เมื่อความลับในโลกเสมือนกลายเป็นเกมเสน่หาที่อันตราย... เนย ทายาทมาเฟียผู้ลึกลับ และ เบียร์ แฮกเกอร์เจ้าเสน่ห์ ทั้งสองต่างซ่อนตัวตนที่แท้จริง แต่จะรอดพ้นจากแรงปรารถนาหรือพ่ายแพ้ให้กับเกมอันเย้ายวนนี้?
View Moreยามเช้าวันจันทร์แรกของสัปดาห์ เส้นทางจราจรในกรุงเทพฯ ที่ปกติก็หนาแน่นอยู่แล้ว ยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อมีอุบัติเหตุบนถนนสุขุมวิท เสียงดีเจรายงานข่าวจราจรผ่านวิทยุยิ่งทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะหน้าถึงกับขมวดคิ้วด้วยความรำคาญใจ
“จะติดอะไรนักหนานะ... ขอแค่ไปให้ถึงสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชก็เท่านั้นเอง” หญิงสาวบ่นออกมาเสียงเบา พลางก้มลงดูนาฬิกาข้อมือของเธอ ซึ่งบอกเวลา 7.30 น. เข้าไปแล้ว
“บ่นเป็นคนแก่ไปได้ รถมันก็ติดแบบนี้ทุกวัน” ชายสูงอายุที่ทำหน้าที่ขับรถพูดล้อเลียนเบาๆ
“แหม...เนยต้องรีบไปทำงานนะคะ เมื่อวานก็ไปสายทีนึงแล้ว ที่สำคัญคุณพ่อไม่ต้องทำงานแล้วนี่คะ” เนยตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
พ่อของเนยเป็นข้าราชการที่เพิ่งปลดเกษียณเมื่อปีที่ผ่านมา และในช่วงนี้เขามักมีเวลาว่างพอจะทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต รวมถึงการขับรถไปส่งลูกสาวสุดที่รักที่สถานีรถไฟฟ้า ห่างจากบ้านไม่ถึง 5 กิโลเมตร แต่วันนี้การจราจรกลับหยุดนิ่งเนื่องจากมีเหตุคนปีนขึ้นไปบนอาคารที่ทำงานของสถานีตำรวจพระโขนง ทำให้มีผู้คนมุงดูและการจราจรติดขัดอย่างหนัก
“โห...แบบนี้เนยไปทำงานไม่ทันแน่เลยค่ะ ขึ้นมอเตอร์ไซค์ดีกว่า” หญิงสาวเริ่มกังวลกับเวลาที่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว วันนี้เธอมีนัดสำคัญกับลูกค้าช่วงเช้าด้วย
“จะเอางั้นเหรอ?” พ่อของเธอถาม พลางปลดล็อคประตูรถให้
“ไปก่อนนะคะ คุณพ่อ” เนยกล่าวพร้อมยกมือไหว้ ก่อนจะลงจากรถและโบกเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
การนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพียงไม่ถึง 5 นาที เนยก็ถึงสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช เธอโดดลงจากรถพร้อมยื่นเงิน 20 บาทให้กับคนขับ แม้จะเป็นราคาที่สูงสำหรับระยะทางแค่ร้อยเมตรกว่าๆ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับเวลาที่ประหยัดได้
เนยรีบเดินขึ้นบันไดสถานีรถไฟฟ้า หยิบบัตรโดยสารรายเดือนออกมาและสอดมันเข้าสู่ช่องทางเดินเข้าอย่างรวดเร็ว เธอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือด้วยความวิตก การไปทำงานสายเป็นวันที่สองในสัปดาห์ไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอมีนัดสำคัญกับลูกค้าตอน 8 โมงเช้า หัวหน้างานของเธอคงไม่พอใจนักหากเธอไปสายอีกครั้ง
เพียงสามนาที รถไฟฟ้าก็เคลื่อนเข้าสู่ชานชลา เนยยืนรอจนรถไฟจอดสนิทก่อนจะก้าวขึ้นไปข้างในอย่างเร่งรีบ เธอมองหาที่นั่งริมสุดของเก้าอี้ที่ว่างอยู่เพียงไม่กี่ตัว แม้จะไม่ค่อยชอบนั่งติดกับใคร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้
เมื่อรถไฟเคลื่อนขบวนอีกครั้ง เนยลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดในใจว่าเธอคงไปทันนัดลูกค้าสำคัญเช้านี้อย่างแน่นอน
“เนย!” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง หญิงสาวที่เพิ่งเดินออกจากห้องรับรองของบริษัทชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันไปตามเสียง
“อ้าว! แพร สวัสดีจ้ะ” เนยทักทายเพื่อนสาวซึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธออย่างรีบร้อน
“สวัสดีอะไรล่ะ มานี่เลย แม่คุณ!” แพร เพื่อนสาวผมสั้นซอยเข้ารูป รีบดึงแขนของเนยให้เดินตามอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรเหรอ?” เนยพยายามกลั้นหัวเราะกับท่าทีจริงจังเกินเหตุของเพื่อน
“ยังจะมาถามอีก วันนี้เธอมาสายอีกแล้วนะ!” แพรขมวดคิ้ว ส่งสายตาดุใส่เนยที่ดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องนี้นัก
“ก็รถมันติดนี่นา มีคนบ้าปีนตึกสถานีตำรวจพระโขนงเลยทำให้ฉันมาสายน่ะ...แต่ก็แค่ 10 นาทีเองนะ” เนยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ พลางอธิบายให้เพื่อนฟัง
“ฉันไม่ว่านะ แต่คนที่จะว่าน่ะ...”
“นางสาวอมลวัทน์ ภานิชกุล!” เสียงดุของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังแพร ทำให้ทั้งสองคนสะดุ้ง
“นั่นไง คนที่จะว่าเธอน่ะ มาแล้ว!”
แพรกระซิบเบาๆ พลางส่งสายตาเตือนเพื่อนว่าระเบิดลูกใหญ่กำลังจะลง เนยหันไปมองก็พบกับพี่เหมย หญิงร่างท้วม ผิวขาว กำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกเธอด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“แหม...ฉันขอตัวไปกู้ระเบิดก่อนนะจ๊ะ”
เนยหันไปกระซิบกับแพร พร้อมทำหน้าทะเล้น ก่อนจะรีบตรงเข้าไปหาพี่เหมย
“สวัสดีค่ะ พี่เหมย” เนยกล่าวทักทายพร้อมส่งยิ้มหวานอย่างประจบ
“ไม่ต้องมายิ้มแบบนี้เลย ตามฉันมาเดี๋ยวนี้” พี่เหมยเอ่ยเสียงแข็งดักทาง ก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้องทำงาน เนยหันไปยิ้มแหยๆ ให้แพร ก่อนจะตามหลังเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ
“พี่เหมยมีอะไรกับเนยหรือคะ?” เนยถามอย่างเกรงๆ ทันทีที่เข้าไปในห้องทำงาน หญิงสาวร่างท้วมยืนกอดอก มองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ
“ยังจะถามอีกเหรอ? นี่เธอมาสายเป็นครั้งที่สองในสัปดาห์แล้วนะ แถมวันนี้เธอยังมีนัดสำคัญกับลูกค้า แล้วเธอยังมาสายอีก!” พี่เหมยต่อว่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สะท้อนความอ่อนใจ
“ก็...ถึงเนยจะมาสาย แต่เนยก็คุยกับลูกค้าทันนะคะ แถมเขายังสมัครบัตรเครดิตกับเนยด้วย”
เนยพยายามแก้ตัวเสียงอ่อน เพราะแม้จะมาสาย แต่เธอก็ทำให้ลูกค้าตัดสินใจสมัครบัตรกับเธอได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มยอดขายให้ทีม
“เพราะแบบนั้นฉันถึงไม่อยากจะลงโทษเธอ แต่การที่เธอมาสายจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับพนักงานคนอื่นน่ะสิ... เฮ้อ ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะ อมลวัทน์” พี่เหมยถอนหายใจยาว น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงกว่าตอนแรก
“เนยไม่ได้ตั้งใจจะมาสายนะคะ เพียงแต่ว่า...”
“เอาล่ะ ไม่ต้องอธิบายเหตุผลร้อยแปดของเธอหรอก ฉันเห็นเธอมาสายทีไรก็มีเหตุขัดข้องทุกที เอาเป็นว่าคราวหน้าอย่ามาสายแบบนี้อีก เพราะมันส่งผลต่อการประเมินสิ้นปี ถ้าเธออยากเลื่อนตำแหน่งเป็น Senior แต่ยังมาสายบ่อยๆ แบบนี้ หัวหน้าคนอื่นคงไม่มองเธอในทางที่ดี เข้าใจไหม?”
พี่เหมยโบกมือไปมาอย่างไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเนยอีก ก่อนจะเตือนเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“รับทราบแล้วค่ะ พี่นภกานต์” เนยตอบเสียงใส พร้อมส่งยิ้มประจบเล็กน้อย จากนั้นก็โค้งศีรษะให้เบาๆ แล้วเดินออกจากห้องทำงาน พี่เหมยมองตามด้วยสายตาอ่อนใจ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ
Comments