“เงินอะไร! ฉันไม่รู้เรื่อง คนชั่ว ออกไปจากตัวของฉันนะ” พราวรุ้งปฏิเสธเสียงสั่นเครือด้วยความตระหนก พยายามดึงมือที่ถูกเขากุมไว้พร้อมกับขืนตัวสุดพลังแต่ดูเหมือนทุกสิ่งที่เธอทำจะไร้ซึ่งประโยชน์
เขาทำเสียงหยันในลำคอพร้อมเอ่ยแผ่วต่ำ “เธอบอกว่าไม่รู้เรื่อง แต่ฉันเห็นกับตาว่าเธอรับเงินของฉันไปจากนายหน้าของเธอ ก่อนที่เขาจะพาเธอมาแนะนำกับฉันนะสาวน้อย”
คำพูดของเขาเฉลยคำตอบให้เธอคลายความสงสัยได้อย่างกระจ่าง ที่แท้ มยุเรศคือตัวการของเรื่องทั้งหมด เธอแปลกใจอยู่แล้วว่ามยุเรศเอาเงินจากไหน และใช้วิธีใดหาเงินจำนวนนั้นมาใช้หนี้เธอ ผู้หญิงร้ายกาจที่เธอเห็นเป็นเพื่อน หลอกเอาตัวเธอมาขายให้กับผู้ชายคนนี้ด้วยการวางแผนล่อลวงเธอมารับเงินคืนที่งานปาร์ตี้เมื่อคืน
“ไม่! ไม่ใช่!! มันไม่ใช่เรื่องจริง คุณกำลังเข้าใจฉันผิด ถอยออกไปจากตัวฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” เธอร้องปฏิเสธพลางดิ้นพลางอย่างจนตรอก
“ไม่เอาน่า...ฉันเสียเงินซื้อเธอมา และฉันก็เห็นกับตาว่าเธอรับเงินของฉันไปแล้ว ที่สำคัญคือเธอทำให้ฉันติดใจจนอยากจะสานสัมพันธ์กับเธอต่อไปอีกสักระยะ เอาสิ ทำให้ฉันพอใจ หลงใหลในตัวเธอสิสาวน้อย อย่างน้อยเร็ว ๆ นี้เธอก็ไม่ต้องไปเร่ขายตัวให้ผู้ชายอื่น ร่างกายเธอมันจะสึกหรอเกินความจำเป็นไปเสียเปล่า ๆ นะ”
ไม่ใช่แค่ไม่ฟังเสียงประท้วงของเธอเท่านั้น ผู้ชายคนนี้ยังกล้านำเสนอให้เธอทำสิ่งที่เธอสะอิดสะเอียนและยุติการต่อต้านของเธอด้วย ริมฝีปากรุ่มร้อน กับฝ่ามือซุกซนที่กำลังรุกไล่ไปตามเนื้อตัวเปล่าเปลือยของเธอ ขณะเดียวกัน ต้นขาของเขาแทรกเข้ามากลางระหว่างเรียวขาทั้งสองข้างของเธอ ขยับแยกขาเธอออกจากกัน เปิดทางให้อวัยวะที่แข็งกร้าวของเขาพรวดพราดแทรกผ่านเข้าไปในกายเธออย่างลึกซึ้ง
พราวรุ้งเผลอหายใจหอบกระเส่าทันทีที่สัมผัสถึงความอึดอัดแทรกเข้ามาในความคับแคบอย่างกะทันหัน เธอจำต้องขยับกายอย่างยากลำบากบรรเทาความทรมานที่ซ่านเสียวในช่องท้อง
เป็นจังหวะที่เขาโน้มใบหน้าลงแนบริมฝีปากประกบลงมาบดขยี้กลีบปากของเธออย่างดุดัน ในจังหวะขยับสะโพกถี่เร็วอย่างมีชั้นเชิงเป็นการยุติการขัดขืนของคนอ่อนประสบการณ์ลงได้อย่างราบคาบ ความสดใส สะอาดสะอ้านของหญิงสาวทำให้เขาหลงลืมการป้องกันไปเสียสนิท เมื่อความพรั่งพร้อมเกิดขึ้นอย่างกะทันหันตั้งแต่เช้าของวันเช่นนี้ เขาถอนริมฝีปากออกอย่างนุ่มนวล จูบไล่ไปตามนวลแก้มพลางกระซิบสั่งเสียงแหบพร่าแต่อ่อนเบา
“ขยับตัวตอบรับผมด้วยสิทูนหัว ผมรับประกันว่าจะทำให้คุณมีความสุขมากกว่าที่เคยมีมาก่อนในชีวิต”
“มะ...ไม่ พอแล้ว ออกไปจากตัวฉัน อื้ม...”
เธอส่ายหน้าจนเส้นผมหยักอ่อนปลิวกระจาย พลางร้องปฏิเสธเสียงแหบพร่าอย่างหวั่นไหว ดวงตากลมวาวหรี่ปรือ ริมฝีปากขบเม้มระงับความซ่านเสียวที่โถมเข้าใส่อย่างไร้ปรานีของทุกจังหวะที่เขาผลักดัน แทรกกายเข้าหาความอ่อนนุ่มแต่กระชับของเธอ ราวกับจะยั่ว เขาดันตัวเข้าจนสุด แล้วถอยห่างเหมือนแกล้ง ก่อนเติมเต็มเข้าหาอย่างวาบหวามทำเธอสะดุ้ง หลายรอบ ก่อนสะท้านไปทั้งร่าง หน้าท้องหยัดเกร็งจนทนนิ่งเฉยต่อไม่ไหว เผลอขยับกายสอดประสานกับจังหวะเคลื่อนไหวของคนที่ออกคำสั่ง บังคับให้ทำตามความต้องการของเขาอย่างเอาแต่ใจ และความหวานซ่านสยิวที่เขาปรนเปรอให้ไม่หยุดก็จุดติดเชื้อไฟพิศวาสของเธอให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
“ให้ตายเหอะ...ทำไมคุณถึงได้แน่นขนาดนี้นะ คุณทำให้ผมรู้สึกดีเป็นบ้าเลยรู้ไหมคนสวย”
เสียงแหบพร่าเอ่ยชมแผ่วต่ำ ฝ่ามือหยาบบีบเคล้นบั้นท้ายนุ่มและขยำตามอารมณ์ที่ลุกฮือไปทั้งร่าง ริมฝีปากจูบต่ำทิ้งรอยช้ำละเป็นทางบนลำคอระหงกับลาดไหล่ตามกระแสอารมณ์เชี่ยวกรากของตน
“อื้ม...ได้โปรด หยุดเถอะนะคะ” เธอครางประท้วงเสียงกระเส่าอย่างคนอารมณ์สับสน ไม่รู้จะต่อต้านตามคำสั่งสมอง หรือเรียกร้องตามบงการของร่างกาย ที่ตกอยู่ใต้อำนาจปรารถนาที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง
ภาพหญิงสาวที่กัดริมปากอย่างข่มกลั้นอารมณ์ปรารถนาสุดความสามารถ แม้ในขณะที่เผลอโยกกายตอบสนองสัมผัสของเขา กับฝ่ามือคู่เล็กที่เผลอรั้งดึงสะโพกเขาเข้าหาความอ่อนนุ่ม และยกร่างขึ้นสอดประสานอย่างจำนนต่อมวลความปรารถนาที่เชี่ยวกราก ส่งผลให้คนที่มีอำนาจเหนือกว่ารู้สึกเอ็นดูจนต้องก้มลงบดริมฝีปากจูบเธออย่างชอบใจ ดูดดึงหยอกล้อกลีบปากอิ่ม แล้วแทรกลิ้นเข้าไปลิ้มลองความรัญจวนที่ซุกซ่อนอยู่ จัดการปลดปล่อยเธอออกจากสติสัมปชัญญะน้อยนิดที่ควบคุม และบงการให้เธอต่อต้านความสุขซ่านที่เขาปรนเปรอให้อย่างต่อเนื่องสำเร็จได้ในที่สุด
“คุณนะเหรอ อายุขนาดคุณนี่นะ...คิดฆ่าตัวตายมาแล้ว” เขาเลิกคิ้วมองเธออย่างรู้สึกประหลาดใจ “หรือว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น เป็นเพราะผมอย่างนั้นรึ”พราวรุ้งเงยหน้าขึ้นมองเขานิ่ง ๆ แล้วก้มลงยิ้มหยันให้ตัวเอง “สำหรับคุณ ฉันมันก็แค่ผู้หญิงที่คุณซื้อมาด้วยเงิน คุณจะไปคิดอะไรกับสิ่งที่คุณได้ไปอย่างฉัน แต่สำหรับฉันมันคือตราบาปที่ฉันไม่มีวันลืม แม้จะอยากลืมแต่สวรรค์ก็ดูจะไม่เมตตาถึงกลั่นแกล้งให้ฉันต้องวนเวียนมาเจอกับคุณและบางทีอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่พร้อมกับคุณอีกต่างหาก”ประโยคที่ได้ยินทำให้เขาอึ้งและรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งต้องพินาศเพราะน้ำมือของเขา และเขาเข้าใจความรู้สึกของเธอได้ดีเพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยรู้สึกแบบนั้นเช่นกันเพราะน้ำมือผู้หญิงในอดีตที่เขาเกือบลืมเธอไปแล้วถ้าไม่ได้มาติดเกาะร้างแห่งนี้ เขาก็คงไม่คิดถึงเรื่องราวของเธอคนนั้นขึ้นมาอีก“ผม...เสียใจ ถ้าเราเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ คุณต้องการให้ผมชดใช้ให้คุณยังไง ผมยินดีทำทุกอย่าง” เขาตอบอย่างสำนึกผิดจริง ๆเธอเงยหน้าขึ้นมองตาเขานิ่ง ๆ แล้วถอนใจยาว “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันไม่อยากรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก แล
ในเวลาที่เพียงดาวตกเป็นเหยื่อความคิดร้ายกาจของแสงฉานอยู่นั้น พราวรุ้งซึ่งตกเป็นเหยื่อความริษยาของมยุเรศจนต้องมาผูกพันกับเพลิงเพชรกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิง ทำให้พันแสงฉวยโอกาสใช้เรื่องระหว่างเธอกับเพลิงเพชรเป็นแผนการกำจัดพี่ชายต่างมารดาของตนอย่างแยบยล พราวรุ้งจึงตกกระไดพลอยโจนต้องมาตกระกำลำบากอยู่กับเพลิงเพชรกลางกระท่อมเก่าโทรมที่อาศัยได้แค่พักพิงหลบฝน หลบหนาวอยู่ขณะนี้“คุณมีแผนจะทำยังไงต่อไปไหมหรือว่าเราต้องรออยู่ที่นี่อย่างไม่รู้วันคืนว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาช่วยเราอย่างนั้นนะเหรอ”หญิงสาวที่นั่งกอดเข่าเกยคางวางบนหัวเข่าตนเอง เอ่ยถามขึ้นอย่าง ทดท้อ ความเงียบปกคลุมไปชั่วขณะจนได้ยินแต่เพียงเสียงไฟกินไม้อยู่ในกองแตกปะทุในบางครั้งกับเสียงอากาศแทรกผ่านแนวไม้ดังหวีดหวิว ดวงตาของทั้งสองจดจ้องอยู่กับเปลวไฟสีแดงวับแวมและประกายไฟสีส้มที่แตกกระเด็นพัดปลิวออกจากกองนั้นอย่างเหม่อลอย ขณะที่ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนไปชั่วขณะ“สถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่ตอนนี้ มันทำให้ผมคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าไม่ได้จริง ๆ แต่ผมอยากให้คุณเชื่อและไว้ใจในตัวผมว่าจะสามารถดูแลคุณจนกว่าเราจะออกจากเกาะร้างนี
“ก็น่าให้พี่ธามเขาคิดถึงหรอกวะ เมียพี่แกสวยหยาดฟ้ามาดินไม่เหมือนเมียฉัน อยู่ห่างมันได้อีกเป็นอาทิตย์ค่อยหายใจหายคอโล่งหน่อยว่ะ ผู้หญิงอะไรวะยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งห่อเหี่ยวขึ้นทุกวัน ๆ เลยว่ะ” ป้องหล้าเพื่อนร่วมรุ่นยศเดียวกับเรืออากาศตรีคนแรกทำเสียงเหนื่อยหน่ายเมื่อเอ่ยถึงภรรยา“ไอ้ห่า...ก่อนแต่งกูไม่เห็นมึงพูดแบบนี้นี่หว่า ขนาดพ่อกับแม่มึงห้ามยังไง มึงก็ดันรั้นจะแต่งกับคุณแววเมียคนนี้ให้ได้ ตอนนี้จะมาบ่นหาพระแสงอะไรวะ” คนเป็นเพื่อนแซวอย่างหมั่นไส้ “ไอ้เวร...มึงก็พูดเกินไป คุณแววเขาแค่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองเพราะมัวแต่เอาเวลาไปดูแลลูก ๆ กับผัวปากหมาอย่างมึงนะสิ” คนเป็นเพื่อนกล่าวแก้แทนผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าภรรยาเพื่อนอย่างคนรู้จักสนิทกัน“เมียพี่ธามเขาก็เพิ่งคลอดไม่นาน กูไม่เห็นเธอจะปล่อยตัวทรุดโทรมเหมือนเมียกูเลย พูดแล้วอิจฉาพี่ธามว่ะ” ป้องหล้าพยักพเยิดมองนายทหารรุ่นพี่พร้อมกับเอ่ย“เมื่อไหร่พวกแกจะเลิกเถียงกันซะทีวะ ไหนว่าจะชวนฉันไปเที่ยวข้างนอกกันไง” ธมกรส่ายศีรษะเบา ๆ“ไปแถวรัชดากันไหมพี่ ไปบางรักกัน” เขาหมายถึงร้านแฮงเอ้าท์ที่เน้นความเรียบง่ายสบาย ๆ ย่านรัชดา “ก็ดีนะพี่ธาม ฉลองที่เราผ่าน
“พวกมันเป็นใครคะ ทำไมมันต้องทำแบบนี้กับเราสองคนด้วย แล้วเราจะทำยังไงกันต่อไปดี”หญิงสาวร้องถามเสียงสั่นอย่างหวาดกลัวที่สั่นคลอนหัวใจของเธอจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ความหวั่นไหวอ่อนแอตามประสาผู้หญิงทำให้เธอพิลาศร่ำไห้อย่างโอดครวญเหมือนเด็กเล็ก ๆ ไม่ใช่แค่หวาดเกรงความตายแต่เป็นความหวาดกลัวว่าจะไม่ได้พบหน้าบุตรชายกับทุกคนในครอบครัวอันเป็นที่รักอีก“ใจเย็น ๆ พราวรุ้ง มันต้องมีทางรอดสำหรับเราแน่ อย่างน้อยที่เกาะนี้ก็ยังมีลำธารน้ำจืดให้เราประทังชีวิตได้ แต่ตอนนี้เราต้องช่วยแก้มัดข้อมือให้กันก่อน”เขาปลอบคนข้าง ๆ อย่างสงสารพลางกวาดสายตาสำรวจจนมั่นใจว่าเกาะร้างแห่งนี้เป็นเกาะเดียวกันกับเกาะที่เขาเคยหลงมากับเรือขนสินค้าเมื่อสมัยที่เขาเพิ่งเรียนจบกลับมาทำงานใหม่ ๆ และบิดาส่งเขาให้มาฝึกงานกับคนเก่าคนแก่ของบริษัทฯ เรื่องการขนส่งสินค้าทางเรือทำให้เขามีโอกาสได้เดินทางไปกับเรือของบริษัทฯบ่อยครั้ง และในวันหนึ่งขณะล่องผ่านมาใกล้เกาะแห่งนี้บังเอิญเกิดพายุขึ้นและเกิดปัญหา จึงต้องจอดเรือฉุกเฉินที่นี่ทำให้ เขาได้รู้จักเกาะแห่งนี้เป็นครั้งแรก และสวรรค์ไม่โหดร้ายกับเขาและเธอนักพวกมันจึงไม่รู้ความลับของเกา
เสียงหวีดร้องอย่างตกใจของพราวรุ้งดังประสานกับเสียงห้ามล้อจนยางเสียดสีถนนเกิดเสียงดังกับเสียงรถจักรยานยนต์ล้มไถลแล่นไปตามพื้นถนนขณะที่คนขับรถเล็กคันดังกล่าวกระเด็นแล้วกลิ้งไปอยู่ข้างทาง“ให้ตายห่าสิ!”เพลิงเพชรสบถลั่นหลังควบคุมรถและนำเข้าจอดข้างทางได้โดยสวัสดิภาพ สีหน้าบึ้งตึงขณะตวัดสายตาดุดันมองผ่านกระจกรถไปที่ฝั่งตรงข้ามที่คู่กรณีนอนนิ่งอยู่ข้างทางใกล้กับรถจักรยานยนต์ที่แล่นไถลไปหยุดไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก“เขาจะเป็นอะไรไหม เรารีบลงไปดูเขากันเถอะค่ะ”พราวรุ้งยังไม่คลายอาการตกใจแต่ความเป็นห่วงคู่กรณีมีมากกว่าทำให้เธอรีบละล่ำละลักบอกเพลิงเพชรที่ยังคงนั่งเฉยอยู่หลังพวงมาลัยรถด้วยสีหน้าเครียดขึง“เดี๋ยวผมจะลงไปดูเอง คุณรออยู่ในรถนี่แหละ ที่สำคัญอย่าลืมล็อกประตูจนกว่าผมจะกลับมา”เขาปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อจะลงจากรถไปดูคู่กรณีโดยไม่ลืมสั่งหญิงสาว และเพื่อความไม่ประมาทเขาเอื้อมมือหยิบปืนสั้นที่พกติดไว้ในรถเสมอ เหน็บเอวลงไปด้วย ท่ามกลางสายตาวิตกของพราวรุ้งที่มองอีกฝ่ายลงจากรถและเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อดูอาการคู่กรณีที่ยังนอนเหยียดยาวลักษณะเหมือนไม่มีสติอยู่ริมถนนแต่ในจังหวะที่เพลิงเพชรย่อตัวลงไ
พราวรุ้งเม้มปากพร้อมกับชักสีหน้าก่อนตอบอย่างกระแทกกระทั้น “ฉันจะคุยกับใคร จะยิ้มยังไงมันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ”“ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ผมจ้างมาเป็นเลขาส่วนตัว และนี่ไม่ใช่เวลาทำงาน คุณจะคุยกับใครจะยิ้มยังไงมันก็คงจะไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอกนะพราวรุ้ง” เขาเอ่ยอย่างหงุดหงิดเพราะรอยยิ้มสดใสกับดวงตาเป็นประกายของเธอ“แต่ฉันใช้ช่วงเวลาในตอนพักกลางวันของฉันนะคะ คุณมีสิทธิ์อะไรจะมาก้าวก่ายในเมื่อฉันไม่ได้เบียดเบียนเวลางานมาคุยธุระส่วนตัว” เธอเชิดหน้าสูงตอบโต้เขาอย่างไม่พอใจเช่นกัน“ฮึ...” เขาทำเสียงในลำคอ ตวัดหางตามองผ่านใบหน้าเธอเหมือนจะค้อนก่อนเดินเลยโต๊ะทำงานของเธอไปที่โต๊ะตัวเองแล้วเอ่ย “ผมกำลังจะไปท่าเรือ และคุณก็ต้องไปกับผมด้วย วันนี้เราคงไม่เข้ามาที่นี่แล้วเพราะฉะนั้นคุณเตรียมสัมภาระติดตัวออกไปด้วยเลย ส่วนรถคุณจอดไว้ที่นี่ก็ได้เสร็จงานเดี๋ยวผมมาส่ง”“ทำไมต้องให้ฉันไปด้วยล่ะ” เธอเม้มปาก“เพราะคุณเป็นเลขาส่วนตัวของผมยังไงล่ะ” เขาตอบช้าแต่ชัดเจน “ผมให้เวลาคุณ 5 นาที เดี๋ยวผมจะไปรอคุณอยู่ที่รถ”พราวรุ้งถอนหายใจแรงพลางแบะริมฝีปากใส่แผ่นหลังกว้างของคนบ้าอำนาจที่เอาแต่ออกคำสั่งและบังคับเธออย่างพร่ำเ