การทำงานเกี่ยวกับบัตรเครดิตทั้งวันทำให้เนยรู้สึกเหนื่อยล้า โดยเฉพาะเมื่อเจอลูกค้าที่เรื่องมาก แต่เธอก็ยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้เสมอ เพราะเธอรู้ดีว่าสำหรับงานบริการ สิ่งสำคัญที่สุดคือการมอบบริการที่ยอดเยี่ยมให้ลูกค้า และดึงพวกเขากลับมาใช้บริการอีกครั้ง
สำหรับเนย เรื่องพวกนี้ไม่ยากเลย เธอสามารถ ‘ตีหน้า’ เก่งจนเพื่อนๆ ในออฟฟิศยกฉายาให้ว่า “นางนกสองหน้า” เพราะเธอสามารถแสดงออกอย่างมืออาชีพได้ตลอดเวลา
หลังเลิกงาน เป็นเวลาที่เนยชอบมากที่สุด หญิงสาวมักจะแวะที่โลตัสตรงสถานีอ่อนนุชเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัวหรือของกินเล่น เธอมีความสุขกับการเลือกดูของ แม้ว่าบางครั้งจะไม่ได้ซื้อติดมือกลับบ้านเลยก็ตาม
พูดไม่ค่อยเก่ง...แต่รักหมดใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายของเนย หญิงสาวจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดเพราะมีคนขัดจังหวะการช้อปปิ้งของเธอ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ ก่อนจะกดรับสายด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ฮัลโหล นายมีอะไร?” เสียงเธอกรอกลงไปอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่โทรมา
“เออ ฉันเอง เธอจะกลับบ้านกี่โมง?” เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างไม่รู้ว่าคนฟังอารมณ์เสียแค่ไหน
“กำลังจะกลับ แค่แวะซื้อของนิดหน่อย” เนยตอบเรียบๆ แล้วเดินดูของต่อ
“รีบกลับหน่อยสิ ฉันจะให้ช่วยโหลดงานจากเน็ต” เสียงปลายสายเร่ง ทำให้เนยขมวดคิ้ว
“แล้วทำไมนายไม่ทำเอง?”
“ก็ฉันติดงาน คงกลับดึก ช่วยหน่อยนะ” ปลายสายอ้อนแกมบังคับ
“เออๆ ก็ได้” เนยตอบอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะกดวางสาย น้องชายตัวดีของเธอชอบมาป่วนแบบนี้เสมอ เธอส่ายหน้าแล้วตัดสินใจเลิกช้อป และรีบกลับบ้านทันที
เมื่อกลับถึงบ้าน เนยตรงเข้าไปอาบน้ำทันที หลังจากชำระร่างกายที่เหนียวเหนอะมาทั้งวัน หญิงสาวสวมชุดนอนที่เบาสบายแล้วเดินลงไปในครัวหาคุณแม่ด้วยท่าทางประจบ
“แม่ขา... วันนี้มีอะไรทานบ้างคะ?” เนยเข้าไปกอดแม่แน่นทันที แม่ของเธอมักจะเตรียมอาหารเย็นให้หลังเธอกลับจากทำงานเสมอ
“อาบน้ำแล้วเหรอลูก วันนี้แม่ทำแซนวิชแฮมของโปรดของลูกไง” แม่ของเนยตอบด้วยเสียงนุ่ม แต่แฝงด้วยความเข้ม ก่อนจะเลื่อนจานแซนวิชที่หั่นพอดีคำให้เธอ
“โห...แม่รู้ใจหนูที่สุดเลย” เนยตาโตด้วยความดีใจ หอมแก้มแม่ฟอดใหญ่แล้วหยิบแซนวิชขึ้นมา
แม่หันมาจ้องหน้าเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เนย...แม่สอนให้แกรู้จักควบคุมอารมณ์และใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตั้งแต่เด็กๆ ...จำไว้นะ ลูกสาวของคนอย่างเรา ต้องไม่มีวันอ่อนแอ!”
“ค่ะๆ หนูรู้แล้ว”
เนยตอบยิ้มๆ แม้จะคุ้นชินกับคำพูดหนักแน่นแบบนี้ของแม่ แต่เธอก็รักแม่มาก เพราะเบื้องหลังของแม่ที่ดูเหมือนเป็นแม่บ้านธรรมดา แท้จริงแล้วเป็นลูกสาวมาเฟียที่มีอำนาจ และแม่ก็เคี่ยวเข็ญให้เธอเรียนศิลปะป้องกันตัวตั้งแต่เด็กเพื่อปกป้องตัวเอง
ที่สำคัญ พ่อของเธอดันไม่รู้เรื่องที่แม่เป็นลูกสาวมาเฟียนี่สิ
“มาอ้อนแม่เขาอีกแล้วนะลูก” เสียงพ่อดังขึ้น เมื่อเขาเดินเข้ามาในครัว
“เปล่าซักหน่อยค่ะ คุณพ่อ” เนยตอบเสียงกระเง้ากระงอด พร้อมกัดแซนวิชคำใหญ่
“หึหึ ทำไมไม่ทานข้าวข้างนอกบ้างล่ะ กว่าจะกลับบ้านก็ดึก เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะพอดี” พ่อพูดอย่างเป็นห่วง พร้อมลูบหัวเธอเบาๆ
อาหารข้างนอกสู้ฝีมือแม่ไม่ได้เลยนี่คะ” เนยหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
“ประจบเก่งจริงนะเรา” พ่อของเนยหัวเราะ พร้อมเขกหัวเธอเบาๆ เป็นการหยอกล้อ
หลังจากนั้นเนยก็รีบขึ้นไปที่ห้องนอน พร้อมแซนวิชในมือ ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อโหลดงานให้น้องชาย เธอเปิดโปรแกรม Chatzy เพื่อเข้าไปล็อกอิน และเช็คเมลตามปกติ
“โห... 20 เมล ใครมันช่างขยันส่งจัง” เนยพึมพำกับตัวเอง ขณะที่กวาดตาดูอีเมลต่างๆ
หลังจากโหลดงานให้น้องชายเสร็จ เธอก็เปิดดูรูปที่เพื่อนๆ ส่งมา ทั้งรูปดาราที่ถูกตัดต่อ หรือรูปน่ากลัวๆ ที่ทำให้เธอรีบปิดหน้าจอแทบไม่ทัน ขณะกำลังอ่านเมลเพลินๆ กล่องข้อความในโปรแกรม Chatzy ก็เด้งขึ้นมาให้เธอเพิ่มเพื่อน
“หืม... แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ? ใครกันนะ...”
เนยขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะตัดสินใจกดตอบรับคำขอเพราะความอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: สวัสดีครับ
ทันทีที่เนยตอบรับคำขอเพิ่มเพื่อน อีกฝ่ายก็ทักทายมา หญิงสาวเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
B u T T e R says: สวัสดีค่ะ
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: คุณรู้จักเนใช่มั้ยครับ?
คำถามของอีกฝ่ายทำให้เนยขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะพิมพ์ตอบ
B u T T e R says: ค่ะ แล้วคุณคือใครเหรอคะ?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ผมรู้จักเนครับ
B u T T e R says: เพื่อนเนเหรอคะ?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ครับผม
B u T T e R says: มิน่า ตอนแรกก็งงว่าใคร ^^”
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เรียกผมว่าบีก็แล้วกันครับ แล้วคุณชื่อ...
B u T T e R says: อ๋อ ชื่อเนยค่ะ
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ยินดีที่ได้รู้จักครับ
B u T T e R says: ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ^^a
B u T T e R says: แล้วคุณรู้จักเนได้ยังไงคะ?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: อ๋อ...ผมทำงานที่เดียวกับเนครับ ^^
B u T T e R says: นึกว่าเนไม่มีคนคบซะอีก 555
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: จริงๆ เราสองคนก็ไม่ค่อยมีเพื่อนนะ
B u T T e R says: ง่ะ -___-a
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ล้อเล่นครับ ล้อเล่น ^^
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล