เขาเริ่มหงุดหงิดจึงคิดจะยกเก้าอี้ให้เลย ปากก็ว่า "คิดว่าข้าดวงซวยก็แล้วกัน เช่นนั้นจ่ายแค่ค่าบะหมี่พอ ภรรยารออยู่บ้าน หากไม่รีบกลับ ข้าหัวแตกแน่ สามีเช่นข้า ยอมเสียเก้าอี้หนึ่งตัวดีกว่าทะเลาะกับภรรยา”
ฝ่ายเจาจวิ้น ไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน เพียงแต่ล้วงทางซ้ายก็เจอตำลึงทอง ล้วงทางขวาก็เจอตั๋วเงินแผ่นละร้อยตำลึง
อ้อ เจอล่ะ ควักหนึ่งตำลึงเงิน[1] ออกมา
“เจ้าเป็นสามีที่ดีมาก อ่ะนี่! ค่าเก้าอี้ของเจ้า เอาไป ไม่ต้องทอน”
ช่วยไม่ได้คนมันรวย เคยพกเงินน้อยเสียที่ไหน
ก้อนตำลึงเงินทอประกายสะท้อนแสงจันทร์ ทำเจ้าของเพิงบะหมี่ตาโตเท่าไข่ไก่ ค่าของแค่สองร้อยแต่ได้หนึ่งพัน ไม่ดีใจอย่างไร “ขอบคุณขอรับ” รีบเก็บเข้าอกเสื้อ “เช่นนั้นข้าแถมเก้าอี้พักเท้าให้อีกตัว”
“ขอบใจ”
รอยยิ้มเจาจวิ้นไปไม่ถึงดวงตาขณะนั่งรอต่อไปอย่างใจเย็น
อันที่จริงบอกว่าใจเย็นคงไม่ถูกต้องนัก
เพราะตอนนี้ร้านเครื่องเขียนปิดประตูร้านไปแล้ว เขาใจร้อนมากทีเดียว นึกอยากถกกระโปรง กระโจนตัว พังประตูบุกทะลวงเข้าไปในร้านขายเครื่องเขียนตรงหน้า
จังหวะนั้น หางตาเจาจวิ้นพลันเห็นประกายดาบอันคมกริบสะท้อนแสงจันทร์วิบวับตัดฉับฝ่าอากาศลงมา
เขาพลิกตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว
โพละ! โครม! เก้าอี้ตัวละหลายร้อยอีกแปะถูกผ่า แตกเป็นเสี่ยงๆ
ฉัวะ! ขวับ! พลั่ก! ดาบอื่นๆ พลันตามมา
เจาจวิ้นอาศัยจังหวะกลิ้งตัวหลบดาบที่สองสามสี่หันมองเจ้าของดาบแบบเต็มตา พลันเห็นคนชุดดำประมาณสี่ห้าคนพากันจู่โจมดังห่าฝน
ย่อมเป็นนักฆ่าชุดเดิม เพิ่มเติมคือเยอะขึ้น
บัดซบ!
ยามนี้หน้าร้านเครื่องเขียนโม่จือมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
เรือนหลังร้านก็เช่นกัน
ผัวะ! พลั่ก! โอ๊ย!
บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งถูกเตะจนตัวลอยกระเด็นออกมานอกประตูเรือน นอนร้องโอดครวญตรงพื้นดิน
“เจ้า! นังหญิงชั่ว” แม้ทุลักทุเลแต่ยังคงกัดฟันก่นด่า “นังปีศาจร้าย ข้าจะแจ้งทางการมาจับเจ้าเข้าคุก คอยดู”
“นึกว่าข้ากลัวหรือไร ห๊ะ!” โจวเจินเดินย่างสามขุมมายืนตระหง่านเหนือร่างของชายคนนั้น ทั้งยังยกเท้าทำท่าจะเหยียบศีรษะให้แตกละเอียดสมองไหลไปเลย
“อาโยว” ไป๋เล่อชิงร้อนไห้สะอึกสะอื้นรีบปาดน้ำตา วิ่งเข้ามาห้ามปราม “เจ้าใจเย็นก่อน”
แต่ไม่เป็นผล บุรุษคนเดิมยังคงถูกเตะเสยคางดังอั่ก สลบเหมือดไปแล้ว
“แย่แล้ว อาโยว เลือดเขาไหลแล้ว เจ้าโหดยิ่ง”
โจวเจินหลุดขำ “ชิงชิง เลือดนี่ เป็นเจ้าที่ทำนะ”
ไป๋เล่อชิงหัวเราะทั้งน้ำตา “ข้าเอากระถางกำยานฟาดไปทีเดียวเอง”
“แรงเยอะเหมือนกันนะเจ้าเนี่ย”
“ข้าตกใจนี่นา”
“เห็นหรือไม่ เจ้าแต่งกายเป็นบุรุษแท้ๆ ยังถูกลวนลามเลย เสียเวลาปลอมตัว” โจวเจินพร่ำบ่นไม่หยุด ขณะหันมาช่วยเช็ดน้ำตาให้ไป๋เล่อชิง เช็ดเลือดที่กลีบปาก จับคางหันไปมาเพื่อดูรอยขบกัดที่ลำคอของสหาย จากนั้นจิ้มหน้าอกอีกฝ่าย “ดูเถอะ เสื้อขาดหมดแล้ว”
[1] 1 ตำลึงเงิน = 1,000 เหวิน (อีแปะ)
ระหว่างวัน ไป๋เล่อชิงที่มีความสุขกับการปลูกผักดูแลดอกไม้ให้รู้สึกแปลกใจกับภาพตรงหน้าเมื่อนางหันไปเห็นหลิวหนิงนั่งเท้าคางมองโจวเจินฝึกวิชาดาบด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่แสนจะคลุมเคลือเป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนสตรีมองสตรีอย่างเอ็นดู แต่เหมือนบุรุษมองสตรีที่พึงใจมากกว่า อา...สงสัยตาฝาด คิดมากเกินไป ไป๋เล่อชิงหันไปสนใจกระถางดอกไม้ต่อฝ่ายเจาจวิ้น เมื่อโจวเจินฝึกดาบเสร็จก็คอยนำผ้าไปซับเหงื่อบนใบหน้า รีบรินน้ำใส่ถ้วยยกเข้าไปให้ดื่ม ยังไม่ลืมชงชาจัดขนมใส่จาน“อาโยวเก่งกาจมาก โอ้ ดูมือเล็กๆ นี่เถิด จับดาบฟาดฟันรุนแรงปานนั้นได้อย่างไร มาๆ เหนื่อยหรือไม่ เมื่อยหรือเปล่า? ข้านวดคลายเมื่อยให้นะ”ถือโอกาสลูบๆ คลำๆ แอบกินเต้าหู้อย่างอิ่มหนำ แม้ฝึกยุทธแต่ความฉ่ำนวลของสตรียังคงมีอย่างพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป อาโยวของเขายังคงสะสวยไม่สร่าง ไม่ว่าอยู่ในร่างใคร เจาจวิ้นรู้สึกรักและคิดถึงเหลือเกินฝ่ายโจวเจิน นางไม่รู้หรอกว่าเจาจวิ้นคิดไม่ซื่อ เพียงแย้มยิ้มให้คนเขาบีบจับแต่โดยดี “พี่หนิงนวดเก่งยิ่ง”“ข้ามิได้นวดเก่งอย่างเดียวนะ” นาบเก่งด้วย หึหึ! วาจาประโยคหลังเจาจวิ้นคิดในใจอย่างเ
เจาจวิ้นพบว่าภายในเรือนสดใสขึ้นมาก “ไอ่โย่ ดูดอกไม้พวกนี้เถิด ไฉนเป็นเช่นนี้” ถามพลางกรีดนิ้วชี้ดอกไม้ในสวนอย่างมีจริตสตรีที่แนบเนียนอย่างหาตัวจับได้ยาก การแต่งหน้าทาชาดรวบผมก็เช่นกัน เขาทำได้ดีเสียจนสตรีสองคนจับพิรุธไม่ได้เลย เรื่องนี้แม้แต่ท่านอ๋องกับอู๋หมิงยังตกตะลึงแทบไม่เชื่อมาแล้ว “เจ้ากำลังดูแลดอกไม้ให้ข้าหรือ?”ไป๋เล่อชิงหันมายิ้มสดใส “เจ้าค่ะ พี่สาวอาหนิง”เจาจวิ้นพยักหน้าพึงพอใจ “ดียิ่งนัก ชิงชิงช่างใส่ใจ ข้าทำงานทุกวันไม่มีเวลาเข้ามาดูแลเลย”“ข้าไร้ฝีมือต่อสู้ มิอาจปกป้องพี่สาวได้ แต่จะช่วยดูแลเรือนให้อย่างดีเจ้าค่ะ อ้อ ข้ายังสามารถปลูกผักและทำอาหารได้ด้วย” ไป๋เล่อชิงเอ่ยอย่างขยันขันแข็งคุ้มค่าจ้างเป็นที่สุด อันที่จริง บุตรีสกุลใหญ่แม้อยู่หมู่บ้านห่างไกลเมืองหลวง การปลูกผักทำอาหารนับว่าไม่เหมาะสม ยิ่งไม่ควรทำเป็น แต่ไป๋เล่อชิงที่ถูกพี่หญิงกับฮูหยินใหญ่กลั่นแกล้งเรื่องเงินเบี้ยหวัดและตัดอาหารการกินบ่อยครั้งจำต้องปลูกผักเป็น ทำอาหารได้ หาไม่ คงอดตายไปนานแล้ว“พี่หนิงชอบหรือไม่เจ้าคะ?” ไป๋เล่อชิงแย้มยิ้มถามอย่างประจบเอาใจ อีกฝ่ายคือเจ้านายผู้จ่ายเบี้ยหวัดนี่นาเจาจวิ้นยิ้ม
รุ่งอรุณมาเยือนเจาจวิ้นรีบตื่นแต่เช้าลุกขึ้นแต่งตัวแต้มชาดเป็นสตรีที่งดงามเฉิดฉันแบบไร้ที่ติ ทำเอาอู๋หมิงที่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงไป๋เล่อชิงต้องลุกขึ้นมาเช่นกัน“วันนี้ไม่มีภารกิจ ข้าไม่มีนัดหมาย ท่านอ๋องก็มิได้สั่งงานอันใด” อู๋หมิงว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องแต่งตัว”“เพราะว่างปะไร ข้าถึงแต่งตัวเช่นนี้” กล่าวพลางจัดกระโปรงและหน้าอกปลอมให้เข้าที่ “ข้าจะไปเรือนส่วนตัวที่อยู่ด้านหลังเยื้องจวนอ๋อง อาจค้างแรมที่นั่น หากท่านมีสิ่งใดเรียกใช้ก็ให้คนไปตาม”อู๋หมิงพลันเข้าใจ ที่แท้ปลอมตัวไปพบหน้าภรรยาชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเอื่อยเฉื่อยมานั่งที่โต๊ะจิบชา “งานช่วงนี้เป็นหน้าที่ข้า เจ้าตามสบายกับภรรยาได้เลย” เพราะหัวอกเดียวกันจึงช่วยเปิดทางเต็มที่คนฟังให้รู้สึกขอบคุณยิ่งนัก “รบกวนพี่ใหญ่อู๋แล้ว” ก่อนออกประตูเรือนยังไม่ลืมหันมากำชับ “แต่ข้าคิดว่า ท่านก็ควรหาเวลาให้ตัวเองบ้างนะ อย่างเช่นหาเมียใหม่”ถ้วยชายังไม่ถึงริมฝีปากกลับถูกวางกระแทกดังปึก อู๋หมิงปรายตามองเจาจวิ้นอย่างเงียบงันเย็นชามิเอ่ยวาจา ทว่าสายตากลับคล้ายสาดอาวุธร้ายแรงออกมาดุจห่าฝนเจาจวิ้นเกรงใจอยู่มากแต่ก็ว่าต่
จวนเยี่ยนอ๋องหลังจากรายงานตัวและรายงานความคืบหน้าแก่เยี่ยนอ๋องแล้ว อู๋หมิงก็กลับเข้าเรือนพักส่วนตัว พบว่าเจาจวิ้นเองก็กำลังเดินเข้าประตูมาเช่นกัน“ไฉนเพิ่งกลับ มิใช่แยกกับข้านานแล้วหรือ?”เจาจวิ้นยิ้มกว้าง ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “ข้าถูกลอบสังหารอีกแล้ว กว่าจะเอาชีวิตรอดมาได้ ไม่ง่ายเลย”อู๋หมิงเดินมานั่งลงที่โต๊ะจิบชา ปรายตามองนิ่ง “ถูกลอบสังหาร! แต่หน้าบานยิ่งกว่าใบพัด?”คนถูกถามยังคงมีสีหน้ากรุ้มกริ่ม “ก็ใช่น่ะสิ”อู๋หมิงขมวดคิ้วถาม “จับตัวนักฆ่ามาสอบปากคำ สาวถึงตัวผู้บงการได้หรือไร? ถึงอารมณ์ดีปานนี้”เจาจวิ้นส่ายหน้าปฏิเสธนึกเสียดายแต่ก็ยังยิ้มอยู่ “จับไม่ได้ หนีไปหมดเลย ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว”“...” อู๋หมิงหมดคำจะเอ่ย “ในเมื่อจับคนร้ายไม่ได้ แล้วดีใจอันใดไม่ทราบ”เจาจวิ้นเดินไปเอนตัวนอนลงบนเตียง กระดิกเท้าเล่าอย่างอารมณ์ดี “ข้าเจอภรรยาของข้าแล้วปะไรเล่า” ยักคิ้วหลิ่วตา ว่าต่ออย่างคุยโวโอ้อวดต่อเนื่อง “ท่านไม่รู้ ตอนที่ข้ากำลังพลาดท่าเสียที เป็นนางที่ตะโกนก้ององอาจแล้วเข้ามาช่วยอย่างไม่คิดชีวิต และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น บุรุษข้างกายนางก็เป็นสตรีปลอมตัว หาใช่คนรักใหม่ ฮ่าๆ”คนฟังพยักห
เขาเป็นคนชอบสะสมอสังหาริมทรัพย์เป็นทุนเดิม พอทะลุมิติมา สิ่งแรกที่ทำก็คือเอาเงินที่มีซื้อเรือนเอาไว้ ตอนนี้จึงมีเรือนนอกจวนของสกุลถึงสามหลังแล้ว แต่เขาเลือกที่นี่เพราะงานก็ต้องทำ เมียก็ต้องง้อ แต่ครั้นจะง้อก็คงต้องใช้เวลา ต้องหาวิธีการอันแยบยล แน่นอนว่ายังมิอาจบอกตัวตนแท้จริงได้ เขารู้จักอาโยวดี ขอเพียงปกปิดเอาไว้ให้แนบเนียนก่อนค่อยๆผูกมิตรไมตรีสร้างสัมพันธ์อันดี เท่านี้ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นและใช่ เขาจะจีบอาโยวในร่างคนใหม่ชื่อหลิวหนิง โดยไม่ให้นางรู้เด็ดขาดว่าเขาคือสามีเก่า ที่ชื่อเจาจวิ้นดังนั้นอันดับแรกก็พามาที่นี่จะได้อยู่ด้วยกันใกล้ๆ สะดวกไปมาหาสู่ตอนเขาออกไปทำงานที่จวนเยี่ยนอ๋องคิดเสร็จก็กระแอม แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ“อะแฮ่ม เอ่อ ข้ามีนามว่าหลิวหนิง เรียกอาหนิงได้ สาวน้อย...” เจาจวิ้นเริ่มปฏิบัติการผูกมิตรกระชับสัมพันธ์ เขาหันไปส่งสายตาใสซื่อกับโจวเจิน “สาวน้อยคนนี้ เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?” “ข้ามีนามว่าโจวเจิน เรียกอาโยวได้”หันไปทางอีกคน “เจ้าล่ะ”“ข้า ไป๋เล่อชิงเจ้าค่ะ”ครั้นแนะนำตัวชื่อแซ่กันเสร็จสรรพ เจาจวิ้นก็พาพวกนางไปที่ห้องพักทางเรือนปีกข้าง จากนั้นก็หาอ
โจวเจินไม่รู้ความคิดเขา นางปลอบโยนว่า “พี่สาวไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะปกป้องท่านเอง”แววตาเจาจวิ้นวูบวาบสั่นไหว แม้ใบหน้าเปลี่ยนไปแต่นิสัยนั้น ยังคงเป็นอาโยวของเขาอย่างชัดเจนไม่เปลี่ยน นิสัยของอาโยวเป็นเช่นนี้ ชอบปะทะพร้อมพุ่งชนแต่เป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอ โดยเฉพาะผู้หญิงอ่อนแอที่ถูกทำร้ายน้ำใสปริ่มๆ ตรงขอบตา เจาจวิ้นดีใจจนน้ำตาไหลจังหวะนั้น พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนมากมายใกล้เข้ามา นับว่าโชคดีที่ตรงนี้มีกองตะกร้าผักวางซ้อนกันช่วยกั้นสายตาอยู่พอดี“พวกมันตามมาแล้ว” ไป๋เล่อชิงกระซิบบอก “หนีไปทางใดดี ถนนเมืองหลวงซับซ้อนนัก” โจวเจินหันรีหันขวาง นางยังไม่คุ้นชินกับเส้นทาง ไป๋เล่อชิงก็เช่นกัน สตรีทั้งสองเริ่มตื่นตระหนก“แย่แล้ว จะถูกจับส่งทางการหรือไม่?” ไป๋เล่อชิงนึกกลัวเพราะข้อหาของพวกนางยามนี้ยาวเป็นหางว่าวแล้ว...ท่าทางคล้ายพวกบ้านนอกคอกนาเข้าเมืองเช่นนั้นทำเจาจวิ้นพลันได้สติ รีบลุกขึ้น “พวกเจ้า ตามข้ามา” เรือนซานเหอย่วน[1]ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับอยู่เป็นครอบครัวเล็กๆ ประมาณสามสี่คน “นี่คือเรือนของข้าเอง พวกเจ้าหลบที่นี่ก่อน” “จะดีหรือพี่สาว พวกเราอาจทำท่านเดือดร้อน” ไป๋