจ้าก็ควรรู้ว่าก่อนแต่งงาน ชายที่มีสตรีมากมายถือเป็นการสอนประสบการณ์ แต่พอแต่งกับเจ้าแล้ว ข้าสัญญาว่าจะรักเจ้าคนเดียว”
“คุณชายเฉิน ไม่ใช่ว่าข้ารังเกียจความคิดนี้ของท่าน แต่ว่าข้าไม่สามารถรับหมั้นท่านเพราะข้ามิได้ชอบพอกับท่าน หากท่านไม่เข้าใจอีก ข้าก็คงจะไม่มีอะไรจะอธิบายแล้ว”
“ถิงถิง อย่างไรเจ้าก็จะยืนกรานปฏิเสธข้าใช่หรือไม่”
“ต่อให้ต้องตาย ข้าก็ไม่มีทางแต่งกับท่าน”
“ฟางถิงถิง เจ้ากล้าดีเช่นไร”
มือเขากำลังจะง้างเพื่อตบนาง มือหนาของบุรุษชุดสีดำเข้ามาขวางเขาไว้ทัน ฟางถิงถิงมองเห็นเพียงด้านหลังของเขา เมื่อคนผู้นั้นพูดกับเฉินลู่เสียน
“คุณชายท่านนี้ ท่านเที่ยวมารังแกสตรีกลางที่ชุมชนเช่นนี้ ช่างไร้ยางอายเสียจริง”
“โอ๊ย เจ้าคนถ่อย เจ้าปล่อยมือข้านะ”
ชายชุดดำนั้นบีบมือเขาหนักขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับสายตาที่โหดเหี้ยมและความหวาดกลัวของคนที่อยู่ในร้าน เสียงของเฉินลู่เสียนเริ่มร้องดังขึ้นจนยอมขอร้องเขา
“โอ๊ยย เจ็บๆ ข้ายอมแล้ว ยอมแล้ว ท่านจอมยุทธ ปล่อยข้าเถิด”
“ขอโทษนางเสีย แล้วอย่าให้ข้าพบเจอเจ้าที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง”
“ท่าน ท่านว่าอย่างไรนะ ให้ข้าขอโทษนางเช่นนั้นหรือ แต่ว่านาง…”
“ข้า…บอกให้..เจ้า …ขอโทษนางอย่างไรเล่า!!”
เขาออกแรงบีบเพิ่มเข้าไปอีกจนเฉินลู่เสียนร้องเจ็บจนไม่ไหว เขาจึงรีบตะโกนมาที่ฟางถิงถิง นางมองดูแผ่นหลังของชายชุดดำนั้น ทั้งรูปร่างและน้ำเสียงที่คุ้นเคย
“ขอโทษ ข้าขอโทษแล้ว โอ๊ย ปล่อยเสียที”
เขาสลัดมือออกอย่างแรงจนตัวของเฉินลู่เสียนสะดุดล้มลงตรงหน้าฟางถิงถิง พร้อมกับที่ชายชุดดำนั้นหันมาและใช้เท้าขวาเหยียบเขาไว้ไม่ให้ลุกขึ้น ฟางถิงถิงมองหน้าเขา ชายชุดดำสวมหน้ากากสีเงินหันมาสบตานาง
“ขอโทษสิ แล้วบอกว่าจะไม่มายุ่งกับนางอีก หรือเจ้าอยากให้ข้าหักขาเจ้าอีกข้าง”
“ไม่ๆๆ ขอโทษ ข้าขอโทษแล้ว ถิงถิง ข้ายอมแล้ว ข้าเฉินลู่เสียนจะไม่มายุ่งกับเจ้าอีก”
“ดี อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง ไปได้แล้ว”
ลี่หยางยกขาออกจากตัวเฉินลู่เสียน เขารีบลุกขึ้นและวิ่งออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสายตาของฟางถิงถิงที่มองมาที่เขาอย่างนึกสงสัย นางบอกให้เขารออยู่ด้านในมิใช่หรือ แล้วเขาไปหาหน้ากากมาจากที่ใดรวดเร็วนัก ชุดดำนี่อีก
“คุณหนู ท่านเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่หรอก ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณ คุณชาย…ที่ช่วยเหลือข้าในครั้งนี้”
เขามองสบตานางพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ฟางถิงถิงแม้จะเห็นรอยยิ้มผ่านหน้ากาก แต่ก็ไม่ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นน้อยลงสักนิด
“ไม่เป็นไร เป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว” (ข้าไม่ชอบให้เจ้าพบกับบุรุษอื่นเช่นนี้เลย)
“หากคุณชายไม่รังเกียจ ให้ข้าเลี้ยงชาท่านได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าไม่รังเกียจ ขอรับคำเชิญนี้ด้วยความยินดี”
“เชิญคุณชายทางนี้เจ้าค่ะ อาหลาน ดูแลหน้าร้านให้ดีด้วย”
“เจ้าค่ะ”
เขาเดินตามนางไปด้านหลังร้าน จนถึงโต๊ะนั่งในสวน ฟางถิงถิงจึงได้หันมาบอกเขา
“ถอดออกได้แล้วเจ้าค่ะ ข้าจำได้ว่าให้ท่านรออยู่ที่หลังร้าน”
นางพูดกับเขา พร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะและเริ่มรินน้ำชา ชายชุดดำถอดหน้ากากนั้นออกมาพร้อมกับวางมันลงที่โต๊ะ และนั่งลงตามนางเพื่อรับชาที่นางรินและส่งมาให้เขา
“ข้าคิดว่าเจ้าคงต้องการคนช่วย ก็เลยออกไป”
“ช่างน่าประทับใจมากจริงๆ เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านที่เข้ามาได้ทันเวลา”
“เขาเป็นใครกัน”
“คนที่พูดไม่รู้เรื่องเจ้าค่ะ”
“เหตุใดอาหลินจึงบอกว่าเขาคือว่าที่คู่หมั้นเจ้า”
“เรื่องเหลวไหลทั้งเพ”
“ข่าวลือย่อมต้องมีที่มา มันเป็นอย่างไรกันแน่”
“ท่านจะอยากรู้ไปทำไมเจ้าคะ”
“ในเมื่อข้าเป็นคนช่วยเจ้าเอาไว้ ครั้งหน้าเขาอาจจะคิดไม่ดีกับเจ้าอีก ข้าก็ควรจะต้องรู้เอาไว้บ้างสิ”
“แต่อีกไม่กี่วันท่านก็กลับจวนแล้ว และเขาก็รับปากว่าจะไม่มาสร้างความวุ่นวายที่นี่อีกนี่เจ้าคะ ท่านไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ”
(ใครว่าข้าจะกลับง่ายๆ กันเล่า ยิ่งมาเจอแบบนี้ ฝันไปเถอะว่าข้าจะกลับ)
“แต่ระหว่างที่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าก็อยากตอบแทนเจ้าบ้าง เจ้าเล่ามาเถิด เขาเป็นใคร เกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างไร และเจ้าคิดอะไรกับเขาหรือไม่ ทำไมเขาต้องมาวุ่นวายกับเจ้าและเที่ยวประกาศไปทั่วว่าเป็นคู่หมั้นของเจ้าแบบนี้”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ว่าที่คู่หมั้น”“ใช่เจ้าค่ะ แต่คุณหนูไม่ยอมรับหมั้นเขาเสียที จึงได้แต่เป็นว่าที่เจ้าค่ะ”“หึ ถ้าเช่นนั้นก็ยังมิได้ถือว่าเป็นอะไรกัน”สายตาเขาหันไปทางหน้าร้านพร้อมกับความรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินที่อาหลินพูดมา รู้แต่ว่าตราบใดที่เขายังอยู่ที่ร้านร้อยบุปผาแห่งนี้ เขาจะไม่มีวันให้ชายอื่นมาใกล้นางเด็ดขาด“ข้าจะไปดูเสียหน่อย”“แต่ว่าท่านอ๋องเพคะ ไม่ได้นะเพคะ คุณหนูสั่งเอาไว้”“อยู่ที่นี่เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายหมิงเถอะ เจ้าชื่ออาหลินใช่หรือไม่”“ใช่เพคะ เอ่อ ใช่เจ้าค่ะคุณชายหมิง”“งั้นอาหลิน ข้าวานให้เจ้าไปดูเหตุการณ์แล้วกลับมาเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปดูให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”หมิงลี่หยางเดินไปที่สวนสมุนไพรที่ปลอดคนก่อนจะเป่าปากเรียกคนออกมา เป่าอี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันที“ท่านอ๋อง ขออภัยที่กระหม่อมละเลยต่อหน้าที่ ทำให้พระองค์ต้องตกอยู่ในอันตราย”“สืบหรือยัง”“สืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนของสำนักหงลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ดูท่าพวกมันจะไม่ยอมปล่อยข้าเลยสินะ”“จากเบาะแสที่กระหม่อมได้มา พวกมันยังอยู่ในเมืองหย่งโจวตามที่พระองค์คาดการณ์ไว้พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าจัดองครักษ์มาคุ้
โจ๊กได้ถูกยกมาให้ในห้อง พร้อมกับสาวใช้อาหลินที่เข้ามายกอ่างน้ำและของที่ไม่ได้ใช้ออกไป ถิงถิงเดินเข้าไปพยุงตัวท่านอ๋องขึ้นมานั่งที่โต๊ะ“ท่านกินไหวหรือไม่”“หากไม่ไหว เจ้าจะป้อนข้าหรือไม่”“คือว่า…ท่าน…ท่านหมอบอกว่าท่านจะต้องกินเองเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงบ้าง”“แต่ข้าพึ่งจะฟื้นเองนะ ถิงถิง เจ้าจะใจร้ายกับข้างั้นหรือ”สายตาที่ส่งมาให้ทำเอานางปฏิเสธไม่ลง ท่านอ๋องเองก็ไม่เคยจะพูดและทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อนเช่นกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดที่เขาอยากจะทำเช่นนี้กับนาง“ก็ได้ ข้าจะป้อนท่าน แต่มื้อต่อๆ ไป ท่านต้องกินเองเพื่อจะได้หายเร็วๆ”“ได้สิ ถิงถิง ข้าต้องใช้หมึกพู่กันกับกระดาษ เจ้าช่วยเตรียมให้ข้าทีสิ”“ได้เจ้าค่ะ อาหลิน ไปเอามาทีสิ"“เจ้าค่ะคุณหนู”นางป้อนโจ๊กเขาจนอิ่มและยกน้ำให้เขาดื่มด้วยตัวเอง อาหลานเป็นคนเดินเอากระดาษและพู่กันมาวางไว้ให้นางวางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยจนท่านอ๋องตกใจหันมามองหน้าสาวใช้ผู้นั้น นางสะบัดหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที ถิงถิงถึงกับมองตามนางไปและหันมามองท่านอ๋อง“นี่ข้าไปทำอะไรให้นางไม่พอใจเมื่อไหร่งั้นหรือ ก่อนออกไปก็เห็นยังดีๆ อยู่นี่”“นั่นอาหลานเจ้า
“ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องแล้วขอรับ ตอนนี้รอเพียงให้ท่านอ๋องฟื้นก็ไม่น่าจะมีอันตรายแล้วขอรับคุณหนู”“แล้วเขาจะมีไข้อีกหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่แล้วขอรับ ช่วงนี้ให้พระองค์นอนพักไปก่อนเพื่อให้ยาเข้าไปสมานแผลภายใน น่าจะอีกราวๆ วันหรือสองวันคงฟื้นขอรับ”“ขอบคุณท่านหมอมาก ท่านทิ้งยาเอาไว้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะเป็นคนเปลี่ยนยากับผ้าพันแผลให้เขาเอง สองวันนี้รบกวนท่านมากเลยแทบจะไม่ได้พักผ่อน”“ไม่เป็นไรขอรับคุณหนูอย่าได้เกรงใจข้า หากไม่ได้คุณหนูช่วยข้าไว้ ข้ากับครอบครัวคงตายไปแล้ว”“อย่าพูดเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านหมอ อย่าได้คิดมากอีกเลย เรื่องในอดีตข้าลืมไปหมดแล้ว”“ขอรับ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเอายาวางให้ท่าน ยาต้องเปลี่ยนวันละสองรอบ เช้าเย็น และพันแผลจนกว่าแผลจะแห้ง”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ"“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”ท่านหมอเดินออกไปแล้ว ถิงถิงจึงเดินมาเพื่อเช็ดตัวให้กับท่านอ๋องที่บัดนี้เริ่มมีเหงื่อออกเพิ่มเพราะอาการเจ็บปวดจากยาทาแผลเมื่อเช็ดตัวให้เขาเสร็จแล้ว นางจึงดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาพร้อมกับมองใบหน้าที่บัดนี้หลับสนิทอยู่ตรงหน้านาง เขาดูเปลี่ยนไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วมาก“หายเร็วๆ นะพี่หยางหยาง”ถิงถิงเดินออกไ
หมิงลี่หยางออกจากจวน วันนี้เขาสวมเพียงชุดลำลองธรรมดาเดินปะปนกับชาวบ้านเพื่อเดินดูรอบๆ เมืองไปด้วยเขาพึ่งมาถึงเหมืองหย่งโจวนี้ไม่นานเท่าใด จึงยังไม่ค่อยมีผู้ใดคุ้นหน้าเขาโดยเฉพาะชาวเมืองที่แทบจะไม่เคยพบหน้าเขามาก่อน ทำให้เขารู้สึกไม่ต้องเกร็งและไม่ต้องจัดขบวนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้วุ่นวาย“แล้ว ร้านร้อยบุปผานั่นอยู่ที่ใด”“อยู่ตรงสุดทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”หมิงลี่หยางเดินไปเรื่อยๆ บรรยากาศที่นี่แตกต่างจากเมืองหลวงมาก ชาวบ้านที่อยู่ที่นี่เป็นกันเองมากกว่าที่เมืองหลวง ร้านรวงที่ตั้งอยู่ริมทางก็มีของน่าสนใจมากที่ตั้งขายกันอยู่ จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งซึ่งถือตะกร้าของมาเพื่อเสนอขายให้แก่เขา“พ่อหนุ่ม ช่วยซื้อมันเผานี่เสียหน่อยเถิด จะหมดแล้ว”“พ่อเฒ่า ท่านขายเช่นไร เป่าอี้ เอาถุงเงินมา”เป่าอี้ยื่นถุงเงินมาให้ท่านอ๋อง และเดินดูบริเวณรอบๆ อย่างระแวดระวัง แม้ว่าที่นี่จะดูปลอดภัยแต่ก็ไม่ควรประมาท“พ่อหนุ่มจะเหมาหมดนี่เลยหรือไม่เล่า หากหมดนี่ข้าคิดสามตำลึง”“ได้สิ ข้าเอาหมดนี่”“ขอบคุณคุณชาย”คนขายล้วงเข้าไปเพื่อจะหยิบมันมาใส่ห่อให้เขา ท่านอ๋องไม่ทันระวังคนขายซัดผงขาวๆ ใส่หน้าเขาอย่างรวดเร็วทำให้สายตาเ
ถิงถิงปิดฝากล่องไม้นั้นลงและเก็บไว้ในตู้ตามเดิม ที่สุดแล้วนางก็ตัดใจทิ้งของสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ดี แม้ว่าตัวผู้ให้เองตอนนี้จะจำนางไม่ได้แล้วก็ตาม“เป่าอี้ ข้าอยากอาบน้ำ เจ้าให้คนเตรียมน้ำให้ข้าที”“พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ ท่านอ๋องจะลองใช้สบู่นี่เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“หึ ของหลอกเด็ก ข้าก็อยากลองเช่นกัน ในเมื่อรับคำท้าแล้ว ก็เอามาลองหน่อย”“ท่านอ๋องจะเลือกก้อนไหนดีพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเลือกมาสักก้อนก็แล้วกัน ข้าไม่สันทัดเรื่องพวกนี้หรอก เหมือนๆ กันนั่นแหละ”“พ่ะย่ะค่ะ”แม้ว่าเป่าหลงจะรับคำสั่งมา แต่เขาเองก็มิใช่สตรีที่จะรู้เรื่องพวกนี้จึงได้บอกให้สาวใช้ในจวนเป็นผู้เลือก เมื่อเขานำไปให้พวกนาง พวกนางดูตื่นเต้นที่เห็นสบู่มากมายของร้านชื่อดัง จนเขาต้องถาม“ของร้านนี้ ชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนี้เชียวหรือ ดูพวกเจ้าตื่นเต้นกันมากเลย”“ใช่เจ้าค่ะ ท่านไม่รู้อะไรอย่างสบู่หยกนี่ รักษาผิวพรรณได้เป็นอย่างดี ผิวข้าเนียนได้ขนาดนี้ก็เพราะสบู่หยกนี่เลยเจ้าค่ะ ท่านดูนี่ เมื่อก่อนนางเป็นกระ ตอนได้สบู่ใบบัวบกมา นางใช้ล้างหน้าทุกวัน ตอนนี้หน้าของนางขาวเนียนจนแทบไม่เหลือร่องรอยเลย หากว่ามาจากร้านร้อยบุปผา” “พวกข้ายืนยันคุณภาพ
“ถิงถิง เหตุใดเจ้าไม่ถวายความเคารพท่านอ๋อง”ถิงถิงยังคงจ้องมองไปที่หมิงลี่หยาง สายตาทั้งคู่สบตากันอย่างมีความหมาย นางหวังว่าเขาอาจจะจำนางได้บ้าง เรื่องราวในอดีตแม้ผ่านมานานกว่าสิบปี แต่นางยังคงจดจำเขาได้เขาเองก็รู้สึกว่านางช่างดูคุ้นตาเขาอย่างประหลาด แต่เหตุใดเขานึกเท่าใดก็นึกไม่ออกว่าเคยพบนางที่ใด แต่เมื่อเห็นสายตาที่ท้าทายเขาอย่างไม่เกรงกลัวนั้น ทำให้เขาไม่อยากยอมแพ้“ข้ามิได้กล่าวเกินจริง เจ้าบอกว่าสบู่ที่ร้านเจ้าทำ ทั้งให้กลิ่นหอม ทั้งสามารถระงับกลิ่นกาย และอะไรนะ…”“เอ่อ ทูลท่านอ๋อง รักษาผิวหน้าและทำให้กายหอมพ่ะย่ะค่ะ”“ทั้งหมดที่ว่ามานั่น ข้าคิดว่าสรรพคุณที่กล่าวอ้างมานี่ ออกจะเกินจริงไปหน่อย ข้าไม่มีสิทธิ์สงสัยงั้นหรือ”“หากท่านอ๋องไม่เชื่อ หม่อมฉันยินดีจะให้พระองค์ได้ทดลองสินค้าของที่ร้านเพคะ หากพระองค์ทดลองใช้แล้วเกิดความเสียหาย ส่งตัวหม่อมฉันไปลงโทษได้เลย แต่หากว่าสินค้าของร้านร้อยบุปผาไม่ผิดปกติ พระองค์ต้องขอโทษหม่อมฉันต่อหน้าชาวเมืองหย่งโจว”“บังอาจ ฟางถิงถิง นั่นท่านอ๋องนะ เหตุใดเจ้าจึงกล้าหมิ่นเบื้องสูงเช่นนั้น”หลินเยว่ซินชี้หน้าต่อว่าฟางถิงถิง นางไม่เคยพลาดที่จะคอยซ้ำ