ภาพของหนุ่มๆ ที่กำลังวิ่งอยู่ในสนามบาสทำเอาสาวๆ กรีดร้องส่งเสียงเชียร์อยู่ตอนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนมัธยมแห่งนี้แต่ทว่าภาคเรียนหน้าเขาจะย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมอีกเขต สาวๆ ต่างพากันเสียดาย มีหลายคนที่เอาของขวัญมาให้รุ่นพี่ที่กำลังจะย้ายโรงเรียนไป และการเล่นบาสในวันนี้ก็เป็นการสั่งลาเพื่อนๆ ในทีม กราฟ กาลัญญูหยุดยืนก่อนที่จะดึงชายเสื้อขึ้นมาเช็ดใบหน้าที่หล่อเหลาของตน แต่ทว่ากลับเปิดเผยซิกแพกซ์ตรงหน้าท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ สาวๆ ที่มองเห็นภาพนี้พอดีต่างพากันร้องกรี๊ดกร๊าดออกมาเสียงดังเกรียวกราว
“เห้อ… เดี๋ยวไอ้กลาฟไม่อยู่แล้วกูคงจะได้กลายเป็นหนุ่มฮอตแทนฮ่าๆๆ แล้วนี่ทำไมมึงเพิ่งคิดจะย้ายเอาตอนนี้วะ” เพื่อนคนหนึ่งในทีมบาสเอ่ยขึ้นราวกับประชด
“โรงเรียนนั้นมันน่า…เรียน”
ผู้ถูกถามตอบยิ้มๆ แต่ยิ้มที่เขาแสดงออกมานั้นมันเป็นรอยยิ้มของคนเจ้าเล่ห์ในสายตาของบอส ภานุเพื่อนสนิทของเขา
“ไปติดใจสาวโรงเรียนนั้นหรือไงวะ ระวังจะเจอเจ้าถิ่นนะไอ้กราฟ โรงเรียนนั้นกูได้ยินว่ามีน้องชายดาราเรียนอยู่ด้วย หล่อจนไปเป็นดาราเองได้เลย แล้วไอ้นั่นมันก็เป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนนั้นด้วย มึงย้ายไปไม่เท่ากับต้องไปเป็นคู่แข่งกับมันหรอวะ” เพื่อนในทีมบาสอีกคนเอ่ยถามขึ้นบ้าง
“น่าสนใจ”
กราฟ กาลัญญูเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นก่อนที่จะเดินไปหยิบขวดน้ำมายกขึ้นดื่มแล้วหันหน้าไปยักคิ้วให้สาวๆ ที่มาเชียร์อยู่ข้างสนามจนเด็กสาวกลุ่มนั้นกรีดร้องออกมาราวกับว่าพบดาราศิลปินที่ชื่นชอบก็ไม่ปาน
“กูว่าจีน่าแหงๆ มึงจะไปแย่งหนุ่มๆ โรงเรียนนั้นจีบจีน่าก่อนเรียนจบหรือยังไงวะ”
บอส ภานุนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ตอนที่เพื่อนและเขาไปดูโรงเรียนนั้นแข่งบาสแล้วไอ้เพื่อนสนิทของเขาคนนี้ก็มองสาวฮอตของโรงเรียนนั้นไปจนลับสายตา และที่มันเคยบอกว่าอยากได้ไอ้หน้าหล่อนั่นเป็นเพื่อนอีก เขาจึงคิดว่าที่มันบอกว่าอยากได้ไอ้หน้าหล่อเป็นเพื่อนมันแค่ข้ออ้าง ที่จริงแล้วมันอยากไปเคลมแฟนสาวของไอ้หน้าหล่อนั่นมากกว่า
กราฟ กาลัญญูฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากสนามบาสไป บอส ภานุมองตามเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ เขาเดินไปหยิบกระเป๋าของตนแล้วรีบวิ่งตามกราฟ กาลัญญูไปทันที สายตาหลายคู่ของเพื่อนนักบาสมองตามสองเพื่อนสนิทไปอย่าง
วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายก่อนที่จะปิดภาคเรียนนี้แล้ว แบม ภูวดล จีน่า เจนจิรา และตั้ม อนุพงษ์ ทำข้อสอบได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็เป็นเพราะแบม ภูวดลคอยติวให้กับจีน่าและตั้ม สองหนุ่มสาวเพื่อนสนิทของเขาจึงสามารถทำข้อสอบได้อย่างสบายไม่เคร่งเครียดเหมือนกับเพื่อนที่ไม่รู้แนวทางของข้อสอบมาก่อน
“ได้ไหม…” แบม ภูวดลเอ่ยถามจีน่า เจนจิรา
“ได้สิ… มีอาจารย์แบมติวพิเศษให้ซะอย่าง” จีน่า เจนจิราตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันก็ทำได้ ขอบใจมากว่ะแบม ถ้าไม่ผ่านนะ พ่อเอาตาย”
ตั้ม อนุพงษ์เอ่ยออกมาบ้างก่อนจะทำท่าสวมกอดเพื่อนสนิท แต่ทว่าจีน่ากลับดันหน้าอกของตั้มออก แบม ภูวดลหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายร้องโวยวายออกมา
“โอ๊ย!!! จีน่า...เธออย่าหวงแบมนักเลย ให้ฉันกอดมันบ้าง”
“ไม่ได้ย่ะ แบมเป็นของจีน่าคนเดียว”
คำพูดของสาวสวยทำเอาเพื่อนคนอื่นๆ และเพื่อนต่างห้องที่ได้ยินแอบรู้สึกอิจฉาอยู่ไม่น้อย แบบนี้ถึงไม่ประกาศว่าเป็นแฟนกันแต่ก็ทำตัวติดกันราวกับแฝดสยามคงจะเป็นอื่นไปไม่ได้ สองหนุ่มสาวเดินควงแขนกันไปที่โรงอาหารโดยมีตั้ม อนุพงษ์วิ่งตามหลัง มีแต่คนบอกว่าเขาเป็นส่วนเกินของสองคนนี้ แต่เขาไม่คิดแบบนั้น เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนสนิททั้งสองไม่คบหากันเองอย่างแน่นอน
“ฉันว่าสองคนนั้นไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกย่ะ” เจมี่ ชายไม่จริงหญิงไม่แท้ห้องอื่นเอ่ยขึ้น
“ทำไมจะไม่ได้เป็นแฟนกัน ตัวติดกันซะขนาดนั้น” เพื่อนอีกคนค้านหัวชนฝา
“เชื่อเรด้าฉันเถอะ ฉันว่านายคนนั้นน่ะไม่ได้ชอบผู้หญิงอย่างยัยจีน่านั่นหรอก”
เจมี่เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ เขาเชื่อในสัญชาตญาณของตนเอง
“อย่ามา… ไม่ได้ชอบผู้หญิงเพอร์เฟคอย่างจีน่า แล้วจะชอบผู้หญิงแบบไหนกัน” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ก็ชอบแบบไอ้บ๊อบไงฮ่าๆๆๆๆ”
เจมี่ตอบพร้อมทั้งหัวเราะออกมาเสียงดัง เพื่อนทุกคนต่างพากันหัวเราะออกมาเช่นกัน เพราะไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนชายใจสาวพูดออกมา
“ฮ่าๆๆๆ นังเจมี่….ตลกละ รอบนี้เรด้าของแกคงผิดพลาดแล้วล่ะ”
เพื่อนคนหนึ่งหัวเราะพร้อมกับเอ่ยออกมาเพราะรู้สึกว่าเรด้าของเพื่อนในครั้งนี้มันไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก
“หึ! พวกเธอรอดูก็แล้วกัน มีเวลาดูอีกเทอม”
เจมี่ชายไม่จริงหญิงไม่แท้เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ เพื่อนๆ ได้แต่พากันหัวเราะออกมาให้กับความเรด้าพังของเพื่อน ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
หลังสอบเสร็จคือช่วงเวลาผ่อนคลายของหนุ่มสาว แบม ภูวดลไปเดินห้างสรรพสินค้ากับเพื่อนสนิทสาวอย่างจีน่า เพื่อนสาวลากเขาเข้าไปร้านนั้นออกร้านนี้อย่างสนุกซึ่งเขาเองก็ไม่ขัดใจเธอ เพราะลึกๆ ภายในใจก็ชื่นชอบการเดินชมของสวยๆ งามๆ อยู่เช่นกัน จีน่า เจนจิรารู้สึกมีความสุขได้เพียงครู่เดียวเธอก็ต้องเศร้าลงถนัดตาเพราะบังเอิญไปเจอว่าที่เจ้าสาวคนสวยของผู้ชายคนที่เดินเคียงข้างกันมาอย่างหวานชื่น ไม่มีใครบอกก็พอจะดูออกว่าความสัมพันธ์ของเขาคนนั้นและเธอคนนั้นอยู่ในระดับไหน
“ไหวป่าวจีน่า” แบม ภูวดลเอ่ยถามออกมาอย่างเห็นใจ
“คนนี้เองน่ะเหรอ เจ้าของหัวใจของพี่ไอซ์” จีน่าเอ่ยออกมาราวกับเพ้อ
“หล่อดีนะ เหมาะสมกันดี”
เสียงหวานเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะหันหลังแล้วเดินกลับไปทางที่เพิ่งจากมา น้ำตาคลอเบ้าดวงตาคู่สวย จีน่าเดินเร็วๆ ตรงเข้าไปในห้องน้ำโดยที่ด้านหลังมีแบม ภูวดลเดินตามไม่ห่าง เธอเข้าไปสงบจิตสงบใจกับการเจอรักแรกที่ไม่สมหวังอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะออกมาจากห้องน้ำในสีหน้าที่ดูดีขึ้น แบม ภูวดลถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ สองหนุ่มสาวจึงตัดสินใจพากันกลับบ้านเพราะเที่ยวต่อไปก็คงจะไม่สนุกอีกแล้ว
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาภายในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใจกลางกรุงฯ ภาพของชายหนุ่มร่างสูงที่สวมใส่ชุดกาวน์เดินเคียงข้างกันไปยังโรงอาหารหลังจากการผ่าตัดเคสเมื่อคืนที่ผ่านมา ภูวดลและกาลัญญูนั้นเป็นศัลยแพทย์หัวใจที่ทางอาจารย์หมอและคนป่วยชื่นชม แม้แต่พวกแพทย์และพยาบาลแผนกอื่น ต่างก็แอบชื่นชมสองหนุ่มเช่นกันสำหรับอาจารย์หมอและผู้ป่วยนั้นชื่นชมในความรู้ความสามารถของสองหนุ่ม แต่สำหรับเหล่าแพทย์และพยาบาลแผนกอื่นต่างรู้สึกชื่นชมสองหนุ่มที่กล้าเปิดเผยความสัมพันธ์ว่าทั้งสองคนคบหากันอย่างไม่สนใจต่อสายตาคนอื่น และความสัมพันธ์ของทั้งสองหนุ่มนั้นก็น่าชื่นชมมาตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่ยังคงเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่“ศัลยแพทย์หัวใจโรงพยาบาลเรานี่หน้าตาดีกันจริงๆ แต่เสียดายที่คบกันเอง ทำให้ผู้หญิงอย่างเราเสียโอกาสในการได้แฟนเป็นหมอ”พยาบาลแผนกสูตินรีเวชคุยเล่นกับเพื่อนที่นั่งตรงกันข้าม ในขณะที่สายตาก็มองไปยังสองแพทย์หนุ่มที่เพิ่งจะเดินตามกันไปซื้ออาหาร“เดี๋ยวนี้เรื่องของหัวใจมันห้ามกันไม่ได้แล้วย่ะ ฉันชอบนะ คู่ของหมอแบมกับหมอกราฟน่ะ ทั้งสองเป็นคู่รักที่คอยช่วยเหลือและซัพพอร์ตกันดีมากเลย อีกอย่าง…สองคนนี้คบกันตั้งแต่ยังเรี
ณ ร้านอาหารชื่อดังที่มีพิกัดอยู่บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางกรุงฯ วันนี้สถานที่แห่งนี้ได้มีโอกาสต้อนรับนักแสดงสาวชื่อดัง ที่เดินทางมารับประทานอาหารกับกลุ่มเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายของเธอ ทางร้านอาหารจึงได้จัดโซนวีไอพี เพื่อความเป็นส่วนตัวให้กับเธอและเพื่อนๆ“ร้านนี้หรูมากเลย วิวก็สวยมากด้วย” คุณหมอพลอยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ที่สำคัญคืออาหารอร่อยด้วย”ภูวดลบอกคุณหมอสาวซึ่งเป็นเพื่อนสาวอีกคนของกลุ่ม ตอนนี้เจนจิรายังคงมาไม่ถึง ทำให้มีแค่เขา กาลัญญูและพลอยเท่านั้น“ถ่ายรูปหน่อยไหมที่รัก” กาลัญญูเอ่ยถามภูวดลออกมา ทำเอาหญิงสาวเพียงคนเดียวถึงกับมองบน เพราะรู้สึกเหม็นความรักที่ไม่เคยจืดจางของเพื่อนทั้งสองคน“อือ... นายก็มาถ่ายด้วยกันสิ” เมื่อได้รับคำเชิญชวน กาลัญญูก็ยิ้มกว้างออกมา“เอามือถือมาสิ เดี๋ยวฉันจะถ่ายให้”คุณหมอสาวบอกคู่รักตรงหน้า มีหรือที่กาลัญญูจะปฏิเสธ ชายหนุ่มรีบส่งสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของตนให้กับเพื่อนสาวทันที“หวานกันไม่เปลี่ยนเลยนะ”เสียงหวานที่คุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลังของคุณหมอสาว พลอยยืนนิ่งตัวเกร็งเพราะเธอนั้นจำได้ดีว่าเสียงที่เพิ่งได้ยินนี้เป็นเสียงของใ
ห้าปีต่อมาณ สนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสองคนกำลังเดินลากกระเป๋าเดินออกมาจากทางออกของผู้โดยสารขาเข้า ตลอดทางมีสายตาของสาวๆ ที่จับจ้องมองไปยังชายหนุ่มทั้งสองแทบจะไม่ยอมละสายตา คนที่สูงกว่าสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ส่วนคนที่ต่ำกว่าอีกฝ่ายประมาณห้าเซนติเมตรสวมใส่เสื้อยืดสีฟ้าอ่อน ผิวของทั้งสองหนุ่มขาวเนียนน่ามอง“เป็นคนรักกันแน่ ๆ เลย” ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกันกับสองหนุ่มกระซิบบอกเพื่อนสนิทที่เดินมาด้วยกัน“ใช่ย่ะ... ตอนอยู่ที่ห้องรับรองของผู้โดยสาร ฉันเห็นผู้ชายตัวสูงๆ น่ะคอยดูแลหนุ่มหล่อคนข้างๆ เป็นอย่างดีจนน่าอิจฉาเลยล่ะ”“น่าอิจฉาเนอะ เดี๋ยวนี้น่ะไม่ว่าจะเพศไหน ถ้ารักกันด้วยใจแล้วมันก็ดูสวยงามเสมอ” เพื่อนข้างๆ พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ทั้งสองสาวจะพากันเดินแยกไปอีกทาง เพราะทั้งคู่จอดรถเอาไว้ที่ลานจอดรถของสนามบิน“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยที” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนดังขึ้นที่บริเวณจุดนัดพบ ซึ่งสองหนุ่มเดินไปถึงตรงนั้นพอดี สัญชาตญาณความเป็นหมอทำให้ทั้งสองไม่รอช้า รีบพากันวิ่งเข้าไปดูอาการทันที“ขอโทษครับ ผมเป็นหมอ ให้ผมตรวจดูอาการของผู้ป่วย
ระหว่างทางมักจะมีอุปสรรคเพื่อมาทดสอบชีวิตคนเรามากมาย ภูวดลและกาลัญญูเองก็หนีไม่พ้นเช่นกัน ปีนี้เป็นปีที่ทั้งสองหนุ่มได้ออกมาเรียนภาคชั้นคลินิก และต้องแยกกันอยู่คนละโรงพยาบาล ภูวดลได้อยู่ในโรงพยาบาลรัฐใจกลางกรุงฯ ส่วนกาลัญญูนั้นได้ลงไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาลนอกกรุงเทพฯ ดีที่มีเพื่อนสาวในกลุ่มไปด้วยกัน“เวลาพวกพี่สอนให้ฟังและตั้งใจดู ดูสิ...พอถึงเวลาต้องลงมือทำจริงๆ แล้วก็ทำไม่ได้” รุ่นพี่ปีหกบ่นรุ่นน้องปีสี่ออกมา เมื่ออีกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ตามที่บอก“รุ่นพี่...อย่าดุน้องเลยค่ะ แรกๆ มันก็มีมือสั่นเป็นธรรมดา” รุ่นพี่ปีห้าขัดขึ้นมา แม้จะรู้สึกชินกับการที่พวกรุ่นพี่ชอบตำหนิ เพราะตนก็เคยผ่านจุดนี้มาเหมือนกัน แต่ก็อดที่จะสงสารรุ่นน้องไม่ได้“แต่ถ้าฟังกันแล้วตั้งใจดูก็จะทำไม่ผิดใช่ไหมล่ะ” รุ่นพี่ปีหกบอกออกมา เพราะที่เขาบ่นก็เพื่อให้รุ่นน้องมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ให้มากขึ้น และใส่ใจผู้ป่วยให้มากขึ้น“ผมขอโทษครับ ครั้งหน้าผมจะทำให้ดีกว่านี้ครับ”หนุ่มนักศึกษาแพทย์ปีสี่ขอโทษรุ่นพี่ออกมา สีหน้าของเขาก็สลดลง ภูวดลยกมือขึ้นไปตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่ภูวดลก็ใจดีกับเพื่อนในคณะเสม
“มะ…ไม่นะ พะ…พี่ไม่ได้ลืม” เสียงทุ้มร้องดังออกมาทั้งๆ ที่เปลือกตายังคงปิดอยู่ เม็ดเหงื่อผุดออกมาตามไรผมและหน้าผาก จนคนที่กำลังหลับสนิทอยู่สะดุ้งตื่น“ที่รัก…เป็นอะไรไปหืม…” กาลัญญูรีบปลุกคนข้างกายพร้อมกับเอ่ยถามออกมา ใบหน้าของภูวดลชุ่มไปด้วยเหงื่อ ร่างกายก็กระสับกระส่ายไปมา“มะ...ไม่ เชื่อพี่นะ พี่…” คนที่กำลังฝันร้ายแผดเสียงร้องออกมา“แบม!!! เป็นอะไรไป หืม…” กาลัญญูใจคอไม่ดีรีบเรียกชื่อแล้วปลุกคนรักหนุ่ม“หะ…หืม อา… ฝันอีกแล้ว” ภูวดลสะดุ้งตื่นเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีพลางพึมพำออกมา“ฝันร้ายเหรอ” คนข้างๆ เอ่ยถาม“อือ…ฝันถึงน้องวิน” กาลัญญูขมวดคิ้ว เพราะภูวดลยังไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังอย่างละเอียด“ก็คนที่ทำให้ฉันอยากเป็นศัลยแพทย์หัวใจยังไงล่ะ น้องเสียไปเกือบสิบปีแล้วล่ะ ตอนนั้นฉันยังเด็กเหมือนกัน ตามคุณแม่ไปทำงานที่โรงพยาบาล น้องวินป่วยเป็นโรคหัวใจ เป็นเพราะตอนนั้นแพทย์เฉพาะทางโรคนี้มีน้อย ทำให้น้องวินได้รับการรักษาไม่ทัน จึงจากไป….”กาลัญญูพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ เมื่อได้ฟังถึงเรื่องราวของคนที่ทำให้ภูวดลมีความมุ่งมั่นอยากจะเป็นศัลยแพทย์หัวใจ ก่อนที่เขาจะดึงคนรักหนุ่มเข้ามาในอ้อมก
วันนี้เป็นวันที่ภูวดลนัดพบปะในกลุ่มของเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมปลาย โดยมีกฎว่าแต่ละคนต้องพาแฟนมาให้เพื่อนได้ชื่นชมด้วย และแน่นอนว่าภูวดลนั้นกำลังจะพากาลัญญูไปเปิดตัวกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยม ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นแฟนของเขา แม้เจนจิราจะรู้ความจริงอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่กับอนุพงษ์ ตอนแรกที่ภูวดลไปถึงร้านอาหารที่นัดเจอกันพร้อมกับกาลัญญู อนุพงษ์ก็เอาแต่มองหาคนข้างกายของทั้งสองหนุ่ม“ไหนล่ะแบม...กราฟ แฟนของพวกนาย อย่าบอกนะว่าหลอกให้ฉันพาแฟนมาด้วย”“ก็ยืนอยู่ด้วยกันนี่ไง” กาลัญญูเป็นฝ่ายตอบออกมาแทน คนที่กำลังมองหาคนข้างกายของสองหนุ่มถึงกับตาเบิกโพลง“มะ…หมายความว่าไง ยะ…อย่าบอกนะว่านายสองคน” อนุพงษ์ยังพูดไม่ทันจบสองหนุ่มก็จับมือกันแล้วชูขึ้นให้เขาดู“ห๊า… น่ะนี่นายสองคนชอบกันเองเหรอ” คนที่เพิ่งจะรู้ความจริงร้องอุทานแล้วรีบถามเพื่อนทั้งสองออกมา“อือ…แล้วนี่จีน่ายังไม่มาอีกเหรอ”กาลัญญูตอบสั้นๆ แล้วจึงเอ่ยถามอนุพงษ์ หลังจากที่เขาและภูวดลนั่งลงตรงข้ามสองหนุ่มสาวเรียบร้อยแล้ว แฟนสาวของอนุพงษ์ได้แต่นึกเสียดายแทนสาวๆ ที่สองหนุ่มหล่อ หน้าตาดีตรงหน้ากลับมาคบหากันเอง“ยัง…อ้อ นี่น้องแพร แฟนของฉันเอง” หญิงสา