อนงค์วิ่งเข้ามาทั้งกล้าทั้งกลัวแต่เมื่อเป็นผู้จัดการเลานจ์ก็ต้องรีบเข้ามาเพราะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสองนัดจนแขกเหรื่อแตกตื่นวิ่งหนีกันกระเจิง
"เฮียเกิดอะไรขึ้น" ถามถึงสาเหตุในยามที่เห็นราเชนทร์ถือปืนกระบอกสีดำอยู่ในมือ พอๆกับตุลย์ที่วิ่งหน้าตื่นถือปืนเข้ามาเช่นกัน "เฮีย เป็นอะไรหรือเปล่า" สำรวจร่างกายราเชนทร์ยืนบังอารักขามองซ้ายมองขวาดูความปลอดภัย "กูไม่เป็นอะไร" ตอบมือขวาที่ยืนคุ้มกันด้วยความเป็นห่วง "แล้วแกมาทำอะไรตรงนี้น้ำหนึ่ง" อนงค์ถามเด็กปลายแถวในเลานจ์ ทำไมถึงมาโผล่ในห้องนี้ น้ำหนึ่งยืนเม้มปากไม่กล้าตอบ เธอกลัวอนงค์มากที่สุดและยิ่งมาสร้างเรื่องในเลานจ์ยิ่งกลัวไปใหญ่ "...." "อีหนึ่ง กูบอกมึงแล้วว่าอย่ามาสร้างปัญหาที่นี่" ฝ่ามือทุบลงไหล่แคบของน้ำหนึ่งต่อหน้าราเชนทร์ คนตัวเล็กเขยื้อนตามแรงตบตีถอยหลังไปชนราเชนทร์อย่างไม่ตั้งใจ "พอได้แล้วอนงค์" คว้ามือที่กำลังจะฟาดลงใบหน้า น้ำหนึ่งเอียงหลบตามสัญชาตญาณลงบนแผงอกคนตัวโตด้วยความกลัวเจ้อนงค์ "นงค์จะสั่งสอนเด็ก" "แล้วเด็กเธอทำอะไรผิด" "...." ไม่ตอบแล้วหันจ้องไปที่น้ำหนึ่ง "อย่าให้กูเห็นมึงที่นี่อีกนะนังหนึ่ง" คล้ายเป็นคำขู่ไม่ต้องการให้น้ำหนึ่งอยู่ที่นี่ เดินหนีออกไปโดยปล่อยให้คนตัวบางอ้าปากค้างราวกลับโดนสั่งให้ลาออก "ไม่ได้นะเจ้ ไม่ให้มาแปลว่าต้องลาออก หนึ่งลาออกไม่ได้" ตะโกนตามหลัง ทว่าผู้จัดการสาวสองไม่สนใจฟังรีบไปเคลียร์แขกที่ยังตื่นตระหนกกับเสียงปืนสองนัด น้ำหนึ่งไม่มีโอกาสอธิบาย ไม่ได้อยากสร้างปัญหาให้เลาจน์ ทว่าก็ถูกตามรังควานไม่เลิก จนปัญญาไม่รู้จะทำยังไงยืนน้ำตาคลอหน่วยต่อหน้าชายแปลกหน้า อีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรเดินมานั่งดื่มเหล้าสบายใจเช่นเดิม จะมีก็แต่อารมณ์กระสันยังค้างกลางอากาศ คนตัวเล็กยังยืนนิ่งอยู่แบบนั้นมองราเชนทร์เป็นระยะสลับกับการมองไปนอกประตูกลัวชายฉกรรจ์จะยืนดักรอ หากออกไปตอนนี้ก็กลัวจะเป็นอันตราย "จะยืนมองอีกนานไหม" ราเชนทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร เขาไม่ชอบให้ใครมามองด้วยสายตาแบบนี้ "ไม่กล้าออกไป" โดนตามขู่ฆ่าขนาดนั้นใครมันจะกล้าออกไป หากโดนจับได้ขึ้นมาคงไม่เหลือแม้แต่ลมหายใจ ยกเว้นก็แต่ตัวเธอเองที่กล้าอยู่ตรงนี้ การอยู่กับราเชนทร์เพียงลำพังไม่ต่างจากการยืนในบ่อจระเข้ "ถ้าไม่ออกไป ก็คลานเข่าเข้ามา" เป็นประโยคติดปากที่มักพูดกับผู้หญิง ในขณะที่เรียกก็ใช้มือล้วงเข้าเป้ากางเกงลูบๆคลำๆมันอีกครั้ง คนเห็นไม่ถึงกับตกใจยังพอคุ้นชินดวงตาอยู่บ้าง แต่ไม่นึกว่าหน้าสิ่วหน้าขวานจะมีคนพิเรนทร์ควักแก่นกายตัวเองในสถานการณ์เช่นนี้ ยืนมองคนตัวโตคล้ายชักว่าวภายใต้กางเกง เบ้หน้าหนีกับความไม่มียางอายทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน น้ำหนึ่งตัดสินใจเดินออกจากห้องเปิดประตูไปเพียงไม่กี่วินาทีก็ต้องถอยกลับแล้วหันกลับมามองราเชนทร์ที่กำลังนั่งล้วงเป้าตัวเองอย่างสบายใจ เสียงวิ่งตุบตับดังเข้าใกล้ ร่างแน่งน้อยวิ่งเข้าหาราเชนทร์นั่งลงหว่างขาเหมือนกับแพรวาเมื่อสักครู่ "ช่วยฉันด้วย" น้ำเสียงอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากราเชนทร์ในสถานการณ์คอขาดบาดตายคงมีแต่ผู้ชายคนนี้ที่พอช่วยได้ ทันทีที่ประตูห้องเปิดราเชนทร์คว้าเสื้อสูทคลุมคนตัวเล็กแล้วแหงนใบหน้าเชิดสูงอ้าปากคราง หายใจแข็งกระเพื่อมส่ออาการเสียวขึ้นมาเสียดื้อๆ "ซีดส์" เป็นเพียงการแสดงคล้ายว่ากำลังถูกออรัลเซ็กซ์ ชายฉกรรจ์อีกสองคนที่โผล่เข้ามาไม่ใช่สองคนก่อน แต่เมื่อเข้ามาแล้วเจอว่ากำลังมีแขกทำเรื่องแบบนั้นกับเด็กเลานจ์ก็ต้องรีบออกไป โดยไม่ทันสังเกตว่าคนที่ก้มๆเงยๆคือผู้หญิงที่ต้องการตัว "ลึกๆ อ๊าส์" ราเชนทร์ยังพูดอยู่แบบนั้นและกดใบหน้าเล็กของน้ำหนึ่งลงเป้ากางเกงที่ตุงสูงขึ้นเป็นลำใหญ่ แม้ความจริงไม่ได้มีการอ้าปากทำเรื่องอย่างว่าโดยคนเบื้องล่างยังไม่รู้ว่าชายฉกรรจ์ทั้งสองเดินออกไปแล้ว ได้แต่ก้มแล้วทำท่าทางให้ดูเป็นจริงเพื่อหลอกอีกฝ่าย มือหนาที่ลูบคลำอยู่ด้านในก็ควักแก่นกายออกมาถูเข้าที่ใบหน้าสวยอย่างพอใจ "อ๊ะ คุณ" น้ำหนึ่งตกใจพอสมควรทว่าไม่กล้าออกจากช่วงหว่างของราเชนทร์ หากผู้ชายสองคนเห็นเธอมีหวังถูกลากออกไปฆ่าจริงๆ "อยู่เฉยๆพวกมันกำลังมอง" "ยังไม่ออกไปอีกเหรอ" "มันยืนอยู่หน้าห้อง" แม้จะกลัวชายฉกรรจ์จนตัวสั่นแค่ไหน แต่ทว่าแก่นกายแข็งที่มันสัมผัสตรงหน้า มันน่ากลัวกว่าเห็นๆเมื่อมันมีมุกบนหนังหุ้มสองเม็ดปูดออกมาเป็นคลื่น เจ้าของแก่นกายชักรูดมันอยู่อย่างนั้นโยกโดนหน้าโดนปากน้ำหนึ่งทั้งยังครางลามกเสียงดังจนคนฟังอายหน้าแดงเมื่อได้ยินผู้ชายแปลกหน้าส่งเสียงครางระส่ำจากการชักว่าว "อ๊าส์ แบบนี้แม่งก็เสียวดี" "คุณปล่อยฉัน" ฝ่ามือหนากดศีรษะลงจมและรัวชักแท่งร้อนตัวเกร็งกระตุก ในความมืดที่มองไม่เห็นแต่เมื่อมันสัมผัสใบหน้ารับรู้ได้ว่าแท่งร้อนแท่งนี้ใหญ่พอตัวอีกทั้งประดับด้วยมุกเป็นคลื่นอีกสองเม็ดเอาไว้สร้างความเสียวให้ผู้หญิงโดยเฉพาะ มือน้อยๆทาบบนหน้าขาใหญ่เพื่อจะยกศีรษะตัวเองออกก็ไม่อาจสู้แรงกดด้วยฝ่ามือเดียวของราเชนทร์ได้หัวใจเธอเต้นแรง พวงแก้มแดงก่ำหนักกว่าเดิมและร้อนผ่าวจนเขินอายทั้งที่อยู่ด้วยกันมานาน น้ำหนึ่งเดินมาอีกมุมของห้องเพื่อหลบสายตา จัดการถอดชุดบนกายออกเพื่อจะเข้าห้องอาบชำระร่างกายแล้วออกมานอน ซิปด้านหลังพยายามจะรูดลงอย่างเงอะงะ ทว่าราเชนทร์รีบเข้ามาช่วยในทันที“จะอาบน้ำเหรอ”“อืม...เหนียวตัว”เสียงซิปรูดรั้งลง โชว์แผ่นหลังขาวเนียนแก่สายตาคนมอง จากนั้นลมร้อนจากปลายจมูกปะทะลง ทำเธอสะดุ้งตัวเมื่อริมฝีปากคนด้านหลังจุมประทับลง“ที่จริงก็ยังไม่เหนียวเลยนะ”น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบแล้วรั้งทั้งชุดลงจนเธอตัวเปลือย มองหน้าอกอวบเต่งตึงจนเกิดเส้นเลือดบนบริเวณเนื้อนมนั้น หน้าท้องมีพุงน้อยๆ โผล่ขึ้นไม่ต่างจากคนเพิ่งกินข้าว ส่วนด้านล่างนั้นเกลี้ยงเกลาน่ารักราวกับเด็กน้อยเพราะเธอไปเลเซอร์มา“ไม่เหนียวก็จะอาบ”กำลังจะเดินหนีก็ถูกโอบกอดเอาไว้ ราเชนทร์จูบลงต้นคอและไซ้เบาๆ ทำขนอ่อนบนร่างชูชันขึ้น“หนึ่ง”“ไม่เอานะเฮีย วันนี้เหนื่อยทั้งวันเลย”“เฮียมีความสุขมาก”“….”“ในที่สุดเราก็เป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์”“ค่ะ – หนึ่งจะเป็นภรรยาที่ดีของเฮียนะ”ราเชนทร์ต้องการแสดงความรักด้วยการกอดเท่านั้น กระชับร่างขาวลงจม
สองอาทิตย์ต่อมากำหนดงานแต่งที่วางแผนกันไว้ตอนนี้ล่วงเลยมาแล้ว ครั้นเกิดเหตุการณ์อันตรายจนได้รับบาดเจ็บกันทั้งสอง แผลที่เกิดจากการโดนยิงเริ่มหาย ส่วนแขนของน้ำหนึ่งที่หักก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่เพราะความไม่เคยเจ็บตัวทำให้เธอระแวงในการใช้แขนเพราะกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกรอบ“ฤกษ์แต่งงาน – เราค่อยหากันใหม่”“หนึ่งไม่อยากได้ฤกษ์แล้ว”เธอตอบเขา พลางหยิบผลไม้รสเปรี้ยวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เปิดหนังสือจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ส่งมาให้เลือกทุกสามเดือน ทว่าน้ำหนึ่งไม่ชอบเสื้อผ้าแฟชั่นพวกนี้เท่าไหร่“ไม่มีฤกษ์ ก็ไม่ได้แต่งน่ะสิ”“เอาที่สะดวกดีกว่า”“….”“เราอยู่ด้วยกันมานาน ใครๆ รู้ว่าเป็นผัวเมียกัน ไม่ต้องทำอะไรที่เป็นพิธีรีตองแล้วก็ได้ แค่ได้อยู่กับเฮียในทุกๆ วันนั่นแหละคือความสุขของหนึ่ง”ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีงานมงคลเกิดขึ้น ทุกอย่างมาจากความต้องการของราเชนทร์เพราะอยากให้เกียรติ แต่พอผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ กันมาได้ ทำให้เธอรู้ว่าการได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวินาทีนั้นมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลา มองเมียรักนั่งไขว่ห้างเปิดหนังสือในอิริยาบถที่สบายตา เธอสบายใจขึ้นในการใช้ชีวิตจ
น้ำหนึ่งตาเบิกโพลง ราเชนทร์กำลังมีความต้องการทั้งที่สภาพร่างกายแต่ละคนก็เจ็บมากพอสมควร“หนึ่งแขนหัก เฮียโดยยิงตรงท้องและต้นแขน ขย่มไม่ได้หรอกนะ”ประโยคอ้อยอิ่งทั้งเขินอายปฏิเสธทางอ้อม ครั้นรู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไร ที่เป็นอยู่มันไม่ได้เอื้ออำนวยแก่การร่วมรักเลยสักนิด“คxยเฮียไม่หักนี่”“ไม่เอา”“อยากเลีย”“เลียอะไร”ถามกลับอย่างไร้เดียงสา อันที่จริงน้ำหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร ราเชนทร์ขยับกายลงจากโซฟาแล้วนั่งย่อ จากนั้นคล้องเรียวขาเล็กลากมายังฝั่งที่ตนนั่ง เขารั้งกางเกงผู้ป่วยของเธอลง แล้วยกเท้ายันชันเข่าขึ้น“ขอเลียหน่อยนะครับ”“โรงพยาบาลนะ”“ไม่มีใครเข้ามา เฮียสั่งไว้แล้วห้ามรบกวน”“บ้า”คำพูดที่เอ่ยออกเหมือนจะปฏิเสธ ทว่าก็รู้สึกไม่ต่าง พลันมือหนาจับเรียวขาแหกออกกว้าง มองเนินกุหลาบอวบอูมที่ไม่มีชุดชั้นในห่อเอาไว้ เขาสอดมือใต้ร่มผ้า เลื่อนสูงขึ้นกำเข้าเต้านมสวยบีบมันเบาๆ แล้วใช้มืออีกข้างบดขยี้เม็ดคลิตอริสที่โผล่ขึ้นมาจากรอยแยกเล็กน้อย น้ำหนึ่งสะดุ้งตัวแต่ยังไม่มีเสียงครางเล็ดออกมาเพราะเธอกัดปากแน่นเอาไว้ กลัวว่าจะเผลอร้องจนเจ้าหน้าที่และลูกน้องที่ยืนเฝ้าลอบได้ยินและสงสั
ร่างหนาอยู่บนเตียง จะไม่ตกใจหากราเชนทร์นอนแบบคนปกติ ทว่าตอนนี้มีผ้าสีขาวคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่เห็น ลมหายใจแรงขึ้นและหยาดน้ำตาร่วงหล่นอาบใบหน้าที่ไร้การแต่งทันทีราเชนทร์ตายแล้ว...“ฮึ่ก”ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าขยับไปทีละน้อยให้ใกล้เตียงแต้ม ยกมือปิดปากตัวเองไม่ให้เสียงเล็ดลอดครั้นไม่อยากให้คนตายนั้นได้ห่วง ทว่าความเสียใจที่เกิดแบบไม่ทันได้เตรียมเกินกว่าจะอดทน พลันปล่อยโฮร้องไห้อย่างหนัก ซบตัวลงกอดร่างหนานั้นอย่างไม่กลัว ทั้งที่ปกติเป็นคนกลัวผี“หนึ่งขอโทษ – ฮือ ขอโทษที่ช่วยเฮียไม่ได้”สะอึกสะอื้นพร้อมกับเอ่ยโทษตัวเองเสียงสั่น เพราะผู้หญิงตัวคนเดียวก็ทำได้เพียงเท่านี้ น้ำสีใสจากเบ้าตาไหลเปียกผ้าสีขาว ทั้งน้ำมูกที่ไหลออกจากรูจมูกยามร้องไห้แบบเอาเป็นเอาตาย“ขอโทษที่ปกป้องเฮียไม่ได้”“หนึ่ง”“ฮือ!! ขอโทษ”“หนึ่ง”เจ้าของชื่อชะงักในทันที เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกเธอกลางวันแสกๆ ราเชนทร์กลายเป็นผีมาหลอกเธอได้แล้วเหรอเนี่ย“ไม่กลัว เฮียจะเป็นผี หนึ่งก็ไม่กลัว”“จะตายจริงๆ เพราะโดนเมียทับแผลนี่แหละ”เหยียดตัวยืนขึ้น จากนั้นดึงผ้าที่ห่อขึ้นคลุมศีรษะ ราเชนทร์ลืมตาแล้วกะพริบถี่
กำลังคนด้านนอกของราเชนทร์กระจายออกไปโดยรอบ สำรวจทางหนีทีไล่ในยามต้องเข้าชิงตัวเขาออกมา“เฮียตุลย์ จะเอายังไงก็เอาเถอะ เรานั่งกันแบบนี้นานแล้ว”“ใจร้อนแบบมึงก็มีแต่พาเฮียเชนทร์ไปตาย – มองไม่เห็นคนของไอ้เสี่ยเหรอ เดินเข้าเดินกันเป็นขบวน”จริงอย่างที่เขาพูด ไม่นึกว่าคนของชลัมพลจะขนมาเยอะขนาดนี้ ต้องรอจังหวะในการเก็บทีละคน กระทั่งมีชายฉกรรจ์เป็นลูกน้องฝั่งศัตรูออกมาปลดทุกข์เบา ตุลย์ที่หมอบต่ำในพงหญ้า ลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกันกับน้องคนสนิทอย่างปืน จากนั้นเข้าทางด้านหลัง ใช้มือปิดปากคนฝั่งตรงข้ามพร้อมกับใช้มีดเฉือนเข้าลำคออย่างเหี้ยมโหด ไม่ได้เป็นคนจิตใจอำมหิตโดยสันดาน แต่สถานการณ์ที่ต้องเอาตัวรอดและช่วยเหลือเจ้านายผู้มีพระคุณจำเป็นต้องทำ หากมันไม่ตายราเชนทร์ก็ต้องตายน้ำหนึ่งที่ยังเกาะกิ่งไม้ดูลาดเลา ยามส่องกล้องทางไกลเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์นอนชักดิ้นชักงอจนหมดลมหายใจ พลันหัวใจเต้นรัวและหวาดกลัวไม่น้อยครั้นเห็นคนตายต่อหน้า ทว่าพยายามตบสติตัวเอง เข้าใจว่าเป็นการป้องกันตัวและเข้าช่วยเหลือ ไม่มีใครอยากเป็นฆาตกร“โอเคไหมหนู”ลุงที่รออยู่ด้านเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะได้ยินเสียงลมหายใจของน้
เพียะ!!ฝ่ามือหนาฟาดลงใบหน้าราเชนทร์จนหมุนไปตามแรงกระทบ แรงผู้ชายที่ง้างมือตบครั้งเดียวทำมุมปากเขาแตก เลือดไหลเพียงเล็กน้อยทว่ามีรอยแดงขึ้นกลางหน้าปรากฏเด่นชัด เล็บจิกลงกับพื้นคอนกรีต กลืนน้ำลายยามที่คับแค้นใจ อยากจะลุกตอบโต้ด้วยการเตะเสยปลายคางก็ต้องอดกลั้นเอาไว้อย่างที่สุดครั้นตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นรอง เป็นครั้งแรกที่เขาอดทนได้มากขนาดนี้ อดเพื่อรอเวลาเป่ากบาลไอ้สารเลวที่มันกำลังคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น“ไงมึง ลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมา”“อ๊า—”ชลัมพลกำเข้าเส้นผมอีกฝ่ายแน่น จากนั้นกระชากจนใบหน้าแหงนขึ้นสูง ราเชนทร์เอียงสายตาโกรธแค้นมองคนเลวที่ยังทำชั่วลอยหน้าลอยตาหนักแผ่นดินไม่เลิก พลันสีหน้าของมันบ่งบอกว่าสะใจมาก เมื่อตอนนี้เขาตกเป็นรองทุกอย่างจะบีบก็ตาย จะคายก็ตาย...“กูจะส่งมึงตามพ่อมึงไป ส่วนแม่มึง...แค่ดึงสายออกซิเจนออกไปก็หมดลมหายใจทันที ถึงตอนนั้นพวกมึงคงไปรอกันที่ทางช้างเผือ""....""ครอบครัวคงจะสมบูรณ์ มีความสุขแล้วสินะไอ้ลูกหมา"แสยะยิ้มร้ายกาจแล้วตบหน้าชายหนุ่มเบาๆ พูดอย่างเย้ยหยันแล้วแผดเสียงหัวเราะอย่างผู้ชนะ ก่อนนจะจับหน้าผากของราเชนทร์กระแทกลงพื้นดังปักไปหลายทีและหัวแตกใ