Share

Chapter 6

last update Last Updated: 2025-12-11 03:37:27

Chapter 6

          “สุดาขอโทษค่ะ สุดารีบเลยไม่ทันมองค่ะ” จันทร์สุดาพูด ขณะกำลังใช้ปลายนิ้วกดไปยังปุ่มเปิดประตู ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ศุภกฤกษณ์กดปุ่มตัวเลข 43 เสียก่อน

          “ผมไม่ซี ไปด้วยกันนี่แหละ ดีซะอีกที่มีคุณขึ้นลิฟต์เป็นเพื่อน ขึ้นคนเดียวมาหลายปีแล้ว เหงา” เขายิ้มให้จันทร์สุดา ที่ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาจากความอาย “คุณร้องเพลงเพราะมากเลยนะ คุณไปร้องประจำที่ฟรอร่าเมื่อไหร่ ผมคงต้องไปนั่งฟังคุณร้องทุกคืนแน่”

          จันทร์สุดาเงยหน้ามองคนพูด ไม่คิดว่า ในคืนนั้นศุภกฤษณ์จะอยู่ในคลับนั้นด้วย

          “คุณหงส์บอกว่า คุณเริ่มมาร้องเพลงต้นเดือนใช่ไหม”

          “ใช่ค่ะ เริ่มวันพฤหัสหน้าค่ะ”

          “ว่าแต่คุณทำงานแผนกอะไร ตอนที่เห็นคุณขึ้นร้องเพลง ผมคุ้นหน้าคุณนะ แต่นึกไม่ออก”

          “ท่านรองคงจำสุดาไม่ได้ สุดาเคยเข้าประชุมผลประกอบการประจำปีเมื่อต้นเดือนไงคะ วันนั้นพนักงานมีหลายฝ่ายในหลายแผนก ท่านรองโฟกัสเรื่องงาน เลยไม่ได้สนใจอย่างอื่นค่ะ” จันทร์สุดาตอบเจ้านาย

          “อ๋อ จำได้แล้ว วันนั้นพนักงานเป็นสิบคน ผมยอมรับว่าจำไม่หมด จำได้เฉพาะคนที่เคยคุยกันเป็นประจำเท่านั้น ผมขอโทษนะที่จำคุณไม่ได้ ทั้งที่คุณ...น่าจดจำมาก”

ประโยคท้ายศุภกฤษณ์เน้นเสียง มองจันทร์สุดาด้วยสายตาสื่อความหมาย ทว่าคนถูกมองกลับมองไม่เห็นหรือรู้สึกว่า คำพูดนั้นมีนัยยะแอบแฝง

          “จำไม่ได้ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ”

          “ตอนคุณอยู่บนเวทีกับตอนนี้ต่างกันมากเลยนะ อยู่บนเวทีคุณเหมือนนางพญา สวยสง่าสู้แสงสีเสียง แต่ตอนนี้คุณสวยเหมือนหยาดน้ำค้างหยดลงใบบอน สดใสเป็นธรรมชาติ ดูรื่นตาตี” ศุภกฤษณ์ชมตรงๆ จันทร์สุดาถึงกับเขิน ยิ้มเอียงอาย แก้มแดงระเรื่อ

          ‘ยิ่งอายยิ่งน่ารักและน่ามอง’ ศุภกฤษณ์พูดในใจ สายตาไม่ละห่างดวงหน้าหวาน

          “ขอบคุณค่ะสำหรับคำชมค่ะท่านรอง” การสนทนาหยุดลงเมื่อเสียงลิฟต์ดังขึ้นหลังจากนำพาทั้งคู่มาถึงชั้นบนสุดของอาคาร “สุดาขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะ”

          “อ้อ...มีอีกเรื่องที่ผมอยากบอกคุณ” เขารั้งเธอไว้ “ต่อไปเรียกผมว่าคุณแทคนะ เรียกท่านรอง ผมรู้สึกว่า ผมแก่น่ะ ผมยังไม่อยากแก่ ยังไม่มีลูกมีเมีย ยังไม่มีแฟนด้วย”

          ศุภกฤษณ์เหมือนบอกเธอกลายๆ

          “ค่ะคุณแทค สุดาไปทำงานก่อนนะคะ” จันทร์สุดากล่าวลา “สายจนได้”

          ก่อนทำหน้าเศร้าเดินออกจากลิฟต์ โดยมีสายตาของพนักงานที่ทำงานอยู่ชั้นนั้นมองด้วยความสงสัยว่า จันทร์สุดาใช้ลิฟต์ตัวเดียวกับศุภกฤษณ์ได้อย่างไร แถมมาด้วยกันด้วย

          ศุภกฤษณ์เดินไล่หลังจันทร์สุดา เขาได้ยินประโยคท้ายเชิงบ่นของเธอพอดี เหตุผลที่เธอรีบจนไม่ทันมองว่าตัวเองขึ้นลิฟต์ผิดอาจเป็นเพราะไม่ต้องการสาย แต่สุดท้ายก็เลี่ยงไม่ได้ เห็นทีเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ชื่อจันทร์สุดาอยู่ในประวัติพนักงานมาสายประจำเดือนนี้ เช้านี้เขาอารมณ์ดีมาก เดินยิ้มเข้าห้องทำงานด้วยใจเบิกบาน

          12.00 น.

          พนักงานในบริษัทยูแอนด์อาร์ กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) ต่างทยอยออกไปกินมื้อกลางวันตามร้านอาหารละแวกอาคารที่มีอยู่ด้วยกันหลายจุด แต่ละจุดราคาย่อมเยา สบายกระเป๋าเหล่ามนุษย์เงินเดือน ทว่ากลับมีไม่กี่คนเดินไปยังห้องสวัสดิการของพนักงานที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ให้

          ห้องนี้มีขนาดสี่คูณห้าเมตร ในห้องนี้นอกจากจะบริการเรื่องเครื่องดื่มร้อนและเย็น ยังมีตู้เย็นสำหรับเก็บของกินของพนักงานระหว่างวัน ไมโครเวฟสำหรับอุ่นอาหาร โต๊ะอาหารตัวค่อนข้างใหญ่นั่งได้หกคนตั้งอยู่ตรงกลาง

          หนึ่งในพนักงานไม่กี่คนคือจันทร์สุดา เธอหมุนตัวกำลังเดินไปกินข้าวในห้องสวัสดิการ เธอก้าวไปเพียงสองสามก้าว ร่างของใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น จันทร์สุดาระงับเท้า มองหน้าศุภกฤษณ์ด้วยความแปลกใจว่า เขามาที่นี่ทำไม

          “นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว” จันทร์สุดางงหนักมากขึ้นกว่าเดิม กับประโยคที่ได้ยิน “ผมจะชวนคุณไปกินข้าวเที่ยง กินแถวๆ นี้ก็ได้ หรือกินร้านที่คุณกินประจำ ผมไม่เรื่องมาก ผมกินได้”

          คำชวนเรียกความตกใจให้จันทร์สุดา คงไม่มีใครคิดว่า รองประธานบริษัทยูแอน์อาร์กรุ๊ป จะกล่าวชวนพนักงานต๊อกต๋อยไปกินข้าวเที่ยง เธอเหมือนยืนงงในดงกล้วยตามคำกล่าวยอดฮิต

          “เอ่อคือว่า”

          “คุณมีนัดกับใครหรือเปล่าครับ” ท่าทางอึกอักของเธอ ทำให้เขาคิดเช่นนี้

          “ไม่มีค่ะ สุดาไม่มีนัดกับใคร” ศุภกฤษณ์ยิ้มกว้าง

          “งั้นเราไปกินข้าวกันนะ ผมหิวแล้ว”

          “คือว่า”

จันทร์สุดาปากหนัก ไม่กล้าบอกเจ้านายสุดหล่อว่า ตนเตรียมอาหารกลางวันมากิน

          “คุณติดอะไรหรือเปล่า หรือกลัวว่าพนักงานในบริษัทจะเอาไปพูดเรื่องที่ผมชวนคุณไปกินข้าว ถ้ากลัวเรื่องนั้นไม่ต้องกลัวเลย เพราะคนพวกนั้นได้เห็นทุกวันแน่”

เป็นอีกครั้งที่จันทร์สุดามองหน้าคนพูด แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยคำใด เสียงนภารัตน์หรือหน่อยดังขึ้นก่อน

          “อ้าวสุดา ยังไม่ไปอุ่นข้าวเหรอ พี่...” ความที่นภารัตน์เดินมาทางด้านหลังศุภกฤษณ์ เธอจึงไม่รู้ว่า ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนคุยกับจันทร์สุดาคือใคร แต่พอเห็นหน้า เสียงพูดกลืนหาย มองเจ้านายสุดหล่อด้วยความตกใจ “ท่านรอง”

          “อุ่นข้าวหรือครับ” ศุภกฤษณ์ถามตามประโยคที่ได้ยิน

          “สุดาห่อข้าวมากินตอนกลางวันน่ะค่ะ แต่วันนี้งดกินวันนึงค่ะ เราออกไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะ” จันทร์สุดาบอกคนชวนกินข้าว “สุดาไปกินข้าวก่อนนะคะพี่หน่อย”

          ศุภกฤษณ์ไม่ได้เอ่ยคำใด เขาก้าวเดินไปยังลิฟต์โดยสารส่วนตัวที่จอดเพียงสี่ชั้นคือ ชั้น 1, 2A, 25 , 42 และ43 โดยมีสายตาอยากรู้อยากเห็นของนภารัตน์มองตามไปด้วยความสงสัยและใคร่รู้มาก แน่นอนว่า เรื่องนี้ต้องถูกขยายไปเข้าหูอีกหลายคนในบริษัท เป็นข่าวใหม่ ข่าวร้อนแห่งปีก็ว่าได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักร้าว   Chapter 10

    Chapter 10พูดแค่นี้จันทร์สุดาเข้าใจแล้วว่า เขาต้องการส่งเธอถึงหน้าบ้าน เธอไม่พูดอะไรต่อ จนกระทั่งเขากำลังเลี้ยวรถเข้าซอยย่อย “คุณเติร์ดจอดตรงต้นก้ามปูนะคะ” “นี่มันกี่ทุ่มแล้วแม่คุณ แถมไฟทางก็ห่างกันมองไม่ค่อยเห็น ฉันจะเห็นต้นก้ามปูได้ยังไง” ดูเหมือนว่า จันทร์สุดาพูดอะไรก็ไม่เข้าหูเตมินทร์เลย เวลานี้เธอเศร้าหนักมาก “แล้วไอ้ต้นก้ามปูที่ว่ามันอยู่ทางซ้ายหรือขวามือ” “ซ้ายมือค่ะ จอดตรงตีนสะพานก็ได้ค่ะ”จันทร์สุดาบอกแบบนี้เขาน่าเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจอีกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เตมินทร์ขับรถไปอีกยี่สิบเมตร รถยนต์หรูก็จอดนิ่ง “บ้านเธอหลังไหนล่ะ” เตมินทร์ถาม “ต้องเดินเข้าไปในซอยนี้ค่ะ รถเข้าไปไม่ได้ เข้าได้แค่จักรยานกับมอไซร์ค่ะ” เธอบอกขณะปลดเข็มขัดนิรภัย “ขอบคุณคุณเติร์ดมากค่ะที่มาส่งสุดา” “เดินเข้าไปลึกไหม” “ประมาณสามร้อยเมตรค่ะ” “เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง” “ไม่เป็นไรค่ะ สุดาเดินเข้าบ้านเองได้ค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจคุณเติร์ดมากแล้วค่ะ” จันทร์สุดารีบพูด “เธอนี่ยังไงนะ ฉันบอกว่าจะเดินไปส่งก็ตามนั้นสิ พูดมากอยู

  • รักร้าว   Chapter 9

    Chapter 9 หัวใจเต้นระรัว... ไม่ได้...จันทร์สุดาไม่มีอะไรคู่ควรกับความรู้สึกนี้ และไม่คู่ควรกับศุภกฤษณ์ ทว่าเตมินทร์คงห้ามเพื่อนสนิทไม่ได้ หัวใจใครหัวใจมัน “ดีใจจังที่สุดาไปด้วย วันงานเลิกงานปุ๊บเราไปพร้อมกันเลยนะ” เสียงศุภกฤษณ์เสมือนเชือกดึงสติเตมินทร์ที่กำลังไหลไปกับรอยยิ้มแสนสวยของจันทร์สุดาให้หวนกลับมา “ค่ะ” จันทร์สุดาตอบรับ ยิ้มให้ศุภกฤษณ์ก่อนลงมือกินอาหาร โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ใครบางคนกำลังไม่พอใจที่เธอส่งยิ้มเมื่อครู่ เพราะเตมินทร์เกิดหวงรอยยิ้มเธอขึ้นมาอย่างอธิบายยากยิ่ง ทำไมรู้สึกอย่างนี้วะ...เป็นคำถามที่เตมินทร์หาคำตอบไม่ได้อีกตามเคย การกินอาหารของทั้งสี่ดำเนินต่อไปราวยี่สิบนาที พวกเขาและเธอออกจากร้าน มุ่งตรงกลับห้างนั้นเพื่อเดินทางกลับบ้าน 21.05 น. อึดอัด... เป็นความรู้สึกของจันทร์สุดาขณะนั่งในรถของเตมินทร์ การนั่งรถมากับคนที่ไม่ชอบหน้าตนไม่ใช่เรื่องง่ายในการรับมือ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขากล่าวชวนไปงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดก็ตาม ซึ่งเธอก็รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาว่า การชวนนั้นเพื่อให้ตนอ

  • รักร้าว   Chapter 8

    Chapter 8 แม้สองหนุ่มเป็นลูกคนรวยมีเงินเหลือใช้ จะกินอาหารราคาแพงมื้อละหมื่นหรือหลักแสนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ กลับทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ทว่าเตมินทร์กับศุภกฤษณ์กลับกินอาหารร้านริมทาง ร้านที่อยู่ในตึกแถว ตามซอกหลืบที่ต้องเดินลัดเลาะไปกินได้ อาจเป็นเพราะช่วงเรียนปริญญาตรี มหาวิทยาลัยที่ร่ำเรียนติดกับโซนอาหารขึ้นชื่อ ทั้งสองพร้อมเพื่อนสนิทอีกหลายคนเดินไปกินบ่อยๆ การมากินก๋วยเตี๋ยวไก่ครั้งนี้ถือว่า สบายมาก “โห...ไก่นุ่มมาก ตีนไก่เปื่อยสุดๆ อร่อยมากๆ เลย” ศุภกฤษณ์ไม่พูดเกินจริง รสชาติก๋วยเตี๋ยวไก่อร่อยสมชื่อเสียงสะสมมากกว่าสามสิบปี ร้านนี้ยังมีข้าวมันไก่สูตรเด็ดที่อร่อยไม่แพ้กันอีกด้วย “บอกแล้วว่าอร่อยค่ะ อร่อยจนอยากเบิ้ล” วัชรีพรพูดต่อ “คนที่เจอร้านนี้คือสุดาค่ะ สุดาพาหมวยมากิน หมวยติดใจเลยค่ะ มาแถวนี้ต้องมากินค่ะ ซื้อไปฝากคุณแม่และคุณยาย ท่านยังติดใจเลยนะคะ นี่ก็กะว่าจะซื้อไปฝากท่านคนละถุง และไม่ลืมสั่งตีนไก่เปล่าไปนั่งกินเพลินๆ ด้วยค่ะ” “อร่อยใช่ไหมเติร์ด แกสั่งเพิ่มอีกจานแล้วนี่” ศุภกฤษณ์ถามเตมินทร์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม “แล้วสุดาอิ่มหรือยัง จะสั่งเพิ่มอี

  • รักร้าว   Chapter 7

    Chapter 7 จันทร์สุดาก้าวเท้าเข้ามาในห้างหรูย่านสี่แยกราช-ประสงค์ ห้างที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหรา มีสินค้าแบรนด์เนมแทบทุกแบรนด์ให้เลือกจับจ่าย เธอตรงดิ่งไปยังร้านกาแฟที่นัดหมายไว้กับวัชรีพร “เฮ้อ มาทันเวลานัดเป๊ะ” จันทร์สุดาพูดขณะหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ “แกนี่รักษาเวลาดีเหมือนเดิม” “ก็ต้องรักษาเวลาสิ มีนัดกับแกทีไร แกมาก่อนฉันทุกที แล้วนี่รอนานไหม” “มาก่อนแค่สิบนาทีเอง แกจะสั่งอะไรดื่มก่อนไหม ฉันสั่งให้” “ไม่ล่ะ ไปซื้อของกันเลยดีกว่า เผื่อแกเลือกนาน” คนพูดรู้นิสัยวัชรีพรดีว่าช่างเลือกมากแค่ไหน หากไม่ถูกใจจริงๆ ไม่มีทางซื้อ “ว่าแต่แกจะซื้ออะไร ฉันจะได้เล็งร้านให้แกถูก ขืนปล่อยให้แกเดินทุกร้าน ขาลากพอดี” เมื่อคืนนี้วัชรีพรโทรมาชวนไปซื้อของ จันทร์สุดาไม่ได้ถามรายละเอียดว่าไปซื้ออะไร เพื่อนชวนและเธอว่างพอดีจึงตกปากรับคำ “ฉันจะซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่เติร์ดน่ะ วันเกิดพี่เติร์ดวันมะรืน ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะซื้ออะไรให้ เพราะพี่เติร์ดคงมีหมดแล้ว ฉันก็เลยชวนแกมาช่วยคิด ช่วยเลือกไง” วัชรีพรบอกจุดประสงค์ให้จันทร์สุดารู้

  • รักร้าว   Chapter 6

    Chapter 6 “สุดาขอโทษค่ะ สุดารีบเลยไม่ทันมองค่ะ” จันทร์สุดาพูด ขณะกำลังใช้ปลายนิ้วกดไปยังปุ่มเปิดประตู ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ศุภกฤกษณ์กดปุ่มตัวเลข 43 เสียก่อน “ผมไม่ซี ไปด้วยกันนี่แหละ ดีซะอีกที่มีคุณขึ้นลิฟต์เป็นเพื่อน ขึ้นคนเดียวมาหลายปีแล้ว เหงา” เขายิ้มให้จันทร์สุดา ที่ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาจากความอาย “คุณร้องเพลงเพราะมากเลยนะ คุณไปร้องประจำที่ฟรอร่าเมื่อไหร่ ผมคงต้องไปนั่งฟังคุณร้องทุกคืนแน่” จันทร์สุดาเงยหน้ามองคนพูด ไม่คิดว่า ในคืนนั้นศุภกฤษณ์จะอยู่ในคลับนั้นด้วย “คุณหงส์บอกว่า คุณเริ่มมาร้องเพลงต้นเดือนใช่ไหม” “ใช่ค่ะ เริ่มวันพฤหัสหน้าค่ะ” “ว่าแต่คุณทำงานแผนกอะไร ตอนที่เห็นคุณขึ้นร้องเพลง ผมคุ้นหน้าคุณนะ แต่นึกไม่ออก” “ท่านรองคงจำสุดาไม่ได้ สุดาเคยเข้าประชุมผลประกอบการประจำปีเมื่อต้นเดือนไงคะ วันนั้นพนักงานมีหลายฝ่ายในหลายแผนก ท่านรองโฟกัสเรื่องงาน เลยไม่ได้สนใจอย่างอื่นค่ะ” จันทร์สุดาตอบเจ้านาย “อ๋อ จำได้แล้ว วันนั้นพนักงานเป็นสิบคน ผมยอมรับว่าจำไม่หมด จำได้เฉพาะคนที่เคยคุยกันเป็นประจำเท่านั้น ผมขอโทษน

  • รักร้าว   Chapter 5

    Chapter 5ข้าวสวยร้อนๆ ถูกตักใส่กล่องข้าวพอดีกินในมื้อกลางวัน ก่อนหันมาตักแกงส้มผักรวมใส่ปลานิลหั่นเป็นชิ้นใส่ถุงร้อน จันทร์สุดาเลือกตักหัวปลากับหางปลา ส่วนชิ้นเนื้อแน่นๆ เอาไว้ให้คนในบ้านกิน และไข่เค็มอีกหนึ่งฟองวางลงอีกช่องในกล่องข้าว ก่อนปิดฝานำทั้งหมดที่เตรียมไว้ใส่กระเป๋าใส่กล่องอาหาร เสร็จจากงานในครัวจันทร์สุดาเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน “แม่จ๋า วันนี้หนูกลับบ้านดึกหน่อยนะ มีนัดกับหมวยจ้ะ” จันทร์สุดาในชุดทำงานเอ่ยบอกรุ่งรัตน์ที่เพิ่งตื่นนอน “มีเงินไหม ขอสักห้าร้อยสิ” คนเป็นแม่ไม่ถามว่า ที่ว่ากลับดึกจะกลับกี่ทุ่ม ตามประสาแม่ห่วงลูก กลับแบมือขอเงิน ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับจันทร์สุดาที่ควักเงินให้ง่ายๆ ไม่ถามว่ามารดานำเงินไปใช้จ่ายอะไร “มะรืนนี้ต้องจ่ายค่าบ้านนะ เตรียมไว้ด้วยล่ะ พี่เอ็งคงไม่เงินจ่าย” “รู้แล้วจ้ะ สุดาเอาไปให้ป้าพลอยเอง” จันทร์สุดารู้หน้าที่ “รู้หน้าที่ก็ดี ฉันไปกินข้าวก่อน หิวจนไส้จะขาดแล้ว”รุ่งรัตน์เดินไปยังห้องครัว หาอาหารกินบรรเทาความหิว ขณะนั้นสร้อยทิพย์เดินลงมาจากชั้นบน เธอยิ้มให้น้องสาว “พี่สร้อยไปท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status