“ทำไมวันนี้ชะเอมยังไม่มาอีกวะ นี่ก็เลตไป 15 นาทีละ หรือว่าชะเอมจะไม่สบายวะ” เดลพูดพร้อมทั้งมองนาฬิกาข้อมือสลับมองประตูโรงเรียน
“ไม่แน่ว่ะ เมื่อวานก็เป็นเยอะอยู่ อาจจะระบมจนไม่สบาย” ภูพูดพลางมองไปยังประตูโรงเรียนเช่นเดียวกัน
“อ้าว ไอ้อาชิ แล้วมึงจะไปไหน” เดลเอ่ยถามเมื่อจู่ ๆ อาชิก็ผลุนผลันลุกขึ้นยืน
“ชะเอมมาแล้ว” ภูบอกเมื่อเห็นชะเอมเดินผ่านประตูโรงเรียนเข้ามา
“แล้วมึงไม่ไปแล้วเหรอ” เดลถามอาชิเมื่อเขานั่งลงที่เดิม
“กูขี้เกียจไปละ”
“อะไรของมึงวะ”
“นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว” ภูพูดขึ้นเมื่อชะเอมนั่งลงประจำที่
“ตื่นสายน่ะ มึน ๆ หัว”
“แล้วทำไมไม่หยุดพัก” น้ำเสียงเย็นชาของอาชิดังขึ้น
“เอมไม่อยากหยุดเรียน ไม่อยากมาตามงานทีหลัง”
“ถ้าปวดหัวมากต้องบอกพวกเรารู้ไหม เดลขอดูหน่อยสิว่าเป็นยังไงบ้าง โอ๊ย ! เชี่ยอาชิ มึงจะตีกูทำไมเนี่ย... มือหนักฉิบ” เดลลูบมือตนเองป้อย ๆ เมื่อเขายื่นมือจะไปแตะที่หน้าผากของชะเอมแล้วโดนอาชิตีมือของเขาอย่างแรง
“มึงก็รู้ว่ามันไม่ชอบให้ใครถูกตัวชะเอม นอกจากมันคนเดียวที่แตะต้องชะเอมได้” ภูปรายตามองอาชิ
“พูดมาก ขึ้นเรียนกันได้ละ” อาชิลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นอาคารเรียนพร้อมทั้งหยิบกระเป๋าหนังสือกับถุงผ้าของชะเอมไปด้วย
“พี่อาชิ เอมถือเองได้” ชะเอมวิ่งตามอาชิไปทันที
“นี่ก็พูดมากอีกคน เดินตามมาเฉย ๆ” ชะเอมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นและได้เดินตามอาชิไปเงียบ ๆ เมื่อเจอเสียงดุ ๆ ของเขา
“กูละเบื่อพวกปากแข็ง” ภูส่ายหัวให้กับท่าทีของอาชิ
“เหมือนมึงกับน้องเอรินหรือเปล่าวะ” เดลเดินออกไปห่างภูพอสมควรก่อนจะเอ่ยว่าแล้วหันหลังวิ่งขึ้นอาคารเรียน
“เชี่ยเดล มึงอยากปากแตกใช่ไหม” ภูรีบเก็บของแล้ววิ่งตามเดลไปทันที
“อีกไม่ถึง 3 เดือนก็จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้วนะคะ ครูอยากให้นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียน ส่งงานให้ครบ ใครรู้ตัวว่ายังค้างงานคุณครูท่านใดก็รีบจัดการทำส่งให้เรียบร้อยนะคะ แต่ถ้าใครรักครู รักโรงเรียน อยากอยู่ต่ออีกสักปีครูก็ไม่ว่าอะไรนะ” พอคุณครูพูดจบเสียงเพื่อน ๆ ในห้องก็ดังขึ้น
“ครูไม่ต้องรักพวกผมจนอยากให้พวกผมอยู่กับครูอีกปีก็ได้ครับ”
“ใช่ค่ะ พวกหนูอยากเป็นเฟรชชี่แล้ว”
“จ้า ถ้างั้นก็ต้องตั้งใจเรียนและส่งงานให้ครบ เข้าใจไหมคะ”
“เข้าใจครับ / เข้าใจค่ะ” นักเรียนในห้องตอบพร้อมกัน
“ไหน ใครคิดไว้แล้วบ้างว่าอยากจะเรียนต่อคณะอะไร” คุณครูเอ่ยถาม
“หนูอยากเป็นพยาบาลค่ะ”
“ผมจะเรียนวิศวะฯ โยธาครับ”
“ผมจะสอบเข้าคณะเภสัชฯ ครับ”
“หนูเทคนิคการแพทย์ค่ะ”
“...”
“...”
“แล้วชะเอมล่ะ อยากเป็นหมอเหมือนคุณพ่อคุณแม่หรือเปล่า” คุณครูที่ปรึกษาหันมาถามชะเอม
“ก็อยากค่ะ แต่… คงต้องดูอีกที” ชะเอมตอบคุณครูด้วยความลังเลพลางมองหน้าอาชิ
“ทำไมคะ กลัวสอบไม่ติดหรือไง แต่ครูว่านักเรียนที่สอบได้คะแนนเต็มทุกวิชาอย่างชะเอมยังไงก็สอบติดหมอแน่นอน นอกเสียจากชะเอมอยากจะเรียนคณะอื่น”
“ค่ะ คุณครู”
“งั้นวันนี้ครูให้นักเรียนทุกคนลองคุยกัน แลกเปลี่ยนทัศนคติกับเพื่อน ๆ ว่าใครอยากจะเรียนอะไร มีเป้าหมายในชีวิตอะไรกัน หรือจะมาปรึกษาครูก็ได้ค่ะ” ทันทีที่คุณครูพูดจบ นักเรียนในห้องต่างก็หันไปคุยกันจนเกิดเสียงจ้อกแจ้กจอแจ
“มึงจะเรียนต่ออะไรกันวะ” เดลเอ่ยถาม
“กูคงเรียนวิศวะฯ แต่ยังลังเลระหว่างวิศวะฯ การบินกับวิศวะฯ ยานยนต์” ภูบอก
“งั้นมึงเรียนอะไร กูก็เรียนแบบมึง” เดลบอก
“มึงไม่คิดว่ากูจะเบื่อขี้หน้ามึงบ้างเหรอวะ กูเจอหน้ามึงตั้งแต่อนุบาลจนมหาลัยมึงก็ยังจะตามไปเจอกูอีกเหรอ”
“ก็กูรักมึงไง” เดลบอกพร้อมทั้งทำสายตากรุ้มกริ่มให้ภู
“เชี่ย กูขนลุก แล้วมึงหละอาชิคิดไว้ยัง” ภูทำท่าขนลุกขนพอง ก่อนจะหันไปถามอาชิ
“ก็คงวิศวะฯ” อาชิตอบเสียงเรียบพลางปรายตามองชะเอมที่มีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก
“ชะเอม... ชะเอมอยากเรียนอะไร หรือจะเรียนหมอ” เดลถาม
“เออ... เอมจะเรียนวิศวะฯ” ชะเอมมีท่าทีลังเลก่อนจะตอบเดล
“อยากเป็นหมอ แล้วจะมาเรียนวิศวะฯ เนี่ยนะ” อาชิถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ก็พี่อาชิจะเรียนวิศวะฯ นี่คะ”
“ก็เลยจะเรียนตามฉัน ว่างั้น”
“อือฮึ” ชะเอมพยักหน้าตอบ
“สิ้นคิดสิ้นดี”
“ทะ... ทำไมพี่อาชิต้องว่าเอมด้วย” ชะเอมอึ้งไปเล็กน้อยกับคำต่อว่าของเขา
“อยากเรียนหมอก็เรียนหมอสิ มหาวิทยาลัยที่ฉันจะเรียนก็มีคณะแพทย์ฯ” อาชิยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเดิมพลางมองหน้าชะเอมนิ่ง ชะเอมจึงค่อย ๆ ยิ้มออกมา
“งั้นตกลงไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันนะเว้ย กูขาดพวกมึงไม่ได้” เดลบอกพร้อมทั้งทำสายตากรุ้มกริ่ม
“เชี่ยเดล มึงเลิกทำสายตาแบบนี้ได้ละ กูขนลุก เดี๋ยวกูถีบตกเก้าอี้เลย” ภูว่า
“เออ ๆ กูก็ล้อมึงเล่นไปงั้นแหละ”
วันต่อมา 14 กุมภาพันธ์ ❤
“สุขสันต์วันวาเลนไทน์” สายฟ้า เพื่อนนักเรียนต่างห้องยื่นช่อดอกไม้ให้ชะเอมก่อนที่ชะเอมจะเดินเข้าห้องเรียน
“สายฟ้าให้เอมเหรอ”
“ใช่ ชะเอมรับไว้หน่อยนะ อย่าให้เราเสียความตั้งใจเลยนะ”
“ก็ได้” ชะเอมยื่นมือไปรับช่อดอกไม้ของสายฟ้า ซึ่งนี่ก็เป็นปีที่ 3 แล้วที่สายฟ้าให้ดอกไม้เธอ
“ชอบมันหรือไงถึงไปรับช่อดอกไม้ของมัน” ทันทีที่ชะเอมถือช่อดอกไม้เข้ามาในห้อง อาชิก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียที่ไม่ค่อยพอใจ
“ก็สายฟ้าอุตส่าห์เอามาให้ ตามมารยาทแล้วเอมก็ต้องรับสิ”
“แล้วรับดอกไม้จากมันทุกปี มันไม่ขอเธอเป็นแฟนบ้างหรือไง”
“ขอค่ะ”
“เธอว่าอะไรนะ” อาชิเดินเข้ามาถามจนชะเอมต้องถอยหลังแทบจะติดกำแพง
“ก็สายฟ้าเคยขอเอมเป็นแฟนตั้งแต่ม.4 แล้ว”
“แล้วเธอตอบมันไปว่ายังไง”
“ทำไมพี่อาชิเรียกสายฟ้าว่ามันล่ะ”
“ฉันถามว่าเธอตอบมันว่ายังไง” เสียงของอาชิดังขึ้นจนชะเอมสะดุ้งโหยง
“ทำไมพี่อาชิต้องเสียงดังด้วย อยู่ใกล้กันแค่นี้เองนะ”
“ฉันถามว่าเธอตอบไอ้สายฟ้าว่ายังไง ตอบสิวะ !!!” อาชิดันตัวชะเอมให้ไปประชิดผนังห้อง จับแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นเหนือหัวแล้วยึดติดกับผนังห้อง
“จะ... เจ็บ เอมเจ็บ” ชะเอมเบ้หน้าด้วยความเจ็บเมื่ออาชิเผลอบีบข้อมือเธออย่างแรง
“ฉันขอโทษ” อาชิคลายแรงที่บีบข้อมือของชะเอมแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย
“พี่อาชิเป็นอะไร เอมทำอะไรผิด” ชะเอมเงยหน้าจ้องไปที่ดวงตาของอาชิ
“ตอบฉัน ว่าเธอตอบไอ้สายฟ้าไปว่ายังไง”
“เออ... เอมบอกว่าเอมยังไม่คิดเรื่องแฟน เอมอยากตั้งใจเรียน สายฟ้าก็เลยบอกว่าเขาจะรอจนกว่าเอมจะพร้อม”
“แล้วทำไมไม่ปฏิเสธมันไปตรง ๆ มันจะได้ไม่ต้องมาให้ดอกไม้เธอทุกปี หรือเธอก็มีใจให้มัน”
“ปะ... เปล่านะ”
“ฉันเป็นอะไรกับเธอ” อาชิถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่เย็นชา
“คะ ?”
“ฉันถามว่าฉันเป็นอะไรกับเธอ !!!”
“ก็เป็นเพื่อน แล้วพี่อาชิก็เป็นฮีโร่ของเอมไง”
“ฉันเป็นแค่เพื่อน แล้วก็ไอ้ฮีโร่บ้าบออะไรนั่น แค่นั้น ? สำหรับเธอฉันเป็นได้แค่นั้น ?”
“ทำไมไม่เข้าห้อง มายืนมุงดูอะไรกัน” เสียงเดลเอ่ยถามเพื่อน ๆ ที่ยืนออกันอยู่หน้าห้องเรียน
“ไอ้อาชิ มึงจะทำอะไรชะเอม” ภูเอ่ยถามทันทีที่เห็นอาชิมองชะเอมด้วยสายตาแข็งกร้าว
“โธ่เว้ย !” อาชิพูดเสียงดังลั่นพร้อมทั้งชกไปที่ผนังห้องซึ่งมันเฉียดใบหน้าของชะเอมไปเพียงนิดเดียว และนั่นก็ทำให้ชะเอมต้องยืนหลับตาปี๋ท่ามกลางความตกใจของเพื่อน ๆ เลือดสีแดงสดไหลออกมาจนผนังตรงนั้นเป็นรอยสีแดง
“หลบ !!” อาชิเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปจากห้องเรียนทันที
“ไอ้เดล มึงไปดูชะเอม กูจะตามไปดูไอ้อาชิ” พูดจบภูก็วิ่งตามอาชิออกไปทันที
“ชะเอมเป็นยังไงบ้าง ไอ้อาชิมันทำอะไรหรือเปล่า” เดลประคองชะเอมมานั่งที่เก้าอี้
“เปล่า พี่อาชิไม่ได้ทำอะไรเอม”
“แล้วมันโมโหอะไรของมันวะ แล้วนี่ดอกไม้ของใคร” เดลเอ่ยถามเมื่อเห็นชะเอมมองช่อดอกไม้เจ้าปัญหา
“สายฟ้าให้เอมมา” ชะเอมบอกเสียงเศร้า
“เดลรู้สาเหตุละ จะไปดูไอ้อาชิกับเดลไหม”
“ไป แต่ไปขออุปกรณ์ทำแผลที่ห้องพยาบาลก่อนนะ” ชะเอมบอกพลางมองรอยเลือดบนกำแพง
“ได้สิ งั้นเรารีบไปกันเถอะ ป่านนี้เลือดคงไหลหมดตัวตายไปแล้วมั้ง”
“มึงเป็นอะไรของมึงวะ ถ้าเกิดพลาดโดนหน้าชะเอมขึ้นมาจริง ๆ จะทำยังไง” ภูเอ่ยถาม
“…”
“ถ้าหวงชะเอมขนาดนั้น มึงไม่ขอชะเอมเป็นแฟนไปเลยวะ”
“กูก็เป็นแค่เพื่อนกับฮีโร่บ้าบอของชะเอมแค่นั้น”
“ชะเอมเป็นคนบอกมึงแบบนั้น”
“เออ ชะเอมบอกกูเป็นเพื่อน เป็นแค่ฮีโร่ที่คอยปกป้องเธอเท่านั้น”
“แล้วมึงเคยบอกความรู้สึกของมึงให้ชะเอมรู้บ้างไหม”
“…”
“พี่อาชิ” ชะเอมเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“คุยกันเองแล้วกัน แล้วก็ใจเย็น ๆ ด้วย ไอ้เดล ไปกับกู” ภูตบบ่าอาชิเบา ๆ ก่อนจะกอดคอภูออกไปรอห่าง ๆ
“พี่อาชิ เอมขอโทษที่ทำให้พี่อาชิโกรธ ต่อไปเอมจะไม่รับช่อดอกไม้ของใครอีก” ชะเอมค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ อาชิแล้วยื่นมือไปจับมือของเขาก่อนจะทำแผลให้
“…” อาชิมองใบหน้าหวานของชะเอมนิ่ง
“ปกติพี่อาชิจะเป็นคนทำแผลให้เอม แต่วันนี้เอมต้องมานั่งทำแผลให้พี่อาชิ จะว่าไปเหมือนเอมเป็นหมอที่กำลังรักษาพี่อาชิเลย”
“แล้วเธอจะเป็นหมอที่คอยรักษาฉันไปตลอดชีวิตหรือเปล่า”
“เป็นสิ ถ้าพี่อาชิต้องการ ถ้าพี่อาชิบาดเจ็บ เอมก็จะเป็นคนรักษาให้พี่อาชิเอง แต่เอมไม่อยากทำแผลให้พี่อาชิเลย”
“ทำไม”
“ก็เอมไม่อยากเห็นพี่อาชิเจ็บยังไงล่ะ เสร็จแล้วค่ะ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ มันจะหายช้า”
“เธอจะเป็นหมอเพียงคนเดียวของฉัน”
“อื้ออออ... เสียว... เอมเสียว... อ๊า... พี่อาชิเบา ๆ ซี้ดดด” ร่างบางครางดังขึ้นเมื่อโดนคนตัวโตลงลิ้นเลียแล้วดูดหนักขึ้น กลีบอวบอูม 2 ข้างโดนแบะออกด้วยสองมือที่แยกมันออกจากกันเพื่อให้ตนเองแยงลิ้นเข้าไปในโพรงหวานได้ถนัดลิ้นร้อนห่อตัวแล้วแยงเข้าไปในโพรงเนื้อหวานด้านในแล้วคลายลิ้นออกในรูเนื้อหวานพร้อมอ้าปากกว้างงาบงับเอากลีบอูมเข้าไปในปาก แต่เขาก็ยังเอาเข้าปากไม่หมดด้วยความอวบใหญ่ของพูเนื้อ“อ๊า... ไม่ไหวแล้ว... เสียว... ซี้ดดดดด... พี่อาชิขา... เอมเสียว” ร่างบางร้องครางเสียงดังเพื่อระบายความเสียวซ่านที่เขามอบให้ปานจะขาดใจ ร่างแกร่งกระชับสะโพกมนเข้าหาใบหน้าตนเองให้ใกล้ขึ้น ล็อกไว้อย่างแน่นเพื่อไม่ให้ร่างบางดิ้นหนี“อ๊า... ซี้ดดดดด... พี่อาชิ... อ๊า... อ๊ายยยยยย” ร่างบางเกร็งกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมปล่อยน้ำหวานมากมายออกมา โพรงเนื้อหวานข้างในกระตุกตอดลิ้นร้อนถี่ ๆ ร่างแกร่งลงลิ้นเลียกลีบอวบไปเรื่อย ๆ เพื่อเก็บเกี่ยวน้ำหวานของร่างบางที่หลั่งออกมาอย่างมากเข้าปากกินให้หมดไม่เหลือสักหยด ไม่ปล่อยให้หยดลงโซฟาด้วย“ตาพี่บ้างนะ” ร่างแกร่งบอก มือหนากอบกุมแก่นกายใหญ่ของตนเอง รูดขึ้นรูดลง 2-3 ทีแล้วนำม
“อ๊า... พี่อาชิขา... เอมเสียว” ร่างบางอดรนทนไม่ไหวร้องครางออกมาเมื่อร่างสูงใช้ฝ่ามือหนากดร่างของเธอให้นอนแนบที่โซฟาตัวยาว แล้วคร่อมทับ แหวกแยกขาเรียวสวยแยกออกจากกัน ถลกกระโปรงขึ้นไปกองที่หน้าท้องแบนราบ มือหนาสอดเข้าไปลูบไล้ที่ดอกไม้งามที่มีเพียงแพนตี้ตัวจิ๋วลูกไม้สีดำปกคลุมเอาไว้นิ้วแกร่งสอดเข้าไปในร่องรักแล้วชักเข้าออกรัว ๆ ตามแรงอารมณ์จนร่างบางรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งกายจนแทบขาดใจ เกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานสีใสออกมา“หึ ๆ เสร็จแล้ว ใครกันแน่ที่หื่น” ใบหน้าคมจ้องมองใบหน้าหวานที่นอนหายใจหอบล่องลอยเมื่อถึงฝั่งฝัน“พี่อาชินั่นแหละ ลุกออกไปเลย” เสียงหวานเอ่ยเถียงพลางมองค้อนเขา“ได้ไง เอมเสร็จแต่พี่ยังไม่เสร็จเลยนะ ไม่เชื่อก็ลองจับดูสิ” มือหนาคว้ามือบางไปจับที่เป้ากางเกงของเขา“พี่อาชิ !” มือบางพยายามชักมือออกเมื่อสัมผัสโดนความใหญ่โตที่แข็งขืนซุกซ่อนอยู่ภายในกางเกงของเขา“อะไร ยังไม่ชินกับของผัวอีกเหรอ หืม ?” ใบหน้าคมโน้มหน้าลง ปลายจมูกโด่งและปากลงไปที่ลำคอขาวผ่องที่หอมหวานน่าจูบน่าไซ้น่าดูดเป็นที่สุด“ใครจะไปชินกับความหื่นของพี่อาชิกันเล่า”“ก็เอมไง เอมคนเดียวเท่านั้น” พูดจบริมฝีปากหนาประท
“มีอะไรกัน” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น“ก็เด็กพวกนี้น่ะสิ มารังแกลูกของเรา” แม่ของเด็กผู้ชาย 2 คนบอก“จริงเหรอครับธาม ธันน์” พ่อของเด็กผู้ชาย 2 คนนั้นหันไปถามลูกชายตนเอง“ผมกับธันน์ผลักน้องของเธอลงมาก่อนครับ เธอเลยต่อยหน้าผมกับธันน์ แล้วเธอก็ถีบผมลงมาจากสไลเดอร์” ธามบอกแล้วชี้ไปที่บัว คนที่ถีบตนเองตกลงมา“ใช่ครับ ผมผลักน้องคนนี้ก่อน แล้วเธอก็เข้ามาผลักผมตกลงมา” ธันน์บอกแล้วชี้ฟ้าใส คนที่ผลักตนเองตกลงมา“ว่าไงคุณ ไหนบอกว่าลูกเขารังแกลูกเรา”“ก็ใครเห็นแบบที่ฉันเห็นก็ต้องคิดแบบฉันทั้งนั้น”“ทางที่ดีคุณควรถามลูกของคุณก่อนที่จะมาโวยวายเป็นผีบ้าแบบนี้” แบมว่า“นี่...”“คุณหยุด... ผมต้องขอโทษแทนลูกชายทั้ง 2 คนกับภรรยาของผมด้วยนะครับ หรือว่าพวกคุณจะให้ผมลงโทษลูกของผมที่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษยังไงก็บอกผมมาได้เลยครับ” ผู้ชายที่เป็นพ่อเด็กผู้ชาย 2 คนเอ่ยห้ามภรรยาตนเอง แล้วเอ่ยปากขอโทษพลางก้มหัวให้“คงไม่ต้องถึงขั้นลงโทษอะไรกันหรอกค่ะ” ชะเอมบอก“ขอบคุณครับ ผมจะกลับไปอบรมลูกชายทั้ง 2 คนของผมให้ดี ธาม ธันน์”“ขอโทษครับ” เด็กผู้ชายสองคนเอ่ยปากขอโทษพร้อมทั้งก้มหัวให้“ผมต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นอ
ตอนนี้โรงงานผลิตยาของครอบครัวแบมเติบโตและยิ่งใหญ่มากขึ้น มีออร์เดอร์จากนานาประเทศ มียอดส่งออกยาหลายร้อยล้านบาทต่อปี เพราะคุณอัณณพยื่นมือเข้าไปช่วยเรื่องการตลาด และด้วยฝีมือการบริหารงานของพี่ชายทั้ง 3 คนของแบมที่ทุ่มเททำอย่างเต็มที่คุณอัณณพเห็นว่าสายฟ้ากับแบมเป็นหมอทั้งคู่ จึงให้สายฟ้าเปิดโรงพยาบาลเป็นของตนเอง ในเมื่อรักในวิชาชีพนี้แล้วคนเป็นพ่อก็พร้อมสนับสนุนและถือเป็นการต่อยอดธุรกิจไปในตัว“จริง ๆ ก็ยังไม่ค่อยพร้อมหรอก แต่เลือกที่จะเดินทางนี้แล้วมันก็ต้องไปให้สุด เหมือนมึงไงที่กลายเป็นผู้บริหารแทนไท คอร์ปอเรชันที่ประสบความสำเร็จ ทำให้แทนไท คอร์ปอเรชันยิ่งใหญ่กว่าเดิม”“ฝีมือกูคนเดียวเสียเมื่อไหร่ น้องกูด้วย”“รวมถึงน้องเขยด้วยสินะ” สายฟ้ายกยิ้มเมื่อพูดถึงน้องเขยของอาชิ“ก็ต้องรวมสิวะ” อาชิหัวเราะร่า“คุยอะไรกันอยู่คะ” ชะเอมกับแบมเดินกลับมาหาสามี“คุยเรื่องโรงพยาบาลของไอ้สายฟ้า” อาชิรั้งตัวของภรรยาคนสวยมานั่งที่ตักแกร่ง“จริงสิ เดือนหน้าโรงพยาบาลก็จะเสร็จแล้วนี่นา ผอ.รามสูร รับสมัครหมอเพิ่มอีกสักคนไหมคะ”“จะยินดีมากถ้าแพทย์หญิงพรรณวรทไปเป็นหมอที่โรงพยาบาล แต่ท่าทางจะยากเพราะมีผัวขี้
“พี่บัวขา น้องปุณณ์ น้องปัณณ์ พี่ฟ้าใสมาหาแล้ว” เสียงใส ๆ ของเรนิตาดังลั่นบ้านของแทนไท “ฟ้าใสวิ่งช้า ๆ สิคะ” แบมเอ่ยปรามลูกสาว“ถ้าช้าก็ไม่เรียกวิ่งสิคะคุณแม่” เท้าเล็ก ๆ หยุดวิ่ง หันมาบอกคนเป็นแม่หน้าทะเล้น“ฟ้าใสย้อนคุณแม่เหรอคะ” แบมตะโกนว่า แต่เรนิตาก็วิ่งเข้าบ้านไป ไม่ได้สนใจเสียงของคนเป็นแม่“เค้าว่าลูกพูดถูกนะ” สายฟ้าพูด“บี๋คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม” แบมหันหน้ามาว่าคนเป็นสามี“บี๋อยากเป็นม่ายเหรอ” สายฟ้าถามหน้าทะเล้น“อืม เค้าจะได้หาพ่อใหม่ให้ฟ้าใส” แบมพยักหน้าตอบ“อย่าหวังเลย บอกเลยมีตาย ชู้ตายคาตีน เมียตายคาเตียง” สายฟ้าว่าพลางรั้งใบหน้าหวานเข้ามาจูบที่ขมับหนัก ๆ“แต่...” ยังไม่ทันที่แบมจะได้โต้เถียง น้ำเสียงสั่นเครือของลูกสาวก็ดังขึ้น“คุณพ่อขา คุณแม่ขา”“อ้าว ฟ้าใสเป็นอะไรคะ”“ไม่มีใครอยู่เลยค่ะ... ฮึก... ฮึก... พี่บัวไม่อยู่ น้องปุณณ์ไม่อยู่ น้องปัณณ์ไม่อยู่ คุณลุงอาชิกับน้าชะเอมก็ไม่อยู่ คุณปู่แทนคุณย่าพายด้วย”“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง คุณพ่อโทร.ถามลุงอาชิให้นะครับ” สายฟ้าช้อนตัวลูกสาวขึ้นอุ้มแล้วปาดเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้ม“พี่แกริค สวัสดีค่ะ วันนี้ทุกคนไปไหนกันเหร
“พี่บัวของปุง” ปุณณภพวิ่งเข้ามากอดพี่สาวด้วยความดีใจ เมื่อพี่สาวกลับมาถึงบ้านในเวลาค่ำ“พี่บัวของปังด้วย” ปัณณธรก็วิ่งเข้ามากอดพี่สาวด้วยความดีใจเช่นกัน“น้องปุณณ์ น้องปัณณ์ของพี่บัว” เอมมาลินกอดแล้วก็หอมแก้มน้องชายฝาแฝดทั้ง 2 คน“จำไมพี่บัวไม่หอมปังก่อง”“ก็ปังเกิดทีหยัง พี่บัวก็ต้องหอมปังทีหยังฉิ” ปุณณภพพูด“ปุงเกิดก่องแป๊บเดียว”“ก็เกิดก่องอยู่ดีป้ะล่ะ”“แต่ปังอยากให้พี่บัวหอมปังก่อง”“ไม่เถียงกันสิคะ เอาแบบนี้ดีกว่า วันนี้พี่บัวหอมน้องปุณณ์ก่อน แต่วันพรุ่งนี้พี่บัวจะหอมน้องปัณณ์ก่อน สลับกันไปคนละวันดีไหม”“ดีฮับ” ปุณณภพ ปัณณธร ตอบพร้อมกัน“กอดแต่พี่บัว ไม่เห็นกอดคุณพ่อบ้างเลย”“กอดฮับ” ลูกชายฝาแฝดตอบและพุ่งตัวเข้าใส่คนเป็นพ่อพร้อมกัน“อุ้ย ! พี่บัวครับ คุณพ่อว่าพายุกำลังจะมา” อาชิกอดลูกชายฝาแฝดก่อนจะเหลือบมองเท้าของผู้หญิงที่เขาจำได้ดี ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปเรื่อย ๆ จนได้สบตากับดวงตาคู่งามที่ตอนนี้กำลังเขม่นมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบที่แฝงไปด้วยความกราดเกรี้ยว“พายุอะไรเหรอคะคุณพ่อ อุ้ย ! จริงด้วยค่ะคุณพ่อ พี่บัวว่าไม่น่าจะใช่พายุธรรมดา แต่เป็นทอร์นาโดเลยค่ะ” เอมมาลินเอ่ยถามคนเป็น