Mag-log inเมื่อเอ่ยถึงหมู่บ้านเล็กๆ ในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวงอย่างหมู่บ้านนาทองคำแล้ว ที่นั่นคือแหล่งผลิตและส่งออกข้าวหอมมะลิคุณภาพดีของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ไม่กี่ร้อยหลังคาเท่านั้น แต่นาข้าวที่อยู่ล้อมรอบหมู่บ้านกลับมีพื้นที่นับพันไร่ เกินกว่าครึ่งของที่นาเหล่านั้นเป็นของ คุณย่าคำหอม ทรัพย์มหาศาล เศรษฐินีใหญ่ของหมู่บ้าน
คุณย่าคำหอมมีนาข้าวนับไม่ถ้วน แต่กลับมีทายาทน้อย ตอนมีลูกท่านก็มีคนเดียว พอมีหลานยังมีหลานชายคนเดียวอีก ดังนั้นพอหลานชายหัวแก้วแหวนอยู่ในวัยสร้างครอบครัว ท่านจึงสรรหาสาวๆ มาให้เขาได้พิจารณา เลือกเอาสะโพกใหญ่ๆ หน่อย จะได้คลอดเหลนให้ท่านได้หลายๆ คน แต่แดนดินกลับไม่เคยเห็นผู้หญิงพวกนั้นอยู่ในสายตา หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ชายหนุ่มผลักไสพวกเธอออกไปจากชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ นานา ก็เหมือนสาวเสื้อส้มที่ต้องกลับไปแบบไม่ได้เห็นแม้เพียงเส้นผมของเขา
หลังจากส่งคนกลับไปแล้ว หญิงชราก็มานั่งคัดเมล็ดถั่วไว้ทำขนมรอหลานอยู่ที่หอนั่งกลางเรือนไทยประยุกต์แบบอีสาน สร้างจากไม้สักทองทั้งหลัง ซึ่งสร้างขึ้นในตอนที่ท่านย้ายตามสามีมาอยู่ที่นี่ พอลูกชายคนเดียวแต่งงานมีครอบครัวก็ปลูกเรือนไทยอีกหลังขึ้นด้านข้าง โดยทำระเบียงทางเดินเชื่อมเข้ากับเรือนใหญ่ เพื่อให้เขากับภรรยาได้ใกล้ชิดกับบิดามารดาเหมือนอยู่เรือนเดียวกัน แต่ตอนนี้ลูกชายคนดีได้พาภรรยากลับไปอยู่ที่บ้านเกิดเมืองนอนของอีกฝ่ายแล้วละนะ
คล้อยหลังสาวเสื้อส้มจากไปไม่นาน คนที่คำหอมรออยู่ก็มาถึง
“คุณย้าาา”
คนสูงวัยได้ยินเสียงสิบแปดหลอดของหลานชายแล้วถึงกับขมวดคิ้ว พอร่างสูงในเสื้อยืดกับกางเกงเลเดินตึงตังขึ้นมาบนเรือนด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์จึงชิงทำหน้าดุก่อน
“ทำเสียงดังอะไรกันเจ้าดิน”
แดนดินที่ลืมตัวไปหน่อยรีบนั่งลงยิ้มประจบหญิงชรา “ขอโทษที่เสียงดังนะจ๊ะ ดินแค่อยากเจอย่าเร็วๆ น่ะ”
“เชอะ” คนถูกประจบมองค้อน “มีอะไรก็ว่ามา”
“ย่าเลิกหาผู้หญิงมาให้ดินดูตัวเถอะนะ” อ้อนวอนด้วยสีหน้าที่เริ่มจะบูดขึ้นมาอีกแล้ว หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เขาต้องคอยคิดหาวิธีเลี่ยงการเผชิญหน้าผู้หญิงพวกนั้นจนปวดหัวไปหมดแล้ว
ผู้เป็นย่ากลับบอกว่า “ดินมีเมียเมื่อไหร่ ย่าก็หยุดเมื่อนั้นแหละ”
“แต่ดินยังไม่อยากมีเมียนี่”
“แล้วทำไมไม่อยากมี” อันนี้คนแก่สงสัยจริงๆ คนรุ่นเดียวกับแดนดินมีลูกสองลูกสามกันไปแล้วทั้งนั้น แต่คนหน้าตาดีที่สุด รวยที่สุด เสน่ห์ล้นเหลือที่สุดของรุ่นอย่างแดนดินกลับยังไม่มีอะไรกับใคร หลานท่านมันมีปัญหาอะไร?
“มีเมียแล้วไม่ค่อยดีนี่จ๊ะ จะทำอะไร จะไปไหนมาไหนก็ยาก”
“เคยมีรึไง ถึงได้รู้น่ะ”
“โอ๊ย ผู้หญิงที่ดินเคยเจอ ไม่มีว่าง่ายๆ สักคน คอยแต่จะเจ้ากี้เจ้าการ สั่งโน่นนี่ ห้ามโน่นนั่น น่าปวดหัวจะตายไปจ้ะ”
“น่าปวดหัวแล้วไปยุ่งด้วยทำไม ผู้หญิงดีๆ อย่างเช่น...”
“ไม่เช่นแล้วจ้ะ ไม่เอาแล้วด้วย ดินไม่รีบ เกิดเป็นชายจะรีบไปทำไม ยิ่งแก่ยิ่งแซ่บนะจ๊ะย่า”
“เออ! แซ่บของแกคนเดียวสิ ไม่รีบหาตอนนี้แล้วเมื่อไหร่ย่าจะได้อุ้มเหลน เรี่ยวแรงย่าก็หายไปทุกวันๆ นะ หรือย่าคนนี้จะไม่มีวาสนาได้อุ้มหลานกับเขาแล้ว” หญิงชราวัยเจ็ดสิบที่ยังหน้าตาอิ่มเอิบและสุขภาพแข็งแรงดี แกล้งบีบน้ำตา แต่หลานชายดันรู้ทันกันดี
“พอจ้ะ มุขนี้ย่าเล่นบ่อยแล้ว”
คนถูกขัดมองค้อนหน้าคว่ำ ก่อนจะประกาศอย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “ไม่รู้แล้ว ย่าอยากอุ้มเหลน ดินต้องรีบหาเมียมาทำเหลนให้ย่า”
แดนดินตวัดสายตามองค้อนคืนทันที “นั่นเมียหรือเครื่องผลิตเหลนกันแน่”
“ไม่รู้ไม่ชี้”
“เอาเป็นว่าดินจะหาเมียเอง รับรองว่าถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ดินจะขยันผลิตเหลนให้ย่านะครับ”
“อีกไม่กี่วันที่จะถึง ย่าแพงจะพาหลานสาวของท่านชายใหญ่มาอยู่ที่นี่ ชาติตระกูลดีเลยเชียว ทำไมดินไม่ลองเปิดใจจีบเอามาเป็นคนของเราล่ะ” คำหอมบอกด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่าน้องสาวจะพาใครมาด้วย
“มาอยู่ที่นี่?” แดนดินหรี่ตาถามในจุดสำคัญ
“ช่าย”
“ไม่ได้นะ ดินไม่ให้เขามาอยู่ที่เรือนนี้ด้วยหรอก” ชายหนุ่มเอ่ยค้านทันที มาวันเว้นวันก็แทบแย่ ถ้ามาอยู่ด้วยกันเลยก็ตายห่าพอดีสิ!
“ไม่ให้อยู่ก็เรื่องของดินสิ ย่าจะให้พวกเขามาอยู่กับย่าที่เรือนนี้”
เรือนทั้งสองเชื่อมกันก็จริง แต่แยกส่วนกันชัดเจน แดนดินกับลูกน้องคนสนิทอาศัยอยู่ที่เรือนเล็ก ส่วนคำหอมกับคนสนิทก็อาศัยอยู่ที่เรือนใหญ่ ใครจะมาอยู่กับท่านก็ไม่เกี่ยวกับเรือนเล็กอยู่แล้ว
“ดินไม่สงสารย่าแพงก็เรื่องของดิน แต่ถ้าพวกเขามาแล้วก็ช่วยทำตัวดีๆ หน่อยแล้วกัน ย่าให้เขาว่าเอาได้ว่าหลานย่าไม่ดี”
แดนดินพูดไม่ออก ได้แต่นิ่วหน้าถาม “ทำไมย่าแพงถึงจะมาอยู่ที่บ้านเราล่ะจ๊ะ”
“ย่ายังไม่ได้ถามเรื่องถามราวอะไรกันหรอก” ต้นสายปลายเหตุจริงๆ คำหอมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน พอน้องสาววัยห่างกันครึ่งรอบโทรมาขอความช่วยเหลือ ท่านก็รับปากไปอย่างไม่คิดอะไร “เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว เขาจะมาหาย่าก็ไม่แปลก”
“แต่ทำไมต้องเอาคนอื่นมาด้วยล่ะ ผู้รากมากดีเขาถือตัวกันจะตายไป บางคนก็เรื่องมาก ไม่รู้ว่ามาแล้วจะปลื้มบ้านเราหรือเปล่า ดินเปิดใจไม่ยากหรอก แต่ฝ่ายนั้นเขาจะชอบคนบ้านนอกคอกนาอย่างดินหรือเปล่าล่ะจ๊ะ”
“ไม่รู้ ก็ดูกันเอาเองสิ เนื้อคู่กระดูกคู่จะมาพบบรรจบกันได้ล้วนขึ้นอยู่ที่โชคชะตา ที่ดินไม่สนใจใครเลยสักคน อาจเป็นเพราะว่ารอคนนี้อยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้ ดูอย่างย่าสิ อยู่ไกลแค่ไหนก็ยังมาพบรักกับปู่ของแกถึงที่นาทองคำ แล้วก็ต้องมานั่งปวดหัวเรื่องแกอยู่นี่ไง!”
แดนดินหัวเราะเบาๆ บอก “ยังไงดินก็ยืนยันว่าจะหาเมียเอง”
“หาเมียเองได้ แต่ย่าขอให้ดินลองพิจารณาคนนี้ดูก่อน ถ้าดินไม่ถูกใจจริงๆ ย่าจะเลิกยุ่งกับเรื่องเมียรักของดินเลย”
หลานรักพยักหน้าให้ย่าเหมือนเหนื่อยจะขัดใจแล้ว “เอาเป็นว่าดินจะลองๆ พิจารณาเขาดูก็แล้วกันจ้ะ”
“ได้สิจ๊ะ ย่าน่ะตามใจหลานอยู่แล้ว”
“...” แดนดิน
ในที่สุดแขกพิเศษก็เดินทางมาถึงเรือนคำหอม
“กราบย่าจ้ะ”
คำแพง หญิงสูงวัยในชุดกระโปรงผ้าเนื้อดีที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้กลางหอนั่งบนเรือนใหญ่อมยิ้มลูบศีรษะชายหนุ่มที่กราบลงแทบตักตนอย่างเอ็นดู “ไม่เจอกันตั้งนาน ยังหล่อเหมือนเดิมเลยหลานย่า”
พอถูกชมเจ้าตัวก็ไม่มีเขินอาย ตอบด้วยสีหน้าระรื่น “แดนดินก็คือแดนดิน หล่อลั่นทุ่งเสมอจ้ะย่า”
คนเป็นย่าตัวจริงอย่างคำหอมที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับส่ายหน้า ขณะที่คำแพงแนะนำหญิงสาวร่างเล็กที่มาด้วยกันยิ้มๆ
“นี่ฤทัยรักษ์หรือหนูอุ่นค่ะ เด็กที่น้องฟูมฟักมาเองตั้งแต่อ้อนแต่ออกเลยค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” ฤทัยรักษ์ยกมือขึ้นไหว้อย่างอ่อนน้อม แม้ในใจจะแอบหัวเราะกับฉายา ‘หล่อลั่นทุ่ง’ ของแดนดิน
“สวัสดีจ้ะ ย่าชื่อคำหอมนะ ส่วนคนนี้ก็พี่ดิน” ย่าคำหอมรับไหว้ด้วยสีหน้าใจดี ก่อนแนะนำแดนดินให้รู้จักเสร็จสรรพ สายตาประเมินใบหน้าสวยพลางๆ นางเห็นคนสวยมามาก แต่ที่สวยหวานละมุนตานั้นน้อย ฤทัยรักษ์คนนี้มีใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวสวย ตาสีน้ำตาลเชื่อม จมูกรั้นเชิดนิดๆ ริมฝีปากอวบอิ่ม รูปร่างกำลังดี เบื้องต้นสำหรับนางถือว่าผ่านเลย
ในทางกลับกัน แดนดินกำลังมองฤทัยรักษ์ด้วยสายตาครุ่นคิด
วันนี้เขาลงทุนสลัดเสื้อยืดเกงเลมาสวมเสื้อเชิ้ตเกงยีนให้หล่อเนี้ยบ เพื่อดูว่าสาวผู้ดีของย่าจะมีท่าทีอย่างไร จะชม้อยชม้ายชายตาหรือทอดสะพานให้เขาเหมือนสาวๆ คนอื่นหรือเปล่า
ผลที่ได้คือฤทัยรักษ์ไม่สนใจเขาเลย...
หลังจากทักทายทำความรู้จักกันคร่าวๆ แล้ว คำแพงจึงเอ่ยเข้าเรื่องที่ทำให้พวกตนมาอยู่ที่นี่ “คุณพี่คงจะสงสัยว่าทำไมพวกเราถึงมาขอรบกวนถึงที่นี่ ก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นนั่นแหละค่ะ มันมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้พวกเราอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ชั่วคราว อยากจะขอมาหลบอยู่ที่นี่ก่อนสักพัก ขอให้คุณพี่เห็นใจด้วยเถอะค่ะ”“ดูพูดเข้าสิ พูดอะไรแบบนั้นแม่แพง พวกเราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันเสียหน่อย” เจ้าของเรือนโบกมือบอกเสียงดัง “เรื่องที่อยู่ที่กินน่ะไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่หนีปัญหาอะไรมาล่ะ ฉันพอจะช่วยอะไรได้ไหม”“แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องค่ะ แต่น้องไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร นึกถึงคุณพี่ขึ้นมาเป็นคนแรก ก็เลยพากันมาขออาศัยใบบุญที่นี่” แม่แพงบอกพลางเอื้อมมือไปลูบแขนเรียวของฤทัยรักษ์อย่างสงสาร “ไม่รู้ว่าคุณชายตะวันคิดอะไรอยู่ เอาน้องสาวไปวางเดิมพันมั่วๆ กับคนอื่นจนเขาตามมาทวงถึงที่วัง พอคุณหญิงจันทร์ไม่ยอมไปทำงานใช้หนี้อย่างที่ตกลงกันไว้ ก็มาบังคับหนูอุ่นให้ไปแทน น้องยอมไม่ได้หรอกค่ะ น้องเลี้ยงทั้งสองคนมาแต่เล็กแต่น้อย คุณชายสร้างปัญหาขึ้นมาก็ต้องหาทางแก้ไขเอาเองสิ จะมาเอาน้องเอาหลานไปขัดดอกได้ยังไง”ยิ่งพูดน้ำเสียงของแม
เมื่อเอ่ยถึงหมู่บ้านเล็กๆ ในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวงอย่างหมู่บ้านนาทองคำแล้ว ที่นั่นคือแหล่งผลิตและส่งออกข้าวหอมมะลิคุณภาพดีของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ไม่กี่ร้อยหลังคาเท่านั้น แต่นาข้าวที่อยู่ล้อมรอบหมู่บ้านกลับมีพื้นที่นับพันไร่ เกินกว่าครึ่งของที่นาเหล่านั้นเป็นของ คุณย่าคำหอม ทรัพย์มหาศาล เศรษฐินีใหญ่ของหมู่บ้านคุณย่าคำหอมมีนาข้าวนับไม่ถ้วน แต่กลับมีทายาทน้อย ตอนมีลูกท่านก็มีคนเดียว พอมีหลานยังมีหลานชายคนเดียวอีก ดังนั้นพอหลานชายหัวแก้วแหวนอยู่ในวัยสร้างครอบครัว ท่านจึงสรรหาสาวๆ มาให้เขาได้พิจารณา เลือกเอาสะโพกใหญ่ๆ หน่อย จะได้คลอดเหลนให้ท่านได้หลายๆ คน แต่แดนดินกลับไม่เคยเห็นผู้หญิงพวกนั้นอยู่ในสายตา หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ชายหนุ่มผลักไสพวกเธอออกไปจากชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ นานา ก็เหมือนสาวเสื้อส้มที่ต้องกลับไปแบบไม่ได้เห็นแม้เพียงเส้นผมของเขาหลังจากส่งคนกลับไปแล้ว หญิงชราก็มานั่งคัดเมล็ดถั่วไว้ทำขนมรอหลานอยู่ที่หอนั่งกลางเรือนไทยประยุกต์แบบอีสาน สร้างจากไม้สักทองทั้งหลัง ซึ่งสร้างขึ้นในตอนที่ท่านย้ายตามสามีมาอยู่ที่นี่ พอลูกชายคนเดียวแต่งงานมีครอบครัวก็ปลูกเรือนไทยอีกหลังขึ้นด
“ไสว่าสิบ่ถิ่มก๊าน ไสว่าสิมี๊กานและก๊าน ไสว่าสิฮักแพงก๊าน ไสว่าสิมีก๊านตลอดปายยยย”เสียงลูกคอที่มีเอกลักษณ์ด้านลบดังออกมาจากเถียงนาน้อยหลังหนึ่งกลางทุ่ง ฟังจากลักษณะแล้วเจ้าของเสียงได้เข้าถึงอารมณ์ส่วนลึกไปแล้ว จึงได้แหก...เอ่อ...ส่งเสียงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ“ไสว่าสิบ่แบ่งจาย ไสว่า..."คนอยู่ในกระท่อมด้วยกันทนไม่ไหวตะโกนด่าลั่น“มึงน่ะไสหัวไปเลย! เสียงอย่างกับควายออกลูก”แต่พ่อนักร้องกลับส่งเสียงร้องดังขึ้นเหมือนจะแกล้งกัน“ไสว่าสิบ่ถิ่มก๊านนนนนนนน”“ถ้ายังบ่เซาฮ้อง กูสิถิ่มมึงบาดนิล่ะบักเวรก้อง!” (ถ้ายังไม่หยุดร้อง กูได้ทิ้งมึงตอนนี้ล่ะไอ้เวรก้อง)“ฮ่วย! นายคึเว้าแนวนี้ล่ะ ระดับ ‘ก้องหล้า นาทองคำ’ มาฮ้องเพลงให้ฟังเอง มันดีปานได๋แล้ว” (อ้าว ทำไมนายพูดแบบนี้ล่ะ ระดับก้องหล้านาทองคำมาร้องเพลงให้ฟังเอง มันดีแค่ไหนแล้ว)“ดีกับผี คนฟังหูดับตับไหม้หมดแล้ว”“เสียงดีขนาดนี้ หูนายฟังไม่ถึงระดับเสียงนี้มากกว่า” ก้องหล้าค้อนใส่เจ้านายรัวๆ และโดนขายาวๆ ยันออกมาใส่จนตกแคร่ไม้ไผ่ลงไปนอนขาชีฟ้าอยู่พื้นดินทันที “น๊าย!”“ถึงยัง ถ้ายังไม่ถึง กูจะได้ถีบให้มันถึง!”“ถึงแล้วค้าบ! แค่นี้ก็ต้องทำร้ายร่างกายกั