ณิชาภาหยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาเปิดดู เธอจำได้ว่างานกีฬาสีตอนเธออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีเด็กผู้ชายจากสีอื่นมาช่วยตีกลองแต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะใช้ฉัตรกล้าคนนี้จริงๆ หรือเปล่า
หญิงสาวเปิดรูปที่เพื่อนถ่ายให้ตั้งแต่เธอเป็นดรัมเมเยอร์เรียงลำดับมาจนถึงวันสุดท้ายที่มีการประกวดกองเชียร์แล้วเธอก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนตีกลองอยู่ด้านข้างกองเชียร์นั้นน่าจะเป็นฉัตรกล้าจริงๆ
นอกจากจะมีรูปที่เขาตีกลองข้างสแตนเชียร์แล้วยังมีรูปที่เขาถ่ายรวมกลุ่มกับกองเชียร์อีกด้วย ฉัตรกล้าในวันนั้นตัวสูงผอมและยังตัดผมทรงนักเรียนต่างจากในวันนี้ที่ดูโตขึ้นกว่าเดิมมาก เขาตัวสูงร่างกายบึกบึนกว่าเดิม อีกทั้งใบหน้าก็เกลี้ยงเกลาดูรวมแล้วก็จะเรียกได้ว่าจากเด็กชายในวันนั้นกลายเป็นในชายหนุ่มที่หล่อมากขึ้นจนเธอจำไม่ได้เลยทีเดียว
การได้คุยกับเด็กที่มาจากโรงเรียนเดิมก็เหมือนกันได้คุยกับเพื่อนเก่า ณิชาภาเรียนอยู่โรงเรียนประจำอำเภอจากนั้นก็ไปเรียนที่กรุงเทพก่อนจะกลับมาดูแลกิจการแทนบิดามารดาในตัวจังหวัด นานๆ ครั้งถึงจะกลับไปตัวอำเภอเสียทีเธอเลยไม่ค่อยมีเพื่อนที่นี่เลย
การมีฉัตรกล้ามาคุยด้วยก็เลยทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวในอดีตซึ่งมีทั้งความสุขและความทุกข์ปนกันเต็ม
ณิชาภานอนนึกถึงเรื่องราวในอดีตจนกระทั่งเผลอหลับไปรู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาเช้าหญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวจากนั้นก็ลงมาที่ร้านทำผม ซึ่งเวลาเปิดร้านปกติก็อยู่ที่ประมาณ 10 โมงเช้าแต่ณิชาภาจะลงมาตั้งแต่เช้า เพื่อจะดูบัญชีของเมื่อวาน จากนั้นหญิงสาวก็ไปทานอาหารที่ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม
ชีวิตประจำวันของณิชาภาไม่มีอะไรมากเลย ตื่นเช้ามาทำงานที่ร้านทำผม ตกเย็นก็ปิดร้านข้าวทานและกลับขึ้นห้องตามลำพังจะว่าเหงาก็ไม่เชิงแต่จะหาใครมาอยู่ด้วยก็ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยอีกแล้วเธอยังติดกับคำว่าผู้หญิงกินผัวและไม่รู้จะลบคำนี้ออกจากตัวเธอได้ยังไง
ถึงแม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแล้วแต่คนบางคนก็ยังเชื่อเรื่องนี้อยู่และเธอก็ห้ามความคิดของใครไม่ได้ ณิชาภาเลยตัดสินใจว่าจากนี้ตนเองจะไม่คบผู้ชายคนไหนอีก ถึงแม้จะมีคนมาจีบแต่หญิงสาวให้ได้มากที่สุดก็แค่สถานะเพื่อนเท่านั้น เพราะไม่อยากมีปัญหาและไม่อยากให้ครอบครัวของใครคือการสูญเสียอีก
ทุกครั้งที่สูญเสียพวกเขาก็โทษว่าเป็นความผิดของเธอโดยไม่ได้ถามเลยว่าจริงๆ แล้วเรื่องมันเป็นยังไงอย่างกรณีอาร์ตแฟนคนแรก เขาก็เป็นคนขับรถเร็วและใจร้อนอยู่แล้ว การที่เขาเกิดอุบัติเหตุขณะกลับจากการมาหาเธอมันก็เกิดจากความประมาทของเขาเพราะเธอเตือนเขาให้ใส่หมวกกันน็อก แต่เขาบอกว่าใส่แล้วมันไม่เท่และผมจะเสียทรง เมื่อเกิดอุบัติเหตุเขาก็เลยเจ็บหนักและสุดท้ายก็เสียชีวิต
บิดามารดาของเขาโทษว่าเป็นความผิดของเธอเพราะถ้าลูกชายเขาไม่มาหาเธอก็คงจะไม่เกิดอันตรายแบบนี้ ณิชาภาเลือกที่จะเงียบและปล่อยให้เขาโทษว่าเป็นความผิดของเธอแบบนั้นเพราะเถียงไปมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรอาร์ตก็ไม่ได้ฟื้นขึ้นมา เธอเสียใจที่เสียรักและใช้เวลาเกือบสามปีกว่าจะทำได้ใจ
ส่วนคนรักคนที่สองที่เป็นลูกเจ้านายของเธอ เธอคบกับเข้าได้หนึ่งปีและตกลงหมั้นกัน ในวันที่เกิดอุบัติเหตุ เขามาส่งเธอที่บ้าน และประสบอุบัติเหตุหลังจากมาส่งเธอที่บ้านและขับรถกลับคนเดียว บิดามารดาของชายคนนั้นก็โทษว่าเป็นความผิดของณิชาภา เมื่อไม่มีคู่หมั้นและครอบครัวของเขาก็รังเกียจเธอ หญิงสาวก็เลยลาออกจากที่ทำงานและกลับมาช่วยงานบิดามารดาที่บ้าน
จนถึงตอนนี้เธอก็รับผิดชอบงานที่หอพักมาเกือบห้าปีเต็มแล้วเนื่องจากบิดามารดาเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน หญิงสาวก็รับผิดชอบทุกอย่างและอยู่คนเดียวตามลำพัง
เรื่องราวในอดีตมันทำให้เธอไม่อยากจะรับใครเข้ามาในชีวิตอีกถึงแม้จะรู้ว่าทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของเธอเลยก็ตาม
หลังจากคู่หมั้นเสียชีวิตได้สามเดือนณิชาภาก็มารู้ความจริงว่าวันนั้นหลังจากที่เขาส่งเธอที่บ้านแล้วเขาก็แวะไปหาผู้หญิงคนอื่นและต้องรีบขับรถกลับบ้านให้ตรงเวลาที่นัดกับมารดาไว้ มันเลยทำให้เขาขับรถเร็วกว่าเดิมจนเกิดอุบัติเหตุ
ถ้าหากว่าเขาซื่อสัตย์กับเธอไม่แวะหาผู้หญิงอื่นระหว่างทางเขาก็คงไม่รีบร้อนแบบนั้นแต่ณิชาภาก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเพราะมันก็เหมือนกับกรณีของอาร์ตที่บอกไปอีกฝ่ายก็ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาเธอยอมให้คนอื่นมองว่าเธอเป็นผู้หญิงกินผัวดีกว่าจะไปอธิบายให้คนที่ไม่คิดจะฟังเธอตั้งแต่แรก
และคนสุดท้ายเธอกับเขาเพิ่งจะเริ่มคุยกัน เขาเป็นลูกเจ้าของร้านทองในตลาดที่ประสบอุบัติเหตุ หญิงสาวรู้ว่าเขามีนิสัยชอบเล่นโทรศัพท์ขณะเดินและวันนั้นก็คงจะเล่นเพลินไปหน่อยเลยทำให้ถูกรถเฉี่ยว แต่ทางบ้านของฝ่ายชายก็ยังมาโทษว่าเป็นความผิดของเธอทั้งที่เธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย
ณิชาภาเข็ดแล้วที่จะคบกับผู้ชายคนไหนการอยู่คนเดียวมันจะเหงาแต่มันก็ไม่สบายใจ
“พี่ณิชา” เสียงใสของพนักงานสาวทำให้ณิชาภาที่กำลังเดินกลับมาที่ร้านออกจากความภวังค์ความคิดของตัวเอง
“ว่าไงอ้อมาแต่เช้าเลย ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านเลยนะ”
“หนูตื่นมาส่งแฟนไปทำธุระต่างจังหวัดแต่เช้าค่ะ พอส่งเขาเสร็จหนูก็เลยมาทำงาน พี่ณิชามีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ”
“ช่วยพี่เช็กของหน่อยแล้วกันนะว่ามีอะไรต้องซื้อเข้าร้านบ้าง”
“ได้ค่ะ” อ้อเดินมารับสมุดสต๊อกสินค้าจากนั้นก็เช็กของที่จำเป็นด้วยความคล่องแคล่ว ไม่นานนักหญิงสาวก็เอาสมุดมาส่งให้กับณิชาภา
“เสร็จแล้วค่ะพี่ณิชา มีหลายอย่างเลยที่ขาด พี่จะสั่งเองหรือให้อ้อสั่งคะ”
“อ้อสั่งเองได้ไหมพอดีพี่มีงานแปลตรงนี้นิดหน่อย”
นอกจากเป็นเจ้าของหอพักและทำร้านทำผมแล้วณิชาภายังใช้เวลาว่างรับแปลเอกสารเพราะเธอเป็นคนที่ใช้ภาษาอังกฤษค่อนข้างเก่งและถ้าเกิดไม่ได้ทำงานด้านนี้ก็กลัวว่าวิชาความรู้ที่เรียนมามันจะหายไปโดยเปล่าประโยชน์
“พี่ณิชาน่าจะรับสอนพิเศษภาษาอังกฤษด้วยนะคะ”
“พี่สอนใครไม่เป็นหรอกนะอ้อ”
“ก็แต่พี่แปลเก่งมากเลยนะคะ”
“การแปลกับการสอนมันต่างกันจ้ะอ้อ การสอนต้องใจเย็นและมีความรู้แน่นจริงๆ ส่วนการแปลถ้าคำไหนเราไม่เข้าใจเราก็เปิดดิกชันนารีได้มันง่ายกว่ากันเยอะเลย”
“แล้วตอนนี้พี่ณิชาแปลอะไรอยู่คะ”
“นิยายภาษาอังกฤษจ้ะ พอดีเพื่อนที่เขาทำงานอยู่สำนักพิมพ์ส่งมาให้พี่ช่วยแปล”
“โอ้โห เล่มหนาจังเลยนะคะ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จ”
“ก็คงใช้เวลาค่อนข้างนานนั่นแหละ เพราะภาษานิยายกับภาษาทางราชการไม่เหมือนกัน”
“พี่ณิชาก็ต้องอ่านนิยายเยอะๆ สิคะจะได้แปลเก่งๆ”
“นั้นสินะ สงสัยว่าต้องหานิยายมาอ่านบ้างแล้ว”
“ฟังดูมันยุ่งยากจังเลยนะคะ อ่านไม่ออกแต่ก็อยากจะรู้”
“อะไรที่มันยากคนเราก็ชอบทั้งนั้นแหละจ้ะ อย่างนิยายเล่มนี้ก็มีคนมาจ้างให้สำนักพิมพ์แปลอีกที”
“พี่ณิชาทำงานเหมือนเป็นหนี้เลยนะคะ ทั้งที่มีเงินตั้งเยอะ”
“ก็พี่ตัวคนเดียวไง พี่ต้องเก็บเงินไว้ให้เยอะที่สุด”
“แล้วเมื่อไหร่พี่จะมีแฟนล่ะคะ”
“พี่คงไม่มีแฟนแล้วแหละ”
“เพราะคำนินทาพวกนั้นเหรอคะ”
ที่อ้อพูดมันก็ตรงกับที่เธออยู่เพราะคำพูดพวกนั้นทำให้ณิชาภาไม่คิดอยากจะรับใครเข้ามาในชีวิตอีก
ณิชาภาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหนึ่งสัปดาห์จากนั้นเธอก็ออกมาพักฟื้นที่บ้านของฉัตรกล้า ระหว่างนี้บิดามารดาและน้องสาวของฉันกล้าก็ช่วยกันเตรียมงานแต่งงานไปด้วยพอถึงงานแต่งงานณิชาภาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากๆ เพราะฉัตรกล้าชวนเพื่อนๆ ของเธอสมัยมัธยมและสมัยมหาวิทยาลัยอีกทั้งยังให้รถไปรับพนักงานที่หอพักกับร้านเสริมสวยมาร่วมแสดงความยินดีกับเธอด้วยชายหนุ่มจัดการทุกอย่างจนณิชาภาแทบไม่ต้องทำอะไรเลยในงานแต่งทุกคนต่างแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวไม่มีใครพูดถึงดวงกินผัวให้ณิชาภาต้องรู้สึกไม่ดี อีกทั้งครอบครัวของฉัตรกล้าก็มีความหวังดีและยอมรับเธอมาเป็นสมาชิกในครอบครัวด้วยความเต็มใจ ณิชาภายิ้มอย่างมีความสุขเธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะได้แต่งงานแบบนี้หลังจากแต่งงานแล้วฉันกล้าก็ทำให้ณิชาภาต้องประหลาดใจอีกอย่างเมื่อเขาซื้อบ้านและตกแต่งมันอย่างเรียบร้อยพร้อมให้เธอเข้าไปอยู่ แต่เขาไม่ได้ให้เธอย้ายออกจากหอพักเพราะรู้ว่าเธอผูกพันกับที่นั่น แต่ทุกครั้งที่จะไปค้างฉัตรกล้าก็จะขอตามไปด้วยเสมอหลังจากแต่งงานมาหนึ่งเดือนทุกอย่างก็เข้าที่ ตอนเช้าณิชาภาจะตื่นเช้ามาทำกับข้าวจากนั้นฉัตรกล้าก็จะไปท
“สี่วันแล้วนะครับแม่เมื่อไหร่พี่ณิชาจะตื่น”“หมอก็บอกแล้วว่าต้องใช้เวลา กล้าอย่ากังวลไปเลยนะ”“จะไม่ให้ผมกังวลได้ยังไงล่ะครับแม่ คนที่นอนอยู่โรงพยาบาลควรเป็นผมมากกว่า”“กล้าก็คิดว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับดวงไหม”“ไม่เลยครับแม่ ถ้าพี่น่ะณิชามีดวงแบบนั้นจริงๆ คนที่เจ็บก็น่าจะเป็นผมไม่ใช่เธอ”“แล้วตำรวจว่ายังไงบ้าง” คุณวุฒิศักดิ์ถามลูกชาย“เช็กจากจ้องกล้องวงจรปิดแล้วครับ มีคนแอบตัดสายเบรกรถผมจริงๆ ตั้งแต่ตอนที่เราอยู่ร้านอาหาร”“จับได้หรือยังล่ะ”“ตำรวจกำลังตามจับตัวอยู่ ส่วนเรื่องที่ไซต์งานมีปัญหาก็เป็นการสร้างสถานการณ์ เพชรสอบสวนหัวหน้าวิศวกรแล้วเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร ส่วนหัวหน้าคนงานตอนนี้เราก็ยังตามตัวไม่เจอผมว่าก็น่าจะเป็นเขานั่นแหละที่ทำเรื่องแบบนี้”“กล้าไปขัดแข้งขัดขาใครหรือเปล่าทำไมพวกเขาถึงอยากจะทำร้าย”“ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เราประมูลโครงการใหญ่นี้ได้ บางทีเจ้าถิ่นก็อาจจะไม่ชอบก็ได้”“ไม่ชอบแล้วยังไง แล้วก็งานนี้เขาเปิดให้คนประมูลทั่วประเทศเขาไม่มีความสามารถ เขาประมูลไม่ได้เองแต่มาทำร้ายกันถ้าตำรวจจับได้ต้องดำเนินคดีให้หนักเลย เล่นไม่ซื่อแบบนี้พ่อไม่เห็นด้วย ระหว่างนี้กล้าก
ณิชาภาสวมเดรสสีฟ้าอ่อนความยาวคลุมเข่าใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ผมที่เคยปล่อยก็รวบเป็นมวลสวยทำให้ฉัตรกล้านึกถึงวันแรกที่เขาเห็นเธอเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน วันใจเต้นแรงมาก และวันนี้เธอก็ยังทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงเหมือนวันนั้นไม่มีผิด“พี่ณิชาของผมสวยมากเลย สวยจริงๆ นะ”“กล้าก็ชมพี่แบบนี้ตลอดจนพี่จะตัวลอยแล้ว”“ก็พี่ก็พี่สวยจริงๆ ผ่านมาสิบกว่ากว่าปีแต่พี่ณิชาก็ยังสวยและผมว่าตอนนี้พี่สวยมากขึ้นด้วยนะ”“ที่บอกรักพี่บ่อยๆ เพราะความสวยเหรอ”“ตอนแรกผมตกหลุมรักพี่เพราะความสวย แต่พอได้อยู่ใกล้ก็รู้สึกว่าพี่เป็นผู้หญิงที่จิตใจดีคนหนึ่งผมอยู่กับพี่ผมมีความสบายใจมากๆ เลยนะเหมือนเป็นที่เหมือนเป็นเซฟโซนของผมเลย”“กล้าก็เป็นเซฟโซนของพี่เหมือนกัน พี่ไม่เคยเปิดใจพูดคุยอะไรกับใครได้ทุกเรื่องเหมือนกล้ามาก่อน”“ถ้าหากวันนั้นผมกล้ามากกว่านี้ผมคงจะเข้าไปจีบพี่ตั้งแต่ตอนนั้น”“แล้วทำไมถึงไม่ไปจีบล่ะ บางทีถ้ากล้าไปจีบตอนนั้นเราอาจจะได้คบกันก็ได้นะ”“ก็ตอนนั้นพี่ณิชามีแฟนอยู่แล้ว อีกอย่างหน้าตาผมมันก็ดูไม่ได้เลย หัวเกียนผอมสูงแถมยังดัดฟัน อีกผู้หญิงที่ไหนเขาจะชอบล่ะ”“แต่ตอนนี้กล้าของพี่หล่อมากๆ เลยนะไม่รู
กลับมาถึงคอนโดมิเนียมฉัตรกล้าก็แทบจะกระโจนเข้าใส่ณิชาภาเขาไม่ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างไรค่า กว่าจะยอมให้ณิชาภาได้นอนพักก็ผ่านไปแล้วหลายชั่วโมงณิชาภาเหนื่อยจน ไม่มีแรงจะลุกไปเข้าห้องน้ำฉัตรกล้าต้องเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเพื่อให้หญิงสาวนอนหลับอย่างสบาย“ผมรักพี่ณิชานะครับรักมาก พี่ว่าครอบครัวผมเป็นยังไงบ้างโอเคไหม”“พ่อกับแม่ของกล้าดูใจดี ส่วนพี่และน้องของกล้าก็เป็นกันเองมากพี่ไม่คิดเลยว่ากล้าจะมีครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ ที่ผ่านมากล้าไม่เคยเล่าให้พี่ฟังเลยว่ากล้าเป็นใครมาจากไหน พี่รู้แค่กล้าเป็นวิศวกรเท่านั้น”“ผมจะเป็นใครมาจากไหนมันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะยังไงผมก็คือเด็กดีของพี่”“ขอบคุณนะกล้าที่รับพี่เข้ามาในชีวิต”“ในเมื่อพี่เข้ามาในชีวิตของผมแล้วผมก็ไม่ยอมให้พี่ก้าวออกไปอย่างแน่นอน” ฉัตรกล้ากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยทั้งสองคนตื่นนอนในเวลาเกือบเที่ยงของวันพุธ จากนั้นก็ไปเดินห้างสรรพสินค้าด้วยกันฉัตรกล้าพาคนรักไปช้อปปิ้งแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมให้เขาเป็นคนจ่ายเงินให้“ทำไมล่ะพี่”“แต่พี่ก็มีเงินของพี่ กล้าไม่เห็นจะต้องซื้อให้พี่เลย”“พี่ทำให้ผมรู้สึกนอยด์ยังไงก็ไม่รู้”“จะนอยด์อะไร
ฉัตรกล้าโทรศัพท์มาหาณิชาภาในเวลาห้าโมงเย็นของวันอังคารขณะที่เขากำลังขับรถออกจากไซต์งานก่อสร้าง“กล้ามีอะไรหรือเปล่าหรือจะให้พี่ซื้อกับข้าวไว้รอใช่ไหม”“ผมว่าเย็นนี้เราเข้ากรุงเทพกันเลยไหม”“ทำไมรีบร้อนจังล่ะ มีอะไรหรือเปล่า ตอนแรกเราคุยกันไว้ว่าจะไปเช้าวันพุธไม่ใช่เหรอ”“พอดีน้องสาวผมจะไปเที่ยววันพุธเช้าครับ เธอก็เลยอยากเจอพี่ณิชาก่อน พี่ณิชาเก็บของทันไหมอีกประมาณยี่สิบนาทีผมก็น่าจะถึงร้านทำผมแล้ว”“เราจะไปค้างที่นั่นกี่คืนล่ะกล้า” ณิชาภาถามเพื่อนที่เธอจะได้เตรียมชุดไปให้พอดี“พี่เตรียมชุดไปสำหรับสองคืนก็พอครับ เพราะวันพฤหัสตอนบ่ายผมมีงานต้องคุยกับหัวหน้าวิศวกร”“ถ้ากล้ามาถึงก่อนก็รออยู่ด้านล่างนะพี่ขอเวลาเก็บของนิดเดียว”“ผมเองก็มีของที่จะต้องเอาเหมือนกันครับ ถ้าพี่จัดของเสร็จก่อนผมก็รออยู่ที่ร้านทำผมนะครับ”ณิชาภารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่วันนี้ลูกค้าในร้านไม่เยอะเท่าไหร่เธอจึงอนุญาตให้พี่แมวกับอ้อกลับไปก่อน หญิงสาวจัดการปิดร้านเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปเก็บของใช้ลงกระเป๋าใบเล็กก่อนจะเดินลงมารอฉัตรกล้าด้านล่างอีกครั้งรอไม่นานชายหนุ่มก็ขับรถมาจอดหน้าหอพักเขายิ้มให้เธอก่อนจะวิ่งหายขึ้นไปบ
ณิชาภากำลังหลับสบายแต่ก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังไต่อยู่บนตัวหญิงสาวพยายามขยับหนีแต่สัมผัสนั้นเพิ่มมากขึ้นเธอลืมตาตื่นเราก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้ร่างกายของตนเองนั้นเปลือยเปล่า ฉัตรกล้ากำลังใช้ปากร้อนดูดกลืนเม็ดเชอร์รี่เข้าปากราวกับคนอดอยากทั้งที่เมื่อคืนก็ดูดกินไปจนหนำใจแล้ว“อื้อ...กล้า”“ผมขอโทษที่ทำพี่ตื่น ขออีกรอบนะ”ณิชาภาไม่รู้จะตอบเขายังไง เพราะปากของเขาที่มันปรนเปรออยู่บนหน้าอกของเธอก็กระตุ้นให้หญิงสาวรู้สึกเสียวซ่าน เธอกัดริมฝีปากแน่นเพราะกลัวเสียงครางจะเล็ดลอดออกไปให้กับผู้เข้าพักได้ยิน ฉัตรกล้าเองก็เหมือนจะรู้ใจเขาผละปากร้อนออกจากเต้าอวบก่อนจะประกบจูบซับเสียงครางหวานของคนรัก เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดมือร้อนฟอนเฟ้นอกอิ่มกายสาวร้อนรุ่มมากขึ้นการแอบทำอะไรแบบนี้มันเพิ่มความตื่นเต้นได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มผละจูบออกเขามองหน้าคนรักด้วยสายตาหื่นกระหาย“ผมรักพี่นะ ผมไม่เคยมีความต้องการใครมากมายแบบนี้มาก่อน พี่รู้สึกเหมือนกันใช่ไหม”เธอยิ้มอายๆ เธอเองก็คงไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่ แค่สัมผัสจากมือร้อน เสียงอ้อนที่กระซิบแผ่วเบาของเขามันก็ทำให้หญิงสาวพร้อมที่จะกระโจนลงกองเพลิงตัณหา