บนเตียงนุ่มปรากฏร่างหนาของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปี ใบหน้าหล่อเหลาที่เปลือกตายังคงปิดสนิทอยู่นั้นเริ่มขยับพร้อมทั้งมีเหงื่อผุดออกมาทั้งๆ ที่แอร์คอนดิชันภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและเป็นระเบียบยังคงทำงานอย่างไม่หยุดพัก ริมฝีปากบางสีแดงอมชมพูขมุบขมิบราวกับว่ากำลังพูดบางสิ่งบางอย่าง แต่ทว่าเสียงกลับไม่ดังออกมาตามที่ริมฝีปากขยับ
“ไม่ วิน!!! อย่าไป” และในที่สุดเสียงก็ดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากนั้น
“เฮื้อก!!!!”
“โอ๊ย!!!! ฝันอีกแล้วเหรอเนี่ย”
แบม ภูวดลสะดุ้งสุดตัวร่างหนาเด้งขึ้นมาอยู่ในท่านั่งกุมศีรษะบนที่นอนนุ่ม ก่อนที่เขาจะใช้มือทั้งสองข้างสางผมที่ปรกลงบนหน้าผากไปถึงขนตายาวชุ่มน้ำตาให้เปิดออก
“น้องวิน… พี่จะทำตามที่พี่สัญญากับเราไว้นะ ไปอยู่ในชาติภพใหม่ พี่ขอให้หนูปลอดภัย...ไร้โรคภัยไข้เจ็บนะ”
เด็กหนุ่มหยิบของทดแทนของเด็กชายตัวน้อยในตอนนั้นขึ้นมาจากชิ้นชักโต๊ะข้างเตียงแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนที่เด็กน้อยจะเข้ารับการผ่าตัด ตอนนั้นเขาก็ยังคงเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งอายุมากกว่าน้องวินไปเพียงไม่กี่ปี ทั้งสองคนสนิทกันตอนที่เขาไปทำงานกับมารดา
เขาพบน้องวินกำลังเข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคลิ้นหัวใจรั่วที่โรงพยาบาลที่มารดาเป็นศัลยแพทย์ทรวงอกอยู่พอดี รู้จักกันจนสนิทสนมน้องวินก็จากไปแบบไม่มีวันกลับ
เนื่องด้วยศัลยแพทย์หัวใจของทางโรงพยาบาลมีน้อยและกำลังติดเคสสำคัญ เด็กน้อยจากไปอย่างกะทันหัน เขาร้องไห้อย่างหนักและซึมอยู่หลายวัน
ก่อนที่เด็กน้อยจะอาการทรุดและจากไป เขาเคยให้สัญญาว่าโตมาเขาจะเป็นศัลยแพทย์หัวใจ คอยรักษาหัวใจให้คนที่เป็นแบบน้องวิน น้องวินยิ้มออกมาด้วยแววตาที่มีความสุข เขาไม่คิดเลยว่ารอยยิ้มจากเด็กน้อยในวันนั้นจะเป็นวันสุดท้าย… ที่เขาได้มองมัน
เขายกมือขึ้นมาปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนที่สองขายาวจะก้าวเดินไปที่ห้องน้ำ เสียงน้ำที่ไหลลงกระทบพื้นบ่งบอกว่าเด็กหนุ่มได้อาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนมัธยมปลายในเช้าวันนี้แล้ว
“สวัสดีตอนเช้าครับคุณพ่อ คุณแม่ พี่บอม พี่บี๋”
ชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดของบ้านเอ่ยทักทายทุกคนหลังจากที่เข้ามานั่งประจำที่ตรงโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
“หน้าตาไม่ค่อยสดใสเลยนะลูก เจ็บป่วยตรงไหนหรือเปล่า”
แพทย์หญิงศิริลักษณ์ ปรีชารักษ์เอ่ยถามบุตรชายคนเล็กด้วยความเป็นห่วง
“นั่นสิ อย่าบอกนะว่าฝันเรื่องเดิมอีกแล้ว”
ภูวเมศ ปรีชารักษ์ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามต่อในคำถามเดียวกันกับที่พี่ๆ ทั้งสองอยากเอ่ยถามน้องชายคนเล็ก เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนที่จะหันหน้าไปส่งยิ้มขอบคุณแม่บ้านที่นำข้าวต้มมาเสิร์ฟตรงหน้าของเขา
“ปล่อยวางซะบ้างสิแบม น้องเค้าก็ไปสบายแล้ว”
บอม ภูวพล ปรีชารักษ์ พี่ชายคนโตบอกน้องชายด้วยน้ำเสียงปลอบโยน เขารู้ดีว่าแบมนั้นเสียใจกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นขนาดไหน
“จริงด้วยนะแบม ถ้าแบมอยากให้น้องมีความสุขเวลาที่มองลงมาจากฟ้า แบมก็ตั้งใจเรียนหมอให้จบแล้วรักษาคนที่ป่วยแบบน้องเขาให้สุดความสามารถที่บอมมีนะ” พี่สาวผู้ที่รับรู้ความใฝ่ฝันของผู้เป็นน้องชายแนะแนวทางให้กับเขา
“ครับ… ขอบคุณทุกคนมากนะครับ”
กำลังใจและความเข้าใจของครอบครัวย่อมสำคัญที่สุด เป้าหมายของเขาต่อจากนี้แน่นอนว่าเขาจะทำมันให้สำเร็จ อีกแค่ไม่กี่เดือนภาคเรียนที่หนึ่งของระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกของเขาก็ผ่านไปแล้ว และในภาคเรียนที่สองเขาจะตั้งใจกว่าเดิมเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพเหมือนกับมารดาให้ได้
โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใจกลางกรุง
ร่างสูงของเด็กหนุ่มที่โตเต็มวัยกำลังเยื้องย่างเข้าไปในโรงเรียนของตนเองท่ามกลางสายตาของสาวๆ ที่มองมาอย่างสนใจ เขาส่งยิ้มให้สาวๆ รุ่นน้องและรุ่นเดียวกันตามประสาคนที่อัธยาศัยดี แต่ทว่ารอยยิ้มของเขาทำเอาหัวใจสาวๆ เต้นแรงไปตามๆ กัน เขาเดินตรงไปยังตึกที่ตนเรียนแต่แล้วไหล่กว้างก็มีท่อนแขนจากเพื่อนสนิทพาดผ่านมาโอบไหล่เขาไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะปล่อย
“เฮ้ย!! ไอ้กราฟ มึงมาเช้าจังวะฮ่าๆๆๆ สะดุ้งอะไรขนาดนั้นวะไอ้นี่ มัวแต่เก๊กหล่ออยู่นั่นแหละหมั่นไส้ แบ่งความหล่อมาให้กูบ้างดิ๊เพื่อน”
บอส ภานุอุทานเรียกเพื่อนสนิท ก่อนที่จะเอ่ยประโยคที่ทำให้กราฟ กาลัญญู พิเชษฐ์พัฒน์หัวเราะออกมา
“ถ้ามันแบ่งกันได้กูแบ่งให้มึงไปแล้วไอ้บอส มึงก็มาเช้าเป็นเหมือนกันหรอวะฮ่าๆๆๆ”
เสียงขี้เล่นติดทะเล้นตอบกลับ ก่อนที่เขาจะเดินตรงไปยังอาคารเรียนของตนโดยมีบอส ภานุเพื่อนสนิทเพียงคนเดียววิ่งตามหลังไปติดๆ
“อีกเทอมเดียวมึงจะย้ายไปทำไมวะ”
เด็กหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนสนิทตรงหน้าเมื่อได้ยินข่าวที่ไม่น่ายินดีสำหรับเขาเท่าไหร่
“กูอยากไปเรียนที่นั่นก่อนจบ พ่อแม่ก็ไม่ห้าม แถมสนับสนุน บอกทำไมกูไม่ไปเรียนโรงเรียนนั้นตั้งแต่แรกเพราะพ่อกูก็จบจากที่นั่นมา”
กราฟ กาลัญญูตอบเพื่อนสนิทขณะที่เขากำลังเขียนงานส่งอาจารย์อยู่ภายในห้องเรียน กราฟ กาลัญญูเป็นเด็กที่เรียนเก่งอีกคนหนึ่งของโรงเรียน และเป้าหมายของเขาคือการได้เป็นเพื่อนกับเด็กหนุ่มหน้าหล่อ นักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำให้เขาประทับใจ อาจจะดูเป็นความคิดที่โง่เขลาสำหรับเหตุผลของการย้ายไป แต่หัวใจของเขามันสั่งให้เขาตัดสินใจแบบนั้น เขาไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร
“แล้วจบมอหกมึงจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหน”
บอสเอ่ยถามเพื่อนถึงเรื่องมหาวิทยาลัยแทนเพราะถึงอย่างไรการย้ายตามเพื่อนสนิทไปมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เข้าท่า แต่ถ้าได้ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดียวกันในอนาคตก็เป็นไปได้
“กูจะเรียนหมอ”
เด็กหนุ่มละสายตาและวางมือจากงานที่กำลังเขียนอยู่แล้วตอบอย่างมั่นใจ
“โห่… กูคงเรียนกับมึงไม่ไหว ไอ้นี่...ทำไมชอบจังอะไรยากๆ เนี่ย”
บอสเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจ จะให้เขาทนเรียนไปอีกห้าหกปี ไหนจะเรียนเฉพาะทางอีก เขาสู้ไม่ไหวจริงๆ
“มึงก็รู้ว่าชีวิตกูอยากอุทิศให้กับการต่อชีวิตให้คนอื่น”
กราฟบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนที่จะก้มหน้าลงเขียนรายงานต่อแล้วไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก บอสไม่อยากรบกวนเพื่อนจึงหยิบรายงานของตนขึ้นมาเขียนบ้าง เขายังไม่รู้เลยว่าอีกหนึ่งเทอมที่เหลือ ถ้าเขาไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ด้วยแล้ว ผลการเรียนของเขาจะเป็นอย่างไร เพราะเวลาที่เขาไม่เข้าใจ เพื่อนสนิทอย่างกราฟ กาลัญญู ก็คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอด
“แบม… นายล้างหน้าด้วยอะไรอะ หน้านายขาวดี”จู่ๆ เขาก็เอ่ยออกมาขัดจังหวะ ทั้งจีน่า เจนจิราและตั้ม อนุพงษ์ต่างพากันเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของแบม ภูวดลก็พากันเห็นด้วยกับกราฟ กาลัญญูกับเรื่องที่ว่าแบม ภูวดลนั้นหน้าขาวใส“โฟมล้างหน้าไง แล้วก็มาสก์หน้าก่อนนอน” เขาตอบตามความจริง“มาสก์หน้าด้วยเหรอนายน่ะ แต่มาสก์หน้าพวกผู้หญิงเขาทำกันไม่ใช่เหรอวะ” กราฟ กาลัญญูเอ่ยถามออกมาอย่างจับผิด“จีน่า… ก่อนนอนเธอมาสก์หน้านอนไหม”“ม่ะ…มาร์คสิ ถามได้ นายไม่มาร์คหรือไง เพิ่มวิตามินให้ผิวหน้าไง” จีน่าหันไปตอบอีกฝ่าย“ไม่อะ… ขี้เกียจหึๆ”สายตาที่มองไปยังแบม ภูวดลนั้นเต็มไปด้วยความจับผิด แต่มีหรือที่หนุ่มผู้เก็บงำความลับมานานอย่างแบม ภูวดลจะหลุดออกมา“พี่สาวมันเป็นดาราไง แม่มันก็เป็นคุณหมอ ไม่แปลกหรอกที่จะมันจะได้รับการดูแลจากแม่กับพี่สาว”ตั้ม อนุพงษ์เอ่ยออกมา เขาไม่ได้ช่วยเพื่อนแต่เขาคิดว่าเพื่อนดูแลตัวเองเพราะมีพี่สาวเป็นดาราและมีมารดาเป็นแพทย์หญิง“นายกำลังจับผิดอะไรเราหรือเปล่ากราฟ”แบม ภูวดลจ้องหน้าเขาพร้อมกับเอ่ยถามออกมา จีน่า เจนจิรากับตั้ม อนุพงษ์ก็หันไปมองหน้าเพื่อนใหม่เป็นตาเดียวกัน“เปล่า…. ก็แค่อยากรู
ร่างสูงโปร่งที่เดินผ่านเข้าประตูโรงเรียนมัธยมแห่งนี้มากำลังตกอยู่ในสายตาของคนที่กำลังนั่งรออยู่ แบม ภูวดลไม่ได้สนใจคนรอบข้างจึงทำให้เพื่อนใหม่เข้ามาประชิดตัว แขนแข็งแรงพาดลงบนไปไหล่กว้างมือหนาก็วางลงบนบ่า ชายหนุ่มสะดุ้งเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะหันใบหน้าหล่อเหลาไปมองแล้วพยายามจะเบี่ยงกายออกจากวงแขนแข็งแรงของอีกฝ่าย แต่ทว่ากราฟ กาลัญญูกลับบีบไหล่เขาอย่างแน่นหนา“ปล่อย!!!” น้ำเสียงแข็งกร้าวดังลอดไรฟันจนคนที่โอบไหล่อยู่ถึงกับหัวเราะดังอยู่ในลำคอ“หึๆ”กราฟ กาลัญญูผละวงแขนแข็งแรงของตนออกจากไหล่กว้างของอีกฝ่าย“หวงจังนะ… ร่างกายนายน่ะ”เขาเอ่ยออกมาขณะที่เดินข้างๆ สาวๆ ที่มองมาต่างพากันหวีดร้องเพราะหนุ่มฮอตกับหนุ่มหน้าหล่อ นักเรียนที่เพิ่งย้ายมาใหม่นั้นเดินเคียงข้างกันมา แบม ภูวดลไม่ตอบคำถามที่เขาถาม แต่ทว่ากลับรีบสาวเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กราฟ กาลัญญูมองตามเพื่อนชายตรงหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าแล้วก้าวตามไปอย่างไม่รีรอจีน่า เจนจิราที่เดินตามหลังมาแต่ไม่แสดงตัวเพราะเธอเองก็อยากจะรู้ว่าแบม ภูวดลนั้นคิดอย่างไรกับเพื่อนใหม่ที่เข้ามาก่อกวนให้เขารำคาญใจ หรือกำลังเข้ามาปั่นป่วนหัวใจขอ
“โอ๊ะ!!! รถมาพอดีเลย กลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้”มือหนายกขึ้นมาโบกลาเพื่อนทั้งสองก่อนที่ร่างสูงจะเดินตรงไปยังรถตู้คันหรูที่มารับเขาพอดี สองหนุ่มสาวไม่ได้ตอบอะไรออกมาเพียงแต่หันมามองหน้ากัน“ระวังนายกราฟไว้หน่อยก็ดีนะแบม จีน่าว่านายนี่ดูยังไงกับแบมอยู่นะ”จีน่าที่เดินคล้องแขนของกราฟ กาลัญญูตรงไปที่ยังรถตู้ของครอบครัวเอ่ยออกมา“เราก็ว่าอย่างนั้นแหละจีน่า นี่ก็ก่อกวนเราทุกวันเลย” แบม ภูวดลเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจ เพื่อนใหม่มาเรียนได้เพียงสัปดาห์เดียวแต่ทว่าทำเขาปั่นป่วนหัวใจ“แล้วเป็นไง แอบหวั่นไหวไปกับเขาไหม” จีน่า เจนจิราแอบกระซิบถาม“ไม่!!!”เสียงเข้มดังออกมาก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถ เพื่อนสาวรีบตามขึ้นไปก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับรู้ว่ามีอะไรบางอย่าง เธอรู้สึกได้ว่าแบม ภูวดลแอบหวั่นไหวไปกับคนที่ชอบก่อกวนเขาร่างสูงโปร่งที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำภายในห้องนอนส่วนตัวของตนนั่งลงบนเตียงก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปหยิบสมาร์ทโฟนที่มีเสียงข้อความดังเข้ามาเป็นระยะ สายตาคมกวาดอ่านทุกตัวอักษรในข้อความที่ส่งเข้ามาจากเพื่อนใหม่ แบม ภูวดลเลิกคิ้วหนาของตนขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อได้อ่านกราฟ เด็กใหม่ : น
เพื่อนใหม่ที่ย้ายเข้ามาได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ทำเอาชีวิตที่เคยสงบสุขของแบม ภูวดลวุ่นวาย เขาต้องเผชิญกับอัตราการเต้นของหัวใจที่แรงและเร็วบ่อยครั้งเพราะอีกฝ่ายมักจะถึงเนื้อถึงตัวอยู่เสมอ ถึงแม้จะมีสองเพื่อนสนิทคอยกันและห้ามปรามให้ แต่ทว่าเพื่อนใหม่ดูเหมือนจะอยากแกล้งเขาให้เขาเปิดเผยตัวตนเสียเหลือเกิน“พอทีเถอะ ถ้านายยังไม่เลิกถึงเนื้อถึงตัวเราอีก นายก็ไปอยู่กลุ่มอื่นซะกราฟ” แบม ภูวดลเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด“หึๆ เป็นอะไร ฉันก็แค่โอบไหล่นาย จับแขน มันถึงเนื้อถึงตัวตรงไหน เพื่อนผู้ชายคนอื่นเขาก็ทำกัน”กราฟ กาลัญญูเอ่ยออกมายิ้มๆ เขารู้สึกสนุกที่เพื่อนจอมหวงเนื้อหวงตัวราวกับว่าตัวเองเป็นผู้หญิงคนนี้โมโห“นายก็รู้ว่าแบมไม่ชอบให้ใครมาสัมผัสร่างกายของเขา แบบนี้มันเท่ากับลวนลามกันนะ ถามจริงนายชอบผู้ชายปะเนี่ย” จีน่า เจนจิราเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกไม่ชอบใจเช่นกัน“จริง…. ถ้ามึงยังไม่เลิกยุ่งกับแบม มึงก็ไปอยู่กลุ่มอื่นเลยไอ้กราฟ” ตั้ม อนุวัฒน์เอ่ยออกมาอย่างโมโหเช่นกัน“โอเค โอเค ขอโทษ ขอโทษ ต่อไปเราจะไม่แกล้งนายแล้ว ก็อยากรู้ไงว่าทำไมถึงโดนตัวนายไม่ได้ ความรู้สึกมันเหมือนแบบโดนไฟช๊อตปะ” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยอ
“นายคนที่เราเจอตอนนั้นไง จำได้ไหม” เสียงหวานเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยความตื่นเต้น“อืม… ไม่คิดเลย…ว่าจะมาเรียนที่นี่”แบม ภูวดลมองไปที่เพื่อนใหม่ที่หันมาสบตาเข้ากับเขาพอดี รอยยิ้มที่มุมปากของอีกฝ่ายทำเอาเขาต้องหลบสายตาที่ทะเล้นและแพรวพราวนั่น แต่จู่ๆ ร่างสูงก็เดินตรงมาหายังกลุ่มของเขา ทั้งจีน่า เจนจิราและตั้ม อนุพงษ์ถึงกับตกใจ แม้แต่แบม ภูวดลเองก็ตกใจไม่ต่างกัน“สวัสดี ห้อง…หกทับหนึ่งใช่ปะ” เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่กำลังมองมาอย่างสนใจ“อืม…ใช่"เสียงทุ้มของแบม ภูวดลดังขึ้น สาวๆ ที่มองมาเห็นภาพสองหนุ่มยืนอยู่ใกล้กันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เพราะคนหล่อกับคนหล่ออยู่ด้วยกันแล้วภาพที่มองเห็นมันช่างดูเจริญหูเจริญตา เป็นอาหารตาชั้นเยี่ยม“สวัสดี เจอกันอีกแล้ว นาย…จำเราได้ไหม” กราฟ กาลัญญูทักทายหนุ่มหล่อตรงหน้าแล้วเอ่ยถามออกมา“จำได้ว่าเราเคยเจอกันครั้วหนึ่ง แต่จำชื่อนายไม่ได้หรอก” แบม ภูวดลตอบก่อนที่จะมองไปยังเพื่อนสนิททั้งสอง“ถ้าอย่างนั้นเราขอแนะนำตัวกับนายและจีน่าอีกที เราชื่อกราฟ กาลัญญู พิเชษฐ์พัฒน์ ย้ายมาจากโรงเรียนฝั่งมีน”หนุ่มหล่อรีบแนะนำตัว สองหนุ่มสาวเพื่อนซี้ได้แต่หันไปม
หลังจากปิดภาคเรียนไปนานเกือบเดือน การกลับมาเรียนในภาคเรียนที่สองอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ชีวิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยก็เริ่มต้นขึ้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาก้าวลงจากรถตู้คันหรูของครอบครัวก่อนที่จะเยื้องย่างเข้าประตูโรงเรียนไป ทุกย่างก้าวของแบม ภูวดลนั้นเป็นที่จับตามองจากสาวๆ รุ่นน้อง ทุกท่วงท่าจังหวะการเดินมันทำให้สาวๆ มองตาเขาแทบลืมหายใจ ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของวงไอดอลก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ลงเลย“แบม!!!”เสียงทุ้มที่ตะโกนตามหลังมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ วิ่งตรงมายังเขาทำให้คนถูกเรียกชื่อถึงกับชะงักหยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง“มาแต่เช้า” เสียงทุ้มดังออกมาจากริมฝีปากสีแดงอมชมพูเป็นธรรมชาติ“นายก็มาเช้านี่ แล้วจีน่ามายัง วันนี้ได้ข่าวว่าห้องเรามีนักเรียนใหม่ย้ายมาจากโรงเรียนฝั่งมีนคนหนึ่งด้วย”ตั้ม อนุพงษ์เอ่ยขึ้นก่อนที่จะบอกถึงเรื่องราวที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นกับเพื่อนสนิท“ฝั่งมีน…” เขาทวนคำของเพื่อนสนิท“อืม…. เห็นบอกว่าย้ายมาเทอมนี้แหละ” ตั้ม อนุพงษ์บอกก่อนที่จะสาวเท้าก้าวเดินตามเพื่อนสนิทไป“ย้ายมาตอนนี้อะนะ” แบม ภูวดลยังเอ่ยถามด้วยความข้องใจ“อืม…” คน