แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านรอยต่อระหว่างผ้าเนื้อหนาสองผืนที่ทิ้งชายลงบดบังไอร้อนด้านนอก ส่องกระทบเปลือกตาหญิงสาวที่นอนระทวยนิ่งกลางเตียงใหญ่ในห้องนอนสีควันบุหรี่หม่น เธอพลิกกายหลบแสงระคายตาอย่างอิดออด เพราะฤทธิ์มาการิต้ารสเปรี้ยวที่เผลอดื่มตามคำคะยั้นคะยอของเพื่อนในค่ำคืนที่ผ่านมากำลังสำแดงฤทธิ์เดชให้คนคออ่อนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ พราวรุ้งพยายามจะลืมตาแต่เปลือกตาเธอหนักอึ้งเหมือนถ่วงด้วยหินแต่เธอก็พยายามแม้จะยากลำบาก หญิงสาวสูดลมหายใจลึกและผ่อนออกอย่างช้า ๆ พลางส่งเสียงครางแผ่วพร่า รับรู้ถึงความรวดร้าวแปลก ๆ บริเวณท้องน้อยไปจนถึงกึ่งกลางเรือนกายเมื่อขยับตัว อาการร้าวระบบค่อย ๆ แทรกซ่านไปทั่วสรรพางค์จนคนที่เพิ่งลืมตาขึ้นเผลอหรี่ตาลง กัดริมฝีปากก่อนจะลองขยับตัวใหม่ด้วยความยากเย็น
ร่างเปลือยเปล่านุ่มรื่นที่ขยับตัวเบียดเข้ามาเสียดสีเรือนกายกำยำปลุกเพลิงเพชรให้ตื่นขึ้นอย่างเกียจคร้าน เขากะพริบตาแผ่วเบา ขับไล่อาการพร่ามัวก่อนจะตื่นเต็มตาและต้องขมวดคิ้ว เมื่อเหลือบมองใบหน้าเหยเกของหญิงสาวที่นอนหนุนต้นแขนตนอย่างงุนงงอยู่ชั่วขณะ กว่าคิ้วจะคลายปมหลังลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ในเวลาต่อมา
ดวงตากลมวาวอ่อนเดียงสากับเครื่องหน้าจิ้มลิ้ม และผิวละเอียดขาวอมชมพู ส่งให้หญิงสาวในวงแขนเขาดูสวยหวาน พริ้มเพรามากขึ้นเมื่อใบหน้างดงามล้อมกรอบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มดัดปลายเป็นลอนคลื่นอ่อน ๆ อย่างมีชีวิตชีวา รูปร่างระหงบอบบางแบบสาวยุคใหม่กับบุคลิกนุ่มนวลภายใต้เสื้อผ้าแบบเรียบสีหวาน ที่เขาเป็นคนถอดเองกับมือ ช่างขัดแย้งกับอาชีพของเธออย่างเหลือเกิน แต่เขาก็ไม่ใส่ใจนักเมื่อนายหน้าของเธอให้เหตุผลว่านี่เป็นการทำงานครั้งแรกของหญิงสาว
ในขณะที่หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างแช่มช้า พร้อมกับถอนหายใจยาวอย่างงัวเงีย ประสาคนเพิ่งตื่น เธอเงยหน้าขึ้นและได้สบสายตากับเขาในระยะแค่ลมหายใจกั้น ดวงตาวาวหวานที่ช้อนขึ้นมองประสานสายตาของเขาแสดงอาการตื่นตระหนกขึ้นอย่างฉับพลัน
“คุณ!”
หัวใจของพราวรุ้งเต้นสะดุด แล้วดิ่งวับหายราวหลุดออกจากอกไปชั่วขณะก่อนกลับมาเต้นโลดโผนอย่างน่าหวาดเสียว ดวงตาคู่งามตื่นโพลงขณะมองใบหน้าคมคายแฝงเงากระด้างของคนข้างกายในอาการตกใจ ผู้ชายที่เธอเพิ่งพบครั้งแรกเมื่อคืน จากการแนะนำของมยุเรศ และแก้วเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์รสเปรี้ยวแก้วนั้นที่มยุเรศคะยั้นคะยอให้เธอดื่มกับเขา จากนั้นสติของเธอก็ขาดหายเหมือนหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ถูกปิดเครื่องและเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
“อรุณสวัสดิ์...คนสวย” เขาเปิดยิ้มเก๋มุมปากแล้วขยับพลิกตัวขึ้นเหนือร่างระหง กักขังเธอไว้ใต้ร่างในลักษณะวาบหวาม ดวงตาเป็นประกายจ้องมองนัยน์ตาตื่นโพลงของเธออย่างเร่าร้อน
“อุ๊ย!” อารมณ์ตกใจทำให้เธอเผลออุทานเสียงหลง รีบยกมือขึ้นผลักอกเขาไว้พลางละล่ำละลักตวาดเสียงแหลม “ถอยออกไปเดี๋ยวนี้นะไอ้คนสาระเลว คอยดูนะ! ฉันจะแจ้งความ เอาตำรวจมาลากคอคุณเข้าคุกให้ได้”
พราวรุ้งเบือนหน้าหนีใบหน้าที่ก้มต่ำลงมาของเขาอย่างรังเกียจระคนหวั่นไหว
“หืม...ข้อหาอะไรไม่ทราบ” เขากระซิบถามเสียงแหบพร่าข้างใบหูนุ่มแล้วเย้าเธอเล่นด้วยการแทรกปลายลิ้นไล้เข้าไปในรูหูของเธออย่างหยอกล้อ
“อ๊ะ!”
ลิ้นเปียกชื้นที่แทรกไล้ใบหูเธอเล่นราวจะหยอกเย้า สร้างความกระสันเสียวให้แก่คนอ่อนประสบการณ์เกินต่อต้าน ประกอบกับความสนิทแนบอย่างชิดเชื้อของอวัยวะเปลือยเปล่าที่เสียดสีท่อนขาเปล่าเปลือยของเธอโดยพลการ ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่ต่างกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดไปทั่วร่าง และพุ่งไปกระจุกรวมตัวกันอยู่กึ่งกลางเรือนกายที่ยังรวดร้าว กำลังบีบรัดแรงเหมือนกับรอคอยให้บางสิ่งบางอย่างเข้ามาสัมผัสแตะต้อง ในเวลาเดียวกันนั้นจิตสำนึกของกุลสตรี ที่ยังพอมีเหลืออยู่บ้างรีบออกคำสั่งบงการให้เธอร้องออกไปเสียงขรม“ออกไปให้ห่างจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ”
น้ำเสียงแตกพร่าและแหบแห้งของพราวรุ้งแผดสนั่นขึ้นอย่างขวัญเสีย เลือดทั่วร่างแซดซ่านไปทุกอณู บงการก้อนเนื้อในอกให้เต้นระส่ำอย่างไม่อาจควบคุม ส่งผลให้สมาธิกับสติของเธอพลอยกระเจิดกระเจิงไปกับความฉ่ำชื้น นุ่มรื่นของปลายลิ้น กับอวัยวะบางส่วนที่ดิ้นขลุกขลักสัมผัสท่อนขาเธออย่างเริงร่า
“ไม่เอาน่าสาวน้อย ถึงเธอจะสด ใหม่ และสะอาดจริงอย่างที่นายหน้าเธอบอกกับฉันก็เถอะ แต่ไอ้จำนวนเงินที่ฉันจ่ายสำหรับเป็นค่าตัวเธอมันก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เลยนะ เธอว่ามันไม่เอาเปรียบฉันเกินไปหน่อยเหรอ ถ้าจะให้ฉันมีสิทธิ์ครอบครองตัวเธอได้แค่คืนเดียวน่ะ”
ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบซอกคอระหง ขณะที่เขาเอ่ยถามเสียงแหบเบาอยู่ข้างใบหูของเธอ
“เงินอะไร! ฉันไม่รู้เรื่อง คนชั่ว ออกไปจากตัวของฉันนะ” พราวรุ้งปฏิเสธเสียงสั่นเครือด้วยความตระหนก พยายามดึงมือที่ถูกเขากุมไว้พร้อมกับขืนตัวสุดพลังแต่ดูเหมือนทุกสิ่งที่เธอทำจะไร้ซึ่งประโยชน์
“คุณนะเหรอ อายุขนาดคุณนี่นะ...คิดฆ่าตัวตายมาแล้ว” เขาเลิกคิ้วมองเธออย่างรู้สึกประหลาดใจ “หรือว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น เป็นเพราะผมอย่างนั้นรึ”พราวรุ้งเงยหน้าขึ้นมองเขานิ่ง ๆ แล้วก้มลงยิ้มหยันให้ตัวเอง “สำหรับคุณ ฉันมันก็แค่ผู้หญิงที่คุณซื้อมาด้วยเงิน คุณจะไปคิดอะไรกับสิ่งที่คุณได้ไปอย่างฉัน แต่สำหรับฉันมันคือตราบาปที่ฉันไม่มีวันลืม แม้จะอยากลืมแต่สวรรค์ก็ดูจะไม่เมตตาถึงกลั่นแกล้งให้ฉันต้องวนเวียนมาเจอกับคุณและบางทีอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่พร้อมกับคุณอีกต่างหาก”ประโยคที่ได้ยินทำให้เขาอึ้งและรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งต้องพินาศเพราะน้ำมือของเขา และเขาเข้าใจความรู้สึกของเธอได้ดีเพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยรู้สึกแบบนั้นเช่นกันเพราะน้ำมือผู้หญิงในอดีตที่เขาเกือบลืมเธอไปแล้วถ้าไม่ได้มาติดเกาะร้างแห่งนี้ เขาก็คงไม่คิดถึงเรื่องราวของเธอคนนั้นขึ้นมาอีก“ผม...เสียใจ ถ้าเราเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ คุณต้องการให้ผมชดใช้ให้คุณยังไง ผมยินดีทำทุกอย่าง” เขาตอบอย่างสำนึกผิดจริง ๆเธอเงยหน้าขึ้นมองตาเขานิ่ง ๆ แล้วถอนใจยาว “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันไม่อยากรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก แล
ในเวลาที่เพียงดาวตกเป็นเหยื่อความคิดร้ายกาจของแสงฉานอยู่นั้น พราวรุ้งซึ่งตกเป็นเหยื่อความริษยาของมยุเรศจนต้องมาผูกพันกับเพลิงเพชรกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิง ทำให้พันแสงฉวยโอกาสใช้เรื่องระหว่างเธอกับเพลิงเพชรเป็นแผนการกำจัดพี่ชายต่างมารดาของตนอย่างแยบยล พราวรุ้งจึงตกกระไดพลอยโจนต้องมาตกระกำลำบากอยู่กับเพลิงเพชรกลางกระท่อมเก่าโทรมที่อาศัยได้แค่พักพิงหลบฝน หลบหนาวอยู่ขณะนี้“คุณมีแผนจะทำยังไงต่อไปไหมหรือว่าเราต้องรออยู่ที่นี่อย่างไม่รู้วันคืนว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาช่วยเราอย่างนั้นนะเหรอ”หญิงสาวที่นั่งกอดเข่าเกยคางวางบนหัวเข่าตนเอง เอ่ยถามขึ้นอย่าง ทดท้อ ความเงียบปกคลุมไปชั่วขณะจนได้ยินแต่เพียงเสียงไฟกินไม้อยู่ในกองแตกปะทุในบางครั้งกับเสียงอากาศแทรกผ่านแนวไม้ดังหวีดหวิว ดวงตาของทั้งสองจดจ้องอยู่กับเปลวไฟสีแดงวับแวมและประกายไฟสีส้มที่แตกกระเด็นพัดปลิวออกจากกองนั้นอย่างเหม่อลอย ขณะที่ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนไปชั่วขณะ“สถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่ตอนนี้ มันทำให้ผมคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าไม่ได้จริง ๆ แต่ผมอยากให้คุณเชื่อและไว้ใจในตัวผมว่าจะสามารถดูแลคุณจนกว่าเราจะออกจากเกาะร้างนี
“ก็น่าให้พี่ธามเขาคิดถึงหรอกวะ เมียพี่แกสวยหยาดฟ้ามาดินไม่เหมือนเมียฉัน อยู่ห่างมันได้อีกเป็นอาทิตย์ค่อยหายใจหายคอโล่งหน่อยว่ะ ผู้หญิงอะไรวะยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งห่อเหี่ยวขึ้นทุกวัน ๆ เลยว่ะ” ป้องหล้าเพื่อนร่วมรุ่นยศเดียวกับเรืออากาศตรีคนแรกทำเสียงเหนื่อยหน่ายเมื่อเอ่ยถึงภรรยา“ไอ้ห่า...ก่อนแต่งกูไม่เห็นมึงพูดแบบนี้นี่หว่า ขนาดพ่อกับแม่มึงห้ามยังไง มึงก็ดันรั้นจะแต่งกับคุณแววเมียคนนี้ให้ได้ ตอนนี้จะมาบ่นหาพระแสงอะไรวะ” คนเป็นเพื่อนแซวอย่างหมั่นไส้ “ไอ้เวร...มึงก็พูดเกินไป คุณแววเขาแค่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองเพราะมัวแต่เอาเวลาไปดูแลลูก ๆ กับผัวปากหมาอย่างมึงนะสิ” คนเป็นเพื่อนกล่าวแก้แทนผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าภรรยาเพื่อนอย่างคนรู้จักสนิทกัน“เมียพี่ธามเขาก็เพิ่งคลอดไม่นาน กูไม่เห็นเธอจะปล่อยตัวทรุดโทรมเหมือนเมียกูเลย พูดแล้วอิจฉาพี่ธามว่ะ” ป้องหล้าพยักพเยิดมองนายทหารรุ่นพี่พร้อมกับเอ่ย“เมื่อไหร่พวกแกจะเลิกเถียงกันซะทีวะ ไหนว่าจะชวนฉันไปเที่ยวข้างนอกกันไง” ธมกรส่ายศีรษะเบา ๆ“ไปแถวรัชดากันไหมพี่ ไปบางรักกัน” เขาหมายถึงร้านแฮงเอ้าท์ที่เน้นความเรียบง่ายสบาย ๆ ย่านรัชดา “ก็ดีนะพี่ธาม ฉลองที่เราผ่าน
“พวกมันเป็นใครคะ ทำไมมันต้องทำแบบนี้กับเราสองคนด้วย แล้วเราจะทำยังไงกันต่อไปดี”หญิงสาวร้องถามเสียงสั่นอย่างหวาดกลัวที่สั่นคลอนหัวใจของเธอจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ความหวั่นไหวอ่อนแอตามประสาผู้หญิงทำให้เธอพิลาศร่ำไห้อย่างโอดครวญเหมือนเด็กเล็ก ๆ ไม่ใช่แค่หวาดเกรงความตายแต่เป็นความหวาดกลัวว่าจะไม่ได้พบหน้าบุตรชายกับทุกคนในครอบครัวอันเป็นที่รักอีก“ใจเย็น ๆ พราวรุ้ง มันต้องมีทางรอดสำหรับเราแน่ อย่างน้อยที่เกาะนี้ก็ยังมีลำธารน้ำจืดให้เราประทังชีวิตได้ แต่ตอนนี้เราต้องช่วยแก้มัดข้อมือให้กันก่อน”เขาปลอบคนข้าง ๆ อย่างสงสารพลางกวาดสายตาสำรวจจนมั่นใจว่าเกาะร้างแห่งนี้เป็นเกาะเดียวกันกับเกาะที่เขาเคยหลงมากับเรือขนสินค้าเมื่อสมัยที่เขาเพิ่งเรียนจบกลับมาทำงานใหม่ ๆ และบิดาส่งเขาให้มาฝึกงานกับคนเก่าคนแก่ของบริษัทฯ เรื่องการขนส่งสินค้าทางเรือทำให้เขามีโอกาสได้เดินทางไปกับเรือของบริษัทฯบ่อยครั้ง และในวันหนึ่งขณะล่องผ่านมาใกล้เกาะแห่งนี้บังเอิญเกิดพายุขึ้นและเกิดปัญหา จึงต้องจอดเรือฉุกเฉินที่นี่ทำให้ เขาได้รู้จักเกาะแห่งนี้เป็นครั้งแรก และสวรรค์ไม่โหดร้ายกับเขาและเธอนักพวกมันจึงไม่รู้ความลับของเกา
เสียงหวีดร้องอย่างตกใจของพราวรุ้งดังประสานกับเสียงห้ามล้อจนยางเสียดสีถนนเกิดเสียงดังกับเสียงรถจักรยานยนต์ล้มไถลแล่นไปตามพื้นถนนขณะที่คนขับรถเล็กคันดังกล่าวกระเด็นแล้วกลิ้งไปอยู่ข้างทาง“ให้ตายห่าสิ!”เพลิงเพชรสบถลั่นหลังควบคุมรถและนำเข้าจอดข้างทางได้โดยสวัสดิภาพ สีหน้าบึ้งตึงขณะตวัดสายตาดุดันมองผ่านกระจกรถไปที่ฝั่งตรงข้ามที่คู่กรณีนอนนิ่งอยู่ข้างทางใกล้กับรถจักรยานยนต์ที่แล่นไถลไปหยุดไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก“เขาจะเป็นอะไรไหม เรารีบลงไปดูเขากันเถอะค่ะ”พราวรุ้งยังไม่คลายอาการตกใจแต่ความเป็นห่วงคู่กรณีมีมากกว่าทำให้เธอรีบละล่ำละลักบอกเพลิงเพชรที่ยังคงนั่งเฉยอยู่หลังพวงมาลัยรถด้วยสีหน้าเครียดขึง“เดี๋ยวผมจะลงไปดูเอง คุณรออยู่ในรถนี่แหละ ที่สำคัญอย่าลืมล็อกประตูจนกว่าผมจะกลับมา”เขาปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อจะลงจากรถไปดูคู่กรณีโดยไม่ลืมสั่งหญิงสาว และเพื่อความไม่ประมาทเขาเอื้อมมือหยิบปืนสั้นที่พกติดไว้ในรถเสมอ เหน็บเอวลงไปด้วย ท่ามกลางสายตาวิตกของพราวรุ้งที่มองอีกฝ่ายลงจากรถและเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อดูอาการคู่กรณีที่ยังนอนเหยียดยาวลักษณะเหมือนไม่มีสติอยู่ริมถนนแต่ในจังหวะที่เพลิงเพชรย่อตัวลงไ
พราวรุ้งเม้มปากพร้อมกับชักสีหน้าก่อนตอบอย่างกระแทกกระทั้น “ฉันจะคุยกับใคร จะยิ้มยังไงมันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ”“ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ผมจ้างมาเป็นเลขาส่วนตัว และนี่ไม่ใช่เวลาทำงาน คุณจะคุยกับใครจะยิ้มยังไงมันก็คงจะไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอกนะพราวรุ้ง” เขาเอ่ยอย่างหงุดหงิดเพราะรอยยิ้มสดใสกับดวงตาเป็นประกายของเธอ“แต่ฉันใช้ช่วงเวลาในตอนพักกลางวันของฉันนะคะ คุณมีสิทธิ์อะไรจะมาก้าวก่ายในเมื่อฉันไม่ได้เบียดเบียนเวลางานมาคุยธุระส่วนตัว” เธอเชิดหน้าสูงตอบโต้เขาอย่างไม่พอใจเช่นกัน“ฮึ...” เขาทำเสียงในลำคอ ตวัดหางตามองผ่านใบหน้าเธอเหมือนจะค้อนก่อนเดินเลยโต๊ะทำงานของเธอไปที่โต๊ะตัวเองแล้วเอ่ย “ผมกำลังจะไปท่าเรือ และคุณก็ต้องไปกับผมด้วย วันนี้เราคงไม่เข้ามาที่นี่แล้วเพราะฉะนั้นคุณเตรียมสัมภาระติดตัวออกไปด้วยเลย ส่วนรถคุณจอดไว้ที่นี่ก็ได้เสร็จงานเดี๋ยวผมมาส่ง”“ทำไมต้องให้ฉันไปด้วยล่ะ” เธอเม้มปาก“เพราะคุณเป็นเลขาส่วนตัวของผมยังไงล่ะ” เขาตอบช้าแต่ชัดเจน “ผมให้เวลาคุณ 5 นาที เดี๋ยวผมจะไปรอคุณอยู่ที่รถ”พราวรุ้งถอนหายใจแรงพลางแบะริมฝีปากใส่แผ่นหลังกว้างของคนบ้าอำนาจที่เอาแต่ออกคำสั่งและบังคับเธออย่างพร่ำเ