“ชะเอม ชะเอมช่วยอธิบายโจทย์ฟิสิกส์ข้อนี้ให้ขุนฟังหน่อยสิ ขุนไม่ค่อยเข้าใจ” ขุน เพื่อนผู้ชายในห้องที่แอบชอบชะเอมอยู่แต่ก็ไม่กล้าที่จะจีบเพราะมีภู เดล และอาชิอยู่ใกล้ไม่ห่าง
“ได้สิ ข้อไหนเหรอ”
“ข้อนี้” ขุนชี้โจทย์ฟิสิกส์ให้ชะเอมดูด้วยความใกล้ชิด จนขุนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวชะเอม
“อ๋อ ก่อนอื่นขุนต้องรู้ว่าเหตุการณ์ในโจทย์นี้มันเกิดขึ้นในแนวแกน x หรือแกน y... อะไรของพี่อาชิ เอมกำลังอธิบายให้ขุนฟังอยู่” อาชิดึงหนังสือออกจากตรงหน้าชะเอมมาไว้ตรงหน้าตนเองแทน
“ไอ้ขุน มึงไม่เข้าใจตรงไหน เดี๋ยวกูอธิบายให้มึงฟังเอง” อาชิบอกขุนเสียงเรียบ พร้อมกับสายตาที่บ่งบอกว่า 'มึงอยู่ให้ห่าง ๆ จากชะเอม'
“เออ...” ขุนมีท่าทีอึกอัก
“มาสิ เร็ว ๆ กูจะไปเตะบอล” อาชิเร่งเมื่อขุนมีท่าทีอึกอัก
“ไม่เป็นไร มึงไปเตะบอลเถอะ เดี๋ยวกูไปอ่านอีกรอบก็น่าจะเข้าใจแล้วละ” ขุนบอกพลางยื่นมือไปหยิบหนังสือตรงหน้าอาชิ แล้วรีบเดินกลับไปนั่งประจำที่ตนเอง
“พี่อาชิจะไปเตะบอลเหรอ ให้เอมไปด้วยนะ” ชะเอมส่งสายตาอ้อนวอนพร้อมทั้งทำตาปริบ ๆ
“อยากเตะบอล ?”
“เปล่า เอมแค่จะไปดูพี่อาชิเตะบอล ให้เอมไปด้วยนะ” ชะเอมกะพริบตาถี่ ๆ แบบอ้อนวอนสุด ๆ
“ไอ้อาชิไปเร็ว สนามว่างแล้ว กูให้ไอ้ภูจองไว้แล้ว” เดลโผล่หน้าเข้ามาบอกตรงประตูห้องเรียน
“เออ ๆ เดี๋ยวกูตามไป” อาชิหันไปตอบเดลที่ไม่ได้รอคำตอบเลยเพราะเดล วิ่งกลับไปทันทีที่พูดจบ
“แล้วพี่อาชิจะให้เอมไปดูไหม”
“มีขา อยากไปก็ไป ไม่มีใครเขาจับขาเธอไว้นี่” พูดจบอาชิก็เดินยิ้มออกจากห้องไป โดยที่ชะเอมไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มนั้น
“พี่อาชิรอเอมด้วย” ชะเอมรีบเก็บของใส่กระเป๋า แล้ววิ่งตามอาชิไปที่สนามฟุตบอลของโรงเรียน
“ตกลงชะเอมกับอาชินี่เป็นแฟนกันหรือเปล่าวะ” เต้ เพื่อนในห้องพูดขึ้นหลังจากที่อาชิกับชะเอมออกจากห้องไปแล้ว
“กูก็งง บางทีอาชิก็ดูเย็นชากับชะเอม แต่พอเพื่อนผู้ชายเข้าใกล้ก็ดูเหมือนหวง” กล้า เพื่อนในชั้นเรียนอีกคนพูด
“หวงก้างอะดิ” ขุนพูดพร้อมทั้งมองออกไปทางประตูห้องเรียนอย่างไม่สบอารมณ์
ชะเอมถือหนังสือเรียนติดมือมาด้วยเหมือนอย่างเคย เธอจะเอาไว้อ่านฆ่าเวลาในยามที่รออาชิเตะฟุตบอลบ้าง เล่นบาสเกตบอลบ้าง
ทันทีที่มาถึงสนามอาชิก็เอาชายเสื้อนักเรียนออกจากกางเกงนักเรียนแล้ววิ่งลงสนามไป โดยมีภูกับเดลและเพื่อน ๆ ทั้งในห้องและต่างห้องรออยู่ในสนามแล้ว
“ชะเอมระวัง !!” เสียงของภูดังขึ้น ตอนที่ชะเอมกำลังจะเดินขึ้นสแตนด์เชียร์ และเธอหันไปมองตามเสียงนั้น
ฟิ้ว ตุ้บ !
ลูกบอลที่พวกเพื่อน ๆ เตะก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของชะเอมแล้ว ชะเอมหันหน้าหลบแต่ก็ยังคงโดนลูกฟุตบอลเตะอัดไปที่หัวไหล่
โป๊ก !
“โอ๊ย !” ชะเอมถูกแรงอัดจากลูกฟุตบอลทำให้ล้มลงไปจนหัวกระแทกกับ สแตนด์เชียร์
“ชะเอม !!!!” เพื่อน ๆ ร้องด้วยความตกใจ แล้วพากันวิ่งกรูเข้ามาดู
“ชะเอม เป็นยังไงบ้าง” สายฟ้า เพื่อนต่างห้องที่อยู่ใกล้ตัวชะเอมที่สุดรีบวิ่งเข้ามาประคองชะเอมให้ลุกขึ้น
“เจ็บ” ชะเอมบอกพร้อมทั้งจับหน้าผากตนเองด้วยใบหน้าเหยเก
“เราขอดูหน่อย... เฮ้ย ! อะไรวะ” สายฟ้าจับมือของชะเอมออก แต่เขาก็ถูกปัดมือและผลักให้ออกห่างจากชะเอมเช่นกัน
“กูดูเอง” อาชิเข้าไปประคองชะเอมแล้วหันไปบอกสายฟ้าด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมทั้งมองสายฟ้าด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“กูก็กำลังดูชะเอมอยู่” สายฟ้าพูดด้วยความไม่พอใจ แต่อาชิก็ไม่สนใจ เขาช้อนตัวแล้วอุ้มชะเอมขึ้นไปนั่งบนสแตนด์เชียร์
“พวกกูดูแลเอง” ภูบอกพร้อมทั้งกันตัวสายฟ้าไม่ให้เข้าใกล้ชะเอม
“ชะเอม เป็นยังไงบ้าง” เดลตามขึ้นไปนั่งข้าง ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เอมเจ็บ” มือก็ยังคงจับที่หน้าผากของตนเอง
“เอามือออก” อาชิพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมทั้งจับมือของชะเอมออก
“หัวปูดเลยว่ะ” เดลพูดด้วยความตกใจ เมื่อเห็นหน้าผากที่ปูดแดงของชะเอม
“ไอ้เดล ไปหาน้ำแข็งกับผ้ามาประคบหัวให้ชะเอมกับกู” ภูบอกก่อนจะรีบวิ่งออกไป ซึ่งเดลก็วิ่งตามไปติด ๆ
“เจ็บ” ชะเอมบอกเสียงสั่น น้ำตาคลอเบ้า
“รู้แล้วว่าเจ็บ เป่าเพี้ยง !” อาชิเป่าเบา ๆ แล้วประทับแตะริมฝีปากลงไปบนหัวปูดแดงนั้นโดยไม่สนใจสายตาของเพื่อน ๆ ที่มองด้วยความตะลึง สายฟ้ามองด้วยความไม่พอใจก่อนจะเดินปึงปังออกไปจากตรงนั้น
“ยังเจ็บอยู่” ชะเอมตอบ แต่ใบหน้าของเธอแดงซ่านกลายเป็นสีเดียวกับหัวที่บวมปูด
“อยากให้ฉันเป่าให้อีก”
“เปล่าซะหน่อย”
“มาแล้ว ๆ” เดลยื่นผ้าที่ห่อน้ำแข็งให้อาชิ
“นอนลง” อาชิจับหัวไหล่รั้งให้ชะเอมนอนลงบนตักแกร่ง
“โอ๊ย !” ชะเอมร้องขึ้นเมื่ออาชิจับโดนหัวไหล่ที่ถูกลูกฟุตบอลเตะใส่ ซึ่งมันทำให้อาชิชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็รีบเอาผ้าห่อน้ำแข็งมาประคบที่หน้าผากของชะเอมให้
“อดทนหน่อยนะ”
“อ๊ะ ! จะ... เจ็บ” ชะเอมร้อง พร้อมทั้งกำชายเสื้อนักเรียนของอาชิไว้แน่น
“เจ็บก็หลับตา แล้วกอดฉันไว้แน่น ๆ” อาชิประคบให้ประมาณเกือบ 10 นาทีหัวที่บวมปูดก็ดีขึ้น
“ขอดูหัวไหล่หน่อย” อาชิประคองชะเอมให้ลุกนั่ง ก่อนจะบอกพร้อมทั้งปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของชะเอม นั่นทำเอาเพื่อน ๆ ที่ยังมองอยู่ยืนตาค้างไปกับการกระทำของเขา
“ไอ้อาชิ มึงจะมาแก้ผ้าชะเอมต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ไม่ได้” เดลบอกพร้อมทั้งหันหน้าไปทางอื่น
“กูแค่ถอดเสื้อ ไม่ได้แก้ผ้า นี่ก็จะจับทำไม ปล่อย” อาชิบอกเดล ก่อนจะทำเสียงดุใส่ชะเอม เพราะชะเอมจับเสื้อไว้ไม่ให้อาชิปลดกระดุม
“เอมไม่ได้เป็นอะไร พี่อาชิไม่ต้องดูหรอกนะ โอ๊ย !” ชะเอมบอกพร้อมทั้งจับเสื้อตนเองไว้แน่น แต่ก็ต้องร้องด้วยความเจ็บเมื่ออาชิจับหัวไหล่ของเธอ
“ไม่เป็นอะไร ? แล้วทำไมแค่ฉันโดนนิดเดียวเธอก็ร้องล่ะ พวกมึงหันหน้าไปทางอื่น เอามือออก” อาชิพูดก่อนที่จะเลื่อนตัวมาบังชะเอม แล้วปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของชะเอมออกเกือบหมด
“ไหนบอกไม่เป็นอะไร เป็นรอยช้ำขนาดนี้” อาชิดุชะเอมทันทีที่เห็นรอยช้ำที่หัวไหล่
“ก็...” ชะเอมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นเมื่อเจอสายตาดุ ๆ ของอาชิ
“ไอ้ภู มึงไปขอยาที่ห้องพยาบาลมาที”
“เออ ๆ ไอ้เดลไปกับกู” พูดจบภูกับเดลก็วิ่งออกไปยังห้องพยาบาลทันที
“เจ็บมากไหม” อาชิถามขณะที่ทายาตรงหัวไหล่ให้ชะเอม
“เอมทนได้” ชะเอมก้มหน้างุด ใบหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย
“เสร็จแล้ว กลับบ้านไปก็อย่าลืมทายาที่หัวไหล่ แล้วก็ประคบหน้าผากด้วย” อาชิบอกพร้อมทั้งติดกระดุมเสื้อนักเรียนให้ชะเอม
“อืม” ชะเอมพยักหน้าตอบ
“ชะเอมโอเคไหม” ภูถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“เอมโอเคแล้ว”
“งั้นก็ขึ้นเรียนกันเถอะ เลยเวลามา 15 นาทีแล้ว” เดลบอกพร้อมทั้งเข้าไปหยิบหนังสือของชะเอมมาถือ แล้วพากันขึ้นห้องเรียน
“อื้ออออ... เสียว... เอมเสียว... อ๊า... พี่อาชิเบา ๆ ซี้ดดด” ร่างบางครางดังขึ้นเมื่อโดนคนตัวโตลงลิ้นเลียแล้วดูดหนักขึ้น กลีบอวบอูม 2 ข้างโดนแบะออกด้วยสองมือที่แยกมันออกจากกันเพื่อให้ตนเองแยงลิ้นเข้าไปในโพรงหวานได้ถนัดลิ้นร้อนห่อตัวแล้วแยงเข้าไปในโพรงเนื้อหวานด้านในแล้วคลายลิ้นออกในรูเนื้อหวานพร้อมอ้าปากกว้างงาบงับเอากลีบอูมเข้าไปในปาก แต่เขาก็ยังเอาเข้าปากไม่หมดด้วยความอวบใหญ่ของพูเนื้อ“อ๊า... ไม่ไหวแล้ว... เสียว... ซี้ดดดดด... พี่อาชิขา... เอมเสียว” ร่างบางร้องครางเสียงดังเพื่อระบายความเสียวซ่านที่เขามอบให้ปานจะขาดใจ ร่างแกร่งกระชับสะโพกมนเข้าหาใบหน้าตนเองให้ใกล้ขึ้น ล็อกไว้อย่างแน่นเพื่อไม่ให้ร่างบางดิ้นหนี“อ๊า... ซี้ดดดดด... พี่อาชิ... อ๊า... อ๊ายยยยยย” ร่างบางเกร็งกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมปล่อยน้ำหวานมากมายออกมา โพรงเนื้อหวานข้างในกระตุกตอดลิ้นร้อนถี่ ๆ ร่างแกร่งลงลิ้นเลียกลีบอวบไปเรื่อย ๆ เพื่อเก็บเกี่ยวน้ำหวานของร่างบางที่หลั่งออกมาอย่างมากเข้าปากกินให้หมดไม่เหลือสักหยด ไม่ปล่อยให้หยดลงโซฟาด้วย“ตาพี่บ้างนะ” ร่างแกร่งบอก มือหนากอบกุมแก่นกายใหญ่ของตนเอง รูดขึ้นรูดลง 2-3 ทีแล้วนำม
“อ๊า... พี่อาชิขา... เอมเสียว” ร่างบางอดรนทนไม่ไหวร้องครางออกมาเมื่อร่างสูงใช้ฝ่ามือหนากดร่างของเธอให้นอนแนบที่โซฟาตัวยาว แล้วคร่อมทับ แหวกแยกขาเรียวสวยแยกออกจากกัน ถลกกระโปรงขึ้นไปกองที่หน้าท้องแบนราบ มือหนาสอดเข้าไปลูบไล้ที่ดอกไม้งามที่มีเพียงแพนตี้ตัวจิ๋วลูกไม้สีดำปกคลุมเอาไว้นิ้วแกร่งสอดเข้าไปในร่องรักแล้วชักเข้าออกรัว ๆ ตามแรงอารมณ์จนร่างบางรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งกายจนแทบขาดใจ เกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานสีใสออกมา“หึ ๆ เสร็จแล้ว ใครกันแน่ที่หื่น” ใบหน้าคมจ้องมองใบหน้าหวานที่นอนหายใจหอบล่องลอยเมื่อถึงฝั่งฝัน“พี่อาชินั่นแหละ ลุกออกไปเลย” เสียงหวานเอ่ยเถียงพลางมองค้อนเขา“ได้ไง เอมเสร็จแต่พี่ยังไม่เสร็จเลยนะ ไม่เชื่อก็ลองจับดูสิ” มือหนาคว้ามือบางไปจับที่เป้ากางเกงของเขา“พี่อาชิ !” มือบางพยายามชักมือออกเมื่อสัมผัสโดนความใหญ่โตที่แข็งขืนซุกซ่อนอยู่ภายในกางเกงของเขา“อะไร ยังไม่ชินกับของผัวอีกเหรอ หืม ?” ใบหน้าคมโน้มหน้าลง ปลายจมูกโด่งและปากลงไปที่ลำคอขาวผ่องที่หอมหวานน่าจูบน่าไซ้น่าดูดเป็นที่สุด“ใครจะไปชินกับความหื่นของพี่อาชิกันเล่า”“ก็เอมไง เอมคนเดียวเท่านั้น” พูดจบริมฝีปากหนาประท
“มีอะไรกัน” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น“ก็เด็กพวกนี้น่ะสิ มารังแกลูกของเรา” แม่ของเด็กผู้ชาย 2 คนบอก“จริงเหรอครับธาม ธันน์” พ่อของเด็กผู้ชาย 2 คนนั้นหันไปถามลูกชายตนเอง“ผมกับธันน์ผลักน้องของเธอลงมาก่อนครับ เธอเลยต่อยหน้าผมกับธันน์ แล้วเธอก็ถีบผมลงมาจากสไลเดอร์” ธามบอกแล้วชี้ไปที่บัว คนที่ถีบตนเองตกลงมา“ใช่ครับ ผมผลักน้องคนนี้ก่อน แล้วเธอก็เข้ามาผลักผมตกลงมา” ธันน์บอกแล้วชี้ฟ้าใส คนที่ผลักตนเองตกลงมา“ว่าไงคุณ ไหนบอกว่าลูกเขารังแกลูกเรา”“ก็ใครเห็นแบบที่ฉันเห็นก็ต้องคิดแบบฉันทั้งนั้น”“ทางที่ดีคุณควรถามลูกของคุณก่อนที่จะมาโวยวายเป็นผีบ้าแบบนี้” แบมว่า“นี่...”“คุณหยุด... ผมต้องขอโทษแทนลูกชายทั้ง 2 คนกับภรรยาของผมด้วยนะครับ หรือว่าพวกคุณจะให้ผมลงโทษลูกของผมที่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษยังไงก็บอกผมมาได้เลยครับ” ผู้ชายที่เป็นพ่อเด็กผู้ชาย 2 คนเอ่ยห้ามภรรยาตนเอง แล้วเอ่ยปากขอโทษพลางก้มหัวให้“คงไม่ต้องถึงขั้นลงโทษอะไรกันหรอกค่ะ” ชะเอมบอก“ขอบคุณครับ ผมจะกลับไปอบรมลูกชายทั้ง 2 คนของผมให้ดี ธาม ธันน์”“ขอโทษครับ” เด็กผู้ชายสองคนเอ่ยปากขอโทษพร้อมทั้งก้มหัวให้“ผมต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นอ
ตอนนี้โรงงานผลิตยาของครอบครัวแบมเติบโตและยิ่งใหญ่มากขึ้น มีออร์เดอร์จากนานาประเทศ มียอดส่งออกยาหลายร้อยล้านบาทต่อปี เพราะคุณอัณณพยื่นมือเข้าไปช่วยเรื่องการตลาด และด้วยฝีมือการบริหารงานของพี่ชายทั้ง 3 คนของแบมที่ทุ่มเททำอย่างเต็มที่คุณอัณณพเห็นว่าสายฟ้ากับแบมเป็นหมอทั้งคู่ จึงให้สายฟ้าเปิดโรงพยาบาลเป็นของตนเอง ในเมื่อรักในวิชาชีพนี้แล้วคนเป็นพ่อก็พร้อมสนับสนุนและถือเป็นการต่อยอดธุรกิจไปในตัว“จริง ๆ ก็ยังไม่ค่อยพร้อมหรอก แต่เลือกที่จะเดินทางนี้แล้วมันก็ต้องไปให้สุด เหมือนมึงไงที่กลายเป็นผู้บริหารแทนไท คอร์ปอเรชันที่ประสบความสำเร็จ ทำให้แทนไท คอร์ปอเรชันยิ่งใหญ่กว่าเดิม”“ฝีมือกูคนเดียวเสียเมื่อไหร่ น้องกูด้วย”“รวมถึงน้องเขยด้วยสินะ” สายฟ้ายกยิ้มเมื่อพูดถึงน้องเขยของอาชิ“ก็ต้องรวมสิวะ” อาชิหัวเราะร่า“คุยอะไรกันอยู่คะ” ชะเอมกับแบมเดินกลับมาหาสามี“คุยเรื่องโรงพยาบาลของไอ้สายฟ้า” อาชิรั้งตัวของภรรยาคนสวยมานั่งที่ตักแกร่ง“จริงสิ เดือนหน้าโรงพยาบาลก็จะเสร็จแล้วนี่นา ผอ.รามสูร รับสมัครหมอเพิ่มอีกสักคนไหมคะ”“จะยินดีมากถ้าแพทย์หญิงพรรณวรทไปเป็นหมอที่โรงพยาบาล แต่ท่าทางจะยากเพราะมีผัวขี้
“พี่บัวขา น้องปุณณ์ น้องปัณณ์ พี่ฟ้าใสมาหาแล้ว” เสียงใส ๆ ของเรนิตาดังลั่นบ้านของแทนไท “ฟ้าใสวิ่งช้า ๆ สิคะ” แบมเอ่ยปรามลูกสาว“ถ้าช้าก็ไม่เรียกวิ่งสิคะคุณแม่” เท้าเล็ก ๆ หยุดวิ่ง หันมาบอกคนเป็นแม่หน้าทะเล้น“ฟ้าใสย้อนคุณแม่เหรอคะ” แบมตะโกนว่า แต่เรนิตาก็วิ่งเข้าบ้านไป ไม่ได้สนใจเสียงของคนเป็นแม่“เค้าว่าลูกพูดถูกนะ” สายฟ้าพูด“บี๋คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม” แบมหันหน้ามาว่าคนเป็นสามี“บี๋อยากเป็นม่ายเหรอ” สายฟ้าถามหน้าทะเล้น“อืม เค้าจะได้หาพ่อใหม่ให้ฟ้าใส” แบมพยักหน้าตอบ“อย่าหวังเลย บอกเลยมีตาย ชู้ตายคาตีน เมียตายคาเตียง” สายฟ้าว่าพลางรั้งใบหน้าหวานเข้ามาจูบที่ขมับหนัก ๆ“แต่...” ยังไม่ทันที่แบมจะได้โต้เถียง น้ำเสียงสั่นเครือของลูกสาวก็ดังขึ้น“คุณพ่อขา คุณแม่ขา”“อ้าว ฟ้าใสเป็นอะไรคะ”“ไม่มีใครอยู่เลยค่ะ... ฮึก... ฮึก... พี่บัวไม่อยู่ น้องปุณณ์ไม่อยู่ น้องปัณณ์ไม่อยู่ คุณลุงอาชิกับน้าชะเอมก็ไม่อยู่ คุณปู่แทนคุณย่าพายด้วย”“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง คุณพ่อโทร.ถามลุงอาชิให้นะครับ” สายฟ้าช้อนตัวลูกสาวขึ้นอุ้มแล้วปาดเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้ม“พี่แกริค สวัสดีค่ะ วันนี้ทุกคนไปไหนกันเหร
“พี่บัวของปุง” ปุณณภพวิ่งเข้ามากอดพี่สาวด้วยความดีใจ เมื่อพี่สาวกลับมาถึงบ้านในเวลาค่ำ“พี่บัวของปังด้วย” ปัณณธรก็วิ่งเข้ามากอดพี่สาวด้วยความดีใจเช่นกัน“น้องปุณณ์ น้องปัณณ์ของพี่บัว” เอมมาลินกอดแล้วก็หอมแก้มน้องชายฝาแฝดทั้ง 2 คน“จำไมพี่บัวไม่หอมปังก่อง”“ก็ปังเกิดทีหยัง พี่บัวก็ต้องหอมปังทีหยังฉิ” ปุณณภพพูด“ปุงเกิดก่องแป๊บเดียว”“ก็เกิดก่องอยู่ดีป้ะล่ะ”“แต่ปังอยากให้พี่บัวหอมปังก่อง”“ไม่เถียงกันสิคะ เอาแบบนี้ดีกว่า วันนี้พี่บัวหอมน้องปุณณ์ก่อน แต่วันพรุ่งนี้พี่บัวจะหอมน้องปัณณ์ก่อน สลับกันไปคนละวันดีไหม”“ดีฮับ” ปุณณภพ ปัณณธร ตอบพร้อมกัน“กอดแต่พี่บัว ไม่เห็นกอดคุณพ่อบ้างเลย”“กอดฮับ” ลูกชายฝาแฝดตอบและพุ่งตัวเข้าใส่คนเป็นพ่อพร้อมกัน“อุ้ย ! พี่บัวครับ คุณพ่อว่าพายุกำลังจะมา” อาชิกอดลูกชายฝาแฝดก่อนจะเหลือบมองเท้าของผู้หญิงที่เขาจำได้ดี ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปเรื่อย ๆ จนได้สบตากับดวงตาคู่งามที่ตอนนี้กำลังเขม่นมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบที่แฝงไปด้วยความกราดเกรี้ยว“พายุอะไรเหรอคะคุณพ่อ อุ้ย ! จริงด้วยค่ะคุณพ่อ พี่บัวว่าไม่น่าจะใช่พายุธรรมดา แต่เป็นทอร์นาโดเลยค่ะ” เอมมาลินเอ่ยถามคนเป็น