พายุฝนฟ้าคะนองในฤดูฝนช่วงเดือนกันยายน ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศเกิดฝนตกอย่างหนักพร้อมกับลมกระโชกแรงทำให้บ้านเรือนหลายหลังพังเสียหายไปตามๆกัน ไม่ต่างอะไรกับหมู่บ้านหนองไม้หวายที่ได้รับผลกระทบจากพายุลูกนี้ด้วยเช่นกัน กินเวลากว่าหลายชั่วโมงแล้วที่ฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ท้องฟ้าที่มืดครึ้มมาตลอดทั้งวันจนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนถึงบ่ายสามกว่าๆ แล้วก็ตาม บนถนนที่เงียบเหงาไร้ผู้คนสัญจรไปมาเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยให้ออกมาทำกิจวัตรอย่างเช่นที่เคยทำ
บนท้องถนนในยามนี้จึงมีเพียงรถตู้คันใหญ่ที่ขับมาด้วยความเร็วลัดเลอะไปตามถนนสายหลักที่คดโค้งไปตามแนวของสันเขาอย่างชำนาญ ก่อนจะหักเลี้ยวซ้ายบริเวณสามแยกใหญ่ สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนเป็นป่ารกทึบยิ่งขับเข้ามาลึกเท่าไหร่จากถนนสองเลนก็เหลือเพียงเลนเดียวจากถนนคอนกรีตก็เปลี่ยนเป็นถนนลูกรัง
ลำห้วยขนาดใหญ่ที่เป็นเหมือนหัวใจของหมู่บ้านหนองไม้หวาย ห้วยแห่งนี้มีน้ำตลอดทั้งปีทำให้ชาวบ้านที่อยู่อาศัยบริเวณนี้มีน้ำใช้สำหรับอุปโภคบริโภค ทำการเกษตรของเกษตรกร หรือแม้แต่เป็นแห่งรวมความสนุกสนานเสียงหัวเราะของชาวบ้านหลายช่วงวัยที่ได้มาคลายร้อนกัน
“กูว่าทิ้งมันไว้ที่ห้วยนี่แหละว่ะ” เสียงชายคนขับพูดขึ้นทันทีที่เห็นป้ายบอกทางไปลำห้วยไม้หวาย เพราะความกระสับกระส่ายจากการขาดเหล้ามาหลายชั่วโมง เหงื่อที่ไหลออกมาทั่วตัวสร้างความหงุดหงิดให้กับเขาเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเครื่องปรับอากาศภายในรถตู้คันนี้จะยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อให้อุณหภูมิภายในรถต่ำลงก็ไม่ได้ช่วยให้ชายคนนี้รู้สึกดีขึ้นได้เลย
“แต่นายสั่งให้ทิ้งมันที่หน้าผา” ชายชุดดำอีกคนที่นั่งข้างๆเอ่ยค้านขึ้นอย่างหัวเสีย ด้วยเพราะนายของพวกเขาย้ำนักย้ำหนามาว่าจะต้องทิ้งมันลงที่หน้าผาเท่านั้น อย่าให้มันรอดกลับไปได้โดยเด็ดขาดไม่อย่างนั่นพวกเราแย่แน่
“มึงเชื่อกูทิ้งมันลงน้ำยังไงมันก็ตาย”
“เออๆ งั้นก็ทิ้งมันลงไปในห้วยนี่แหละ ถ้ามันรอดมาได้ก็ไม่ใช่คนแล้วว่ะ” ชายชุดดำคนเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างตัดรำคาญเพื่อนของตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปมองชายอีกคนที่นอนไม่ได้สติอยู่ด้านหลังของรถ
ตูม!
“ไปเว้ยไปกินเหล้ากัน” ชายคนขับรถเอ่ยขึ้นเสียงดังเพื่อบอกกับเพื่อนของตัวเองที่เอาแต่จ้องมองไปยังผิวน้ำตรงหน้าอย่างช่างใจ
“ไปมึง” ชายชุดดำทั้งสองคนพากันขึ้นรถ นั่งประจำตำแหน่งของตัวเองก่อนจะขับออกไปทันทีด้วยความเร็วสูงท่ามกลางสายฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างหนัก
แค่ก! แค่ก!
…
16.00 น.
“พ่อกำนัน พ่อกำนัน” เสียงแหลมของหญิงสาววัยกลางคนตะโกนเรียกเสียงดังมาตั้งแต่ปากทางเข้าด้วยความรีบร้อน
“มีอะไรกระถิน พี่กำนันเข้าไปในเมืองตั้งแต่เช้ายังไม่กลับมาเลยลูก” เสียงหวานของนายหญิงของเรือนขานรับออกมาอย่างเป็นกันเองทันทีที่เห็นว่าคนที่มาตะโกนเรียกสามีของเธอเป็นหลานสาวที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี แม่สายหยุดที่ปีนี้อายุจะเข้าเลขห้าแล้วแต่ความสวยทั้งภายนอกและภายในของเธอยังคงเป็นที่เรื่องลือกันไปทั่วทั้งอำเภอ
“ฝายน่ะจ่ะ...มันเหมือนจะพังพวกฉันไม่มีใครที่มีความรู้เรื่องนี้เลยว่าจะมาตามพ่อกำนันให้ไปช่วยดูให้หน่อยน่ะจ่ะ”
“แล้วทำไงดีพ่อกำนันก็ไม่อยู่” แม่สายหยุดบอกกับร่างบางตรงหน้าอย่างคิดไม่ตก ถึงเธอจะไม่ได้มีความรู้เรื่องฝายน้ำล้นอะไรนี่หรอก แต่ถ้ากระถินขับรถมาถึงที่นี่ในขณะที่ฝนกำลังตกหนักแบบนี้แสดงว่าสถานการณ์ที่นั่งน่าจะไม่ดีแน่ๆ
“บัวไปเองค่ะแม่ ฝายน้ำล้นเป็นความคิดของบัว”
“…”
“บัวต้องรู้วิธีรักษามันแน่นอนค่ะ” เสียงแก่นแก้วของหญิงสาววัยกำลังซนวิ่งออกมาจากทางด้านหลังของบ้านเรือนไทยยกทรงสูง พร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ถือสุ่มสาน หรือสุ่มดักปลาสำหรับปลาน้ำตื้นเป็นอุปกรณ์ที่ชาวบ้านระแวกนี้นิยมนำไปใช้ดักปลาตามท้องนานั่นเอง
“จะไปคนเดียวได้หรอลูก” แม่สายหยุดเอ่ยถามลูกสาวเพียงคนเดียวออกไปด้วยความเป็นห่วง
“ได้สิจ้ะแม่ นี่บัวชมพูลูกสาวพ่อกำนันทองเปลวกับแม่สายหยุดเชียวนะ” บัวชมพูพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
“ก็ได้...” สายหยุดยอมให้ลูกสาวเพียงคนเดียวไปแต่โดยดี ด้วยเพราะรู้ดีว่าลูกสาวของตนเอาตัวรอดเก่งแค่ไหน แถมทั้งฉลาดและเฉลียวได้พ่อมาอีกต่างหากเรื่องการใช้ชีวิตแม่สายหยุดจึงไม่ค่อยเป็นห่วงลูกสาวสักเท่าไหร่
“ป้าฝากดูแลบัวด้วยนะกระถิน” แม่สายหยุดหันไปกำชับกับกระถินอีกครั้ง ถึงเธอจะรู้จักลูกสาวของตัวเองดี แต่หัวอกของคนเป็นแม่ก็ยังอดเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้อยู่ดี
“แม่อยู่กับยายสองคนปิดบ้านดีๆนะคะเดี๋ยวบัวกลับมา” บัวเอ่ยบอกกับมารดาของเธอด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะวิ่งไปยังกระบะคันเก่าของกระถินที่จอดอยู่ไม่ไกล
รถกระบะขับออกไปจากบ้านของกำนันทองเปลว ก่อนจะเลี้ยวขึ้นไปยังถนนคอนกรีตด้านหน้าขับตรงไปบนถนนเส้นนี้อีกประมาณ 15 กิโลก็เป็นทางไปหมู่บ้านชาวเขา ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของตำบลหนองไม้หวายนี้เช่นกัน ขับมาได้ไม่นานก็สิ้นสุดทางของถนนคอนกรีต ทางข้างหน้าที่เหลือเป็นทางลูกรังแดง แต่ตอนนี้กลายเป็นโคลนไปซะแล้ว
“ไหวหรือพี่กระถิน” บัวชมพูเอ่ยถามคนขับข้างๆออกมาด้วยความประหม่า
“เชื่อใจโฟวิลอีแก่ของพี่เถอะบัว” กระถินเอ่ยบอกกับบัวชมพูด้วยความภาคภูมิใจในรถของตัวเอง
“ฮ่าๆๆ สนุกแล้วสิลุยเลยพี่กระถิน”
สองสาวขับรถโฟวิลคันเก่าแต่สมรรถนะของรถยังใหม่เอี่ยมมาจนถึงสะพานคอนกรีตที่มีอายุหลายสิบปีถูกซ่อมแซมมาแล้วหลายสิบครั้งตามอายุการใช้งานของมัน รถกระบะคันเก่าขับผ่านไปอย่างช้าๆ ก่อนจะจอดลงบนเนินที่ห่างจากสะพานแห่งนี้ไม่ไกลมากนัก สองสาวลงมาจากรถแล้วมองไปยังสะพานตรงหน้าด้วยความรู้สึกกังวลอยู่น้อยๆ
“ดูจากโครงสร้างไม่น่าไหวแล้วนะพี่กระถิน น้ำไหลแรงขนาดนี้ด้วยไม่นานต้องพังลงมาแน่ๆ” บัวชมพูเอ่ยออกมาในขณะที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปยังสะพานตรงหน้า
“ถ้าพังตอนนี้แย่แน่ทางเข้าออกมีทางเดียวถูกตัดขาดไปแบบนี้ ละ...”
โครมมมมมม !!!
กระถินยังพูดไม่ทันจบสะพานตรงหน้าก็พังลงไปต่อหน้าต่อตาของทั้งสองคน ทางคมนาคมเส้นเดียวของหมู่บ้านถูกตัดขาดไปเป็นที่เรียบร้อย เส้นทางที่เหลือเป็นเส้นทางสำหรับเดินเท้าตัดผ่านป่าไปทางด้านหลังของหมู่บ้านประมาณ 8-9 กิโลเมตรถึงจะเจอถนนที่เชื่อมกับเส้นทางหลัก และที่สำคัญเส้นทางเดินป่าถือว่าโหดเอาเรื่องอยู่เหมือนกันเนื่องจากต้องเดินขึ้นเขาที่มีความชันค่อนข้างสูง ส่วนอีกเส้นทางถ้าต้องการเข้าไปในตัวหมู่บ้านต้องเดินไปตามทางหลักกว่า 20 กิโลเมตร ชาวบ้านจึงมักจะใช้วิธีฝากผู้นำของหมู่บ้านผู้ซึ่งมีรถยนต์เพียงคันเดียวซื้อเข้ามาซะมากกว่า ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกของใช้จำเป็น ส่วนพวกอาหารการกินชาวบ้านมักจะหาของป่าระแวกนี้มาทำเป็นอาหารตามวิถีดั้งเดิม และที่สำคัญรายได้หลักของชาวบ้านก็มาจากของป่าที่แต่ละคนหามาได้และรวมกันใส่รถไปขายที่ตลาดหรือบางทีก็จะมีแม่ค้าพ่อค้าจากด้านนอกเข้ามาซื้อและมาขายของถึงที่ ดังนั้นสะพานแห่งนี้จึงเป็นเหมือนหัวใจหลักของหมู่บ้านแห่งนี้เลยก็ว่าได้
หมู่บ้านชาวเขาแห่งนี้ปัจจุบันมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียง 30 หลังคาเรือนซึ่งบ้านแต่ละหลังปลูกสร้างเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงขึ้นมาไม่มากนัก ปูหลังคาด้วยหญ้าแฝกกันลมกันฝนได้เป็นอย่างดี หน้าร้อนก็ยังช่วยระบายอากาศได้ดีเช่นกันทำให้รู้สึกเย็นสบายต่างจากหลังคาเหล็กโดยสิ้นเชิง ส่วนเรื่องไฟฟ้ายังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินเรื่องขอเสาไฟเข้ามา ส่วนของน้ำประปาชาวบ้านยังคงใช้น้ำของลำห้วยที่ไหลผ่านหมู่บ้าน ซึ่งน้ำในลำห้วยสายนี้ในสำหรับอุปโภคบริโภคมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
“พ่อดำสวัสดีค่ะ” บัวชมพูเอ่ยทักทายผู้ใหญ่บ้านอย่างนอบน้อม พ่อดำหรือผู้ใหญ่ดำเป็นพ่อของกระถินและยังเป็นเพื่อนสนิทของกำนันทองเปลวพ่อของบัวชมพูอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้พ่อดำและชาวบ้านต่างก็รู้จักบัวชมพูเป็นอย่างดีและทุกคนต่างก็รักใคร่เอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก ด้วยนิสัยที่ดื้อด้านไม่ยอมคน แต่ก็ฉลาดหลักแหลมที่ถอดแบบพ่อของเธอมาไม่มีผิด ส่วนใบหน้าสวยคมที่ซ่อนความหวานหยดย้อยไว้ภายใต้รอยยิ้มถือได้ว่าถอดแบบมาจากพ่อและแม่ของเธอไม่มีผิดเพี้ยนจะเรียกว่าสำเนาถูกต้องเลยก็ได้
“เมื่อกี้บัวเดินไปดูฝายมาแล้วนะคะ ตอนนี้ยังซ่อมไม่ได้ค่ะ” บัวชมพูเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าไปตามความจริงจากสิ่งที่เธอเห็นมา
“ทำไมล่ะลูกบัว” ผู้ใหญ่ดำเอ่ยถามหลานสาวตรงหน้าออกไปด้วยความกังวล
“น้ำป่ายังคงไหลแรงเกินไปค่ะ ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยเราคงต้องรอไปก่อนไม่งั้นจะเป็นอันตรายได้ค่ะ”
“หนูบัวว่ายังไงพ่อก็ว่าอย่างนั้น แล้วยิ่งตอนนี้สะพานถูกตัดขาดแบบนี้กลับบ้านตอนนี้ไม่ได้แล้วล่ะลูก เมื่อกี้พ่อเดินขึ้นไปคุยกับพ่อของหนูมาสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่ค่อยจะมีไม่รู้ว่ามันรู้เรื่องรึป่าว” ผู้ใหญ่ดำเอ่ยบอกกับหลานสาวตรงหน้าเสียงเครียด สีหน้าของผู้ใหญ่แฝงไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าพ่อทองรู้ว่าบัวอยู่ที่นี่กับลุงดำพ่อทองไม่เป็นห่วงหรอกค่ะ แต่บัวคงต้องฝากท้องหลายวันหน่อยนะคะ” บัวชมพูเอ่ยบอกกับชายวัยกลางคนตรงหน้าพร้อมส่งยิ้มไปให้ท่าน
“ฮ่าๆๆ ลูกอยากกินอะไรบอกป้าแมวได้เลยลูกไม่ต้องเกรงใจ” ผู้ใหญ่ดำพูดไปหัวเราะไปด้วยความเอ็นดูหลานสาวตัวเล็กตรงหน้า
“ได้เลยค่ะ งั้นเดี๋ยวบัวไปดูเรือนก่อนนะคะ”
“บัวคืนนี้นอนกับพี่เถอะ” เสียงกระถินกระโกนลงมาจากบนเรือนของตัวเอง
“นั่นสิลูก ที่นั่นยังไม่ได้ปักกวาดเช็ดถูเลย” ป้าแมวภรรยาของลุงดำเอ่ยขึ้นมาอีกคน
“เดี๋ยวบัวไปเก็บกวาดเอาค่ะ ที่เรือนของพ่อมีหนังสือการ์ตูนของบัวอยู่คืนนี้บัวว่าจะอ่านให้หนำใจไปเลย” บัวชมพูเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าเสียงดังฟังชัด
[BUA’S PART]
เรือนไม้ท้ายหมู่บ้านถูกสร้างไม่ไกลจากลำห้วยไม้หวายที่ไหลผ่านหมู่บ้าน บ้านทั้งหลังถูกสร้างสูงขึ้นไปจนมั่นใจได้ว่าต่อให้มีน้ำป่าไหลหลากปริมาณน้ำก็จะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเรือนหลังนี้ได้
“งั้นเดี๋ยวป้าไปเอาข้าวใส่ปิ่นโตให้ก่อนลูก ไปถึงเรือนจะได้อาบน้ำสระผมก่อนเดี๋ยวจะไม่สบายเข้าลูก” ป้าแมวเอ่ยบอกกับฉันด้วยความเอ็นดูก่อนที่ท่านจะเดินเข้าไปด้านในเพื่อเตรียมข้าวปลาอาหารให้กับฉัน ผ่านไปสักพักป้าแมวก็เดินเอาปิ่นโตและน้ำเปล่าขวดใหญ่อีก 3-4 ขวดใส่ไว้ในถุงผ้าก่อนที่ท่านจะยื่นมันมาให้กับฉันพร้อมกับร่มอีก 1 คัน
“ขอบคุณค่ะ บัวไปก่อนนะคะ” พูดจบฉันก็รีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังเรือนของพ่อทองซึ่งตั้งอยู่ท้ายของหมู่บ้านทันที
ถึงเรือนหลังนี้จะตั้งอยู่กลางป่าท้ายหมู่บ้านแต่ด้านในก็เต็มไปด้วยข้าวของมากมายที่พ่อกำนันพ่อของฉันแกขนมาเก็บไว้เผื่อมันจะเป็นประโยชน์ให้กับชาวบ้านได้ ของส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม ผ้าห่มผ้านวมต่างๆ ถึงจะมีไม่มากแต่พอถึงคราวจำเป็นมันก็ถือว่ามีประโยชน์มากทีเดียว
ฉันค่อยๆก้าวขึ้นบันไดอย่างระมัดระวัง ก่อนจะก้าวยาวไปยังชานหน้าบ้านรูปตัวแอลที่กว้างประมาณ 2.5 เมตร เรือนหลังนี้ถูกออกแบบมาอย่างดีโดยบัวชมพูคนนี้นั่นเอง ฉันค่อยๆ ว่างของในมือของตัวเองลงบนโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลอย่างช้าๆ จากนั้นจึงหยิบไฟแช็คที่วางอยู่บนชั้นวางของไม่ไกลออกมาจุดตะเกียงเจ้าพายุจนรอบบ้านทำให้บ้านหลังนี้สว่างไสวขึ้นมาทันที ของทุกอย่างยังคงวางไว้อย่างเป็นระเบียบ และที่สำคัญแทบจะไม่มีร่องรอยของฝุ่นอยู่เลยด้วยซ้ำนั่นก็คงเป็นเพราะป้าแมวท่านมักจะแวะเวียนเข้ามาทำความสะอาดที่นี่อยู่ตลอดนั่นเอง
ฉันเดินไปปัดที่นอนขนาด 5 ฟุต ที่ไม่ค่อยมีคนใช้งานมันสักเท่าไหร่ให้สะอาดเหมือนใหม่ เพียงเท่านี้ที่นี่ก็เป็นเหมือนสวรรค์ของฉันแล้วล่ะ ได้นอนฟังเสียงน้ำไหลผสานเข้ากับสายฝนที่ยังคนตกลงมาไม่ขาดสาย มันช่างให้ความสงบกับฉันได้มากทีเดียวฉันจงถือโอกาสนี้พักผ่อนไปซะเลย
“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเรา ถ้าช้ากว่านนี้น้ำจะเย็นจัดเดี๋ยวอาบไม่ได้กันพอดี” ฉันเอ่ยบอกกับตัวเองก่อนจะหยิบเอาผ้าถุงที่วางอยู่ในลังใส่เสื้อผ้าของตัวเองออกมา ฉันจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกแล้วเปลี่ยนเป็นนุ่งกระโจมอกแทน ก่อนจะเดินออกมามือบางของฉันไม่ลืมที่จะคว้าเอาไฟฉายกับร่มที่ป้าแมวให้มาติดมือมาด้วย และเนื่องจากเรือนหลังนี้ไม่มีห้องน้ำในตัวทำให้ฉันต้องเดินออกไปยังห้องน้ำที่ถูกสร้างขึ้นให้ห่างจากลำห้วยประมาณ 50 เมตรเห็นจะได้ ในเวลาปกติฉันก็ถือว่ามันไม่ได้ไกลอะไรมาก แต่ในยามที่ฝนตกแบบนี้มันต่างออกไปฉันกลับคิดว่าห้องน้ำนี้ถูกสร้างไกลแสนไกลยังไงก็ไม่รู้
10 นาทีผ่านไปไวเหมือนโกหกจะว่าฉันวิ่งผ่านน้ำก็ได้ น้ำในอ่างมันเย็นจัดจนฉันทนอาบมันนานกว่านี้ไม่ไหวแล้ว ฉันค่อยๆเปลี่ยนนุ่งผ้าถุงผืนใหม่ที่นำติดมือมาด้วย ก่อนจะเดินกางร่มออกมาด้านนอก ฉันค่อยๆเดินไปยังเรือนไม้อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้น้ำโคลนมากระเด็นโดนขาของตัวเอง
แค่ก! แค่ก! แค่ก!
“อือออ...” ฉันหลับตาลงทันทีด้วยความกลัวขาเรียวของฉันหยุดเดินอย่างอัตโนมัติทันทีที่ได้ยินเสียงแปลกๆดังเข้ามา ‘หูฝาด หูฝาด’ ฉันพยายามสะกดจิตของตัวเอง แต่...
แค่ก! แค่ก! แค่ก!
แค่ก! แค่ก! แค่ก! “พ่อจ้าแม่จ้าช่วยลูกด้วย” ฉันร้องออกมาเสียงหลงพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์“ไม่สิ! อยู่นี่มาตั้งนานไม่เคยเจอเลย” ฉันค่อยลืมตาขึ้นพร้อมกับส่องไฟฉายไปรอบๆ บริเวณที่ฉันอยู่เพื่อให้แน่ใจบางทีฉันอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้นี่นา “ผีจะมีได้ไง” ฉันเอ่ยบอกกับตัวเองก่อนที่สายตาของฉันจะไปสะดุดเข้ากลับอะไรบางอย่างที่ขยับอยู่ใกล้กับโขดหิน ลักษณะมันเหมือนกับมือของคนกำลังจับกิ่งไม่อยู่ยังไงยังงั้น“ถ้าเป็นผีก็คงขึ้นมาหลอกเราแล้วล่ะ น้ำไหลแรงขนาดนี้ผีก็ผีเถอะ” ฉันเอ่ยบอกกับตัวเองก่อนจะเดินไปเรือนนอนของตัวเอง ไวกว่าความคิดมือบางของฉันก็หันไฟฉายไปยังบริเวณที่มีสิ่งผิดปกติอีกครั้งเพื่อให้มั่นว่าฉันตาฝาดไปจริงๆ แต่แล้ว...“ฮึ่ย! คนนี่หว่า” ด้วยความตกใจฉันจึงรีบวิ่งไปยังลำห้วยด้านล่างทันที ฉันไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ เค้าต้องเป็นคนอย่างแน่นอนและที่สำคัญมือหนาที่จับกิ่งไม้อยู่นั้นแทบจะหมดแรงลงไปทุกทีแล้ว“นายๆ ได้ยินฉันไหม” ฉันตะโกนเรียกร่างสูงตรงหน้าเสียงดัง ในขณะที่ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งสายฟ้าที่พาดผ่านลงมาเป็นแสงวูบวาบ ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ
แอ๊ดดดดดดด! !!“ฉันต้มน้ำใบบัวบกไว้ให้นายด้วย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าที่ยังคงมองมาที่ฉันด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ฉันสังเกตุเห็นว่าวันนี้ใบหน้าของเขาบวมช้ำกว่าเมื่อคืนนี้ซะอีก“น้ำใบบัวบกมีสรรพคุณแก้อาการช้ำใน ลดการอักเสบนายต้องดื่มให้หมดนะเข้าใจไหม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะยื่นแก้วในมือให้เขา“...” เขาพยักหน้าเบาๆ เพื่อเป็นการตอบคำถามของฉัน“ดีมาก รอให้มันเย็นกว่านี้ก็ได้ดื่มตอนนี้เดี๋ยวมันจะลวกปากนาย”“…” ฉันวางแก้วใบบัวบกไว้ข้างๆ ก่อนที่มือบางของฉันจะวางลงที่หน้าผากของเขา พร้อมกับมืออีกข้างของฉันวางลงที่หน้าผากของตัวเองเพื่อเป็นการเช็คอุณหภูมิร่างกายของร่างสูงตรงหน้า“เหมือนนายจะมีไข้”“ยะ อย่า บะ บอก คะ ใคร”ฉันพยายามจับใจความสิ่งที่ร่างสูงพยายามจะบอกกับฉัน ก่อนจะสรุปได้ว่าเขาพูดอะไรกับฉัน ‘อย่าบอกใคร’ ยิ่งเขาย้ำฉันแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันอยากรู้เรื่องราวเข้าไปใหญ่เลย คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของฉัน ‘เขาเป็นใคร?’ ‘ใครทำร้ายเขา?’ ‘แล้วทำไมต้องปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ใครรู้ด้วยล่ะ?’“ฉันเข้าใจแล้ว นายอย่าพึ่งพูดมากเลย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปด้ว
“พังหมดเลย” ฉันร้องออกมาเบาๆ ทันทีที่เห็นฝายน้ำล้นตรงหน้าของฉัน น้ำป่ายังคงไหลหลากอยู่เลยสังเกตจากสีของน้ำที่ยังคงขุ่นมัว กระแสน้ำยังไหลเชี่ยวเป็นอย่างที่ฉันคิดว่าเรายังไม่สามารถซ่อมแซมมันได้ในตอนนี้“นายนั่งรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะเดินไปดูรอบๆนี้ก่อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าหลังจากที่ฉันปูเสื่อที่พกมาด้วยเรียบร้อยแล้ว“เธอจะไปไหน” เขาเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ“เดี๋ยวฉันจะไปเดินดูรอบๆไง หูนายมีปัญหาปะ”“เธอก็ดูอยู่นี่ไงไม่เห็นต้องเดินไปไหน” เขาเอ่ยบอกกับฉันหน้าตาเฉย พร้อมกับมองมายังฉันอย่างไม่เข้าใจ“นายกลัวรึไง” ฉันยืนเท้าเอวพร้อมกับมองไปยังร่างสูงอย่างไม่เข้าใจเขาเช่นกัน ฉันจะมาที่นี่คนเดียวก็จะตามมาด้วย พอฉันจะเดินไปดูรอบๆคนเดียวก็พูดเหมือนจะไม่ให้ฉันไปอีก ‘หัวจะปวดนะกับผู้ชายคนนี้’“…”“ฉันไม่ไปไกลหรอกเดี๋ยวฉันกลับมา นายนั่งพักอยู่นี่แหละ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส ก่อนจะเดินออกไปทันทีไม่รอให้เขาคัดค้านอะไรอีก“บัว” ร่างสูงตะโกนเรียกตามหลังฉันมา“ไม่ฟังแล้ว” ฉันก็ตะโกนตอบกลับเขาไปทันทีเช่นกัน“ทำไมเธอดื้อจังวะ”“เรื่องของฉัน แบร่!” ฉันหยุดเดินก่อนจะหันไปหลอกเค้าจ
3 วันต่อมา...8.00 น.“เอากระเป๋ามาเดี๋ยวฉันสะพายเอง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับมือหนาของเขาหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของฉันไปสะพายไว้ วันนี้เราสองคนมีภารกิจตามล่าหาสัญญาณโทรศัพท์“ขอบใจนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะเดินนำเขาออกไปด้านนอก ฉันเลือกอ้อมไปทางด้านหลังของหมู่บ้านมันอาจจะไกลกว่าทางปกติอยู่บ้างแต่มันก็เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับเขาที่สุดสองสามวันมานี้ร่างกายของเขาเริ่มกลับมาแข็งแรงแล้วอาจจะยังหลงเหลือรอยช้ำอยู่บ้างก็ตาม ฉันนับถือใจเขามากเลยถ้าเป็นคนอื่นโดนมาหนักขนาดนี้อาจจะไม่รอดแล้วก็ได้“อุ๊ย!!” ในขณะที่ฉันคิดอะไรไปเรื่อยๆ ด้วยความเหม่อลอยทำให้ฉันไม่ทันได้สังเกตุเห็นก้อนหินตรงหน้าทำให้ฉันสะดุดมันแต่...“ระวัง” ร่างสูงเอ็ดฉันเบาๆ พร้อมกับมือหนาโอบเข้าที่เอวบางของฉันไว้แน่น ถ้าไม่ได้เขาจับฉันไว้ป่านี้ฉันคงได้ไปจับกบอยู่ที่พื้นแล้วล่ะ“ขอบใจนะ”“อืม...”“…/…”“นะ นายช่วยเอามือออกจากเอวฉันก่อนได้ไหม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงด้านหลังเบาๆ หลังจากที่เราเงียบใส่กันไปแป๊บนึง ร่างสูงจึงค่อยๆคลายอ้อมกอดออกไปอย่างช้าๆ“เดินระวังด้วย” เขาเอ่ยตามหลังฉันมาเสียงเรียบ“อืม”ติ้ง
“ใจเย็นๆ อาการเธอดูแปลกๆนะ”“อือ ดีนฉันร้อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงกระเส่า ก่อนที่ฉันจะล้มลงไปนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยิ่งทำให้หัวใจของฉันแทบหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว“ตั้งสติ” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ แต่คำพูดของเขาไม่สามารถทำให้ฉันมีสติได้เลยจริงๆ ความร้อนในกายของฉันมันยิ่งเดือดพลานมากขึ้นไปอีก“ระ ร้อน” ฉันพยายมดึงมือตัวเองออกจากการจับกุมของร่างสูงตรงหน้า แต่มันก็ไม่เป็นผลเลยแรงฉันสู้แรงของเขาไม่ได้“มีใครเอาอะไรให้เธอกินรึป่าว” ร่างสูงเอ่ยถามฉันเสียงเครียด“มะ ไม่มี” ฉันสายหัวแรงๆ ฉันรู้ทุกอย่างว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่เหมือนกับว่าฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย“แล้วเธอกินอะไรเข้าไปบ้าง”“อื้อ นายอย่าถามมากได้ไหม...ฉันร้อน” ฉันตะคอกร่างสูงตรงหน้าเสียงดัง“ดะ ดีน” ฉันครางเรียกชื่อเขาเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา“อย่ามามองฉันแบบนี้” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง“ดีน มองฉันหน่อยน้า” ฉันอ้อนร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ตอนนี้สติของฉันแทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ความยับยั้งช่างใจเองก็เช่นเดียวกัน ฉันดึงมือของตัวเอ
“บัว บัวตื่นได้แล้วลูก”“ห้ะ!!...” ฉันสะดุ้งตัวขึ้นมาจากที่นอนของตัวเองทันทีด้วยความตกใจ เหมือนฉันจะได้ยินเสียงของพ่อตัวเองเลย ‘จะเป็นไปได้ไง หูฝาดแหละ’“บัวลูกตื่นหรือยัง” เสียงพ่อของฉันดังมาจากประตูหน้าเรือนปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ทันที ฉันรีบมองหาร่างสูงที่ฉันคุ้นเคยแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ‘เขาหายไปไหนของเขา?’“บัว”“จ้าพ่อ...” ฉันขานรับท่านเสียงใสพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุด พร้อมกับเดินออกไปเปิดประตูเรือนให้พ่อทองเข้ามาด้านใน ท่านเดินเข้ามาลูบตัวฉันอย่างเอ็นดูก่อนจะสวมกอดฉันแน่น เพราะความคิดถึงของท่านก็เราไม่ได้เจอกันเป็นเดือนเลยนี่เนอะ“ตื่นสายเชียวตัวแสบของพ่อ”“บัวคิดถึงพ่อกับแม่ และก็ยายที่สุดเลยค่ะ” ฉันกอดตอบพ่อด้วยความคิดถึงเช่นกัน“งั้นหนูรีบไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวกลับบ้านเรากันลูก”“แล้วเรื่องซ่อมฝายล่ะคะ”“เดี๋ยวพายุลูกใหญ่จะเข้าอีกลูกเราคงซ่อมกันตอนนี้ไม่ได้หรอกลูก”“หรอคะ”“ไปลูกบัวไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แม่ทำของโปรดรอหนูไว้เยอะเลย” พ่อบอกกับฉันเสียงอ่อน พร้อมกับลูบหัวของฉันอย่างเอ็นดู“ค่ะพ่อ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน“งั้นเดี๋ยวพ่อไปรอที่บ้านล
[BUA’S PART]3 วันต่อมา...“โอ้โห่ พ่อเอาขนาดนี้เลยหรอคะ” ฉันถามพ่อออกไปด้วยความตกใจ พ่อของฉันท่านเล่นใหญ่มาก ท่านลงทุนซื้อคอนโดให้เป็นของขวัญสำหรับการเริ่มต้นทำงานครั้งแรกของฉัน ถึงห้องที่พ่อซื้อไว้จะเป็นห้องที่มีขนาดเล็กสุดของที่นี่ก็เถอะ แต่คอนโดนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแบบนี้ราคาก็คงไม่ธรรมดาแน่ๆ“เอาขนาดนี้แหละ” พ่อพูดขึ้นก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้กับฉัน ถึงภายนอกพ่อจะดูดุมากแค่ไหน แต่สำหรับสายตาฉันท่านเป็นสามีที่รักภรรยา เป็นคุณพ่อที่อบอุ่นของลูกสาวอย่างฉันมาก“แม่คะดูพ่อ” ฉันหันไปขอความช่วยเหลือจากหญิงวัยกลางคนที่วันและเวลาไม่สามารถทำให้ความงดงามของท่านจางหายไปเลย ฉันเดินเข้าไปกอดแม่ฉันอย่างอ้อนๆ ถ้าเป็นคำพูดของแม่พ่อต้องเชื่อแน่นอนจริงๆ อยู่ที่นี่มันก็สะดวกสบายดีหรอก แต่มันดูสิ้นเปลืองเกินไปสำหรับฉัน“แม่ว่าพ่อเค้าทำถูกแล้วนะลูก อยู่ที่นี่ระบบความปลอดภัยก็ดีพ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องกังวลด้วย”“แม่อ่า...”“อีกอย่างมันก็อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของหนูนี่ ถ้ารถติดลูกก็จะได้เดินไปทำงานได้ไม่ต้องรีบร้อน”“เนอะที่รักเนอะ” พ่อเดินมากอดแม่ฉันด้วยอีกคน“อยู่ที่นี่เถอะลูก” แม่เอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน
“เจ้ว่าอะไรนะคะ...”“เอ้า! ก็เมื่อกี้คุณดีโอไง”“หนูไม่ทันมองอะ” ฉันกระซิบบอกกับร่างบางข้างๆเสียงอ่อน ฉันเห็นเพียงรอยสักของเขาเท่านั้นถึงรอยสักนั้นจะเหมือนกับใครอีกคนที่ฉันเคยรู้จักก็เถอะ แต่ก็คงไม่ใช่เขาหรอก เพราะเขาไม่มีทางมาอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน“สวัสดีครับคุณไอรีน คุณบัวชมพู ผมริวนะครับเป็นผู้ช่วยของคุณขจรเดชครับ” ช่วยร่างสูงคนหนึ่งในกลุ่มชายชุดดำมากมายเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา เขาดูสูงสง่ามากกว่าชายคนอื่นบุคลิกท่าทางรวมถึงน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก ‘ถ้าขนาดลูกน้องยังน่ากลัวขนาดนี้ เจ้านายของเขาจะขนาดไหนเนี่ย’“ค่ะ/ค่ะ”“เชิญทางนี้ครับ”“ค่ะ/ค่ะ” ฉันกับเจ้ไอรีนเดินตามร่างสูงตรงหน้าไปอย่างงงๆ ตอนนี้ในหัวของฉันมีคำถามเยอะแยะมากมายที่อยากถาม แต่ก็นะร่างสูงตรงหน้าน่ากลัวจนพวกฉันไม่กล้าถามและไม่กล้าชวนเขาคุยเลยด้วยซ้ำ“รอตรงหน้าสักครู่นะครับ” เขาพาฉันกับเจ้ไอรีนมาที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกหรูแห่งนี้“ได้ค่ะ”“ขออนุญาติค่ะ” เสียงป้าแม่บ้านดังมาจากประตูบานใหญ่ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาด้านในทันทีที่ได้รับอนุญาต“คุณผู้หญิงรับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีคะ” ป้าแม่บ้านเอ่
@บ้านพักต่างอากาศที่เขาใหญ่...“ถึงแล้ว” ดีแลนที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดขึ้นทันทีที่รถหรูของเราจอดลงยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน“ลุยเลยครับ” ฉันหันไปบอกกับลูกก่อนจะเห็นว่าเจ้าตัวน้อยเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมที่กำลังจะมาถึงแล้วจริงๆ เราสามคนพ่อ แม่ ลูกมาแคมป์ปิ้งด้วยกันที่นี่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นแทบจะไม่มีอะไรต้องห่วงเจ้าลูกชายคนเดียวของฉันเลย เพราะเขาชอบที่นี่มากและทุกครั้งที่มีโอกาสเขาก็มักจะขอให้ฉันกับพี่ดีนพามาที่นี่อยู่บ่อย“ที่รัก เดี๋ยวแด๊ดดี๊ยกเองหนูไปเปิดบ้านรอเลยครับ”“จริงด้วยครับ”“ก็ได้ค่ะ” ฉันเดินมาเปิดประบ้านตามที่คุณสามีและเจ้าลูกชายของฉันสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินตามเข้ามาด้านใน“ไหวไหมครับ” ฉันเอ่ยถามดีแลนที่สะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองเข้ามาหาฉัน“แค่นี้สบายมากครับ แต่แม่ครับเมื่อไหร่ดีแลนจะตัวเท่าป๊าหรอครับ” เด็กน้อยตรงหน้าถามฉันด้วยความสงสัย ก่อนจะว่างกระเป๋าที่สะพายมาลง“ถ้าลูกอยากตัวเท่าป๊าก็ต้องกินนมและออกกำลังด้วยเข้าใจไหมคะ”“ตัวเท่าป๊าได้แต่จะหล่อเหมือนป๊าคงจะยากหน่อยนะ”“คุณย่าบอกว่าดีแลนหล่อกว่าป๊านะครับ”“จริงรึป่าว”“คุณย่าไม่โกหกดีแลนแน่นอน ป๊าไม
4 ปีต่อมา...ก๊อกกกกกๆๆ!!หลังจากที่ฉันกับพี่ดีนอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยและกำลังเตรียมตัวเข้านอน เสียงเคาะก็ดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าที่อยู่ไม่ไกล พี่ดีนมองมาที่ฉันเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปตามเสียงที่ยังคงดังไม่หยุดก๊อกกกกกๆๆ!!“แด๊ดดี๊ แด๊ดดี๊” ทันทีที่ประตูเปิดออกเสียงน้อยๆ ก็ดังขึ้นมาทันทีเพื่อทักทายร่างสูงที่ยืนบังเขาเอาไว้ไม่ยอมให้เข้ามาด้านใน“เรียก ‘ปะป๊า’...‘แด๊ดดี๊’ เอาไว้ให้เมียป๊าเรียกได้คนเดียว” พี่ดีนเอ่ยบอกกับเด็กน้อยตรงหน้าเสียงเรียบ พร้อมกับมองไปที่ร่างเล็กของเด็กตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง“แด๊ดดี๊”“ดีแลน”“ปะป๊าก็ได้ครับ” เด็กน้อยเสียงอ่อนลงทันทีที่โดนป๊าของเขาเรียกแบบนั้นดีแลนเป็นลูกชายคนเดียวของฉันกับพี่ดีนที่อายุพึ่งจะ 4 ขวบไปเมื่อสองวันก่อน ฉันจะบอกว่านอกจากลูกจะวาดรูปเก่งเหมือนฉันแล้วดีแลนก็แทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนฉันเลย ขนาดม๊าของพี่ดีนกับแม่ของฉันยังบอกว่าดีแลนถอดแบบพี่ดีนมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่ความสุขุมมากเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ความฉลาดและเขายังมีไหวพริบที่ดีจนหลายๆ ครั้งฉันยังอึ้งกับการกระทำของเจ้าลูกชายของฉันเลยดีแลนมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับพี่ด
“แด๊ดดี๊คะ อ่าส์” ร่างสูงจับฉันคว่ำลงกับที่นอนก่อนที่เขาจะตามลงมาทาบทับฉันไว้ ริมฝีปากหนาจูบลงที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน“พี่ขอเข้าไปนะครับ” ร่างสูงกระซิบลงที่ข้างหูของฉัน ก่อนที่เขาจะขบเม้นเบาๆที่ติ่งหู ฉันหันไปหาเขาก่อนที่เราจะจูบกันอย่างดูดดื่มมือหนาของเขาประคองใบหน้าเรียวของฉันเอาไว้เพื่อให้เขาจูบฉันได้ง่ายขึ้น“ค่ะ อื้อออออ” หลังจากที่เขาผละริมฝีปากออก ฉันครางออกมาด้วยความเสียงซ่านมือหนายกสะโพกงามของฉันขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเอาท่อนเอ็นอันใหญ่โตของฉันถูขึ้นถูลงเบาๆ ที่กึ่งกลางสาวของฉันสวบบบบบบบ! !!“ซี๊ดดดดดด/ซี๊ดดดดด” ฉันกับพี่ดีนครางออกมาพร้อมกันด้วยความเสียวซ่าน มือหนาจับเอวบางของฉันไว้แน่นก่อนที่สะโพกหนาของเขาจะเริ่มขยับตับ! ตับ! ตับ!!“อ่าส์ อะ อื้อออออ” ฉันครางออกมาไม่เป็นศัพท์ด้วยความเสียงซ่าน ร่างสูงโน้มตัวลงมาจุ๊บที่หัวของฉันอย่างอ่อนโยน ตับ! ตับ! ตับ!!“อ๊ะ อ๊ะ อ่าส์” สะโพกหนาเร่งจังหวะกระแทกเข้ามาใส่ฉันหนักหน่วงขึ้น พร้อมกับมือหนาขย้ำสะโพกงามของฉันอย่างมันมือตับ! ตับ! ตับ!!เพียะ!!!“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ายยยย” ฉันครางออกมาพร้อมกับเอวบางของฉันบิดเล้าไปมาท
Christmas Day…@คฤหาสน์วงค์อัครหิรัญวันนี้เป็นวันคริสต์มาสเป็นเหมือนวันรวมพลของหลายๆ ครอบครัว ซึ่งครอบครัวของพวกเราก็มารวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังนี้เพื่อรับประทานอาหารและได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นพวกเราจึงจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนในช่วงสิ้นปีฉันกับพี่ดีนแต่งงานกันมาปีกว่าๆ แล้วเขายังคงเป็นผู้ชายคนเดิมเสมอต้นเสมอปลาย วันแรกเขาปฏิบัติต่อฉันอย่างไรวันนี้เขาก็ยังคงปฏิบัติกับฉันอย่างนั้น เราทั้งคู่ยังไม่มีทายาทหรอนะฉันเคยคุยเรื่องนี้กับพี่เขาแล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยคำพูดแบบเดิม ‘พี่ยังไม่พร้อมครับ’ เขาบอกฉันแบบนี้ทุกครั้งที่เราคุยกันถึงเรื่องนี้“หนูบัวช่วงนี้หนูดูซูบไปนะลูก” ม๊าถามฉันขึ้นมาทันทีที่ฉันเดินตามท่านเข้ามาในห้องนั่งเล่น ในห้องนี้มีแต่ผู้หญิงส่วนพวกผู้ชายแยกไปดื่มกันอีกห้องซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องนี้เท่าไหร่นัก“ช่วงนี้หนูงานเยอะน่ะค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อน ฉันรีบเคลียร์ให้เสร็จเพราะจะลาพักร้อนเพื่อไปเที่ยวกับคุณสามีของฉันน่ะสิ อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันจึงหักโหมทำงานอย่างหนัก“แอร๊...” เสียงน้องไข่มุกลูกสาวของพี่เบลซกับดาร้องขึ้นมาเบา พร้อมกับทำท่าทางเ
16.00 น.หนุ่มๆ โดนสวดกันไปยกใหญ่ก่อนที่ทุกคนจะทานอาหารพร้อมกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับ ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับพี่ดีนที่จะตามกลับไปทีหลัง เราตกลงกันว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันสองวันและแน่นอนว่าฉันได้วันหยุดมาจะเฮียผาอีกแล้วเฮียบอกกับฉันตอนผูกแขนว่า ‘เฮียอยากเลี้ยงหลาน ไม่ต้องรีบกลับเฮียให้วันหยุดเพิ่มเพื่อปั้มหลานเท่านั้น’ เมื่อวานก่อนกลับก็ยังย้ำฉันอีกรอบด้วยนะ“รถพร้อมแล้วไอ้ลูกเขย” เสียงพ่อตะโกนเรียกพี่ดีนมาจากทางหน้าบ้าน เอาอีกแล้วสองคนนี้มีลับลมคมนัยกันอีกแล้ว“ครับพ่อ”“มีอะไรรึป่าวคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย เขากำลังง่วนกับการเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ไหนเขาบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง...“ไปกัน” ร่างสูงจูงมือฉันเดินออกไปยังรถโฟวิลที่พ่อของฉันเตรียมไว้รอเรา“ทุกอย่างเรียบร้อย” พ่อบอกกับพี่ดีนก่อนจะยื่นกุญแจรถให้เขา“ขอบคุณครับ”“แด๊ดดี๊ยังไม่ได้บอกหนูเลยนะคะว่าจะพาไปไหน” ฉันถามร่างสูงออกไปอย่างงอลๆ“โอ๊ๆๆ อย่าพึ่งงอลแด๊ดนะครับ” ร่างสูงบอกกับฉันเสียงอ่อนในขณะที่มือหนาโยกหัวของฉันไปมาอย่างเอ็นดู“ชอบเซอร์ไพรส์หนูตลอด”“แล้วหนูชอบไหมคะ”“ชอบค่ะ” ฉันตอบกลับเขาไปเสียงใสพร
2 วันต่อมา...ซู่! ซู่! ซู่!วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องเดินทางกลับแล้วเวลาของความสุขมันมักจะผ่านไปไวเสมอเลยเนอะ ฉันยืนมองออกไปยังท้องทะเลตรงหน้าก่อนจะค่อยๆหลับตาลงเพื่อซึมซับเสียงของคลื่นที่กระทบชายฟังได้ชัดเจนยิ่งขึ้น“หืมมมม” ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาทันทีที่แขนแกร่งที่คุ้นเคยกอดฉันเอาไว้จากทางด้านหลัง ฉันไม่ตกใจกับการกระทำเขาแล้วล่ะเพราะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นแหละที่กล้าทำแบบนี้กับฉัน“แด๊ดดี๊หายไปไหนมาแต่เช้าคะ” ฉันซบลงที่อกแกร่งของเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย“แด๊ดดี๊ไปเตรียมอาหารเช้าให้หนูมาครับ” ร่างสูงบอกกับฉันก่อนจะก้มลงซุกหน้าของเขาลงกับไหล่มนของฉัน“อะไรนะคะ แด๊ดดี๊ทำอาหารหรอคะ ไปฝึกมาตอนไหนเนี่ย” ฉันรัวคำถามใส่ร่างสูงที่อยู่ด้านหลังเป็นชุด ก็เขาชอบทำให้ฉันประหลาดใจอยู่เรื่อยเลยนี่นา“ความลับครับ ไปกันเถอะเดี๋ยวอาหารเย็นหมด” พี่ดีนพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินจูงมือของฉันให้เดินตามเขาออกไป“เรากำลังจะไปไหนกันหรอคะ”“…”“แด๊ดดี๊”“เดี๋ยวถึงแล้วหนูก็รู้ครับ”เขาพาฉันเดินมาจากหาดทรายกว้างๆ ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปตามแนวของต้นไม้ ก่อนที่เราจะมาหยุดอยู่หน้าปากถ้ำ
19.00 น.หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วพวกเราก็พากันกลับมายังบ้านพัก ร่างสูงเปิดประตูรั่วเพื่อให้ฉันเดินเข้าไปด้านในก่อน...“นายครับ” เสียงของพี่ริวเรียกพี่ดีนดังขึ้นมาจากด้านหลัง เราทั้งคู่หันกลับไปมองเขาพร้อมกัน“เดี๋ยวหนูเข้าไปรอด้านในนะคะ” ฉันบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในเขตของบ้านพักทันทีเพื่อให้เขาคุยงานกับพี่ริวได้สะดวก“อาบน้ำก่อนดีกว่า ก่อนอื่นต้องจัดของเข้าที่ก่อน” ฉันเดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกล ฉันเลือกที่จะจัดเสื้อผ้าของพี่ดีนแขวนไว้บนตู้เสื้อผ้าก่อนเพราะมีอยู่กี่ตัว ก่อนจะหันมาจัดของของตัวเองด้วยความเป็นผู้หญิงมันก็จะมีของกระจุกกระจิกเต็มไปหมดบางทีฉันก็สงสัยนะว่าตัวเองเอาอะไรมาเยอะแยะ‘เที่ยวให้สนุกนะคะ - กะทิ’ นี่เป็นของฝากจากกะทิพี่ดีนบอกว่าลูกน้องของจีซัสนำมาฝากไว้ให้ฉันก่อนที่เราจะขึ้นเครื่อง“ไหนดูสิกะทิฝากอะไรมา” ฉันอ่านข้อความในโพสอิทก่อนจะเปิดถุงผ้าตรงหน้าออก ในนี้มีบิกินีสองตัวใหม่เอี่ยมป้ายราคายังไม่ทันแกะฉันแค่บ่นให้เธอฟังเองว่าไปหาซื้อไม่ทัน เธอก็จัดหนักมาให้ฉันซะเลยสินะ ‘ทูพีชแบบนี้แด๊ดดี๊จะให้ใส่รึป่าวเนี่ย’ ‘ช่างเถอะพรุ่งนี้แด๊ดดี๊ไ
2 อาทิตย์ต่อมา...“แด๊ดดี๊หนูออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ไหมคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในมือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มหวานๆ มาให้ฉัน“หนูไม่เจ็บแผลแล้วหรอครับ หืมมมม...” ร่างสูงวางไอแพดในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉัน“แด๊ดดี๊หนูไหวคะ ไม่มีแผลแล้วด้วย หนูอยากออกไปเจอแสงแดดบ้าง” ฉันนั่งกอดอกพร้อมกับทำหน้ายู่ใส่เขาอย่างงอลๆฉันออกมาจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวต่อที่บ้านได้ 1 อาทิตย์แล้ว รวมกับที่ฉันนอนโรงพยาบาลตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันทำได้เพียงกินกับนอนพี่ดีนไม่ให้ฉันทำอะไรเลยส่วนตัวของเขานั้นก็ได้ย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่คอนโดของฉันอย่างเต็มรูบแบบ เขาเฝ้าฉันแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนไม่ออกไปไหนเลย พอฉันขอออกไปทำงานที่บริษัทเฮียผาก็ไม่ให้ไปบอกให้ฉันหยุดไปเลย 1 เดือน เนี่ยทุกคนพร้อมใจกันกักขังฉัน“งั้นเตรียมตัวนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้แด๊ดพาไปเที่ยวทะเล” ร่างสูงบอกกับฉันก่อนจะอุ้มฉันไปนั่งลงบนตักแกร่งของเขา“คะ? ไปทำงานหรอคะ”“ใช่ครับ...”“ฮึ่ย แด๊ดดี้ทำไมพึ่งบอกล่ะคะ”“จริงๆแด๊ดดี้ให้ใครทำงานให้ก็ได้ครับแต่เห็นหนูอยากไปเจอแสงแดดพอดี แด๊ดดี้เลยคิดว่าน
[BUA’S PART]9.00 น.ฉันค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้นมาช้าๆ ด้วยคำถามที่ว่า ทำไมโลกของฉันมันถึงได้หมุนแบบนี้ล่ะ ‘หรือว่าฉัน...’ ฉันรวบรวมสติของตัวเองและคิดทบทวนตัวเองอีกที ‘ฉันโดนยิงนี่...แล้ว?’ ฉันหันไปมองรอบๆด้วยความตกใจก่อนจะเห็นร่างสูงที่ฉันคุ้นกำลังเซ็นเอกสารในมืออย่างขะมักเขม้นในขณะที่มืออีกข้างของเขายังคงกุมมือฉันไว้แน่น“แด๊ดดี้ ขา...”“ขา...ตื่นแล้วหรอเด็กดื้อ” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารในมือทันทีที่ได้ยินเสียงของฉัน รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของร่างสูงตรงหน้า“ยังค่ะหนูหลับอยู่” ฉันบอกกับเขาอย่างแกล้งๆ พร้อมกับมองสำรวจร่างกายของเขาไปด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนจุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! !!“หลอกแด๊ดหรอ หืมมมมม” ริมฝีปากหนาจุ๊บลงที่มือบางของฉันอย่างอ่อนโยน“อ๊ะ”“เจ็บมากไหม...ไม่มีหนูอยู่แด๊ดจะอยู่อย่างไง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่เขาจะซุกใบหน้าหล่อเหลาของเขาลงกับมือบางของฉัน“หนูไม่เจ็บเลยค่ะ แด๊ดดี้ไม่ต้องห่วงนะคะ” ฉันบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ก่อนจะลูบลงที่แก้มของเขาเบาๆ“…”“แด๊ดเจ็บตรงไหนไหมคะ” ฉันเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความเป็นห่วงพร้