ดวงตากลมวาวภายใต้แพขนตางอนงาม และเปลือกตาแต่งสีสัน โฉบเฉี่ยวอย่างมีสไตล์ตามแบบฉบับสาวยุคใหม่ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ประกอบกับรูปหน้าเรียวรีล้อมกรอบด้วยเส้นไหมสีน้ำตาลแดงที่ถูกรวบสูง ทิ้งชายเป็นแส้หางม้า แสงฉานทอดสายตามองทรวดทรงอรชรงดงามได้รูปภายใต้เสื้อยืดพอดีตัวสอดชายในกางเกงยีนรัดรูปอวดรูปร่างงดงามชวนมองของเธอด้วยแววตาลุ่มหลง ก่อนเหลือบตาสูงขึ้นจับจ้องริมฝีปากอิ่มแต้มสีแดงสดที่เม้มสนิทของเธออย่างเว้าวอน
“ฉันไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้ และคุณก็ไม่มีอะไรตรงกับผู้ชายในอุดมคติของฉันสักอย่างเดียว ที่สำคัญที่สุดฉันเพิ่งเรียนจบ ยังไม่ทันได้เริ่มใช้ชีวิตวัยทำงานทำไมฉันต้องรีบหาห่วงมาผูกคอด้วยไม่ทราบ”
เพียงดาวเอ่ยอย่างไม่เกรงใจสายตาของคนตรงหน้าเพราะเรื่องความเจ้าชู้ของแสงฉานเป็นที่โจษจันของคนในกลุ่มสังคมเดียวกัน โดยเฉพาะข่าวที่เขาเป็นต้นเหตุให้จรรย์อมลนักศึกษาสาวรุ่นน้องที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มของเธอต่างวิพากษ์วิจารณ์กันให้เซ็งแซ่และก่อให้เกิดอคติฝังแน่นในใจเธอชนิดที่สายตาเว้าวอนกับประโยคออดอ้อนของเขาไม่สามารถทำลายความรู้สึกต่อต้านในใจเธอลงได้เลย
“พุทโธ่ดาว...ผมเลิกทำตัวเจ้าชู้ตั้งแต่ได้พบคุณครั้งแรกนั่นแล้วนะครับ คุณจะให้ผมปรับปรุงตัวยังไงก็บอกผมมาเลย ผมจะพยายามทำตัวเองให้ใกล้เคียงผู้ชายในอุดมคติของคุณให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องทำงานของคุณ หลังแต่งงานกันคุณอยากจะทำงานผมก็ไม่คิดจะห้ามนี่ครับดาว” เขาเอ่ยเสียงออดอ้อน
“เอาเป็นว่าฉันยังไม่พร้อมจะมีคนรักหรือคิดจะแต่งงานตอนนี้ โอเคไหม” เธอวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะใกล้มือพร้อมกับถอนใจแรงด้วยความเอือมระอาในความดื้อรั้นของแสงฉาน พอเอ่ยจบก็ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นบ่า หมดอารมณ์ที่จะสนุกต่อ
“อ้าวดาว จะกลับแล้วเหรอวะ” เฌอปรางเงยหน้าขึ้น ยกคิ้วเฉียงพลางเอ่ยถามเพื่อนสาวอย่างแปลกใจ
“เออ หมดอารมณ์สนุก แกกับนังวีวี่ไปส่งฉันที่บ้านหน่อย” เธอพยักพเยิดไปทางเพื่อนสาวประเภทสอง
“เดี๋ยวผมไปส่งดาวเอง” แสงฉานรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยปาก
เพียงดาวเหลือบตามองผ่านใบหน้าของเขาพร้อมกับเอ่ยอย่าง หมางเมิน “ไม่ต้อง ฉันจะกลับกับเพื่อนของฉัน คุณกลับบ้านของคุณไปเถอะ”
“แต่ผมรับปากอากงของคุณว่าจะไปส่งคุณเองนะครับดาว” เขาค้าน
“ฉันบอกคุณแล้วยังไง ว่าฉันไม่ใช่หลานสาวที่ดีของอากงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันขัดคำสั่งท่าน คุณไม่ต้องวุ่นวายไปหรอกค่ะ” เธอตอบอย่างรำคาญ
“แต่ถ้าคุณแสงฉานอยากจะตามไปส่งไอ้ดาวที่บ้านก็ได้นี่คะ เดี๋ยววีวี่จะนั่งไปกับคุณเอง ให้ไอ้ดาวมันไปรถไอ้ปรางแล้วเราก็ขับตามกันไปดีไหมคะ” อดีตนายวิทวัสหรือปัจจุบันน้องวีวี่ของเพื่อน ๆ ทำเสียงอ่อนเสียงหวานเสนอความคิดเห็นพร้อมกับช้อนตามองชายหนุ่มด้วยสายตาฉ่ำหวาน
“แหมนังวี่ ฉันเห็นหล่อนสั่นก็นึกว่าหนาว แต่อ๋อเปล่า ที่แท้อยากจะมีผัวนี่เองนะยะ” ความระริกระรี้ของเพื่อนข้ามเพศทำให้เฌอปรางหมั่นไส้จนต้องเอ่ยเหน็บแนม ทำให้ถูกเพื่อนค้อนวงใหญ่ขณะที่แสงฉานเตรียมจะคัดค้านแต่ถูกเพียงดาวตัดบทเสียก่อน
“รีบไปเถอะนังปราง ฉันง่วงแล้ว” เพียงดาวเอ่ยแล้วเดินนำหน้าเพื่อนไปโดยไม่ใส่ใจเสียงของชายหนุ่ม
เพียงดาวชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดินเมื่อหลอดไฟบนเพดานกลางโถงทางเดินสว่างจ้าขึ้น พร้อมกับเสียงกดสวิตซ์ไฟที่ดังแทรกผ่านความเงียบของราตรีกับดวงตาดุดันบนใบหน้าเคร่งขรึมของเถ้าแก่ตงที่จ้องนิ่งมองเธออย่างดุดันจนเธอต้องลอบถอนใจพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่สะดุ้งสะเทือนกับบรรยากาศชวนเคร่งเครียดในขณะนี้แม้แต่น้อย
“ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมอากงยังไม่นอนอีกล่ะคะ”
“อ้อ...รู้เหมือนกันรึว่ามันดึกแล้ว” ชายวัยชราเอ่ยเสียงเย็น
“รู้สิคะ แต่ก่อนออกไปดาวก็บอกกับกงไว้แล้วยังไงว่าจะกลับดึก อากงก็ไม่น่าจะมาอดหลับอดนอนนั่งรอดาวเลยนี่” เธอไหวไหล่เบา ๆ แล้วเดินเข้ามาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวยาวข้าง ๆ กายอากงของเธอด้วยสีหน้าราบเรียบไม่หวั่นไหวกับแววตาดุดันของคนสูงวัย
“ก็ถ้าแกเป็นผู้ชายฉันก็คงไม่ต้องเป็นห่วง แล้วฉันก็กำชับคุณแสงฉานเขานักหนาว่าให้พาแกกลับมาก่อนเที่ยงคืนแต่ฉันก็รู้อยู่แล้วล่ะ ว่าแกมันรั้น คงจะไม่ยอมทำตามคำสั่งฉันง่าย ๆ”
“คุณนะเหรอ อายุขนาดคุณนี่นะ...คิดฆ่าตัวตายมาแล้ว” เขาเลิกคิ้วมองเธออย่างรู้สึกประหลาดใจ “หรือว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น เป็นเพราะผมอย่างนั้นรึ”พราวรุ้งเงยหน้าขึ้นมองเขานิ่ง ๆ แล้วก้มลงยิ้มหยันให้ตัวเอง “สำหรับคุณ ฉันมันก็แค่ผู้หญิงที่คุณซื้อมาด้วยเงิน คุณจะไปคิดอะไรกับสิ่งที่คุณได้ไปอย่างฉัน แต่สำหรับฉันมันคือตราบาปที่ฉันไม่มีวันลืม แม้จะอยากลืมแต่สวรรค์ก็ดูจะไม่เมตตาถึงกลั่นแกล้งให้ฉันต้องวนเวียนมาเจอกับคุณและบางทีอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่พร้อมกับคุณอีกต่างหาก”ประโยคที่ได้ยินทำให้เขาอึ้งและรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งต้องพินาศเพราะน้ำมือของเขา และเขาเข้าใจความรู้สึกของเธอได้ดีเพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยรู้สึกแบบนั้นเช่นกันเพราะน้ำมือผู้หญิงในอดีตที่เขาเกือบลืมเธอไปแล้วถ้าไม่ได้มาติดเกาะร้างแห่งนี้ เขาก็คงไม่คิดถึงเรื่องราวของเธอคนนั้นขึ้นมาอีก“ผม...เสียใจ ถ้าเราเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ คุณต้องการให้ผมชดใช้ให้คุณยังไง ผมยินดีทำทุกอย่าง” เขาตอบอย่างสำนึกผิดจริง ๆเธอเงยหน้าขึ้นมองตาเขานิ่ง ๆ แล้วถอนใจยาว “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันไม่อยากรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก แล
ในเวลาที่เพียงดาวตกเป็นเหยื่อความคิดร้ายกาจของแสงฉานอยู่นั้น พราวรุ้งซึ่งตกเป็นเหยื่อความริษยาของมยุเรศจนต้องมาผูกพันกับเพลิงเพชรกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิง ทำให้พันแสงฉวยโอกาสใช้เรื่องระหว่างเธอกับเพลิงเพชรเป็นแผนการกำจัดพี่ชายต่างมารดาของตนอย่างแยบยล พราวรุ้งจึงตกกระไดพลอยโจนต้องมาตกระกำลำบากอยู่กับเพลิงเพชรกลางกระท่อมเก่าโทรมที่อาศัยได้แค่พักพิงหลบฝน หลบหนาวอยู่ขณะนี้“คุณมีแผนจะทำยังไงต่อไปไหมหรือว่าเราต้องรออยู่ที่นี่อย่างไม่รู้วันคืนว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาช่วยเราอย่างนั้นนะเหรอ”หญิงสาวที่นั่งกอดเข่าเกยคางวางบนหัวเข่าตนเอง เอ่ยถามขึ้นอย่าง ทดท้อ ความเงียบปกคลุมไปชั่วขณะจนได้ยินแต่เพียงเสียงไฟกินไม้อยู่ในกองแตกปะทุในบางครั้งกับเสียงอากาศแทรกผ่านแนวไม้ดังหวีดหวิว ดวงตาของทั้งสองจดจ้องอยู่กับเปลวไฟสีแดงวับแวมและประกายไฟสีส้มที่แตกกระเด็นพัดปลิวออกจากกองนั้นอย่างเหม่อลอย ขณะที่ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนไปชั่วขณะ“สถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่ตอนนี้ มันทำให้ผมคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าไม่ได้จริง ๆ แต่ผมอยากให้คุณเชื่อและไว้ใจในตัวผมว่าจะสามารถดูแลคุณจนกว่าเราจะออกจากเกาะร้างนี
“ก็น่าให้พี่ธามเขาคิดถึงหรอกวะ เมียพี่แกสวยหยาดฟ้ามาดินไม่เหมือนเมียฉัน อยู่ห่างมันได้อีกเป็นอาทิตย์ค่อยหายใจหายคอโล่งหน่อยว่ะ ผู้หญิงอะไรวะยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งห่อเหี่ยวขึ้นทุกวัน ๆ เลยว่ะ” ป้องหล้าเพื่อนร่วมรุ่นยศเดียวกับเรืออากาศตรีคนแรกทำเสียงเหนื่อยหน่ายเมื่อเอ่ยถึงภรรยา“ไอ้ห่า...ก่อนแต่งกูไม่เห็นมึงพูดแบบนี้นี่หว่า ขนาดพ่อกับแม่มึงห้ามยังไง มึงก็ดันรั้นจะแต่งกับคุณแววเมียคนนี้ให้ได้ ตอนนี้จะมาบ่นหาพระแสงอะไรวะ” คนเป็นเพื่อนแซวอย่างหมั่นไส้ “ไอ้เวร...มึงก็พูดเกินไป คุณแววเขาแค่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองเพราะมัวแต่เอาเวลาไปดูแลลูก ๆ กับผัวปากหมาอย่างมึงนะสิ” คนเป็นเพื่อนกล่าวแก้แทนผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าภรรยาเพื่อนอย่างคนรู้จักสนิทกัน“เมียพี่ธามเขาก็เพิ่งคลอดไม่นาน กูไม่เห็นเธอจะปล่อยตัวทรุดโทรมเหมือนเมียกูเลย พูดแล้วอิจฉาพี่ธามว่ะ” ป้องหล้าพยักพเยิดมองนายทหารรุ่นพี่พร้อมกับเอ่ย“เมื่อไหร่พวกแกจะเลิกเถียงกันซะทีวะ ไหนว่าจะชวนฉันไปเที่ยวข้างนอกกันไง” ธมกรส่ายศีรษะเบา ๆ“ไปแถวรัชดากันไหมพี่ ไปบางรักกัน” เขาหมายถึงร้านแฮงเอ้าท์ที่เน้นความเรียบง่ายสบาย ๆ ย่านรัชดา “ก็ดีนะพี่ธาม ฉลองที่เราผ่าน
“พวกมันเป็นใครคะ ทำไมมันต้องทำแบบนี้กับเราสองคนด้วย แล้วเราจะทำยังไงกันต่อไปดี”หญิงสาวร้องถามเสียงสั่นอย่างหวาดกลัวที่สั่นคลอนหัวใจของเธอจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ความหวั่นไหวอ่อนแอตามประสาผู้หญิงทำให้เธอพิลาศร่ำไห้อย่างโอดครวญเหมือนเด็กเล็ก ๆ ไม่ใช่แค่หวาดเกรงความตายแต่เป็นความหวาดกลัวว่าจะไม่ได้พบหน้าบุตรชายกับทุกคนในครอบครัวอันเป็นที่รักอีก“ใจเย็น ๆ พราวรุ้ง มันต้องมีทางรอดสำหรับเราแน่ อย่างน้อยที่เกาะนี้ก็ยังมีลำธารน้ำจืดให้เราประทังชีวิตได้ แต่ตอนนี้เราต้องช่วยแก้มัดข้อมือให้กันก่อน”เขาปลอบคนข้าง ๆ อย่างสงสารพลางกวาดสายตาสำรวจจนมั่นใจว่าเกาะร้างแห่งนี้เป็นเกาะเดียวกันกับเกาะที่เขาเคยหลงมากับเรือขนสินค้าเมื่อสมัยที่เขาเพิ่งเรียนจบกลับมาทำงานใหม่ ๆ และบิดาส่งเขาให้มาฝึกงานกับคนเก่าคนแก่ของบริษัทฯ เรื่องการขนส่งสินค้าทางเรือทำให้เขามีโอกาสได้เดินทางไปกับเรือของบริษัทฯบ่อยครั้ง และในวันหนึ่งขณะล่องผ่านมาใกล้เกาะแห่งนี้บังเอิญเกิดพายุขึ้นและเกิดปัญหา จึงต้องจอดเรือฉุกเฉินที่นี่ทำให้ เขาได้รู้จักเกาะแห่งนี้เป็นครั้งแรก และสวรรค์ไม่โหดร้ายกับเขาและเธอนักพวกมันจึงไม่รู้ความลับของเกา
เสียงหวีดร้องอย่างตกใจของพราวรุ้งดังประสานกับเสียงห้ามล้อจนยางเสียดสีถนนเกิดเสียงดังกับเสียงรถจักรยานยนต์ล้มไถลแล่นไปตามพื้นถนนขณะที่คนขับรถเล็กคันดังกล่าวกระเด็นแล้วกลิ้งไปอยู่ข้างทาง“ให้ตายห่าสิ!”เพลิงเพชรสบถลั่นหลังควบคุมรถและนำเข้าจอดข้างทางได้โดยสวัสดิภาพ สีหน้าบึ้งตึงขณะตวัดสายตาดุดันมองผ่านกระจกรถไปที่ฝั่งตรงข้ามที่คู่กรณีนอนนิ่งอยู่ข้างทางใกล้กับรถจักรยานยนต์ที่แล่นไถลไปหยุดไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก“เขาจะเป็นอะไรไหม เรารีบลงไปดูเขากันเถอะค่ะ”พราวรุ้งยังไม่คลายอาการตกใจแต่ความเป็นห่วงคู่กรณีมีมากกว่าทำให้เธอรีบละล่ำละลักบอกเพลิงเพชรที่ยังคงนั่งเฉยอยู่หลังพวงมาลัยรถด้วยสีหน้าเครียดขึง“เดี๋ยวผมจะลงไปดูเอง คุณรออยู่ในรถนี่แหละ ที่สำคัญอย่าลืมล็อกประตูจนกว่าผมจะกลับมา”เขาปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อจะลงจากรถไปดูคู่กรณีโดยไม่ลืมสั่งหญิงสาว และเพื่อความไม่ประมาทเขาเอื้อมมือหยิบปืนสั้นที่พกติดไว้ในรถเสมอ เหน็บเอวลงไปด้วย ท่ามกลางสายตาวิตกของพราวรุ้งที่มองอีกฝ่ายลงจากรถและเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อดูอาการคู่กรณีที่ยังนอนเหยียดยาวลักษณะเหมือนไม่มีสติอยู่ริมถนนแต่ในจังหวะที่เพลิงเพชรย่อตัวลงไ
พราวรุ้งเม้มปากพร้อมกับชักสีหน้าก่อนตอบอย่างกระแทกกระทั้น “ฉันจะคุยกับใคร จะยิ้มยังไงมันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ”“ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ผมจ้างมาเป็นเลขาส่วนตัว และนี่ไม่ใช่เวลาทำงาน คุณจะคุยกับใครจะยิ้มยังไงมันก็คงจะไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอกนะพราวรุ้ง” เขาเอ่ยอย่างหงุดหงิดเพราะรอยยิ้มสดใสกับดวงตาเป็นประกายของเธอ“แต่ฉันใช้ช่วงเวลาในตอนพักกลางวันของฉันนะคะ คุณมีสิทธิ์อะไรจะมาก้าวก่ายในเมื่อฉันไม่ได้เบียดเบียนเวลางานมาคุยธุระส่วนตัว” เธอเชิดหน้าสูงตอบโต้เขาอย่างไม่พอใจเช่นกัน“ฮึ...” เขาทำเสียงในลำคอ ตวัดหางตามองผ่านใบหน้าเธอเหมือนจะค้อนก่อนเดินเลยโต๊ะทำงานของเธอไปที่โต๊ะตัวเองแล้วเอ่ย “ผมกำลังจะไปท่าเรือ และคุณก็ต้องไปกับผมด้วย วันนี้เราคงไม่เข้ามาที่นี่แล้วเพราะฉะนั้นคุณเตรียมสัมภาระติดตัวออกไปด้วยเลย ส่วนรถคุณจอดไว้ที่นี่ก็ได้เสร็จงานเดี๋ยวผมมาส่ง”“ทำไมต้องให้ฉันไปด้วยล่ะ” เธอเม้มปาก“เพราะคุณเป็นเลขาส่วนตัวของผมยังไงล่ะ” เขาตอบช้าแต่ชัดเจน “ผมให้เวลาคุณ 5 นาที เดี๋ยวผมจะไปรอคุณอยู่ที่รถ”พราวรุ้งถอนหายใจแรงพลางแบะริมฝีปากใส่แผ่นหลังกว้างของคนบ้าอำนาจที่เอาแต่ออกคำสั่งและบังคับเธออย่างพร่ำเ