ログイン
“ไสว่าสิบ่ถิ่มก๊าน ไสว่าสิมี๊กานและก๊าน ไสว่าสิฮักแพงก๊าน ไสว่าสิมีก๊านตลอดปายยยย”
เสียงลูกคอที่มีเอกลักษณ์ด้านลบดังออกมาจากเถียงนาน้อยหลังหนึ่งกลางทุ่ง ฟังจากลักษณะแล้วเจ้าของเสียงได้เข้าถึงอารมณ์ส่วนลึกไปแล้ว จึงได้แหก...เอ่อ...ส่งเสียงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ
“ไสว่าสิบ่แบ่งจาย ไสว่า..."
คนอยู่ในกระท่อมด้วยกันทนไม่ไหวตะโกนด่าลั่น
“มึงน่ะไสหัวไปเลย! เสียงอย่างกับควายออกลูก”
แต่พ่อนักร้องกลับส่งเสียงร้องดังขึ้นเหมือนจะแกล้งกัน
“ไสว่าสิบ่ถิ่มก๊านนนนนนนน”
“ถ้ายังบ่เซาฮ้อง กูสิถิ่มมึงบาดนิล่ะบักเวรก้อง!” (ถ้ายังไม่หยุดร้อง กูได้ทิ้งมึงตอนนี้ล่ะไอ้เวรก้อง)
“ฮ่วย! นายคึเว้าแนวนี้ล่ะ ระดับ ‘ก้องหล้า นาทองคำ’ มาฮ้องเพลงให้ฟังเอง มันดีปานได๋แล้ว” (อ้าว ทำไมนายพูดแบบนี้ล่ะ ระดับก้องหล้านาทองคำมาร้องเพลงให้ฟังเอง มันดีแค่ไหนแล้ว)
“ดีกับผี คนฟังหูดับตับไหม้หมดแล้ว”
“เสียงดีขนาดนี้ หูนายฟังไม่ถึงระดับเสียงนี้มากกว่า” ก้องหล้าค้อนใส่เจ้านายรัวๆ และโดนขายาวๆ ยันออกมาใส่จนตกแคร่ไม้ไผ่ลงไปนอนขาชีฟ้าอยู่พื้นดินทันที “น๊าย!”
“ถึงยัง ถ้ายังไม่ถึง กูจะได้ถีบให้มันถึง!”
“ถึงแล้วค้าบ! แค่นี้ก็ต้องทำร้ายร่างกายกันด้วย” คนโดนถีบบ่นเสียงกระปอดกระแปด สีหน้างอง้ำ
“พอๆ มึงกลับไปดูที่เรือนหน่อยไป ไม่รู้ผู้หญิงคนนั้นกลับไปหรือยัง” แดนดินพยักพเยิดบอก นาทีนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการหาเรื่องให้ก้องหล้าไปทำ ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องทนฟังเสียงมันร้องเพลงไม่รู้จบแน่นอน ทรมานตายห่า!
“ได้เลยครับ รอแป๊บเด้อ เดี๋ยวก้องมา” ก้องหล้าตะเบ๊ะรับคำสั่งแล้ววิ่งออกจากกระท่อมมุงด้วยหญ้าคาไป
เจ้านายถึงกับส่ายหน้าตามไปอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาอุตส่าห์หนีเสียงสิบแปดหลอดของผู้หญิงที่ย่านัดมาให้ดูตัวมาอยู่ที่นี่ ก้องหล้ายังจะตามมาหอนให้ฟังอีก เขาไม่เข้าใจว่าอายุ 34 ปี นี่แก่แล้วหรือ ย่าถึงได้มองหาผู้หญิงมาให้นักหนา แค่คิดถึงผู้หญิงพวกนั้นก็ปวดหัวแล้ว
“คุณดินขาา...”
ร่างสูงสะดุ้งเมื่อเสียงร้องเรียกดังมาแต่ไกล
“ไอ้ห่าก้อง หาเรื่องให้กูอีกแล้ว!” เขาสบถด่าลูกน้องคนสนิท รู้ทันทีว่าคนที่มาคือใคร
“คุณดินขา อยู่ไหนเอ่ย”
คุณดินขาเหลียวซ้ายแลขวาหาที่หลบ แต่เถียงนามันก็หลังน้อยแค่นี้ เขาจะหนีไปไหนได้
“คุณดินขา คุณย่าให้มาตามค่า”
ไม่รอช้าร่างสูงรีบปีนขึ้นต้นมะม่วงที่อยู่ข้างๆ ไม่ลืมคว้ารองเท้าหูหนีบสีฟ้าขึ้นมาด้วย เสี้ยวนาทีนั้นเองที่แม่สาวเสื้อส้มประคองรองเท้าส้นตึกเดินเก้กังเข้ามาในบริเวณกระท่อมพอดี ก้องหล้าวิ่งตามมาติดๆ
“ไม่เห็นมีใครอยู่เลยสักคน นี่แกแกล้งบอกฉันมั่วๆ ใช่ไหม!” พอไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใดๆ ในกระท่อม หญิงสาวหน้าสวยด้วยเครื่องสำอางก็หันไปแว้ดใส่ก้องหล้า
“มีสิครับ เมื่อกี้นายยังนั่งอยู่ตรงนี้เลยนะ” ก้องหล้าชี้แคร่ไม้ไผ่อย่างงงๆ
“อยู่ตรงไหน ถอยซิ!” หล่อนผลักก้องหล้าออกจนเซไปชนต้นมะม่วงอย่างแรง แล้วเดินไปชะเง้อหาแดนดินอย่างไม่สนใจ
ก้องหล้าทั้งอึ้งทั้งเจ็บที่ถูกผลัก ยังไม่ทันขยับตัวก็รู้สึกเจ็บๆ คันๆ ที่ไหล่ พอเอื้อมมือไปลูบดูก็พบว่าเป็นมดแดงหลายตัวกำลังเล่นงานเขา จึงรีบปัดออก แต่ปัดแล้วมันก็ยังหล่นลงมาใส่ใหม่ เขาเงยหน้ามองหารังมันอย่างหงุดหงิด ไม่คาดว่าจะพบมดแดงใหญ่ที่กำลังถลึงตาใส่อยู่บนต้นมะม่วง
หึหึ นายจะเล่นแบบนี้เหรอ ด๊ายยยยย!
ส่งสายตายิ้มยั่วเจ้านายแล้วลูกน้องหนุ่มก็ร้องเรียกสาวสวย
“คุณๆ นี่มาทางนี้”
“เรียกทำไมยะ บอกมานะ นี่แกโกหกใช่ไหม ฉันไม่เห็นเลยว่าคุณดินขาจะอยู่ที่นี่อย่างที่แกบอกน่ะ”
“นายอยู่ที่นี่จริงๆ เอ๊อะ!” หนุ่มหน้ามนพูดไม่ทันขาดคำก็โดนมะม่วงลูกเท่าเหรียญสิบร่วงลงมาใส่หัวเต็มๆ เจ็บจนต้องเงยหน้าขึ้นไปเบิกตาใส่ตัวการอย่างเคืองขุ่น แต่สาวเสื้อส้มไม่ได้สนใจตรงนี้ หล่อนสะบัดหน้าจากไปทันทีที่มะม่วงลอยลงมาใส่หัวก้องหล้า ถ้าเสียเวลามองสักนิดก็คงได้เจอคุณดินขาของหล่อนแล้ว
แดนดินรอให้อีกฝ่ายเดินห่างออกไปไกลจึงไต่ต้นไม้ลงมา และอย่างแรกที่ทำก็คือก้าวเข้าไปตบกบาลลูกน้องตัวดี
“มึงจะไปบอกเขาเฮ็ดหยังว่ากูอยู่นี่” (มึงจะไปบอกเขาทำไมว่ากูอยู่ที่นี่)
“ฮ่วย! คุณย่าสั่งให้พามา”
“พาไปที่อื่นสิ! บอกเลยว่าต่อให้สวยแค่ไหนกูก็ไม่สน!”
“สิถ่าเบิ่งงง” (จะรอดู) ลูกน้องทำหน้าทำตาล้อเลียน ก่อนจะเอ่ยท้า “พนันกันไหมนาย ผู้หญิงคนต่อไปที่คุณย่าหามา จะทำให้นายชอบได้หรือเปล่า”
“พนันก็พนันสิ” เจ้านายรับท้าอย่างมั่นอกมั่นใจ ต่อให้ย่าหามาอีกสิบคน เขาก็ไม่เลือกใครมาเป็นเมียทั้งนั้นแหละ ผู้หญิงสวยๆ ที่ไม่มีใครเอาจนต้องให้ผู้ใหญ่หาผู้ชายให้ ก็เป็นพวกสวยแต่รูปจูบไม่หอมเสียส่วนใหญ่ไม่ใช่หรือไง
เขาผู้หญิงที่สวยทั้งตัวหอมทั้งตัวครับ!
“โอเค ถ้าผมชนะ นายต้องขึ้นเงินเดือนให้หนึ่งเท่า ซื้อควายไทยพันธุ์ดีพ่อแม่ลูกให้ด้วย”
“มึงจะเอาควายไปทำไมวะ?”
“ผมจะเปิดฟาร์มควายงาม” ก้องหล้าบอกความต้องการยิ้มๆ
แดนดินฟังแล้วถลึงตาใส่ เงินเดือนที่มันได้ตอนนี้เดือนหนึ่งๆ มีเหลือเกินครึ่ง เพราะมันไม่เอาออกมาใช้เลย เจียดออกมาใช้สอยบ้างก็เฉพาะตอนที่จำเป็น แค่จะทำฟาร์มควายอะไรนั่น มันทำได้สบาย แต่เพราะความงก มันเลยมาหาตอดเงินจากกระเป๋าเขาไปน่ะสิ!
“ว่ายังไงนาย เอากับผมไหม”
“ถ้ากูชนะล่ะ จะได้อะไร”
“ผมยอมทำงานให้นายฟรีๆ สามเดือนเลยเอ้า!”
แดนดินแค่นยิ้มบอก “งั้นก็ตกลง มึงกลับไปพิมพ์ข้อตกลงไว้เป็นหลักฐานด้วย แล้วเรามาคอยดูกันว่าใครจะชนะ ผู้หญิงที่ย่าหามาไม่ทำให้แดนดินหวั่นไหวได้หรอก!”
“มั่นหน้าไปอีกนายกู!” ก้องหล้าได้แต่นึกปลงกับความมั่นของเจ้านาย ขอให้ผู้หญิงที่กำลังจะมาเยือนเรือนคำหอมในเร็วๆ นี้ ทำให้เจ้านายพ่ายแพ้แก่เขาด้วยเถอะ!
หลังจากทักทายทำความรู้จักกันคร่าวๆ แล้ว คำแพงจึงเอ่ยเข้าเรื่องที่ทำให้พวกตนมาอยู่ที่นี่ “คุณพี่คงจะสงสัยว่าทำไมพวกเราถึงมาขอรบกวนถึงที่นี่ ก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นนั่นแหละค่ะ มันมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้พวกเราอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ชั่วคราว อยากจะขอมาหลบอยู่ที่นี่ก่อนสักพัก ขอให้คุณพี่เห็นใจด้วยเถอะค่ะ”“ดูพูดเข้าสิ พูดอะไรแบบนั้นแม่แพง พวกเราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันเสียหน่อย” เจ้าของเรือนโบกมือบอกเสียงดัง “เรื่องที่อยู่ที่กินน่ะไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่หนีปัญหาอะไรมาล่ะ ฉันพอจะช่วยอะไรได้ไหม”“แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องค่ะ แต่น้องไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร นึกถึงคุณพี่ขึ้นมาเป็นคนแรก ก็เลยพากันมาขออาศัยใบบุญที่นี่” แม่แพงบอกพลางเอื้อมมือไปลูบแขนเรียวของฤทัยรักษ์อย่างสงสาร “ไม่รู้ว่าคุณชายตะวันคิดอะไรอยู่ เอาน้องสาวไปวางเดิมพันมั่วๆ กับคนอื่นจนเขาตามมาทวงถึงที่วัง พอคุณหญิงจันทร์ไม่ยอมไปทำงานใช้หนี้อย่างที่ตกลงกันไว้ ก็มาบังคับหนูอุ่นให้ไปแทน น้องยอมไม่ได้หรอกค่ะ น้องเลี้ยงทั้งสองคนมาแต่เล็กแต่น้อย คุณชายสร้างปัญหาขึ้นมาก็ต้องหาทางแก้ไขเอาเองสิ จะมาเอาน้องเอาหลานไปขัดดอกได้ยังไง”ยิ่งพูดน้ำเสียงของแม
เมื่อเอ่ยถึงหมู่บ้านเล็กๆ ในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวงอย่างหมู่บ้านนาทองคำแล้ว ที่นั่นคือแหล่งผลิตและส่งออกข้าวหอมมะลิคุณภาพดีของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ไม่กี่ร้อยหลังคาเท่านั้น แต่นาข้าวที่อยู่ล้อมรอบหมู่บ้านกลับมีพื้นที่นับพันไร่ เกินกว่าครึ่งของที่นาเหล่านั้นเป็นของ คุณย่าคำหอม ทรัพย์มหาศาล เศรษฐินีใหญ่ของหมู่บ้านคุณย่าคำหอมมีนาข้าวนับไม่ถ้วน แต่กลับมีทายาทน้อย ตอนมีลูกท่านก็มีคนเดียว พอมีหลานยังมีหลานชายคนเดียวอีก ดังนั้นพอหลานชายหัวแก้วแหวนอยู่ในวัยสร้างครอบครัว ท่านจึงสรรหาสาวๆ มาให้เขาได้พิจารณา เลือกเอาสะโพกใหญ่ๆ หน่อย จะได้คลอดเหลนให้ท่านได้หลายๆ คน แต่แดนดินกลับไม่เคยเห็นผู้หญิงพวกนั้นอยู่ในสายตา หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ชายหนุ่มผลักไสพวกเธอออกไปจากชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ นานา ก็เหมือนสาวเสื้อส้มที่ต้องกลับไปแบบไม่ได้เห็นแม้เพียงเส้นผมของเขาหลังจากส่งคนกลับไปแล้ว หญิงชราก็มานั่งคัดเมล็ดถั่วไว้ทำขนมรอหลานอยู่ที่หอนั่งกลางเรือนไทยประยุกต์แบบอีสาน สร้างจากไม้สักทองทั้งหลัง ซึ่งสร้างขึ้นในตอนที่ท่านย้ายตามสามีมาอยู่ที่นี่ พอลูกชายคนเดียวแต่งงานมีครอบครัวก็ปลูกเรือนไทยอีกหลังขึ้นด
“ไสว่าสิบ่ถิ่มก๊าน ไสว่าสิมี๊กานและก๊าน ไสว่าสิฮักแพงก๊าน ไสว่าสิมีก๊านตลอดปายยยย”เสียงลูกคอที่มีเอกลักษณ์ด้านลบดังออกมาจากเถียงนาน้อยหลังหนึ่งกลางทุ่ง ฟังจากลักษณะแล้วเจ้าของเสียงได้เข้าถึงอารมณ์ส่วนลึกไปแล้ว จึงได้แหก...เอ่อ...ส่งเสียงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ“ไสว่าสิบ่แบ่งจาย ไสว่า..."คนอยู่ในกระท่อมด้วยกันทนไม่ไหวตะโกนด่าลั่น“มึงน่ะไสหัวไปเลย! เสียงอย่างกับควายออกลูก”แต่พ่อนักร้องกลับส่งเสียงร้องดังขึ้นเหมือนจะแกล้งกัน“ไสว่าสิบ่ถิ่มก๊านนนนนนนน”“ถ้ายังบ่เซาฮ้อง กูสิถิ่มมึงบาดนิล่ะบักเวรก้อง!” (ถ้ายังไม่หยุดร้อง กูได้ทิ้งมึงตอนนี้ล่ะไอ้เวรก้อง)“ฮ่วย! นายคึเว้าแนวนี้ล่ะ ระดับ ‘ก้องหล้า นาทองคำ’ มาฮ้องเพลงให้ฟังเอง มันดีปานได๋แล้ว” (อ้าว ทำไมนายพูดแบบนี้ล่ะ ระดับก้องหล้านาทองคำมาร้องเพลงให้ฟังเอง มันดีแค่ไหนแล้ว)“ดีกับผี คนฟังหูดับตับไหม้หมดแล้ว”“เสียงดีขนาดนี้ หูนายฟังไม่ถึงระดับเสียงนี้มากกว่า” ก้องหล้าค้อนใส่เจ้านายรัวๆ และโดนขายาวๆ ยันออกมาใส่จนตกแคร่ไม้ไผ่ลงไปนอนขาชีฟ้าอยู่พื้นดินทันที “น๊าย!”“ถึงยัง ถ้ายังไม่ถึง กูจะได้ถีบให้มันถึง!”“ถึงแล้วค้าบ! แค่นี้ก็ต้องทำร้ายร่างกายกั







