“พี่ว่าเราสองคนมาบ่อยเกิน พี่คิดเมนูไม่ทันแล้วค่ะ”
แบม ภูวดลถึงกับหัวเราะออกมากับคำพูดของรุ่นพี่
ก็มันคือเรื่องจริง จีน่าเพื่อนของเขานั้นแวะมาร้านนี้ทุกวันหลังเลิกเรียน ไม่ว่าจะอากาศร้อน หนาว หรือฝนตก จีน่าก็มาอุดหนุนจนชิมขนม ไอศกรีม หรือแม้แต่เมนูน้ำไปหมดทุกเมนูแล้ว
“หัวเราะอะไร”
เสียงหวานดังขึ้นพร้อมสายตาดุๆส่งมา ชายหนุ่มถึงกับกลั้นขำเอาไว้เพราะกลัวเพื่อนโกรธ
“เอาเหมือนเมื่อวานก็ได้ค่ะ”
ก่อนที่จะหันไปสั่งเมนูที่ต้องการด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างจากถามเพื่อนสนิท แบม ภูวดลถึงกับมองบน
ระหว่างที่สองหนุ่มสาวกำลังนั่งรอเมนูที่สั่งไปก็มีนักเรียนรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันเข้ามาภายในร้าน สาวๆที่เพิ่งเข้ามาแทบจะกรีดร้องออกมาเมื่อพบว่าใครกำลังนั่งอยู่
สาวๆเดินเข้าทักทายรุ่นพี่ก่อนที่จะขอถ่ายภาพด้วยโดยให้พี่สาวคนสวยเป็นผู้ถ่ายให้ แบม ภูวดลอยากจะปฏิเสธเพราะเขาไม่อยากเป็นคนเด่นหรือคนดังอะไร แต่ทว่าสายตาของเพื่อนสนิทที่มองมาทำให้เขายอมถ่ายรูปกับพวกน้องๆแต่โดยดี
‘หล่อเวอร์ แกดูดิ หน้านี่อย่างขาว’
‘กลิ่นเหงื่อไม่มีเลย ขนาดเพิ่งแข่งบาสมานะเนี่ย’
‘หน้าใสกว่าก้นเด็กอีก พี่แบมใช้ครีมอะไรวะ’
‘ใดๆคืออิจฉาพี่จีน่าเวอร์ เมื่อกี้ฉันโดนตัวพี่เค้า โอ้โห...โคตรแน่น’
และคำพูดเหล่านี้ก็หลุดออกมาจากปากสาวๆรุ่นน้อง แบม ภูวดลเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียน แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นที่สนใจของบรรดาสาวๆ
แม้แต่พวกผู้ชายด้วยกันก็ยังอยากจะสัมผัสร่างกายของแบม ภูวดลสักครั้ง เขาไม่ใช่ผู้ชายที่หล่อแบบใสๆ แต่เขาดูหล่อแบบน่าค้นหา
“ฮอตจริงๆเลยเนี่ย ขนาดมากินไอติมร้านไกลโรงเรียนขนาดนี้ยังมีรุ่นน้องมาเจอได้อีก”
จีน่าเอ่ยแซวเพื่อนสนิทที่กำลังจะตักไอศกรีมใส่ปาก
“หึๆ คิดว่าฉันอยากจะฮอตหรือไง มันเป็นไปตามธรรมชาติต่างหาก ว่าแต่ฉัน เธอเองก็เหมือนกันแหละจีน่า แม่สาวฮอตของโรงเรียน”
คนที่เพิ่งตักไอศกรีมเข้าปากตอบกลับเพื่อนสนิท เขาก็พยายามที่จะทำตัวไม่ให้เด่นแล้ว แต่มันก็เป็นไปตามธรรมชาติ
“หนุ่มฮอตสาวฮอต เหมาะสมกันดีนะคะ”
เจ้าของร้านที่นำขนมมาเสิร์ฟถึงกับเอ่ยแซว สองหนุ่มสาวยิ้มแหยๆออกมา จะเหมาะสมกันได้อย่างไรก็ในเมื่อเขาและเธอไม่ได้ชอบกันเอง
ร่างสูงโปร่งสาวเท้าเดินเข้าไปในบ้านหลังโต ครอบครัวปรีชารักษ์นั้นมีอาชีพเป็นหมอและเจ้าของบริษัทยา โดยบิดาเป็นประธานบริษัท พีมาร์ฟามาซีซูติคอล จำกัด และมารดาเป็นศัลยแพทย์ทรวงอกอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯ
พี่ชายกำลังเข้ารับช่วงต่อแทนบิดาตอนนี้อยู่ในขั้นตอนเรียนรู้และฝึกงาน ส่วนพี่สาวคนกลางเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ปีสองที่มหาวิทยาลัยชื่อดังอีกทั้งกำลังกลายเป็นนักแสดงหน้าใหม่ของวงการบันเทิงเพราะมีความสวยและความสามารถที่โดดเด่น ส่วนตัวเขาก็กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในอีกหนึ่งภาคเรียนข้างหน้า
“พี่บี๋... ไม่ไปเรียนหรือครับ”
เด็กหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้าไปภายในบ้านเจอพี่สาวนั่งอ่านบางสิ่งบางอย่างอยู่ภายในห้องนั่งเล่น
“ไปมาแล้ว กำลังอ่านบทละครอยู่”
บี๋ หรือพิชสินีย์ ปรีชารักษ์ พี่สาวคนกลางตอบผู้เป็นน้องชายคนเล็กของบ้าน
“ได้แสดงแล้วหรอ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามออกมาอย่างตื่นเต้น
“อืม... อย่าลืมพาน้องๆที่โรงเรียนมาเป็นแฟนคลับให้พี่ด้วย”
ว่าที่นักแสดงสาวฉีกยิ้ม ก่อนที่จะบอกน้องชาย
“หึ! ได้สิ ว่าแต่เล่นบทอะไร” เขาเดินไปนั่งลงข้างๆ
“ทำไม... สนใจหรอ แต่พี่ว่า... ว่าที่คุณหมออย่างนายไม่น่าจะสนใจเส้นทางสายบันเทิงนะ”
ใช่สิ... เขามีความสนใจที่จะเรียนแพทย์ และต้องเป็นศัลยแพทย์หัวใจเท่านั้น สมัยเด็กๆเขามีปมเกี่ยวกับเด็กน้อยคนหนึ่งอายุน่าจะอ่อนกว่าเขาไปถึงสองปี ตอนนั้นเขาเพิ่งจะอายุเจ็ดขวบและได้ติดตามมารดาไปทำงานที่โรงพยาบาล
เขาได้รู้จักเด็กคนนั้นเพราะเป็นคนไข้ของโรงพยาบาล เด็กน้อยมารักษาโรคลิ้นหัวใจรั่ว และเสียชีวิตหลังจากที่เขารู้จักได้เพียงสามวัน เขารู้สึกสงสารคนที่ป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจ
เพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ในประเทศมีน้อย เขาจึงอยากเป็นอีกหนึ่งกำลังที่จะช่วยดูแลรักษาชีวิตของคนที่กำลังสิ้นหวังด้วยโรคเกี่ยวกับหัวใจในอนาคต
“พี่ก็รู้คำตอบของผมอยู่...แล้วจะถามผมทำไม ขอตัวขึ้นห้องก่อน เหนียวตัว วันนี้แข่งบาสมา”
แบม ภูวดลบอกก่อนที่จะเดินจากไป บี๋ พิชสินีย์เข้าใจดีว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจน้องชายของเธอให้เลือกเดินบนเส้นทางอื่นได้ เพราะความเป็นหมอมันอยู่ในสายเลือด
ในเมื่อทั้งเธอและพี่ชายไม่มีใครได้มารดา ก็คงจะมีน้องชายนี่แหละที่รับช่วงต่อ เธอเลิกสนใจน้องชายแล้วหันมาสนใจบทละครที่เพิ่งได้รับมา เธอเพิ่งจะเข้าวงการจึงต้องพยายามให้มากกว่าใคร
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาภายในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใจกลางกรุงฯ ภาพของชายหนุ่มร่างสูงที่สวมใส่ชุดกาวน์เดินเคียงข้างกันไปยังโรงอาหารหลังจากการผ่าตัดเคสเมื่อคืนที่ผ่านมา ภูวดลและกาลัญญูนั้นเป็นศัลยแพทย์หัวใจที่ทางอาจารย์หมอและคนป่วยชื่นชม แม้แต่พวกแพทย์และพยาบาลแผนกอื่น ต่างก็แอบชื่นชมสองหนุ่มเช่นกันสำหรับอาจารย์หมอและผู้ป่วยนั้นชื่นชมในความรู้ความสามารถของสองหนุ่ม แต่สำหรับเหล่าแพทย์และพยาบาลแผนกอื่นต่างรู้สึกชื่นชมสองหนุ่มที่กล้าเปิดเผยความสัมพันธ์ว่าทั้งสองคนคบหากันอย่างไม่สนใจต่อสายตาคนอื่น และความสัมพันธ์ของทั้งสองหนุ่มนั้นก็น่าชื่นชมมาตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่ยังคงเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่“ศัลยแพทย์หัวใจโรงพยาบาลเรานี่หน้าตาดีกันจริงๆ แต่เสียดายที่คบกันเอง ทำให้ผู้หญิงอย่างเราเสียโอกาสในการได้แฟนเป็นหมอ”พยาบาลแผนกสูตินรีเวชคุยเล่นกับเพื่อนที่นั่งตรงกันข้าม ในขณะที่สายตาก็มองไปยังสองแพทย์หนุ่มที่เพิ่งจะเดินตามกันไปซื้ออาหาร“เดี๋ยวนี้เรื่องของหัวใจมันห้ามกันไม่ได้แล้วย่ะ ฉันชอบนะ คู่ของหมอแบมกับหมอกราฟน่ะ ทั้งสองเป็นคู่รักที่คอยช่วยเหลือและซัพพอร์ตกันดีมากเลย อีกอย่าง…สองคนนี้คบกันตั้งแต่ยังเรี
ณ ร้านอาหารชื่อดังที่มีพิกัดอยู่บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางกรุงฯ วันนี้สถานที่แห่งนี้ได้มีโอกาสต้อนรับนักแสดงสาวชื่อดัง ที่เดินทางมารับประทานอาหารกับกลุ่มเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายของเธอ ทางร้านอาหารจึงได้จัดโซนวีไอพี เพื่อความเป็นส่วนตัวให้กับเธอและเพื่อนๆ“ร้านนี้หรูมากเลย วิวก็สวยมากด้วย” คุณหมอพลอยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ที่สำคัญคืออาหารอร่อยด้วย”ภูวดลบอกคุณหมอสาวซึ่งเป็นเพื่อนสาวอีกคนของกลุ่ม ตอนนี้เจนจิรายังคงมาไม่ถึง ทำให้มีแค่เขา กาลัญญูและพลอยเท่านั้น“ถ่ายรูปหน่อยไหมที่รัก” กาลัญญูเอ่ยถามภูวดลออกมา ทำเอาหญิงสาวเพียงคนเดียวถึงกับมองบน เพราะรู้สึกเหม็นความรักที่ไม่เคยจืดจางของเพื่อนทั้งสองคน“อือ... นายก็มาถ่ายด้วยกันสิ” เมื่อได้รับคำเชิญชวน กาลัญญูก็ยิ้มกว้างออกมา“เอามือถือมาสิ เดี๋ยวฉันจะถ่ายให้”คุณหมอสาวบอกคู่รักตรงหน้า มีหรือที่กาลัญญูจะปฏิเสธ ชายหนุ่มรีบส่งสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของตนให้กับเพื่อนสาวทันที“หวานกันไม่เปลี่ยนเลยนะ”เสียงหวานที่คุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลังของคุณหมอสาว พลอยยืนนิ่งตัวเกร็งเพราะเธอนั้นจำได้ดีว่าเสียงที่เพิ่งได้ยินนี้เป็นเสียงของใ
ห้าปีต่อมาณ สนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสองคนกำลังเดินลากกระเป๋าเดินออกมาจากทางออกของผู้โดยสารขาเข้า ตลอดทางมีสายตาของสาวๆ ที่จับจ้องมองไปยังชายหนุ่มทั้งสองแทบจะไม่ยอมละสายตา คนที่สูงกว่าสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ส่วนคนที่ต่ำกว่าอีกฝ่ายประมาณห้าเซนติเมตรสวมใส่เสื้อยืดสีฟ้าอ่อน ผิวของทั้งสองหนุ่มขาวเนียนน่ามอง“เป็นคนรักกันแน่ ๆ เลย” ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกันกับสองหนุ่มกระซิบบอกเพื่อนสนิทที่เดินมาด้วยกัน“ใช่ย่ะ... ตอนอยู่ที่ห้องรับรองของผู้โดยสาร ฉันเห็นผู้ชายตัวสูงๆ น่ะคอยดูแลหนุ่มหล่อคนข้างๆ เป็นอย่างดีจนน่าอิจฉาเลยล่ะ”“น่าอิจฉาเนอะ เดี๋ยวนี้น่ะไม่ว่าจะเพศไหน ถ้ารักกันด้วยใจแล้วมันก็ดูสวยงามเสมอ” เพื่อนข้างๆ พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ทั้งสองสาวจะพากันเดินแยกไปอีกทาง เพราะทั้งคู่จอดรถเอาไว้ที่ลานจอดรถของสนามบิน“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยที” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนดังขึ้นที่บริเวณจุดนัดพบ ซึ่งสองหนุ่มเดินไปถึงตรงนั้นพอดี สัญชาตญาณความเป็นหมอทำให้ทั้งสองไม่รอช้า รีบพากันวิ่งเข้าไปดูอาการทันที“ขอโทษครับ ผมเป็นหมอ ให้ผมตรวจดูอาการของผู้ป่วย
ระหว่างทางมักจะมีอุปสรรคเพื่อมาทดสอบชีวิตคนเรามากมาย ภูวดลและกาลัญญูเองก็หนีไม่พ้นเช่นกัน ปีนี้เป็นปีที่ทั้งสองหนุ่มได้ออกมาเรียนภาคชั้นคลินิก และต้องแยกกันอยู่คนละโรงพยาบาล ภูวดลได้อยู่ในโรงพยาบาลรัฐใจกลางกรุงฯ ส่วนกาลัญญูนั้นได้ลงไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาลนอกกรุงเทพฯ ดีที่มีเพื่อนสาวในกลุ่มไปด้วยกัน“เวลาพวกพี่สอนให้ฟังและตั้งใจดู ดูสิ...พอถึงเวลาต้องลงมือทำจริงๆ แล้วก็ทำไม่ได้” รุ่นพี่ปีหกบ่นรุ่นน้องปีสี่ออกมา เมื่ออีกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ตามที่บอก“รุ่นพี่...อย่าดุน้องเลยค่ะ แรกๆ มันก็มีมือสั่นเป็นธรรมดา” รุ่นพี่ปีห้าขัดขึ้นมา แม้จะรู้สึกชินกับการที่พวกรุ่นพี่ชอบตำหนิ เพราะตนก็เคยผ่านจุดนี้มาเหมือนกัน แต่ก็อดที่จะสงสารรุ่นน้องไม่ได้“แต่ถ้าฟังกันแล้วตั้งใจดูก็จะทำไม่ผิดใช่ไหมล่ะ” รุ่นพี่ปีหกบอกออกมา เพราะที่เขาบ่นก็เพื่อให้รุ่นน้องมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ให้มากขึ้น และใส่ใจผู้ป่วยให้มากขึ้น“ผมขอโทษครับ ครั้งหน้าผมจะทำให้ดีกว่านี้ครับ”หนุ่มนักศึกษาแพทย์ปีสี่ขอโทษรุ่นพี่ออกมา สีหน้าของเขาก็สลดลง ภูวดลยกมือขึ้นไปตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่ภูวดลก็ใจดีกับเพื่อนในคณะเสม
“มะ…ไม่นะ พะ…พี่ไม่ได้ลืม” เสียงทุ้มร้องดังออกมาทั้งๆ ที่เปลือกตายังคงปิดอยู่ เม็ดเหงื่อผุดออกมาตามไรผมและหน้าผาก จนคนที่กำลังหลับสนิทอยู่สะดุ้งตื่น“ที่รัก…เป็นอะไรไปหืม…” กาลัญญูรีบปลุกคนข้างกายพร้อมกับเอ่ยถามออกมา ใบหน้าของภูวดลชุ่มไปด้วยเหงื่อ ร่างกายก็กระสับกระส่ายไปมา“มะ...ไม่ เชื่อพี่นะ พี่…” คนที่กำลังฝันร้ายแผดเสียงร้องออกมา“แบม!!! เป็นอะไรไป หืม…” กาลัญญูใจคอไม่ดีรีบเรียกชื่อแล้วปลุกคนรักหนุ่ม“หะ…หืม อา… ฝันอีกแล้ว” ภูวดลสะดุ้งตื่นเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีพลางพึมพำออกมา“ฝันร้ายเหรอ” คนข้างๆ เอ่ยถาม“อือ…ฝันถึงน้องวิน” กาลัญญูขมวดคิ้ว เพราะภูวดลยังไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังอย่างละเอียด“ก็คนที่ทำให้ฉันอยากเป็นศัลยแพทย์หัวใจยังไงล่ะ น้องเสียไปเกือบสิบปีแล้วล่ะ ตอนนั้นฉันยังเด็กเหมือนกัน ตามคุณแม่ไปทำงานที่โรงพยาบาล น้องวินป่วยเป็นโรคหัวใจ เป็นเพราะตอนนั้นแพทย์เฉพาะทางโรคนี้มีน้อย ทำให้น้องวินได้รับการรักษาไม่ทัน จึงจากไป….”กาลัญญูพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ เมื่อได้ฟังถึงเรื่องราวของคนที่ทำให้ภูวดลมีความมุ่งมั่นอยากจะเป็นศัลยแพทย์หัวใจ ก่อนที่เขาจะดึงคนรักหนุ่มเข้ามาในอ้อมก
วันนี้เป็นวันที่ภูวดลนัดพบปะในกลุ่มของเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมปลาย โดยมีกฎว่าแต่ละคนต้องพาแฟนมาให้เพื่อนได้ชื่นชมด้วย และแน่นอนว่าภูวดลนั้นกำลังจะพากาลัญญูไปเปิดตัวกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยม ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นแฟนของเขา แม้เจนจิราจะรู้ความจริงอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่กับอนุพงษ์ ตอนแรกที่ภูวดลไปถึงร้านอาหารที่นัดเจอกันพร้อมกับกาลัญญู อนุพงษ์ก็เอาแต่มองหาคนข้างกายของทั้งสองหนุ่ม“ไหนล่ะแบม...กราฟ แฟนของพวกนาย อย่าบอกนะว่าหลอกให้ฉันพาแฟนมาด้วย”“ก็ยืนอยู่ด้วยกันนี่ไง” กาลัญญูเป็นฝ่ายตอบออกมาแทน คนที่กำลังมองหาคนข้างกายของสองหนุ่มถึงกับตาเบิกโพลง“มะ…หมายความว่าไง ยะ…อย่าบอกนะว่านายสองคน” อนุพงษ์ยังพูดไม่ทันจบสองหนุ่มก็จับมือกันแล้วชูขึ้นให้เขาดู“ห๊า… น่ะนี่นายสองคนชอบกันเองเหรอ” คนที่เพิ่งจะรู้ความจริงร้องอุทานแล้วรีบถามเพื่อนทั้งสองออกมา“อือ…แล้วนี่จีน่ายังไม่มาอีกเหรอ”กาลัญญูตอบสั้นๆ แล้วจึงเอ่ยถามอนุพงษ์ หลังจากที่เขาและภูวดลนั่งลงตรงข้ามสองหนุ่มสาวเรียบร้อยแล้ว แฟนสาวของอนุพงษ์ได้แต่นึกเสียดายแทนสาวๆ ที่สองหนุ่มหล่อ หน้าตาดีตรงหน้ากลับมาคบหากันเอง“ยัง…อ้อ นี่น้องแพร แฟนของฉันเอง” หญิงสา