ภาพความทรงจำในอดีตย้อนกลับมา ฉัตรกล้ายังจำวันที่ตนเองเจอพี่ณิชาครั้งแรกได้เป็นอย่างดี
วันนั้นที่โรงเรียนมีกิจกรรมกีฬาสี ตอนเช้ามีการเดินขบวนพาเหรด ฉัตรกล้าไม่ได้ไปร่วมเดินขบวนเพราะขี้เกียจและไม่ชอบอากาศร้อนเท่าไหร่ เด็กหนุ่มนั่งรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน เขาใส่เสื้อคลุมทับไว้กะว่าถ้าขบวนเดินมาถึงตัวเองจะถอดเสื้อคลุมออกแล้วค่อยแทรกเข้าไปในแถว
เสียงกลองดังมาแต่ไกลฉัตรกล้ากวาดสายตามองไปเรื่อยเพราะคงอีกนานกว่าสีของตนเองจะเดินมาถึงตรงนี้ เขามองไปยังหัวขบวนก็เห็นว่ามีดรัมเมเยอร์อยู่หลายคน เด็กหนุ่มมองหาเพื่อนร่วมห้องของตนเพราะเธอบอกให้เขาช่วยถ่ายรูปของตนให้ด้วย เมื่อเห็นเพื่อนแล้วฉัตรกล้าก็ยกกล้องขึ้น เขาซูมไปใกล้ๆ พอได้รูปถ่ายของเพื่อนแล้วก็ยังไม่ลดกล้องลงเพราะกะว่าจะถ่ายอีกสักมุม
เขาแพนกล้องเพื่อหามุมที่ดีที่สุด แต่ก็มีคนเดินมาชนทางด้านหลังและพอยกกล้องขึ้นอีกครั้งโฟกัสมันก็หลุดออกจากเพื่อนแต่คนที่กล้องไปโฟกัสอยู่กลายเป็นผู้หญิงอีกคน เธอสวยมาก ใบหน้ารูปไข่ ขาวเนียน ดวงตาของเธอกลมโตสดใส ยิ่งแต่งหน้าเข้มแบบนี้ก็ทำให้สวยเด่นจนเขากดชัตเตอร์รัวๆ
เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้ก่อนเลยเพราะตั้งแต่มาเรียนที่นี่ก็ไม่เคยจะสนใจจะมองผู้หญิงแต่เธอคนนี้ทำให้เขาแทบเสียอาการ
ฉัตรกล้ามองจนเธอเดินผ่านไปและเขาก็ได้รูปถ่ายของเพื่อนไปไม่กี่รูปเพราะลืมตัวจนถ่ายแต่ผู้หญิงคนนั้น
เมื่องานเปิดกีฬาจบลงฉัตรกล้าก็เอารูปที่ตนเองถ่ายไปถามเพื่อนว่าเธอคนนี้คือใคร จากนั้นตลอดทั้งวันเอาก็เอาแต่มองรุ่นพี่ณิชา นอกจากเธอจะเป็นดรัมเมเยอร์แล้วพี่ณิชายังเป็นประธานของสีฟ้าอีกด้วยแต่น่าเสียดายที่ฉัตรกล้าอยู่สีเขียว
งานกีฬาสีของโรงเรียนมีสองวัน ในวันที่สองตอนบ่ายจะเป็นการประกวดกองเชียร์ ฉัตรกล้าและเพื่อนรับหน้าที่เป็นมือกลองของสีเขียว
“มึงได้ข่าวมือกลองสีฟ้าไหม” เสกสรรถามระหว่างเวลาพักหลังจากซ้อมเพลงที่ใช้แข่งให้กองเชียร์เสร็จไปแล้วสองรอบ
“อะไรวะ” ฉัตรกล้ารีบหันไปถามเพราะเขาได้ยินคำว่าสีฟ้าก็นึกไปถึงใบหน้าสวยของประธานสี
“ก็เมื่อวานตอนกลับบ้านได้ข่าวว่าขับมอเตอร์ไซค์ล้ม”
“แล้วแบบนี้สีฟ้าใครจะตีกลองให้สีฟ้าวะ” เขาถามแล้วหันไปมองทางสีฟ้าที่สแตนด์เชียร์อยู่ติดๆ กัน
“กูก็เห็นมีคนตีอยู่นะ แต่ไม่ค่อยเข้าจังหวะเท่าไหร่สงสัยคงจะไม่ได้หาคนสำรองไว้” ณัฐพลที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำตอบ
“ไม่เหมือนสีเขียวนะ มีกูมึงแล้วยังไอ้ป๊อบกับไอ้อั๋นอีก แม่งสีเดียวมีมือกลองทั้งสี่คน”
“กูอยากไปช่วยสีฟ้าตีกลองว่ะ”
“อะไรนะไอ้กล้าที่สี่ตัวเองมึงยังไม่ค่อยจะตีนี่ยังจะไปช่วยสีอื่นมีอะไรหรือเปล่า อ๋อกูรู้ละเพราะพี่ณิชาเป็นประธานสีฟ้าใช่ไหม”
“อือ กูอยากไปช่วยพี่เขา กูไม่อยากเห็นพี่เขาหน้าเครียด” ฉัตรกล้าแอบมองไปทางสีฟ้าบ่อยๆ จึงเห็นว่าวันนี้พี่ณิชาไม่ค่อยยิ้มเลย เขาอยากเห็นรอยยิ้มที่สดใสของเธอ
“มึงจะไปช่วยเขาให้เสียเวลาทำไมพี่ณิชาเขาเป็นแฟนกับพี่อาร์ตรุ่นพี่ประธานนักเรียนนะมึง เดี๋ยวพี่อาร์ตเขาก็จัดการให้เอง”
“กูจะไปตีกลองให้พี่ณิชากูไม่ได้ไปตีกลองให้พี่อาร์ต” เขาบอกอย่างจริงจัง
“เขาเป็นแฟนกัน เดี๋ยวพี่อาร์ตเขาก็หาคนมาช่วยแฟนเขาตีเองแหละ”
“ก็เมื่อกี้มึงเพิ่งบอกเองนี่ไอ้อั๋นว่าคนที่มาตีกลองให้สีฟ้าตีไม่ได้เรื่องเลย”
“แล้วถ้าครูประจำสีถามล่ะมึงจะให้พวกกูตอบว่ายังไงกล้า”
“มึงก็บอกกูสิเพราะกูไปช่วยสีฟ้าตีกลอง”
“ได้ยังไงเดี๋ยวครูก็โกรธหรอก”
“กูว่าครูเขาไม่โกรธถ้ากูบอกเขาว่ามันเป็นน้ำใจนักกีฬา มึงเชื่อสิครูบังอรเขาใจดีมาก”
“เขาใจดีกับมึงคนเดียวนะกล้า แต่กับพวกกูเขาไม่ใจดีด้วย”
“เออ เดี๋ยวกูไปเดี๋ยวบอกครูบังอรเอง”
“แน่นะมึง”
ฉัตรกล้ารีบเดินไปหาอาจารย์บังอรที่นั่งอยู่ในเต็นท์อำนวยการกับเพื่อนครูอีกหลายคน
“นายกล้ามาทำไมที่นี่ทำไมไม่ไปนั่งอยู่ที่สีของตัวเอง” ครูบังอรเห็นเด็กหนุ่มเดิมมาจากบริเวณสีของตนเองก็รีบถาม
“ครูครับผมมีเรื่องจะมาขออนุญาตครูครับ”
“จะขออนุญาตทำอะไรล่ะ ถ้าจะกลับบ้านตอนนี้ครูบอกเลยนะว่าไม่ได้ เขากำลังเชียร์กีฬากันอยู่และวันนี้มันก็เป็นวันที่นักเรียนทุกคนต้องมาเรียนตามปกติ”
ครูบังอรรีบห้ามเพราะรู้ฉัตรกล้าคนนี้มักจะทำอะไรที่มันตรงข้ามกบกฎระเบียบอยู่บ่อยๆ
“เปล่าครับผมไม่ได้จะขอกลับบ้านก่อนเวลา”
“แล้วจะขออะไรล่ะนายกล้า” ครูวิไลที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามขึ้น
“คือผมได้ยินว่ามือกลองสีฟ้าเขารถล้มเมื่อวานตอนเย็นใช่ไหมครับ”
“อ๋อ...ใช่ครูก็ได้ข่าวอยู่แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องที่เราจะมาขอครูยังไงล่ะนายกล้า”
“คือผมเห็นว่ามือกลองสีฟ้าที่มาตีวันนี้เขาตีไม่ค่อยเข้าจังหวะเท่าไหร่ สีของเรามีมือกลองตั้งสี่คนผมเลยอยากจะมาขออนุญาตครูบังอรไปช่วยสีฟ้าตีกลองครับ”
ครูบังอรยิ้มกับฉัตรกล้าเพราะไม่คิดว่าลูกศิษย์ของตนเองจะเป็นคนมีน้ำใจแบบนี้
“ครูไม่คิดเลยนะว่าเธอจะเป็นคนมีน้ำใจแบบนี้กล้า”
“ถ้าอยากจะไปตีกลองให้สีฟ้า จริงๆ ก็ตามกูมาสิเดี๋ยวครูจะพาไปเอง” ครูวิไลที่เป็นครูประจำสีฟ้าบอกกับฉัตรกล้า
“ขอบคุณครับครู”
ครูวิไลพาฉัตรกล้ามาแนะนำให้กับประธานสีรู้จักจากนั้นประธานสีก็บอกสมาชิกทุกคนในสีว่าเขาจะมาช่วยตีกลองและให้เริ่มฝึกซ้อมเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเวลาแข่งกองเชียร์แล้ว
ณิชาภาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหนึ่งสัปดาห์จากนั้นเธอก็ออกมาพักฟื้นที่บ้านของฉัตรกล้า ระหว่างนี้บิดามารดาและน้องสาวของฉันกล้าก็ช่วยกันเตรียมงานแต่งงานไปด้วยพอถึงงานแต่งงานณิชาภาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากๆ เพราะฉัตรกล้าชวนเพื่อนๆ ของเธอสมัยมัธยมและสมัยมหาวิทยาลัยอีกทั้งยังให้รถไปรับพนักงานที่หอพักกับร้านเสริมสวยมาร่วมแสดงความยินดีกับเธอด้วยชายหนุ่มจัดการทุกอย่างจนณิชาภาแทบไม่ต้องทำอะไรเลยในงานแต่งทุกคนต่างแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวไม่มีใครพูดถึงดวงกินผัวให้ณิชาภาต้องรู้สึกไม่ดี อีกทั้งครอบครัวของฉัตรกล้าก็มีความหวังดีและยอมรับเธอมาเป็นสมาชิกในครอบครัวด้วยความเต็มใจ ณิชาภายิ้มอย่างมีความสุขเธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะได้แต่งงานแบบนี้หลังจากแต่งงานแล้วฉันกล้าก็ทำให้ณิชาภาต้องประหลาดใจอีกอย่างเมื่อเขาซื้อบ้านและตกแต่งมันอย่างเรียบร้อยพร้อมให้เธอเข้าไปอยู่ แต่เขาไม่ได้ให้เธอย้ายออกจากหอพักเพราะรู้ว่าเธอผูกพันกับที่นั่น แต่ทุกครั้งที่จะไปค้างฉัตรกล้าก็จะขอตามไปด้วยเสมอหลังจากแต่งงานมาหนึ่งเดือนทุกอย่างก็เข้าที่ ตอนเช้าณิชาภาจะตื่นเช้ามาทำกับข้าวจากนั้นฉัตรกล้าก็จะไปท
“สี่วันแล้วนะครับแม่เมื่อไหร่พี่ณิชาจะตื่น”“หมอก็บอกแล้วว่าต้องใช้เวลา กล้าอย่ากังวลไปเลยนะ”“จะไม่ให้ผมกังวลได้ยังไงล่ะครับแม่ คนที่นอนอยู่โรงพยาบาลควรเป็นผมมากกว่า”“กล้าก็คิดว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับดวงไหม”“ไม่เลยครับแม่ ถ้าพี่น่ะณิชามีดวงแบบนั้นจริงๆ คนที่เจ็บก็น่าจะเป็นผมไม่ใช่เธอ”“แล้วตำรวจว่ายังไงบ้าง” คุณวุฒิศักดิ์ถามลูกชาย“เช็กจากจ้องกล้องวงจรปิดแล้วครับ มีคนแอบตัดสายเบรกรถผมจริงๆ ตั้งแต่ตอนที่เราอยู่ร้านอาหาร”“จับได้หรือยังล่ะ”“ตำรวจกำลังตามจับตัวอยู่ ส่วนเรื่องที่ไซต์งานมีปัญหาก็เป็นการสร้างสถานการณ์ เพชรสอบสวนหัวหน้าวิศวกรแล้วเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร ส่วนหัวหน้าคนงานตอนนี้เราก็ยังตามตัวไม่เจอผมว่าก็น่าจะเป็นเขานั่นแหละที่ทำเรื่องแบบนี้”“กล้าไปขัดแข้งขัดขาใครหรือเปล่าทำไมพวกเขาถึงอยากจะทำร้าย”“ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เราประมูลโครงการใหญ่นี้ได้ บางทีเจ้าถิ่นก็อาจจะไม่ชอบก็ได้”“ไม่ชอบแล้วยังไง แล้วก็งานนี้เขาเปิดให้คนประมูลทั่วประเทศเขาไม่มีความสามารถ เขาประมูลไม่ได้เองแต่มาทำร้ายกันถ้าตำรวจจับได้ต้องดำเนินคดีให้หนักเลย เล่นไม่ซื่อแบบนี้พ่อไม่เห็นด้วย ระหว่างนี้กล้าก
ณิชาภาสวมเดรสสีฟ้าอ่อนความยาวคลุมเข่าใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ผมที่เคยปล่อยก็รวบเป็นมวลสวยทำให้ฉัตรกล้านึกถึงวันแรกที่เขาเห็นเธอเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน วันใจเต้นแรงมาก และวันนี้เธอก็ยังทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงเหมือนวันนั้นไม่มีผิด“พี่ณิชาของผมสวยมากเลย สวยจริงๆ นะ”“กล้าก็ชมพี่แบบนี้ตลอดจนพี่จะตัวลอยแล้ว”“ก็พี่ก็พี่สวยจริงๆ ผ่านมาสิบกว่ากว่าปีแต่พี่ณิชาก็ยังสวยและผมว่าตอนนี้พี่สวยมากขึ้นด้วยนะ”“ที่บอกรักพี่บ่อยๆ เพราะความสวยเหรอ”“ตอนแรกผมตกหลุมรักพี่เพราะความสวย แต่พอได้อยู่ใกล้ก็รู้สึกว่าพี่เป็นผู้หญิงที่จิตใจดีคนหนึ่งผมอยู่กับพี่ผมมีความสบายใจมากๆ เลยนะเหมือนเป็นที่เหมือนเป็นเซฟโซนของผมเลย”“กล้าก็เป็นเซฟโซนของพี่เหมือนกัน พี่ไม่เคยเปิดใจพูดคุยอะไรกับใครได้ทุกเรื่องเหมือนกล้ามาก่อน”“ถ้าหากวันนั้นผมกล้ามากกว่านี้ผมคงจะเข้าไปจีบพี่ตั้งแต่ตอนนั้น”“แล้วทำไมถึงไม่ไปจีบล่ะ บางทีถ้ากล้าไปจีบตอนนั้นเราอาจจะได้คบกันก็ได้นะ”“ก็ตอนนั้นพี่ณิชามีแฟนอยู่แล้ว อีกอย่างหน้าตาผมมันก็ดูไม่ได้เลย หัวเกียนผอมสูงแถมยังดัดฟัน อีกผู้หญิงที่ไหนเขาจะชอบล่ะ”“แต่ตอนนี้กล้าของพี่หล่อมากๆ เลยนะไม่รู
กลับมาถึงคอนโดมิเนียมฉัตรกล้าก็แทบจะกระโจนเข้าใส่ณิชาภาเขาไม่ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างไรค่า กว่าจะยอมให้ณิชาภาได้นอนพักก็ผ่านไปแล้วหลายชั่วโมงณิชาภาเหนื่อยจน ไม่มีแรงจะลุกไปเข้าห้องน้ำฉัตรกล้าต้องเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเพื่อให้หญิงสาวนอนหลับอย่างสบาย“ผมรักพี่ณิชานะครับรักมาก พี่ว่าครอบครัวผมเป็นยังไงบ้างโอเคไหม”“พ่อกับแม่ของกล้าดูใจดี ส่วนพี่และน้องของกล้าก็เป็นกันเองมากพี่ไม่คิดเลยว่ากล้าจะมีครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ ที่ผ่านมากล้าไม่เคยเล่าให้พี่ฟังเลยว่ากล้าเป็นใครมาจากไหน พี่รู้แค่กล้าเป็นวิศวกรเท่านั้น”“ผมจะเป็นใครมาจากไหนมันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะยังไงผมก็คือเด็กดีของพี่”“ขอบคุณนะกล้าที่รับพี่เข้ามาในชีวิต”“ในเมื่อพี่เข้ามาในชีวิตของผมแล้วผมก็ไม่ยอมให้พี่ก้าวออกไปอย่างแน่นอน” ฉัตรกล้ากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยทั้งสองคนตื่นนอนในเวลาเกือบเที่ยงของวันพุธ จากนั้นก็ไปเดินห้างสรรพสินค้าด้วยกันฉัตรกล้าพาคนรักไปช้อปปิ้งแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมให้เขาเป็นคนจ่ายเงินให้“ทำไมล่ะพี่”“แต่พี่ก็มีเงินของพี่ กล้าไม่เห็นจะต้องซื้อให้พี่เลย”“พี่ทำให้ผมรู้สึกนอยด์ยังไงก็ไม่รู้”“จะนอยด์อะไร
ฉัตรกล้าโทรศัพท์มาหาณิชาภาในเวลาห้าโมงเย็นของวันอังคารขณะที่เขากำลังขับรถออกจากไซต์งานก่อสร้าง“กล้ามีอะไรหรือเปล่าหรือจะให้พี่ซื้อกับข้าวไว้รอใช่ไหม”“ผมว่าเย็นนี้เราเข้ากรุงเทพกันเลยไหม”“ทำไมรีบร้อนจังล่ะ มีอะไรหรือเปล่า ตอนแรกเราคุยกันไว้ว่าจะไปเช้าวันพุธไม่ใช่เหรอ”“พอดีน้องสาวผมจะไปเที่ยววันพุธเช้าครับ เธอก็เลยอยากเจอพี่ณิชาก่อน พี่ณิชาเก็บของทันไหมอีกประมาณยี่สิบนาทีผมก็น่าจะถึงร้านทำผมแล้ว”“เราจะไปค้างที่นั่นกี่คืนล่ะกล้า” ณิชาภาถามเพื่อนที่เธอจะได้เตรียมชุดไปให้พอดี“พี่เตรียมชุดไปสำหรับสองคืนก็พอครับ เพราะวันพฤหัสตอนบ่ายผมมีงานต้องคุยกับหัวหน้าวิศวกร”“ถ้ากล้ามาถึงก่อนก็รออยู่ด้านล่างนะพี่ขอเวลาเก็บของนิดเดียว”“ผมเองก็มีของที่จะต้องเอาเหมือนกันครับ ถ้าพี่จัดของเสร็จก่อนผมก็รออยู่ที่ร้านทำผมนะครับ”ณิชาภารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่วันนี้ลูกค้าในร้านไม่เยอะเท่าไหร่เธอจึงอนุญาตให้พี่แมวกับอ้อกลับไปก่อน หญิงสาวจัดการปิดร้านเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปเก็บของใช้ลงกระเป๋าใบเล็กก่อนจะเดินลงมารอฉัตรกล้าด้านล่างอีกครั้งรอไม่นานชายหนุ่มก็ขับรถมาจอดหน้าหอพักเขายิ้มให้เธอก่อนจะวิ่งหายขึ้นไปบ
ณิชาภากำลังหลับสบายแต่ก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังไต่อยู่บนตัวหญิงสาวพยายามขยับหนีแต่สัมผัสนั้นเพิ่มมากขึ้นเธอลืมตาตื่นเราก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้ร่างกายของตนเองนั้นเปลือยเปล่า ฉัตรกล้ากำลังใช้ปากร้อนดูดกลืนเม็ดเชอร์รี่เข้าปากราวกับคนอดอยากทั้งที่เมื่อคืนก็ดูดกินไปจนหนำใจแล้ว“อื้อ...กล้า”“ผมขอโทษที่ทำพี่ตื่น ขออีกรอบนะ”ณิชาภาไม่รู้จะตอบเขายังไง เพราะปากของเขาที่มันปรนเปรออยู่บนหน้าอกของเธอก็กระตุ้นให้หญิงสาวรู้สึกเสียวซ่าน เธอกัดริมฝีปากแน่นเพราะกลัวเสียงครางจะเล็ดลอดออกไปให้กับผู้เข้าพักได้ยิน ฉัตรกล้าเองก็เหมือนจะรู้ใจเขาผละปากร้อนออกจากเต้าอวบก่อนจะประกบจูบซับเสียงครางหวานของคนรัก เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดมือร้อนฟอนเฟ้นอกอิ่มกายสาวร้อนรุ่มมากขึ้นการแอบทำอะไรแบบนี้มันเพิ่มความตื่นเต้นได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มผละจูบออกเขามองหน้าคนรักด้วยสายตาหื่นกระหาย“ผมรักพี่นะ ผมไม่เคยมีความต้องการใครมากมายแบบนี้มาก่อน พี่รู้สึกเหมือนกันใช่ไหม”เธอยิ้มอายๆ เธอเองก็คงไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่ แค่สัมผัสจากมือร้อน เสียงอ้อนที่กระซิบแผ่วเบาของเขามันก็ทำให้หญิงสาวพร้อมที่จะกระโจนลงกองเพลิงตัณหา