เข้าสู่ระบบหัวใจเต้นระรัว...
ไม่ได้...จันทร์สุดาไม่มีอะไรคู่ควรกับความรู้สึกนี้ และไม่คู่ควรกับศุภกฤษณ์ ทว่าเตมินทร์คงห้ามเพื่อนสนิทไม่ได้ หัวใจใครหัวใจมัน
“ดีใจจังที่สุดาไปด้วย วันงานเลิกงานปุ๊บเราไปพร้อมกันเลยนะ” เสียงศุภกฤษณ์เสมือนเชือกดึงสติเตมินทร์ที่กำลังไหลไปกับรอยยิ้มแสนสวยของจันทร์สุดาให้หวนกลับมา
“ค่ะ” จันทร์สุดาตอบรับ ยิ้มให้ศุภกฤษณ์ก่อนลงมือกินอาหาร โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ใครบางคนกำลังไม่พอใจที่เธอส่งยิ้มเมื่อครู่ เพราะเตมินทร์เกิดหวงรอยยิ้มเธอขึ้นมาอย่างอธิบายยากยิ่ง
ทำไมรู้สึกอย่างนี้วะ...เป็นคำถามที่เตมินทร์หาคำตอบไม่ได้อีกตามเคย
การกินอาหารของทั้งสี่ดำเนินต่อไปราวยี่สิบนาที พวกเขาและเธอออกจากร้าน มุ่งตรงกลับห้างนั้นเพื่อเดินทางกลับบ้าน
21.05 น.
อึดอัด...
เป็นความรู้สึกของจันทร์สุดาขณะนั่งในรถของเตมินทร์ การนั่งรถมากับคนที่ไม่ชอบหน้าตนไม่ใช่เรื่องง่ายในการรับมือ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขากล่าวชวนไปงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดก็ตาม ซึ่งเธอก็รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาว่า การชวนนั้นเพื่อให้ตนอยู่เป็นเพื่อนวัชรีพร
“คุณเติร์ดจอดรถตรงป้ายรถเมล์ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวสุดากลับบ้านเอง” จันทร์สุดาบอกเจ้าของรถที่ยังคงขับรถต่อไป
“ทำไม ไม่อยากนั่งรถฉันหรือไง หรืออยากนั่งรถไอ้แทค เธอคงอยากให้แทคไปส่งมากกว่าฉันใช่ไหม”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น” จันทร์สุดารีบปฏิเสธ “สุดาแค่ไม่อยากให้คุณเติร์ดลำบาก ไปส่งสุดาเสร็จก็ต้องขับรถย้อนกลับบ้าน”
“ไม่ต้องพูดมาก ฉันไม่ได้ลำบากอะไร ฉันขับรถนะไม่ได้ปั่นจักรยานไปส่งเธอที่บ้าน ฉันถึงต้องลำบากลำบนน่ะ แล้วฉันก็รับปากแทคว่าจะไปส่งเธอด้วย ฉันก็ต้องทำตามที่รับปากไว้” เตมินทร์พูดโดยไม่มองหน้าคู่สนทนา “ถ้าฉันทำตามที่เธอบอก หมวยกับแทครู้คงไม่พอใจฉันแน่ เอาเป็นว่า ฉันจะส่งเธอให้ถึงประตูบ้านเลย”
ประโยคท้ายเตมินทร์กึ่งประชด จันทร์สุดาไม่กล้าเอ่ยคำใดเพราะเกรงว่า เตมินทร์อาจไม่พอใจ เธอจึงเงียบเสียง
เหตุผลที่เตมินทร์ต้องไปส่งจันทร์สุดาที่บ้าน ต้องเท้าความไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนนี้ หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวไก่เสร็จ ทั้งสี่พากันเดินมายังห้างหรู ตรงไปยังลานจอดรถของห้าง วัชรีพรแม้เป็นลูกคนรวยแต่ไม่ค่อยขับรถไปไหนมาไหนเอง เธอมักให้บุญส่งหรือน้าส่งขับให้ จะขับเองก็ต่อเมื่อบุญส่งไม่ว่าง หากวันไหนอยู่ที่ห้างหรือทำธุระใกล้บ้านก็จะให้บุญส่งกลับบ้านไปก่อน ก่อนเธอกลับสักสี่สิบนาทีจะโทรบอกให้บุญส่งมารับ
ระหว่างเดินมายังห้าง เตมินทร์บอกวัชรีพรว่า จะไปส่งที่บ้านเอง เธอจึงไม่โทรบอกให้บุญส่งมารับ ส่วนศุภกฤษณ์ขันอาสาไปส่งจันทร์สุดาที่บ้าน แม้ว่าลูกน้องสาวปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ทว่าเจ้านายหนุ่มก็ตื้อจนได้
รถยนต์เตมินทร์กับศุภกฤษณ์จอดใกล้กัน มีเพียงรถสองคั้นกั้นกลาง เมื่อทั้งสี่ไปถึงรถหรูของสองหนุ่ม เสียงบ่นอุบของศุภกฤกษณ์ดังขึ้น
“ยางแบน แบนได้ไงวะ” เจ้าของรถก้มมองดูยางล้อหน้าที่แบนติดพื้น ก่อนนั่งยองลงไปสำรวจ จนเห็นสาเหตุของยางแบนติดพื้น “ไปเหยียบตะปูตอนไหนวะ”
“มีอะไรแทค” เตมินทร์ได้ยินเสียงเพื่อน จึงเดินมาถาม
“ยางแบนน่ะสิ โดนตะปู”
“แล้วเอาไง โทรเรียกศูนย์ไหม”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น” ยี่ห้อรถยนต์ของศุภกฤษณ์ มีบริการพิเศษคือ หากรถเกิดอุบัติเหตุหรือเสีย จะมีเจ้าหน้าที่มานำรถคันดังกล่าวไปส่งศูนย์หรืออู่ตามแต่เจ้าของรถต้องการ “ฉันคงไปส่งสุดาไม่ได้ เพราะต้องรอคนมารับรถ แล้วต้องเซ็นเอกสารด้วย”
“สุดากลับเองได้ค่ะ” จันทร์สุดารีบบอก
“แต่ผมรับปากคุณไว้แล้วว่าจะไปส่ง ผมไม่อยากผิดคำพูด” ศุภกฤษณ์เสียดายโอกาสนี้มาก หากไม่ติดว่ายางรถแบน เขาคงได้ใกล้ชิดกับเธอ “เอางี้ดีกว่า ทางไปบ้านสุดาไปทางเดียวกับนาย นายไปส่งสุดาแทนฉันทีนะ ส่งหมวยเสร็จ นายก็ไปส่งสุดาต่อ”
เตมินทร์มองหน้าเพื่อน ใจเขาก่ำกึ่งระหว่างอยากทำตามเพื่อนร้องขอกับไม่อยากทำ และเตมินทร์เพิ่งรู้ตอนเดินมายังลานจอดรถว่า บ้านเขากับบ้านจันทร์สุดาอยู่ไม่ห่างกันมาก อยู่กันคนละฝั่ง หากรวมระยะทางกลับรถไม่น่าเกินสามกิโลเมตร
“ไม่ต้องลำบากคุณเติร์ดหรอกค่ะ สุดากลับบ้านเองได้ค่ะ” จันทร์สุดาพูดทันที “อีกอย่างคุณแทคไม่ได้ผิดสัญญา มันเป็นเรื่องสุดวิสัยค่ะ”
“เติร์ดไม่ลำบากหรอก ไปทางเดียวกัน แค่แวะส่งสุดาก่อนแค่นั้นเอง” ศุภกฤษณ์หันไปพูดกับเพื่อนรัก “จริงไหมเติร์ด แกไม่ลำบากใช่ไหม”
“อืม ไม่ลำบากหรอก ทางเดียวกันนี่” ศุภกฤษณ์เหมือนมัดมือชกเตมินทร์ที่จะปฏิเสธก็ดูกระไร
“งั้นฉันฝากส่งสุดาที่บ้านด้วยนะ” เตมินทร์ไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน
คนแรกที่เขาไปส่งคือวัชรีพร ที่อยู่ใกล้สุด
“ฝากสุดาด้วยนะคะพี่เติร์ด” ก่อนลงจากรถ วัชรีพรฝากเพื่อนรักกับว่าที่คู่หมั้น
“ครับ พี่จะดูแลอย่างดีเลย”
เตมินทร์รับคำ หลังจากวัชรีพรลงจากรถ จันทร์สุดาย้ายตัวเองมานั่งข้างคนขับ เตมินทร์จึงขับรถออกจากหน้าบ้านวัชรีพร มุ่งตรงไปยังบ้านจันทร์สุดา
“เอ้า ไม่บอกฉันล่ะว่า บ้านเธออยู่ไหน ไม่พูดแล้วฉันจะไปส่งเธอถูกเหรอ” ขนาดไม่พูดยังโดนจนได้
“อยู่มีนบุรีค่ะ ซอย...”
“ฉันรู้แล้วน่ะว่า เธออยู่มีนบุรีไม่ต้องบอกหรอก บอกแค่ซอยก็พอ เพราะแถวนั้นฉันรู้จัก” นั่นเจออีกหนึ่งดอก “ซอยนั้นมีซอยย่อยเยอะ เธออยู่ย่อยที่เท่าไหร่”
“3 ค่ะ” จันทร์สุดาตอบเสียงเบา
เตมินทร์ทำหน้าที่ขับรถโดยไม่ถามทางอีกเพราะย่านบ้านพักเธอคือ ถิ่นของเขา เนื่องจากเคยอาศัยอยู่ละแวกนั้นตั้งแต่เกิด ย้ายมาอยู่บ้านหลังปัจจุบันเมื่อสิบห้าปีก่อน ซึ่งหนึ่งในบ้านสองหลังเก่ายังคงอยู่ อีกหลังหนึ่งถูกขายไปนานแล้ว
“คุณเติร์ดส่งสุดาแค่หน้าปากซอยก็ได้ค่ะ สุดาเดินเข้าไปเอง” จันทร์สุดาบอกขณะเตมินทร์เลี้ยวเข้าไปในซอยหลัก
“เธอบอกฉันล่ะกันว่า บ้านเธอหลังไหน”
Chapter 15“พรุ่งนี้วันเกิดเติร์ด แกเตรียมของขวัญแล้วหรือยัง” ธัญญาเรศเปลี่ยนเรื่องใหม่ “หมวยไปซื้อแล้วค่ะ ไปซื้อเมื่อวานไงคะ ไปกับสุดา” ได้ยินชื่อเล่นนี้ ความไม่พอใจของธัญญาเรศพุ่งอีกครั้ง “เรื่องยัยสุดาก็อีกคน เมื่อไหร่แกจะเลิกคบกับมันนะ มันทั้งจนทั้งมีอาชีพอย่างว่า แกจะคบมันให้เสียเกียรติทำไม มีแต่เกาะแกกิน” “สุดาไม่เคยเกาะหมวยกิน เวลาไปกินอะไรก็หารกันตลอด ไม่เคยยืมเงินหมวยเลยสักครั้งทั้งที่ครอบครัวมีปัญหาเรื่องเงิน แล้วสุดาก็เป็นเพื่อนคนเดียวที่หมวยอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด” วัชรีพรรู้ดีว่า จันทร์สุดาเป็นอย่างไร “แล้วสุดาก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงอย่างว่าด้วย แค่ทำงานในสถานที่ที่คนเข้าใจแบบนั้นแค่นั้นเองค่ะ” วัชรีพรพูดให้มารดากับยายหลายครั้ง แต่ไม่มีสักครั้งที่ทั้งสองเข้าใจ “แกเห็นมันดีกว่าฉันใช่ไหม ถึงไม่เลิกคบกับมัน” ธัญญาเรศเสียงเขียวใส่ “หมวยขอล่ะคะ หมวยถูกคุณแม่กับคุณยายบังคับให้ทำนู่นทำนี่มาตลอด ขอให้หมวยได้คบกับสุดาเป็นเพื่อน ตามใจหมวยเถอะค่ะ แค่เรื่องเดียวค่ะ”วัชรีพรเหนื่อยใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย เธอต้องการให้มารดากับยาย ม
Chapter 14 “ได้ครับ เอาตามที่สุดาว่าก็ได้” ศุภกฤษณ์ตอบรับ “แหม...พรุ่งนี้เที่ยงฉันชักอยากมาร่วมแจมด้วยจัง” อีกคนที่นั่งฟังพูดแทรกขึ้น “แต่น่าเสียดาย ฉันมีนัดกับคุณอมรแล้ว” “ก็ไม่ใช่เรื่องยากนี่หว่า เราก็นัดกันเย็นนี้ดีไหม ให้สุดาทำกับข้าวให้เรากินไง ชวนหมวยกับไอ้สองตัวมาด้วยก็ได้ เจอกันที่บ้านฉัน” ศุภกฤษณ์หาโอกาสใกล้ชิดจันทร์สุดา “ดีเหมือนกันนะ” เตมินทร์เห็นด้วย “เย็นนี้สุดาว่างไหม ไปเป็นแม่ครัวที่บ้านผมได้ไหมครับ” ศุภกฤษณ์กล่าวชวน “เย็นนี้สุดาไม่ว่างค่ะ ต้องไปทำงานพิเศษที่รับไว้ค่ะ” จันทร์สุดาตอบตามจริง เตมินทร์ไม่ได้พูดอะไร กระตุกยิ้มโดยที่ทั้งสองไม่ทันสังเกตเห็นส่วนศุภกฤษณ์ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะจันทร์สุดาบอกกับเขาว่า เธอมีงานพิเศษหลายอย่าง แต่งหน้าให้พี่สาวและพีอาร์หลายคนในคลับฟรอร่า วันเสาร์อาทิตย์ทำงานออกบูธสินค้าต่างๆ และเริ่มร้องเพลงในคลับต้นเดือนหน้าทุกวันพฤหัส เสาร์และอาทิตย์ “งั้นวันศุกร์นี้ คุณว่างไหม ผมจองตัวคุณไว้ก่อนเลย” “ว่างค่ะ” จันทร์สุดาตอบ “สรุปว่าวันศุกร์นะ ผมจะได้โทรชวนโฟมกั
Chapter 13 “ท่านรองไม่ได้มาจีบสุดาหรอกค่ะ ท่านรองเป็นเพื่อนคุณเติร์ดค่ะ คุณเติร์ดเป็นว่าที่คู่หมั้นเพื่อนสุดาค่ะ เมื่อวานท่านรองเลยแวะชวนไปกินข้าวเที่ยงค่ะ”ตอนแรกจันทร์สุดาไม่รู้ว่า ศุภกฤษณ์กับเตมินทร์เป็นเพื่อนกัน มารู้ตอนกินอาหาร ศุภกฤษณ์บอกรื่องนี้ให้ตนรู้ เธอยังคิดว่า โลกมันกลม “จริงแน่นะ ไม่ได้มาจีบสุดาแน่เหรอ” วาสนาถามอีกคล้ายไม่เชื่อ “นั่นสิ ถ้าไม่จีบเธอ แล้วจะมาชวนกินข้าวเที่ยงทำไม” รุ้งแก้วถามเพิ่ม มีความสงสัยไม่น้อย “แน่ค่ะ ท่านรองจะมาสนใจสุดาทำไมคะ สุดาไม่มีอะไรคู่ควรกับท่านรองได้เลย มีสาวสวยระดับเดียวกับท่านรองให้เลือกเยอะแยะ มันไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆ ค่ะ” จันทร์สุดาเจียมตัวเสมอ แม้ในความเป็นจริง ศุภกฤษณ์ให้ความสนใจตนอย่างเปิดเผย เธอตั้งใจว่า จะบอกเขาตามตรง ไม่ให้ความหวัง สถานนะที่เป็นได้คือ เจ้านายลูกน้อง เพื่อน พี่ชายกับน้องสาวเท่านั้น “สุดาทำงานก่อนนะคะ พี่นิดจะเอาสรุปบัญชีจัดซื้อวันนี้ สุดาต้องรีบทำค่ะ” เป็นการตัดการสนทนาไม่น่าเกลียด วาสนากับอีกสองสาวรีบถอนร่นกลับไปยังโต๊ะทำงานอีกตัว “พี่นิดเชื่อเหรอว่า ท่านรอ
Chapter 12 “นายเป็นลูกผู้ชาย อายุก็เลยยี่สิบปีแล้ว ทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องที่ทำ ไม่ใช่โยนภาระให้คนอื่นแบบนี้ ฉันถือว่าคนประเภทนี้เป็นหมา ที่เจ้าของต้องตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวเวลาพาออกไปเดินเล่น นายอยากเป็นอะไรล่ะ คนหรือหมาขี้เรื้อน” ฉัตรชัยถึงกับหน้าชา เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้า ปกติยามถูกสร้อยทิพย์หรือจันทร์สุดาตำหนิ ก็จะมีบิดามารดาให้ท้าย ทว่าวันนี้ทั้งสองไม่อยู่บ้าน ไปฝึกลับสติปัญญาที่บ้านเจ๊พร กว่าจะกลับก็คงสว่าง จึงไม่มีใครคอยกันให้ ฉัตรชัยโต้ตอบอะไรไม่ได้มาก ทำได้เพียงแค่เดินหนีเข้าไปในห้องนอนของตน “ขอบคุณคุณเติร์ดมากค่ะ ที่จ่ายเงินให้สุดา” เมื่อทุกคนออกไปจากบ้าน จันทร์สุดายกมือไหว้และกล่าวขอบคุณ“เรื่องแค่นี้เอง ฉันช่วยได้ฉันเลยช่วย” เตมินทร์ไม่เข้าใจตัวเองว่า เหตุใดต้องช่วยจันทร์สุดา เขาไม่ช่วยเธอก็ได้ เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเลย “ฉันทำความเข้าใจกับเธอข้อนึงนะว่า ที่ฉันช่วยเธอเพราะเห็นแก่หมวยกับแทค เพราะถ้าสองคนนี้รู้ว่า ฉันอยู่ในเหตุการณ์แล้วไม่ช่วยเธอ ทั้งที่ช่วยได้ สองคนนั้นด่าฉันเปิง แล้วอีกข้อคือ ไม่ต้องบอกเรื่องนี้ให้หมวยกับแทครู้
Chapter 11 “ไอ้หนุ่มคนนี้เป็นใคร หรือว่าเป็นลูกค้าเอ็ง สุดา” ลุงหมีเสียงดังใส่ ท่าทางโกรธจัด เตมินทร์ถึงกับกัดกรามแน่นเมื่อได้ยินว่า ตนเป็นลูกค้าจันทร์สุดา เป็นคำพูดเสียดแทงใจมาก “มึงไม่รู้เหรอว่ากูเป็นใคร ถึงกล้าทำอย่างนี้กับกู” ระหว่างสถานการณ์กำลังตึงเครียด ตัวต้นเรื่องเดินอารมณ์ดีกลับบ้าน แต่เมื่อเห็นลุงหมีกับลูกน้องก็ตั้งท่าวิ่งหนี “ลุงหมี นั่นไอ้เก่งนี่ครับ” ลูกน้องนามว่าเขียวเอ่ยขึ้น ก้าวเท้าวิ่งตามฉัตรชัยที่สับเท้าหนี โดยมีจันทร์ลูกน้องอีกคนวิ่งตามไป จันทร์สุดาเห็นดังนั้นจึงวิ่งตามไปช่วยน้องชาย แต่วิ่งไปไม่กี่ก้าว เขียวได้ลากร่างฉัตรชัยที่สะดุดล้มมาหาเจ้านาย “อย่าทำอะไรน้องฉันนะ ปล่อยนะ” เขียวไม่ปล่อยตามคำบอกจันทร์สุดา กลับลากฉัตรชัยมาหาเจ้านายที่ตบหน้าคนโกงไปหนึ่งครั้งเต็มๆ “ไอ้เก่ง มึงกล้ามากนะที่โกงกู...เพียะ”ลุงหมีตบหน้าฉัตรชัยอีกครั้ง “อย่านะลุงหมี อย่าทำเก่ง” จันทร์สุดารีบห้าม ตรงเข้าไปหาน้องชาย ทว่าถูกมือของเขียวผลักจนกระเด็นไปหลายก้าว “ถ้าเอ็งไม่อยากให้น้องตายล่ะก็ เอาเงินมาเลยสามแสน ถ้าไม่มี เอ็งก็
Chapter 10พูดแค่นี้จันทร์สุดาเข้าใจแล้วว่า เขาต้องการส่งเธอถึงหน้าบ้าน เธอไม่พูดอะไรต่อ จนกระทั่งเขากำลังเลี้ยวรถเข้าซอยย่อย “คุณเติร์ดจอดตรงต้นก้ามปูนะคะ” “นี่มันกี่ทุ่มแล้วแม่คุณ แถมไฟทางก็ห่างกันมองไม่ค่อยเห็น ฉันจะเห็นต้นก้ามปูได้ยังไง” ดูเหมือนว่า จันทร์สุดาพูดอะไรก็ไม่เข้าหูเตมินทร์เลย เวลานี้เธอเศร้าหนักมาก “แล้วไอ้ต้นก้ามปูที่ว่ามันอยู่ทางซ้ายหรือขวามือ” “ซ้ายมือค่ะ จอดตรงตีนสะพานก็ได้ค่ะ”จันทร์สุดาบอกแบบนี้เขาน่าเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจอีกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เตมินทร์ขับรถไปอีกยี่สิบเมตร รถยนต์หรูก็จอดนิ่ง “บ้านเธอหลังไหนล่ะ” เตมินทร์ถาม “ต้องเดินเข้าไปในซอยนี้ค่ะ รถเข้าไปไม่ได้ เข้าได้แค่จักรยานกับมอไซร์ค่ะ” เธอบอกขณะปลดเข็มขัดนิรภัย “ขอบคุณคุณเติร์ดมากค่ะที่มาส่งสุดา” “เดินเข้าไปลึกไหม” “ประมาณสามร้อยเมตรค่ะ” “เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง” “ไม่เป็นไรค่ะ สุดาเดินเข้าบ้านเองได้ค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจคุณเติร์ดมากแล้วค่ะ” จันทร์สุดารีบพูด “เธอนี่ยังไงนะ ฉันบอกว่าจะเดินไปส่งก็ตามนั้นสิ พูดมากอยู







