“นายครับผมเอากระเป๋าคุณเกวลินไปเก็บข้างบนเรียบร้อยแล้วถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”เจมส์แจ้งผู้เป็นนายที่ตอนนี้นั่งเล่นที่โซฟากับเกวลินอยู่
“อืม ขอบใจ หิวยังไปกินข้าวจะได้พักผ่อน”เขาตอบรับลูกน้องสั้นๆก่อนหันไปตามเกวลินที่นั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้าม “ก็ดีเหมือนกันค่ะ” เอริคเดินนำเกวลินมาที่โต๊ะอาหาร “นั่งสิ”เขาผายมือเชิญเธอนั่งก่อนที่ตัวเองจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ป้าพิศ ตักข้าวครับ อ้อลืมแนะนำนี่ป้าพิศแม่บ้านของที่นี่ ส่วนนี่เกวลิน…” “สวัสดีค่ะ เรียกเกลเฉยๆก็ได้นะคะ”เธอทักทายแม่บ้านด้วยรอยยิ้มและท่าทางเป็นกันเอง “สวัสดีค่ะคุณเกล คุณเกลสวยมากๆเลยนะคะ สมกับเป็นคู่หมั้นของคุณเอริคเลยค่ะ เหมาะสมกันยังกับกิ่งทองใบหยก”ป้าพิศพูดตามภาพที่เห็น “ป้าพิศ”เอริคปราม “ค่ะๆไม่พูดแล้วค่ะ เชิญคุณๆทานข้าวตามสบายเลยค่ะ ป้าขอตัวก่อน”ป้าพิศพูดด้วยรอยยิ้มก่อนเดินออกไป “คุณป้าเค้าไปไหนคะ”เกวลินถามด้วยความสงสัยหลังเห็นป้าพิศถือกระเป๋าเดินออกจากบ้านไป “กลับบ้าน” “ห๊ะ กลับบ้าน!!!”เกวลินอุทานด้วยความตกใจ “เสียงดังทำไม นี่มันทุ่มนึงแล้วก็ต้องกลับมั้ย?” “แล้วปกติบ้านหลังนี้พี่เอริคอยู่กับใครคะ” “คนเดียว” “คนเดียว!!!”เธออุทานอีกครั้ง “ทำไม กลัวหรอ จะย้ายออกมั้ยล่ะ”เขาเลิกคิ้วถามหญิงสาว “ป่าวซักหน่อย รับปากคุณป้าแล้วก็ต้องทำให้ได้”เธอก้มหน้าบ่นพึมพำ “หึ”เอริคเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว …ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด… “ครับแม่ ถึงแล้วค้าบ”เอริคกดรับสายมารดา “ไหนขอแม่คุยกับหนูเกลหน่อย”เอริคยื่นโทรศัพท์ให้เกวลิน “ค่ะคุณป้า” “เดินทางเหนื่อยมั้ยลูก” “นิดหน่อยค่ะ ตอนนี้โอเคแล้วค่ะ กำลังทานข้าวเย็นกันอยู่” “ถ้าหนูอยากได้อะไรบอกพี่เค้าได้ตลอดเลยนะ แล้วก็ถ้าพี่เค้ารังแกอะไรหนูก็โทรหาป้าได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวป้าจัดการให้” “ค่ะคุณป้า ขอบคุณนะคะ”เกวลินกล่าวขอบคุณพร้อมยิ้มให้แอนนา “ขอป้าคุยกับพี่เค้าหน่อยลูก” “เจ้าตัวดี ดูแลน้องดีๆล่ะเข้าใจมั้ย อย่าทำให้แม่กับน้ามาลาเป็นห่วง” “ค้าบแม่ รู้แล้วครับแค่นี้ก่อนนะผมจะทานข้าวแล้ว เดี๋ยวหลานสาวสุดที่รักเป็นโรคกระเพราะแม่จะว่าผมอีก” “เจ้าลูกคนนี้นี่ แค่นี้แหละแม่วางแล้ว” “เฮ้อ…..”เขาถอนหายใจเสียงดังกับความเยอะของผู้เป็นแม่ “มองอะไรทานข้าวได้แล้วหลานรัก จะได้ไปพักผ่อน”เขาบอกเกวลินที่กำลังนั่งยิ้มมองหน้าเขาอยู่ “ถ้าพี่เขาขัดใจบอกป้าได้ตลอดเลยนะ”เธอทวนคำพูดของป้าแอนนาให้เขาฟัง ก่อนนั่งทานข้าวต่อ “ยัยตัวแสบ” หลังทั้งคู่ทานข้าวเสร็จเกวลินจะเก็บจานไปล้าง แม้ว่าเธอจะไม่ถูกกันกับเขาแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนไม่รู้จักกาลเทศะ อีกอย่างเรื่องพวกนี้ตอนอยู่เมืองนอกเธอก็ทำเองเป็นประจำ ถึงแม้จะโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวยแต่แม่ก็สอนให้เธอดูแลตัวเองให้ได้ “จะทำอะไร เดี๋ยวพี่ทำเอง ไปพักเถอะ” “ไม่เป็นไรค่ะเกลล้างแป๊บเดียว” “พี่บอกว่าไม่ต้องไง วันนี้กลับมาเหนื่อยๆไปพักก่อน” “เอางี้งั้นเราช่วยกันล้างจะได้เสร็จเร็วๆ ตามนี้นะคะ เกลจะได้รีบไปพัก” เอริคจำใจต้องทำตามเธออย่างขัดไม่ได้ เขาได้แต่คิดในใจเด็กคนนี้หัวรั้นจริงๆ แต่ความรั้นของเธอทำให้เขาแอบสนใจในตัวเธอซะแล้วสิ “ไปเดี๋ยวจะพาไปดูห้อง”เอริคบอกเกวลินหลังเก็บจานใบสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย “เป็นไงชอบรึป่าว ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกแล้วกัน ห้องพี่อยู่ฝั่งตรงข้าม” “ค่ะ งั้นเกลขอตัวเข้าห้องก่อนนะคะ” “ลืมบอก งานค่อยเริ่มทำวันจันทร์หน้าแล้วกัน อาทิตย์นี้ก็พักผ่อนไปก่อน” “ค่ะ ขอตัวนะคะ” หลังเข้าห้องมาเกวลินนั่งคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เธอค่อนข้างแปลกใจว่าเอริคในภาพจำของเธอไม่ใช่คนแบบนี้ ทั้งเย่อหยิ่ง เย็นชา เอาแต่ใจ เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่นี่เขากลับดูสุขุม อบอุ่น แม้จะเงียบขรึมไปหน่อยก็เถอะ ดูไม่ใช่คนใจร้ายเหมือนที่เธอรู้สึกตอนเด็กเลย หรือเพราะเขาโตขึ้นเลยทำให้เปลี่ยนไปทำให้เธอคิดไม่ตกอยู่พักใหญ่ “ช่างเถอะ คอยดูไปเรื่อยๆแล้วกัน นี่อาจจะเป็นแผนของเขาที่จะทำให้เราตายใจก็ได้ ใครดีมาก็ดีกลับ ใครร้ายมาก็ร้ายกลับ”เธอพูดกับตัวเองก่อนจะเลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วไปอาบน้ำเข้านอน เอริคเมื่อกลับถึงห้องก็มานั่งทำงานต่อ แต่คืนนั้นจิตใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิดถึงแต่ยัยตัวแสบคู่ปรับในวัยเด็ก ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เขาคิดถึงใบหน้าที่ทั้งสวยและน่ารัก กลิ่นตัวหอมชวนหลงใหลจนเผลอยิ้มออกมา “ไอ้ริคคิดอะไรของแกอยู่วะ นั่นมันศัตรูนะโว้ย”เขาตีหัวตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ “แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าเธอดีมาก็ดีตอบแล้วกัน ยังไงแม่ก็ฝากฝังไว้” …บริษัท IT ของเอริค… “นายให้จัดโต๊ะคุณเกลไว้ที่ไหนดีครับ” “นั่งกับพี่เกตุหน้าห้องแล้วกัน เดือนหน้าพี่เกตุจะลาคลอดแล้วระหว่างนี้ให้สอนงานให้เกล พอลาคลอดจะได้ไม่ต้องหาคนอื่นแทน” “ครับนาย” “วันนี้มีงานอะไรอีกมั้ยถ้าไม่มีผมจะขอตัวกลับก่อน” “ไม่มีแล้วครับ นายกลับได้เลยครับ” เจมส์มองเวลาจากนาฬิกาข้อมือเห็นเป็นเวลาบ่ายสามโมง นึกแปลกใจว่าปกตินายอยู่ทำงานจนค่ำมืดแต่วันนี้กลับรีบกลับก่อนเวลา เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีใครบางคนรออยู่ที่บ้านก็รีบรายงานคุณนาย แอนนาทันที “พี่เอริคทำไมกลับมาเร็วล่ะคะ พึ่งสี่โมงเอง” เกวลินถามชายหนุ่มเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาในบ้าน “จะพาไปซื้อของ หายเพลียรึยัง” “คุณป้าสั่งมาหรอคะ” “พูดมากไปแต่งตัว” “ชิ เผด็จการ”เธอจิ๊ปากและย่นจมูกใส่เขาก่อนจะเดินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่นานเกวลินก็ลงมาพร้อมมินิเดรสแขนสั้นเปิดไหล่สีชมพูอ่อน แต่งหน้าเบาๆ ริมฝีปากอวบอิ่มแต่งแต้มด้วยลิปติกสีชมพู ปล่อยผมยาวลอน เรียวขายาวขาวเนียน ทำเอาเอริคอึ้งกับภาพที่เห็นตรงหน้า ยัยลูกเป็ดขี้เหร่ในวันนั้น ทำไมถึงโตมาแล้วสวยได้ขนาดนี้ “พี่เอริค ไปกันได้แล้วค่ะ” “อืม”เขาทำเสียงเรียบเฉยเพื่อกลบอาการใจเต้นแรงของตัวเองก่อนจะเดินนำหญิงสาวไปที่รถ “วันนี้อยากได้อะไรบ้าง จะได้พาไปถูก” “อืม ของใช้ส่วนตัวกับชุดทำงานอีกนิดหน่อยค่ะ ฉุกละหุกไปหน่อยเลยไม่ได้เตรียมมา” เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้าเอริคพาเกวลินเดินตรงไปยังโซนของใช้ก่อนจะเดินไปหยิบรถเข็นเดินตามเธอ “พี่เอริคเกลเข็นเองก็ได้ค่ะ” “รีบซื้อจะได้รีบกลับ อย่าพูดมาก” “คนเผด็จการ เดี๋ยวก็ฟ้องคุณป้าซะเลย” เขาไม่ตอบโต้เธอ เดินตามเธอแบบเงียบๆ เกวลินได้ทีก็ซื้อของเต็มที่เลย ไหนๆก็มีคนเข็นรถให้แล้วนี่นา เธอเดินเลือกซื้อของจนได้ของใช้ครบตามต้องการ “ทั้งหมด 8,000 บาทค่ะ”แคชเชียร์แจ้งราคา ขณะที่เธอกำลังหยิบเครดิตการ์ดในกระเป๋า เอริคก็ยื่นบัตรของตัวเองให้พนักงานไปแล้ว “พี่เอริคไม่ต้องค่ะ เกลจ่ายเอง” “อยู่เฉยๆ” “ขอบคุณนะคะ ถึงแม้จะเป็นคำสั่งคุณป้าก็ตาม”เกวลินขอบคุณชายหนุ่มหลังเดินออกจากร้าน “พูดเยอะ จะไปซื้อชุดทำงานไม่ใช่หรอไปสิ”เขาบอกหญิงสาว “เอ่อ…วันหลังก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเกลมาเองเดี๋ยวพี่ เอริครอนาน” “จะมาทำไมหลายครั้ง ไปซื้อให้เรียบร้อยทีเดียว” พูดจบเขาก็เดินนำเธอมาที่ร้านก่อนจะนั่งเล่นมือถือรอ ปล่อยให้หญิงสาวเดินเลือกเสื้อผ้าตามสบาย ผ่านเวลามาพักใหญ่เกวลินก็เลือกชุดเสร็จเรียบร้อย “เลือกนานขนาดนี้ทำงานได้ถึงเดือนรึป่าว”เขากัดเธอ “ถึงไม่ถึงก็รอดูเองแล้วกันค่ะ วันหลังถ้าไม่อยากพามาก็บอกคุณป้าตรงๆก็ได้”เธอต่อว่าเขาบ้าง “พี่ไม่ได้…..”เขานึกโทษตัวเองที่ปากไว ใจจริงแค่อยากจะแซวเธอเท่านั้น และอีกอย่างแม่เขาก็ไม่ได้บังคับให้พามา เขาตั้งใจพาเธอมาเองต่างหาก แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง เขาเลยตัดปัญหาโดยการเดินไปจ่ายตังค์แล้วรีบเดินออกจากร้านไป ทำให้ เกวลินเข้าใจว่าเขาไม่ได้เต็มใจพาเธอมา หากแต่มาตามคำสั่งของป้าแอนนาเท่านั้นหลังเดินออกมาจากร้านเสื้อผ้าเอริคก็ตัดสินใจถามเกวลินอีกครั้ง“อยากกินอะไร”“……”เกวลินไม่ตอบ“เกลพี่ถามว่าอยากกินอะไร อย่าดื้อ”เขาทำเสียงดุเธอ เธอไม่ตอบแต่ชี้ไปที่ร้านสเต๊ก ก่อนจะเดินนำหน้าเขาเข้าไปในร้าน เอริคได้แต่ถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นของเธอ เกวลินจากที่น้อยใจอยู่เมื่ออาหารเข้าปากก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้เลย เอริคที่นั่งสังเกตุอาการของเธออยู่ก็พลอยโล่งใจไปด้วยที่บรรยากาศไม่แย่อย่างที่คิด“เอาของหวานมั้ย”“ได้หรอคะ”เกวลินถามเขาด้วยน้ำเสียงดีใจเอริคไม่ตอบแต่ยักคิ้วให้เธอเป็นการตอบรับแทน“เกลอยากกินบิงซูได้มั้ยคะ ไม่ได้กินนานมากแล้ว”“ไปสิ”เขาตอบรับแบบไม่ต้องคิดตลอดเย็นวันนั้นเขาตามใจเธอทุกอย่าง อยากทำอะไรหรือทานอะไรก็ไม่ขัดสักคำ จนกลับมาถึงบ้าน “ขอบคุณนะคะสำหรับวันนี้”“เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว ไม่ต้องขอบคุณ”“เอ่อ…เกลว่าเรามาทำข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันดีมั้ยคะ หกเดือนนี้เราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข”เกวลินตัดสินใจบอกชายหนุ่มหลังจากคิดเรื่องนี้มาทั้งคืน“ในฐานะที่พี่เอริคเป็นเจ้าของบ้านเกลให้พี่บอกเงื่อนไขของพี่ก่อนเลยค่ะ”เกวลินบอกชายหนุ่มหลังจากที่วิ่
“ยัยเกลมาได้ไง ไหนว่าจะกลับอาทิตย์หน้าไง”เจนหันไปกอดเพื่อนรักด้วยความดีใจ“เลื่อนไฟล์ทน่ะ ก็เลยมาเซอร์ไพร์ส คิดถึงแกมากๆเลย”“คิดถึงเหมือนกัน ไปหาที่นั่งในสวนกัน เดี๋ยวทำของอร่อยไปให้ทาน”ร้านเบอเกอรี่ของเจนเป็นร้านที่ร่มรื่นมากบรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ มองไปทางไหนก็สดชื่นสบายตา “เจนแล้วตอนนี้แกพักที่ไหน”“นี่ไงบ้านชั้น”เจนชี้ไปที่บ้านสีขาวที่อยู่ติดกับร้าน“บ้านน่ารักจัง เดี๋ยววันหลังแวะมาเล่นด้วยบ่อยๆ”“ว่าแต่แกเถอะไปอยู่ที่บ้านพี่เค้าเป็นไงบ้าง พี่เขาน่ากลัวรึป่าว”“แกก็พูดไปเรื่อยคนนะไม่ใช่ผี ชั้นว่าโอเคกว่าที่คิดไว้ตอนแรกเยอะเลย”“ยังไงไหนเล่าซิ”“ก็ตอนแรกที่ชั้นเล่าให้แกฟังว่าเค้าดูไม่น่าคบ ใจร้าย เอาแต่ใจ แต่พอเจอกันจริงๆก็ไม่เป็นแบบนั้นนะ ไม่รู้สิอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก”“แกคงไม่ได้ตกหลุมรักเค้าแล้วนะ”เจนแซวเพื่อน เกวลินตีแขนเพื่อนรักเบาๆ“บ้า!!! พึ่งเจอกันได้สามวันเอง ชั้นใจง่ายขนาดนั้นหรอ อีกอย่างที่มาก็เพื่อให้แม่กับคุณป้าแอนนาสบายใจแค่นั้น อย่างอื่นไม่ได้คิด”“ชั้นจะคอยดู หนุ่มหล่อสาวสวยอยู่บ้านหลังเดียวกัน เดี๋ยวผีก็ผลักเข้าสักวัน แต่แกระวังไว้หน
ชายหนุ่มคนที่วางยาสองสาวเมื่อเห็นพวกเธอลุกออกจากโต๊ะก็ชวนเพื่อนเดินตามพวกเธอมาไม่ห่าง “ให้พี่ไปส่งมั้ยจ๊ะคนสวย ดูท่าจะกลับเองไม่ไหวแล้ว”เขาเดินมาหาสองสาวที่ตอนนี้เริ่มมึนหัวจากฤทธิ์ยา ทันทีที่พวกเขากำลังจะเดินเข้าไปประคองสองสาวก็มีมือของเอริคและเจมส์ผลักพวกเขาออกทันที ก่อนจะเข้าไปประคองพวกเธอไว้แทน เอริคดึงเกวลินเข้ามาไว้ในอ้อมอก ส่วนเจมส์ก็ทำหน้าที่ประคองเจนไว้แบบงงๆ“พวกมึงเป็นใครวะมายุ่งเรื่องของผัวเมียเค้าทำไม”“ผัวเมียหรอ กูคู่หมั้นเธอโว้ย ส่วนมึงจะให้กูแจ้งตำรวจข้อหาวางยามั้ย ถ้าไม่อยากเดือดร้อนรีบไสหัวไปซะ ไม่งั้น…”สิ้นคำพูดของเอริคการ์ดของร้านก็เดินตรงเข้ามาหาคนที่วางยาเกวลิน “ทางนี้ฝากด้วย”เขาหันไปบอกการ์ดอีกครั้ง“ครับคุณเอริค”“พี่เอริค เกลมึนหัว”“สมควร!!!”“นายครับผู้หญิงคนนี้ผมต้องไปส่งที่ไหน”“เดี๋ยวส่งที่อยู่ให้ในกระเป๋าน่าจะมีกุญแจบ้านอยู่ ถ้าไม่มีก็นอนบ้านนายไปก่อน”“เอ่อ นาย นายครับ เฮ้อ…เวรกรรมอะไรของเราวะเนี่ยต้องมาดูแลคนไม่รู้จักกันเนี่ย คุณครับไปขึ้นรถผมพาไปส่งบ้าน”ทางด้านของเกวลินตอนนี้แทบเดินไม่ไหวมีแต่บ่นว่ามึนหัว จนเอริคทนไม่ไหวอุ้มร่างบางขึ้นรีบเดินกลับร
เจนเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ต้องแปลกใจที่ตัวเองมานอนอยู่ที่บ้าน และที่สำคัญเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วย เธอจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้เพียงเลือนลางเท่านั้น พยายามนึกทบทวนและเดินลงมาหาน้ำดื่ม หางตาก็ไปสะดุดกับชายแปลกหน้าที่นอนอยู่บนโซฟาบ้านตน “อ๊าย แกเป็นใครเข้ามาในบ้านชั้นได้ยังไง”เจมส์สะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องของหญิงสาว ก่อนจะรีบอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟัง“ผมเป็นผู้ช่วยคุณเอริค ที่พาคุณมาส่งบ้านเมื่อคืนไงครับ คุณพอจะจำได้มั้ย”เจนพยายามนึกภาพตามก็เห็นว่าเป็นความจริงตามที่เขาพูด “แล้วทำไมเสื้อผ้าชั้นถึงได้….”“เมื่อคืนคุณอ้วกผมก็เลยจำเป็นต้องเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้”“อีตาบ้า!! นายฉวยโอกาสหรอ”“ป่าวนะครับตอนเปลี่ยนผมก็ไม่ได้มอง หรือจะให้ผมปล่อยให้คุณนอนจมกองอ้วกแบบนั้น ก็เลยต้องอยู่รออธิบายให้คุณฟังนี่ไงครับ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”เจมส์บ่น“แล้วชั้นจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณไม่ได้ล่วงเกินชั้น”“แล้วคุณเจ็บปวดตรงไหนมั้ยล่ะครับ ถ้าไม่มั่นใจไปตรวจที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยก็ได้”เขาพูดพลางจะดึงแขนเธอให้ไปด้วยกัน“ไม่ต้อง ชั้นจะลองเชื่อคุณดูซักครั้ง ยังไงก็ขอบคุณคุณด้วยแล้วกันที่มาส
วันนี้เป็นวันจันทร์และเป็นวันแรกที่เกวลินต้องไปทำงานในฐานะเลขาของเอริค เธอตื่นเต้นและประหม่าพอสมควร หลังแต่งตัวเสร็จเธอเดินมาคุยกับตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง“สู้ๆยัยเกล แกมันคนเก่ง ทำได้อยู่แล้ว”วันนี้เกวลินแต่งตัวนานกว่าปกติเพราะมัวแต่ตรวจเช็คความเรียบร้อยจึงไม่ได้ลงมาทำข้าวเช้าให้ เอริคทาน เมื่อเช็คความเรียบร้อยทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมจนมั่นใจแล้ว เธอจึงรีบลงมาข้างล่างก็เห็นเอริคนั่งรอที่โซฟาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้เกวลินมาในลุคชุดสูทแขนยาวกระโปรงสั้น สไตล์เกาหลี ดูเรียบหรูและน่ารักในคราวเดียวกัน เอริคที่นั่งรออยู่ถึงตะลึงในความสวยของหญิงสาวไปพักใหญ่ เขาคิดในใจว่าบทจะแต่งตัวเป็นทางการก็ดูดีไม่เบา“พี่เอริคไปกันได้รึยังคะ”“ไปสิ”เขาตอบกลับเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ภายในใจตื่นเต้นไม้แพ้เกวลินเลย“วันนี้เกลขอโทษนะคะ ไม่ได้ลงมาทำอาหารเช้าให้ทานเลย ตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ”“ตื่นเต้นทำไม แค่มาทำงาน”“ก็เกลตื่นเต้นนี่คะ”“กลัวทำไม่ได้”เขาเลิกคิ้วถามเธอ“ป่าวซักหน่อย คนอย่างเกวลินไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้”“ดี จะคอยดู ถ้าไม่ไหวก็บอกจะได้ส่งกลับบ้าน”“ไม่มีทาง”เธอตอบเขาด้วยน้ำเ
…ก๊อก ก๊อก ก๊อก…“พี่เอริคเกลเข้าไปได้มั้ยคะ”“อืม”เอริคตอบรับสั้นๆ“เราจะกลับบ้านกันตอนไหนหรอคะ”“รีบ?”เขาละสายตาจากเอกสารตรงหน้าหันไปหาเธอ“ป่าวค่ะ แค่เห็นว่าจะหกโมงเย็นแล้ว”เธอตอบเขาเสียงอ่อย“ขอเคลียร์งานก่อน ถ้าหิวขนมอยู่ตรงนั้นทานได้”เขาบอกเธอก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อเกวลินนั่งมองเขาพลางคิดถึงคำพูดของป้าแอนนาที่บอกว่าเอริคเป็นคนบ้างานมากจนบางทีลืมกินข้าว จนทำให้เป็นโรคกระเพราะ แต่ท่าทางจริงจังของเขาก็ทำให้เธอเผลอมองอยู่นาน เพราะเธอรู้สึกว่าท่าทีแบบนี้ดูมีเสน่ห์มากบวกกับความหล่อของเขายิ่งชวนหลงใหล“บ้าจริง ยัยเกลคิดอะไรของแก”เกวลินพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองทิ้ง ก่อนจะนั่งเล่นมือถือรอเขาจนเผลอหลับไปเอริคเคลียร์งานเสร็จเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลาจวนจะหนึ่งทุ่มแล้วจึงชวนเกวลินกลับบ้าน“เกลกลับได้แล้ว”เขาเรียกเธอมือก็เก็บเอกสารไปด้วย โดยไม่ได้มองหญิงสาวด้วยซ้ำ แต่เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนตัวเล็กเขาจึงหันไปมองพบว่าเธอหลับอยู่ เอริคเดินไปนั่งตรงหน้าเธอและมองใบหน้าสวยละมุนของเธอ“ยัยลูกเป็ดขี้เหร่โตมาสวยได้ขนาดนี้เลยหรอ”เขาพึมพำเบาๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เกวลินลืมตาตื่นขึ้นม
“พี่เอริควันนี้หลังเลิกงานเกลจะไปเยี่ยมพี่เกตุนะคะ”“ไปสิพี่ไปด้วย”หลังเลิกงานทั้งคู่ไปเลือกซื้อของใช้สำหรับเด็กอ่อนก่อนเดินทางไปเยี่ยมเกตุที่โรงพยาบาล“คุณลูกค้าต้องการของใช้แบบไหนคะ”พนักงานขายเดินมาถามทั้งคู่เพราะเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของพวกเขาจึงคิดว่าน่าจะเป็นพ่อแม่มือใหม่“ของใช้สำหรับเด็กแรกเกิดค่ะ เด็กต้องใช้อะไรบ้างเอามาให้หมดเลยค่ะ”เกวลินตอบพนักงานสาว“เป็นพ่อแม่มือใหม่สินะคะ น่ารักจังเลยนะคะมาช่วยกันเลือกของให้ลูกด้วย”พนักงานสาวพูดกับทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม“ไม่ใช่นะคะ คือซื้อไปให้หลายค่ะ”เกวลินรีบปฏิเสธทันที ผิดกับเอริคที่ยืนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา…โรงพยาบาล ห้องพักผู้ป่วย…“น่ารักน่าชังจังเลยเจ้าตัวเล็ก”เกวลินหมั่นเขี้ยวเจ้าตัวน้อยในอ้อมอกตัวเอง“พี่เอริคอยากลองอุ้มมั้ยคะ”“อุ้มไม่เป็น”“มาเกลช่วย”เธอพาเจ้าตัวเล็กเดินไปหาเอริคที่นั่งอยู่บนโซฟา โดยไม่สนใจเลยว่าคนตัวโตจะทำสีหน้าดุเธอแค่ไหน“เกล ไม่เอา”เขาปฏิเสธหญิงสาวแต่มือก็ยื่นไปรับลูกชายของเกตุและทำตามคำบอกของเกวลิน อย่างว่าง่าย จนคนอื่นๆหลุดขำกับท่าทางเก้ๆกังๆของเขา เขามองเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขน ในหัวพลันคิดว่าถ้าเป็นลูกของเขากับคนท
เกวลินพอเจอฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับเพลงที่ชอบก็เต้นอย่างสนุก จนเอริคที่ยืนอยู่ข้างๆเกิดอาการหวง ขยับเข้าไปโอบเอวเธอไว้ เกวลินที่สติเหลืออยู่แทบไม่ถึงครึ่ง เมื่อเห็นชายหนุ่มโอบเอวก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังยกแขนมาคล้องคอเขาให้เต้นไปด้วยกัน กลับกลายเป็นเอริคเองที่ตกใจกับการกระทำของเธอแทน“เกลทำอะไร”เขากระซิบข้างหูเธอ“ชวนพี่เต้น”“เกลเอามือออกยืนเต้นดีๆ”“ก็เกลอยากเห็นพี่เต้นนี่คะ”“ไม่เต้น หันไปเต้นดีๆ ถ้าไม่ปล่อยพี่พากลับแล้วนะ”“ไม่กลับ กำลังสนุก”“งั้นก็หันกลับไปเต้นดีๆ อย่าดื้อ”“โอเคๆ เต้นกับคนแก่ไม่สนุกละ”เธอบ่นเขา“เกล เดี๋ยวจะโดน”เธอไม่สนใจคำพูดเขาซักนิดหันกลับไปเต้นต่ออย่างสนุก ปล่อยให้เอริคยืนใจเต้นรัวข้างๆเธอ เกวลินไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลย คงเป็นเพราะสบายใจ อุ่นใจและเชื่อใจที่เป็นเขาถึงได้ปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนี้“ยัยเด็กแสบใครใช้ให้มาเต้นยั่วแบบนี้”เขาบ่นพึมพำเบาๆ เพราะการกระทำของเธอทำให้เขาคลั่งแทบอยากจะพาเธอกลับไปจัดการที่ห้องตอนนี้เลยแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่ยืนข่มใจให้เย็นลง“พี่เอริค…เกล…มึนหัว”เธอหันไปบอกชายหนุ่มหลังจากดื่มไปหลายแก้วจนเริ่มทรงตัวไม่อยู่“ใครให้ดื่มเยอะขนาดนี้ กลั
“ว๊าย ไอ้พี่เอริคบ้า ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะไหนบอกจะไม่ทำอะไรไง”เกวลินโวยวายเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมอกเขา“เกลเสียงดังอะไรแต่เช้า พี่ยังง่วงอยู่เลย”“ไม่ต้องนอนแล้ว นี่หมายความว่าไงพี่แอบเอาหมอนออกตอนเกลหลับหรอ”เอริคลืมตาตื่นขึ้นมามองหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้มองเขาตาเขียวปั๊ด “คิดดีๆว่าใครเป็นคนถีบหมอนลงไปข้างล่าง”“พี่จะหาว่าเกลเป็นคนทำหรอ”“อือ…ฮึ”“ไอ้คนเห็นแก่ตัว”เธอทุบที่อกเขารัวๆ“เกลพี่เจ็บ”เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้เพื่อให้เธอหยุดทุบเขา“หันมองข้างๆสิว่าใครเป็นคนขยับหาใคร” เกวลินมองไปรอบๆเตียงก็พบว่าตัวเองเป็นฝ่ายข้ามฝั่งมาหาเอริคเอง จึงได้แต่ถอนหายใจให้กับความโก๊ะของตัวเอง “อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยด้วย แค่กอด เกลก็นอนกอดพี่ทั้งคืนเหมือนกันพี่ยังไม่ว่าอะไรเลย”เกวลินหน้าแดงด้วยความเขิน ไม่รู้จะทำตัวยังไงจึงรีบลุกขึ้นไปสูดอากาศที่ระเบียง“ไม่คุยด้วยแล้วไปดีกว่า”“ยัยบ๊องเอ๊ย น่ารักชิบ”เอริคยิ้มให้กับความโก๊ะของเธอ ก่อนจะเดินตามเกวลินออกไปสูดอากาศข้างนอก เขาเดินมาสวมกอดเธอจากด้านหลังและเอาคางเกยไหล่เธอไว้“สดชื่นจัง หอมมากด้วย”เขามองวิวด้านนอกสลับ
เอริคและเกวลินแวะเที่ยวอีกหลายที่ ก่อนที่จะเดินทางไปถึงโรงแรมที่แอนนาแม่ของเอริคจองไว้ให้ในช่วงเย็น โรงแรมแห่งนี้บรรยากาศดีมากรายล้อมด้วยภูเขา มองไปทางไหนก็เขียวชะอุ่ม สบายตาไปหมด ที่พักแห่งนี้เป็นวิลล่าที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีห้องพักอยู่ไม่มากนัก แต่ละห้องมีความเป็นส่วนตัวมาก“โห สวยมาก”เกวลินถึงกับพูดออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ ห้องพักมีขนาดใหญ่มาก วิวดีมองออกไปข้างนอกเห็นภูเขาเขียวชะอุ่ม ระเบียงห้องใหญ่มากและยังมีสระว่ายน้ำขนาดเล็กท่ามกลางธรรมชาติอีกด้วย เกวลินมัวแต่ดื่มด่ำกับบรรยากาศจนลืมคิดไปว่าห้องนี้มีเพียงหนึ่งห้องนอนเท่านั้น“แม่นะแม่ร้ายจริงๆ”เอริคพึมพำเมื่อเดินสำรวจรอบห้องแล้วพบว่าบรรยากาศเหมาะสำหรับให้คู่รักมาพักผ่อนกัน“พี่เอริคดูสิคะข้างนอกสวยมากเลย”เกวลินดึงแขนชายหนุ่มให้ออกไปดูวิวตรงระเบียง“สวยมั้ยคะ”“อืม สวย สวยมาก”เอริคตอบเธอโดยไม่ได้มองวิวเลยแม้แต่น้อย แต่สายตากลับจ้องมาที่เกวลิน อย่างเดียว“คืนนี้เราสั่งอาหารมาทานที่ห้องนะคะเกลไม่อยากออกไปไหนแล้ว”“ได้”“เกลไปเดินดูข้างในก่อนดีกว่า”“มีเตียงเดียวอีกแล้ว คุณป้านะคุณป้า”เธอบ่นพึมพำเมื่อเดินมาถึงห้องนอน เกวลินใจ
“ปวดหัวจัง”เกวลินบ่นหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า“เอ๊ะ ไม่ใช่หมอนข้าง”เธอเอามือลูบคลำไปทั่วแผงอกแกร่งของเอริค และเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ หมอนที่เธอกอดทั้งคืนคือตัวเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งเขินทำตัวไม่ถูกจะมุดตัวลงไปใต้ผ้าห่ม“จะหลบไปไหน ยัยตัวแสบ”เอริคที่รู้สึกตัวตั้งแต่เธอดิ้นยุกยิกเรียกให้หยุด เกวลินยื่นหน้าออกมาจากผ้าห่มพร้อมรอยยิ้มแห้ง“เมื่อคืนเราไม่ได้…เอ่อ…มีอะไรกันใช่มั้ยคะ”“ไม่มี”“เฮ้อ ค่อยยังชั่วนึกว่าเมาแล้วเผลอ…”“แค่จูบ”เขาตอบเธอเสียงนิ่ง“ห๊ะ!!!อะไรนะคะ อีกแล้วหรอเนี่ยยัยเกล ไม่น่าดื่มเยอะเลย”เธอบ่นตัวเอง“อีกแล้ว”เขาเลิกคิ้วถามเธอด้วยความสงสัย“กับใคร”“ไอ้พี่เอริคบ้า”เธอทุบไปที่อกแกร่งของเขา“จะใครล่ะที่ขโมยจูบแรกของเกลไป อุตส่าห์เก็บรักษามาตั้งนาน”“คืนนั้นรู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น”“เอ่อ..จำได้ลางๆค่ะ”“แต่ไม่คิดจะรับผิดชอบ”“รับผิดชอบอะไรคะ เกลเป็นผู้หญิงเกลเสียหายนะ พี่ต้องรับผิดชอบเกลสิถึงจะถูก”“ใครเริ่มก่อนจำได้มั้ย”เขาถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทำทีจะจูบเธอเพื่อระลึกความหลัง“พอแล้วค่ะ เกลจำได้”“งั้น วันนี้ก็รับผิดชอบ”“ให้รับผิดชอบอะไร”“พาเที่
เกวลินพอเจอฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับเพลงที่ชอบก็เต้นอย่างสนุก จนเอริคที่ยืนอยู่ข้างๆเกิดอาการหวง ขยับเข้าไปโอบเอวเธอไว้ เกวลินที่สติเหลืออยู่แทบไม่ถึงครึ่ง เมื่อเห็นชายหนุ่มโอบเอวก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังยกแขนมาคล้องคอเขาให้เต้นไปด้วยกัน กลับกลายเป็นเอริคเองที่ตกใจกับการกระทำของเธอแทน“เกลทำอะไร”เขากระซิบข้างหูเธอ“ชวนพี่เต้น”“เกลเอามือออกยืนเต้นดีๆ”“ก็เกลอยากเห็นพี่เต้นนี่คะ”“ไม่เต้น หันไปเต้นดีๆ ถ้าไม่ปล่อยพี่พากลับแล้วนะ”“ไม่กลับ กำลังสนุก”“งั้นก็หันกลับไปเต้นดีๆ อย่าดื้อ”“โอเคๆ เต้นกับคนแก่ไม่สนุกละ”เธอบ่นเขา“เกล เดี๋ยวจะโดน”เธอไม่สนใจคำพูดเขาซักนิดหันกลับไปเต้นต่ออย่างสนุก ปล่อยให้เอริคยืนใจเต้นรัวข้างๆเธอ เกวลินไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลย คงเป็นเพราะสบายใจ อุ่นใจและเชื่อใจที่เป็นเขาถึงได้ปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนี้“ยัยเด็กแสบใครใช้ให้มาเต้นยั่วแบบนี้”เขาบ่นพึมพำเบาๆ เพราะการกระทำของเธอทำให้เขาคลั่งแทบอยากจะพาเธอกลับไปจัดการที่ห้องตอนนี้เลยแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่ยืนข่มใจให้เย็นลง“พี่เอริค…เกล…มึนหัว”เธอหันไปบอกชายหนุ่มหลังจากดื่มไปหลายแก้วจนเริ่มทรงตัวไม่อยู่“ใครให้ดื่มเยอะขนาดนี้ กลั
“พี่เอริควันนี้หลังเลิกงานเกลจะไปเยี่ยมพี่เกตุนะคะ”“ไปสิพี่ไปด้วย”หลังเลิกงานทั้งคู่ไปเลือกซื้อของใช้สำหรับเด็กอ่อนก่อนเดินทางไปเยี่ยมเกตุที่โรงพยาบาล“คุณลูกค้าต้องการของใช้แบบไหนคะ”พนักงานขายเดินมาถามทั้งคู่เพราะเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของพวกเขาจึงคิดว่าน่าจะเป็นพ่อแม่มือใหม่“ของใช้สำหรับเด็กแรกเกิดค่ะ เด็กต้องใช้อะไรบ้างเอามาให้หมดเลยค่ะ”เกวลินตอบพนักงานสาว“เป็นพ่อแม่มือใหม่สินะคะ น่ารักจังเลยนะคะมาช่วยกันเลือกของให้ลูกด้วย”พนักงานสาวพูดกับทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม“ไม่ใช่นะคะ คือซื้อไปให้หลายค่ะ”เกวลินรีบปฏิเสธทันที ผิดกับเอริคที่ยืนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา…โรงพยาบาล ห้องพักผู้ป่วย…“น่ารักน่าชังจังเลยเจ้าตัวเล็ก”เกวลินหมั่นเขี้ยวเจ้าตัวน้อยในอ้อมอกตัวเอง“พี่เอริคอยากลองอุ้มมั้ยคะ”“อุ้มไม่เป็น”“มาเกลช่วย”เธอพาเจ้าตัวเล็กเดินไปหาเอริคที่นั่งอยู่บนโซฟา โดยไม่สนใจเลยว่าคนตัวโตจะทำสีหน้าดุเธอแค่ไหน“เกล ไม่เอา”เขาปฏิเสธหญิงสาวแต่มือก็ยื่นไปรับลูกชายของเกตุและทำตามคำบอกของเกวลิน อย่างว่าง่าย จนคนอื่นๆหลุดขำกับท่าทางเก้ๆกังๆของเขา เขามองเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขน ในหัวพลันคิดว่าถ้าเป็นลูกของเขากับคนท
…ก๊อก ก๊อก ก๊อก…“พี่เอริคเกลเข้าไปได้มั้ยคะ”“อืม”เอริคตอบรับสั้นๆ“เราจะกลับบ้านกันตอนไหนหรอคะ”“รีบ?”เขาละสายตาจากเอกสารตรงหน้าหันไปหาเธอ“ป่าวค่ะ แค่เห็นว่าจะหกโมงเย็นแล้ว”เธอตอบเขาเสียงอ่อย“ขอเคลียร์งานก่อน ถ้าหิวขนมอยู่ตรงนั้นทานได้”เขาบอกเธอก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อเกวลินนั่งมองเขาพลางคิดถึงคำพูดของป้าแอนนาที่บอกว่าเอริคเป็นคนบ้างานมากจนบางทีลืมกินข้าว จนทำให้เป็นโรคกระเพราะ แต่ท่าทางจริงจังของเขาก็ทำให้เธอเผลอมองอยู่นาน เพราะเธอรู้สึกว่าท่าทีแบบนี้ดูมีเสน่ห์มากบวกกับความหล่อของเขายิ่งชวนหลงใหล“บ้าจริง ยัยเกลคิดอะไรของแก”เกวลินพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองทิ้ง ก่อนจะนั่งเล่นมือถือรอเขาจนเผลอหลับไปเอริคเคลียร์งานเสร็จเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลาจวนจะหนึ่งทุ่มแล้วจึงชวนเกวลินกลับบ้าน“เกลกลับได้แล้ว”เขาเรียกเธอมือก็เก็บเอกสารไปด้วย โดยไม่ได้มองหญิงสาวด้วยซ้ำ แต่เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนตัวเล็กเขาจึงหันไปมองพบว่าเธอหลับอยู่ เอริคเดินไปนั่งตรงหน้าเธอและมองใบหน้าสวยละมุนของเธอ“ยัยลูกเป็ดขี้เหร่โตมาสวยได้ขนาดนี้เลยหรอ”เขาพึมพำเบาๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เกวลินลืมตาตื่นขึ้นม
วันนี้เป็นวันจันทร์และเป็นวันแรกที่เกวลินต้องไปทำงานในฐานะเลขาของเอริค เธอตื่นเต้นและประหม่าพอสมควร หลังแต่งตัวเสร็จเธอเดินมาคุยกับตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง“สู้ๆยัยเกล แกมันคนเก่ง ทำได้อยู่แล้ว”วันนี้เกวลินแต่งตัวนานกว่าปกติเพราะมัวแต่ตรวจเช็คความเรียบร้อยจึงไม่ได้ลงมาทำข้าวเช้าให้ เอริคทาน เมื่อเช็คความเรียบร้อยทั้งเสื้อผ้า หน้า ผมจนมั่นใจแล้ว เธอจึงรีบลงมาข้างล่างก็เห็นเอริคนั่งรอที่โซฟาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้เกวลินมาในลุคชุดสูทแขนยาวกระโปรงสั้น สไตล์เกาหลี ดูเรียบหรูและน่ารักในคราวเดียวกัน เอริคที่นั่งรออยู่ถึงตะลึงในความสวยของหญิงสาวไปพักใหญ่ เขาคิดในใจว่าบทจะแต่งตัวเป็นทางการก็ดูดีไม่เบา“พี่เอริคไปกันได้รึยังคะ”“ไปสิ”เขาตอบกลับเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ภายในใจตื่นเต้นไม้แพ้เกวลินเลย“วันนี้เกลขอโทษนะคะ ไม่ได้ลงมาทำอาหารเช้าให้ทานเลย ตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ”“ตื่นเต้นทำไม แค่มาทำงาน”“ก็เกลตื่นเต้นนี่คะ”“กลัวทำไม่ได้”เขาเลิกคิ้วถามเธอ“ป่าวซักหน่อย คนอย่างเกวลินไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้”“ดี จะคอยดู ถ้าไม่ไหวก็บอกจะได้ส่งกลับบ้าน”“ไม่มีทาง”เธอตอบเขาด้วยน้ำเ
เจนเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ต้องแปลกใจที่ตัวเองมานอนอยู่ที่บ้าน และที่สำคัญเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วย เธอจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้เพียงเลือนลางเท่านั้น พยายามนึกทบทวนและเดินลงมาหาน้ำดื่ม หางตาก็ไปสะดุดกับชายแปลกหน้าที่นอนอยู่บนโซฟาบ้านตน “อ๊าย แกเป็นใครเข้ามาในบ้านชั้นได้ยังไง”เจมส์สะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องของหญิงสาว ก่อนจะรีบอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟัง“ผมเป็นผู้ช่วยคุณเอริค ที่พาคุณมาส่งบ้านเมื่อคืนไงครับ คุณพอจะจำได้มั้ย”เจนพยายามนึกภาพตามก็เห็นว่าเป็นความจริงตามที่เขาพูด “แล้วทำไมเสื้อผ้าชั้นถึงได้….”“เมื่อคืนคุณอ้วกผมก็เลยจำเป็นต้องเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้”“อีตาบ้า!! นายฉวยโอกาสหรอ”“ป่าวนะครับตอนเปลี่ยนผมก็ไม่ได้มอง หรือจะให้ผมปล่อยให้คุณนอนจมกองอ้วกแบบนั้น ก็เลยต้องอยู่รออธิบายให้คุณฟังนี่ไงครับ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”เจมส์บ่น“แล้วชั้นจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณไม่ได้ล่วงเกินชั้น”“แล้วคุณเจ็บปวดตรงไหนมั้ยล่ะครับ ถ้าไม่มั่นใจไปตรวจที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยก็ได้”เขาพูดพลางจะดึงแขนเธอให้ไปด้วยกัน“ไม่ต้อง ชั้นจะลองเชื่อคุณดูซักครั้ง ยังไงก็ขอบคุณคุณด้วยแล้วกันที่มาส
ชายหนุ่มคนที่วางยาสองสาวเมื่อเห็นพวกเธอลุกออกจากโต๊ะก็ชวนเพื่อนเดินตามพวกเธอมาไม่ห่าง “ให้พี่ไปส่งมั้ยจ๊ะคนสวย ดูท่าจะกลับเองไม่ไหวแล้ว”เขาเดินมาหาสองสาวที่ตอนนี้เริ่มมึนหัวจากฤทธิ์ยา ทันทีที่พวกเขากำลังจะเดินเข้าไปประคองสองสาวก็มีมือของเอริคและเจมส์ผลักพวกเขาออกทันที ก่อนจะเข้าไปประคองพวกเธอไว้แทน เอริคดึงเกวลินเข้ามาไว้ในอ้อมอก ส่วนเจมส์ก็ทำหน้าที่ประคองเจนไว้แบบงงๆ“พวกมึงเป็นใครวะมายุ่งเรื่องของผัวเมียเค้าทำไม”“ผัวเมียหรอ กูคู่หมั้นเธอโว้ย ส่วนมึงจะให้กูแจ้งตำรวจข้อหาวางยามั้ย ถ้าไม่อยากเดือดร้อนรีบไสหัวไปซะ ไม่งั้น…”สิ้นคำพูดของเอริคการ์ดของร้านก็เดินตรงเข้ามาหาคนที่วางยาเกวลิน “ทางนี้ฝากด้วย”เขาหันไปบอกการ์ดอีกครั้ง“ครับคุณเอริค”“พี่เอริค เกลมึนหัว”“สมควร!!!”“นายครับผู้หญิงคนนี้ผมต้องไปส่งที่ไหน”“เดี๋ยวส่งที่อยู่ให้ในกระเป๋าน่าจะมีกุญแจบ้านอยู่ ถ้าไม่มีก็นอนบ้านนายไปก่อน”“เอ่อ นาย นายครับ เฮ้อ…เวรกรรมอะไรของเราวะเนี่ยต้องมาดูแลคนไม่รู้จักกันเนี่ย คุณครับไปขึ้นรถผมพาไปส่งบ้าน”ทางด้านของเกวลินตอนนี้แทบเดินไม่ไหวมีแต่บ่นว่ามึนหัว จนเอริคทนไม่ไหวอุ้มร่างบางขึ้นรีบเดินกลับร