เนยเริ่มรู้สึกสนุกกับการสนทนามากขึ้น เธอจึงเริ่มพิมพ์ข้อความอย่างเป็นกันเอง
B u T T e R says: แล้วคุณทำงานแผนกเดียวกับเนเหรอ?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: อืม แต่ผมไม่เก่งเท่าเนหรอก หมอนั่นมันเทพมาก
B u T T e R says: ยังไงล่ะ?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ก็ไม่ว่าจะเจองานยากแค่ไหน เนก็แก้ได้ทุกครั้งเลย หมอนั่น ไม่ใช่คนแล้วอะ
B u T T e R says: ฮะๆ แบบนี้เรียกว่าใกล้บ้ารึเปล่า
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: น่าจะประมาณนั้นนะ
B u T T e R says: แล้วไม่กลัวเราเอาไปฟ้องเนเหรอ?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: โอ้...ลืมไปเลย แหะๆ อย่าไปบอกเลยนะ (-/\-)
B u T T e R says: หุหุ ไม่บอกหรอก แต่เดี๋ยวจะตะโกนให้เนได้ยินดีกว่า ^O^
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เหวอ! อย่าทำแบบนั้นนะ สงสารผมเถอะ หมอนั่นเวลาโกรธเอาเรื่องอยู่
B u T T e R says: แล้วคุณรู้จักเนนานรึยัง?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ก็ประมาณ 3-4 เดือนได้ แต่รู้สึกเหมือนสนิทกันมานานแล้ว ^^
B u T T e R says: แปลกดีนะ ปกติเนไม่ค่อยสนิทกับใครง่ายๆ เลยนี่นา
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เหรอ แต่เขาก็สนิทกับผมนะ ^^ คงเพราะผมเป็นคนดีล่ะมั้ง
B u T T e R says: หลงตัวเองไปแล้วล่ะมั้ง
(เนยส่ายหน้าพลางอมยิ้ม)
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: อ้าว เรื่องจริงนะ ไม่เชื่อเหรอ?
B u T T e R says: ไม่เชื่อหรอก เราว่ารู้จักเนมากกว่าคุณอีก
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เอ๊ะ พูดแบบนี้ เป็นแฟนเนรึเปล่า?
B u T T e R says: ก็ทำนองนั้น
(เนยพิมพ์แกล้งเขาด้วยความหมั่นไส้)
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: O_o จริงเหรอ ว้า...งี้ผมก็อกหักน่ะสิ (T^T)
B u T T e R says: มั่วจริงๆ เราเป็นพี่สาวของเนย่ะ!
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: อ้าวเหรอ...โล่งใจไปที
B u T T e R says: ทำไมล่ะ คิดจะจีบเราเหรอ? ^^
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เอ...ถ้าจะให้จีบก็จีบได้นะ ^^ แต่พี่สาวเพื่อนนี่เป็นของต้องห้ามนะ
B u T T e R says: ซะงั้น - -a
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ล้อเล่นน่ะ ล้อเล่น
เนยรู้สึกสบายใจมากขึ้น และยิ่งสนุกกับการคุย
B u T T e R says: แล้วเนยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: อื้อ เขามีงานเลี้ยงอะไรซักอย่างน่ะ ฝากให้ผมช่วยโหลดงานให้ด้วย -___-a
B u T T e R says: อ้อ...แล้วคุณไม่ไปงานกับเขาเหรอ?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: แหะๆ จริงๆ ต้องไปแหละ แต่ลืม พอเลิกงานก็ตรงกลับบ้านเลย
B u T T e R says: เป็นงั้นไป 555
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เฮ้ย...นี่ไง เนโทรมาตามแล้ว - - “
B u T T e R says: รีบไปเถอะ เดี๋ยวเนโกรธจะโดนเบียร์กรอกปากไม่รู้ตัวนะ!
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: โอ้โห...กลัวที่ไหนกัน!
B u T T e R says: เอาไว้จะคอยดู
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เอาเถอะ...แต่ถ้าเนโกรธจริงก็คงไม่ดี งั้นขอตัวก่อนนะ ไว้คุยกันใหม่ ^^”
B u T T e R says: ไหนบอกไม่กลัวเนไง?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ไม่ได้กลัว...แค่เกรงใจน่ะ ^^
B u T T e R says: หุหุ
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ไปก่อนนะครับ บายๆ
B u T T e R says: ค่ะ บายค่ะ ^^
เนยปิดหน้าต่างแชทลง พร้อมกับอมยิ้มเล็กๆ เมื่อนึกถึงบทสนทนาที่เกิดขึ้น เธออดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงคุยกับชายหนุ่มปริศนาคนนี้ได้อย่างสนิทสนมเช่นนี้ อาจเป็นเพราะเขาเป็นเพื่อนของน้องชายเธอก็ได้ หญิงสาวสะบัดศีรษะเล็กน้อย ไล่ความเมื่อยล้า ก่อนจะรวบผมยาวของเธอขึ้น ม้วนไว้เป็นกลุ่มแล้วใช้ปากกาเสียบไว้ เพื่อกันไม่ให้ผมหลุดลงมา จากนั้นเธอก็หันกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์และเริ่มลงมือทำงานต่อ
ณ ร้านอาหารทะเลริมถนนอุดมสุข ร้านอาหารเต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาทานมื้อเย็น เบียร์ขับรถมาจอดที่ลานจอดด้านหลังร้าน ก่อนจะเดินตรงเข้าไป ชายหนุ่มสอดสายตามองหากลุ่มคนที่คุ้นเคย จนกระทั่งเห็นกลุ่มเพื่อนนั่งอยู่ที่โต๊ะใหญ่มุมหนึ่งของร้าน
“เฮ้! เบียร์ ทางนี้!”
เนตะโกนเรียกเบียร์พร้อมโบกมือ เบียร์ยิ้มขำๆ ก่อนจะเดินแทรกผ่านโต๊ะต่างๆ จนมาถึงโต๊ะของกลุ่มเพื่อน
“ทำไมมาช้าจังวะ” เนทักทันทีที่เบียร์นั่งลงข้างเขา
“ติดธุระนิดหน่อย” เบียร์ตอบสั้นๆ ก่อนจะพยักหน้าให้พนักงานที่เข้ามาเทเบียร์ใส่แก้วให้
“เฮ้ๆ มาช้าขนาดนี้ต้องเลี้ยงแล้วมั้ง!” เสียงแซวจากหัวโต๊ะดังขึ้น เบียร์หันไปยิ้มขำๆ
“โธ่...พี่ตูน เห็นใจคนเงินเดือนน้อยแบบผมบ้างเถอะครับ” เบียร์ยกแก้วขึ้นจิบเบียร์ด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“ได้ข่าวว่าแผนกประชาสัมพันธ์กำลังจะรับพนักงานใหม่วะ” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
“ใช่ๆ ได้ข่าวว่าขาว สวย หมวย อึ๋มเชียวนะ!” อีกคนเสริมพร้อมหัวเราะ
“เฮ้ยๆ เกรงใจพี่ตูนหน่อย พี่เขาก็ผู้หญิงนะ” เบียร์ปรามเพื่อนอย่างขำๆ
“โธ่ ตูนน่ะเหรอ ผู้หญิงที่ไหนกัน ผู้ชายชัดๆ!” พี่กาว ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ พี่ตูน พูดแซวขึ้นมา
ป้าป!
“พูดมากนักไอ้กาว!” พี่ตูนฟาดหัวพี่กาวเบาๆ ทันที
“โอ๊ย...เบาๆ หน่อยสิครับ ตูนจ๋า กาวเจ็บนะ กาซิกๆ” พี่กาวทำท่าออดอ้อนพี่ตูนอย่างน่าสงสาร
ทุกคนในโต๊ะหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน รู้ดีว่าทั้งคู่เพิ่งตกลงคบกันได้ไม่นาน
เบียร์นั่งหัวเราะเบาๆ ก่อนจะอมยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“เฮ้ย ไอ้เบียร์ ยิ้มอะไรของมึงวะ” เนถามด้วยความสงสัย
“เปล่า ไม่มีอะไร” เบียร์ปฏิเสธ แต่ก็ยังคงยิ้มบางๆ เป็นปริศนาที่ยากจะเข้าใจ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล