3 วันต่อมา...
8.00 น.
“เอากระเป๋ามาเดี๋ยวฉันสะพายเอง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับมือหนาของเขาหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของฉันไปสะพายไว้ วันนี้เราสองคนมีภารกิจตามล่าหาสัญญาณโทรศัพท์
“ขอบใจนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะเดินนำเขาออกไปด้านนอก ฉันเลือกอ้อมไปทางด้านหลังของหมู่บ้านมันอาจจะไกลกว่าทางปกติอยู่บ้างแต่มันก็เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับเขาที่สุด
สองสามวันมานี้ร่างกายของเขาเริ่มกลับมาแข็งแรงแล้วอาจจะยังหลงเหลือรอยช้ำอยู่บ้างก็ตาม ฉันนับถือใจเขามากเลยถ้าเป็นคนอื่นโดนมาหนักขนาดนี้อาจจะไม่รอดแล้วก็ได้
“อุ๊ย!!” ในขณะที่ฉันคิดอะไรไปเรื่อยๆ ด้วยความเหม่อลอยทำให้ฉันไม่ทันได้สังเกตุเห็นก้อนหินตรงหน้าทำให้ฉันสะดุดมันแต่...
“ระวัง” ร่างสูงเอ็ดฉันเบาๆ พร้อมกับมือหนาโอบเข้าที่เอวบางของฉันไว้แน่น ถ้าไม่ได้เขาจับฉันไว้ป่านี้ฉันคงได้ไปจับกบอยู่ที่พื้นแล้วล่ะ
“ขอบใจนะ”
“อืม...”
“…/…”
“นะ นายช่วยเอามือออกจากเอวฉันก่อนได้ไหม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงด้านหลังเบาๆ หลังจากที่เราเงียบใส่กันไปแป๊บนึง ร่างสูงจึงค่อยๆคลายอ้อมกอดออกไปอย่างช้าๆ
“เดินระวังด้วย” เขาเอ่ยตามหลังฉันมาเสียงเรียบ
“อืม”
ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง !!!
ทันทีที่เราเดินเข้ามายังบริเวณที่พอจะมีสัญญาณโทรศัพท์ เสียงข้อความจากโทรศัพท์ของฉันที่ถูกปิดมานานก็ดังขึ้นมาเป็นระยะๆ ถึงที่นี่ไฟฟ้าจะยังคงเข้าไม่ถึง แต่บ้านของพ่อดำมีเครื่องปั่นไฟไว้ใช่เฉพาะยามจำเป็น รวมถึงฉันมีเพาเวอร์แบงค์ติดตัวมาด้วยทำให้ฉันยังพอมีแบตสำรองอยู่บ้าง
เราทั้งสองคนมาหยุดอยู่ที่ลานเล็กๆ ซึ่งมีม้านั่งตามแบบภูมิปัญญาของชาวบ้านอยู่บริเวณนี้ด้วย ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่สัญญาณโทรศัพท์แรงที่สุด ฉันยื่นโทรศัพท์ของตัวเองไปให้กับร่างสูงตรงหน้าทำธุระของเขาก่อน
“นายเอาไปใช้ก่อนสิ”
“แต่ข้อความ...?” เขาถามฉันเสียงเรียบ
“นายเอาไปใช้ก่อนเถอะน่า อย่ามัวแต่เถียงฉันเลยนายไม่ชนะฉันหรอก” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส พร้อมกับส่งสายตาทะเล้นตามแบบของฉันไปหยอกล้อเขา
“หึ...” ร่างสูงยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ก่อนจะรับโทรศัพท์ในมือของฉันไป
10 นาทีผ่านไป...
“นี่...ขอบใจ” ร่างสูงเดินกลับมาหาฉันก่อนจะยื่นโทรศัพท์กลับคืนมาให้ฉัน
“เรียบร้อยแล้วหรอ”
“อืม”
ฉันรับโทรศัพท์มาก่อนจะเปิดดูข้อความตามแอปพิเคชั่นต่างๆ มีทั้งแชตของเพื่อนรูมเมท แชตกลุ่มคณะที่คุยกันเยอะแยะมากมาย รวมถึงเพื่อนที่ทักมาถามไถ่ตามประสาคนคุ้นเคยกัน
ฉันไม่มีค่อยมีเพื่อนสนิทมากมายสักเท่าไหร่ มันอาจจะเป็นเพราะนิสัยของฉันด้วยที่ชอบความสันโดษ ฉันมักจะชอบทำอะไรคนเดียวเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็มีรุ่นพี่ที่สาขาที่สนิทมากๆอยู่สองคน นั่นก็คือเฮียภูผาพี่รหัสของฉันและอีกคนก็คือเจ้ไอรีนซึ่งเธอเป็นแฟนสาวคนสวยของเฮียภูผาและยังพวงตำแหน่งป้ารหัสของฉันอีกด้วย
ถึงฉันจะเป็นคนค่อนข้างโลกส่วนตัวสูง แต่ถ้าฉันต้องเข้าสังคมกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันฉันก็สามารถเข้ากับพวกเขาได้ดี ฉันสามารถสังสรรค์กับเพื่อนๆ ทุกคนได้ตามเอ็นเนอร์จี้ของตัวเอง
-เฮียภูผา-
‘โทรไม่ติด?’
‘ข้อความไม่อ่าน?’
‘นี่น้องตัวแสบของเฮียถูกลักพาตัวไปรึป่าว ถ้าไม่โทรกลับมาหาเฮียด้วย?’
-เจ้ไอรีน-
‘บัวติดต่อกลับมาหาเจ้ด้วย’
‘อยู่ๆ ก็หายไปเลยเจ้เป็นห่วง’
ฉันนั่งอ่านข้อความของเฮียภูผากับเจ้ไอรีนไปก็ยิ้มไป ความน่ารักของทั้งสองคนไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่เคยลดลงเลย ทั้งสองยังคงดูแลและซับพอร์ตฉันเสมอมา
“ฮัลโลวววววว เจ่เจ้ของหนู” ฉันต่อสายหาเจ้ไอรีนทันทีที่อ่านข้อความของเธอจบ
(กว่าจะติดต่อได้นะยัยตัวแสบ) เสียงดุๆของเฮียภูผาดังมาจาปลายสาย
“เกิดเรื่องนิดหน่อยอะเฮีย ว่าแต่เฮียกับเจ่เจ้สบายดีปะ” ฉันเอ่ยถามปลายสายออกไปด้วยน้ำเสียงสดใส
(ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่)
“มีใครเป็นอะไรรึเปล่าคะ” ฉันรีบถามปลายสายออกไปทันทีด้วยความเป็นห่วง
(บริษัทเฮียพึ่งเปิด นักออกแบบคนแรกของบริษัทก็ติดต่อไม่ได้แบบนี้จะไม่ให้เฮียเครียดได้ไง)
“เฮียเปิดบริษัทแล้วหรอคะ?” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจปนดีใจ เฮียภูผาเคยบอกกับฉันไว้ว่าถ้าเขาเรียนจบแล้วเขาอยากจะเปิดบริษัทรับออกแบบเล็กๆ แต่ขอเวลาหาประสบการณ์ก่อนซึ่งฉันไม่คิดว่าเฮียแกจะใช้เวลาหาประสบการณ์เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้นหลังจากเรียนจบ
(ใช่จ้า...เจ่เจ้รอบัวอยู่นะ) เสียงของเจ้ไอรีนดังเข้ามาจากปลายสาย
“ตอนนี้บัวติดปัญหาอยู่นิดนึงค่ะ แต่เดี๋ยวออกไปได้บัวจะรีบติดต่อกลับไปนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับปลายสายเสียงอ่อน
ฉันอยากทำงานนี้อย่างไม่ต้องสงสัยในตัวเองเลย ฉันยอมรับในฝีมือของพวกพี่ๆ ทั้งสองคนมาตั้งแต่ตอนที่พวกเขายังเรียนอยู่แล้ว ฉันอยากจะเรียนรู้ อยากจะฝึกฝนตัวเองให้เก่งเหมือนกับพี่ๆทั้งสองของฉัน
(เจ่เจ้รอนะบัว)
“ค่า แล้วเจอกันนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับทั้งสองก่อนจะกดตัดสายไป
“หึ”
“ยิ้มอะไรของนาย” ฉันหันไปถามร่างสูงตรงหน้าเบาๆ อย่างไม่เข้าใจ
“เธอดูมีความสุข” เขาเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ ก่อนจะหยิบขวดน้ำยื่นมาให้ฉัน
“แน่นอนสิ...หลังจากที่ฉันนั่งคิดนอนคิดมาหลายวัน วันนี้ฉันรู้แล้วว่าตัวเองอยากทำอะไร” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงพร้อมรอยยิ้มอย่างคนมีความหวัง
“อืม ถ้ามันเป็นความสุขของเธอก็ลงมือทำมันซะ เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง”
“แน่นอน”
“หึ...”
“เรากลับกันเลยไหม หรือนายอยากใช้โทรศัพท์ต่อรึป่าว”
“ไม่แล้ว”
“งั้นเรากลับกันเลยไหม”
“ฉันได้ยินเสียงน้ำตกเราไม่นั่งพักกันที่นั่งก่อนดีไหม?” ร่างสูงเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ
“นายอยากไปหรอ?” ฉันเองก็ถามเขากลับไปเช่นกัน
“อืม”
“งั้นก็ไปสิ” ฉันเดินนำเขาไปทางน้ำตก ซึ่งมันอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เรายืนอยู่
“ลำธารสายนี้ไหลผ่านเรือนเราใช่ไหม” ร่างสูงเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ
“ไม่นะ จริงๆรอบหมู่บ้านมีน้ำตกและลำห้วยเล็กๆอยู่หลายสายเลย ว่าแต่นายอยากรู้ไปทำไมหรอ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงออกไปด้วยความสงสัย
“ฉันแค่อยากรู้”
“นายกำลังหาว่าน้ำตกที่นายถูกโยนลงมาอยู่ตรงไหนใช่ไหม?” ฉันหยุดเดินก่อนจะหันกลับไปเผชิญหากับเขา
“...”
“ลำห้วยไม้หวายเป็นลำห้วยเดียวที่มีถนนตัดผ่าน ฉันว่านายน่าจะ...”
“อืม” เขาขานรับฉันเบาๆ
“.../...” เราทั้งสองพากันมาหยุดยังบริเวณเนินหินเล็กๆข้างน้ำตก ฉันเลือกนั่งลงยังโขกหินเล็กๆ ตามมาด้วยร่างสูงที่เดินเข้ามานั่งลงข้างๆฉัน
“ดีนวันนั้นนายกลัวไหม?” ฉันหันไปมองร่างสูงข้างๆ พร้อมกับเอ่ยถามเขาออกไปอย่างสงสัย
“ไม่”
“…” ฉันมองเขานิ่งๆ คำตอบของเขามันเป็นคำตอบที่ฉันไม่เข้าใจ
“ฉันไม่เคยกลัว ถ้าตายก็แค่ตาย”
“คำตอบพระเอกมากค่ะ นายมีชีวิตเดียวนะเว้ย” ฉันเอ็ดเขาออกไปเบาๆ ถึงเขาจะไม่กลัวตายแต่เขาก็ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างประมาท
“ฉันรู้ตัวเองดีว่าตายยาก...โจรกระจอกแบบพวกมันทำให้ฉันตายไม่ได้หรอก” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ
“นายรู้หรอว่าใครเป็นคนทำร้ายนาย”
“อืม ฉันรู้” เขาเอ่ยบอกกับฉันนิ่งๆ พร้อมกับสายตาที่ยังคงจ้องมองไปยังน้ำตกที่ไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก
“ถ้านายออกไปจากที่นี่แล้ว ต้องระวังตัวให้มากๆนะดีน นายอาจจะไม่ได้โชคดีแบบครั้งนี้” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงข้างๆอีกครั้ง เราสองคนสบตากันเล็กน้อย
“มันจะไม่มีครั้งต่อไป”
“โอ้ยยยย ที่ฉันพูดคือฉันไม่อยากให้นายประมาทค่า” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงอย่างเอือมๆ
“เป็นห่วงฉันรึไง?” เขาเอ่ยถามฉันนิ่งๆ
“ไม่อ่ะ ฉันกลัวผี”
“หึ” ร่างสูงยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
18.00 น.
“นาย...ฉันไปก่อนนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะรีบเก็บเสื้อผ้าพับใส่กระเป๋าของตัวเอง ฉันเจอชุดพื้นเมืองของแม่อยู่ในตู้ แต่ฉันไม่มีความสามารถมากพอที่จะใส่เองเลยจำเป็นต้องไปให้พี่กระถินช่วยแต่งตัว
“กลับตอนไหน” ร่างสูงเอ่ยถามฉันขึ้น
“ไม่รู้ ฉันไปก่อนนะสายแล้ว” ฉันรีบวิ่งออกไปทันทีที่เก็บของเรียบร้อย
“เดินดีๆ อย่างวิ่ง”
...
“เรียบร้อยแล้วบัว” พี่กระถินพูดขึ้นหลังจากที่เธอโพกศีรษะด้วยผ้าขาวเรียบร้อยแล้ว
“ว๊าวววว!! หลานป้าสวยจังเลยลูก” ป้าแมวชมฉันทันทีที่เห็นฉันเดินออกมาจากห้องนอนของพี่กระถิน ป้าแมวส่งยิ้มหวานมาให้ฉันพร้อมกับมือของแกลูบลงที่แก้มของฉันอย่างเอ็นดูก่อนจะบีบเอาด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ง่า...ป้าแมว”
“ฮ่าฮ่า ไปกันลูกลุงดำรออยู่”
“ไปค่ะ”
“สงสัยกำนันทองเปลวต้องเตรียมเช็ดปืนแล้วมั้ง มีลูกสาวสวยขนาดนี้” พ่อดำพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ฉัน
“พ่อดำก็ชมเกินไปบัวจะลอยแล้วนะคะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไปกันเถอะลูก” ฉันเดินตามทั้งสามคนไปอย่างทุลักทุเลเนื่องจากฉันยังไม่ค่อยคุ้นชินกับเสื้อผ้าที่ฉันสวมใส่อยู่เท่าไหร่นัก เสื้อปั๊ดเป็นเสื้อแขนยาว สาบเสื้อทั้งสองเฉียงมาผูกไว้ที่เอาด้านข้าง ผ้าซิ่นที่ยาวถึงตาตุ่มทำให้ฉันเดินค่อนข้างลำบาก
เราทั้งสี่คนเดินมาจนถึงเรือนที่จัดงานแต่งซึ่งบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ท้ายของหมู่บ้าน ช่วงนี้เป็นงานตอนเย็นจะมีงานเลี้ยงเล็กๆ แต่สิ่งที่ฉันสนใจที่สุดก็คือ การขับลื้อ (การขับร้อง) และการฟ้อนของชาวพื้นเมืองซึ่งมันไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆ
“ฮัดชิ้ว!!” ฉันจามออกมาเบาๆ ฉันมีอาการคัดจมูกเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อคืน แต่ยังโชคดีที่ไม่มีไข้หรือมีอาการอื่นๆร่วมด้วย
“ไหวไหมบัว” พี่กระถิ่นเอ่ยถามฉันด้วยความเป็นห่วง
“ไหวคะ บัวคัดจมูกนิดเดียวเอง” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ
“นั่งตรงนี่เลยจ้าพี่ผู้ใหญ่” ลุงเจ้าของงานเอ่ยบอกกับพ่อดำอย่างเป็นกันเอง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีปรีดาจนทำให้ฉันอดยิ้มตามไม่ได้เลย
20.00 น.
“ฮัดชิ้ว!!” ฉันยังคงจามอยู่ตลอดเวลายิ่งอากาศเย็นลงมันก็ยิ่งทำให้อาการของฉันหนักขึ้น ในขณะที่ชาวบ้านยังคงฟ้อนรำกันอย่างสนุกสนาน
“พี่กระถินเดี๋ยวบัวมานะคะ ฮัดชิ้ว!!”
“ไปไหนหรอบัว” พี่กระถินเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง
“บัวจะไปขอน้ำร้อนอุ๊ยดื่มสักหน่อยค่ะ พี่กระถินรอบัวอยู่นี่นะเดี๋ยวบัวมาค่ะ”
“ได้จ่ะ”
“ฮัดชิ้ว!! ค่ะ” ฉันตอบกลับพี่กระถิน ก่อนจะรีบลุกไปยังครัวไฟซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้ทันที
“อุ๊ยจ้าบัวขอน้ำร้อนแล้วนึงนะคะ”
“ในกาเลยหนูบัว” อุ๊ยหันมาบอกกับฉันเล็กน้อยก่อนที่แกจะหันไปสนใจกับขนมตรงหน้าของแกต่อ
“อุ๊ยทำคนเดียวเลยหรอคะ”
“คนอื่นมันไปฟ้อนกันหมดแล้วลูก”
“ข้างนอกสนุกกันใหญ่เลยนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับท่านพร้อมกับเทน้ำในกาใส่แก้วไม้ไผ่ตรงหน้าไปด้วย จะว่าไปทำไมเขาถึงต้องต้มน้ำเยอะขนาดนี้ด้วยฉันมองไปยังกาที่วางอยู่บนเตาตั้งสองใบแนะ
“ใช่ลูก”
“ฮัดชิ้ว!! อือ” น้ำอะไรกลิ่นแปลกๆ รสชาติก็ยังแปลกๆอีกด้วย แต่ดื่มแล้วก็ชุ่มคอดีเหมือนกัน
“อือ...” ฉันดื่มจนหมดก่อนจะเดินไปล้างแก้วไว้ตามเดิม
“ขอบคุณค่าอุ๊ย”
“จ้าลูก”
สองข้างทางที่ฉันเดินกลับมาในงานเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่อากาศช่วงนี้ค่อนข้างเย็น แต่ทำไมฉันกลับร้อนแบบนี้นะ เหงื่อไหลออกมาจนเต็มใบหน้าของฉัน อาการคัดจมูกหายไปแต่ความร้อนกลับเพิ่มเข้ามาแทน
“พี่กระถินบัวกลับเรือนก่อนนะคะ” ฉันพยายามเอ่ยบอกกับพี่กระถินด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้
“ไม่ไหวหรอบัวเดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”
“บัวไหวค่ะแค่ง่วงนอนเฉยๆ พี่กระถินอยู่ที่นี่เถอะนะคะมีไฟตลอดทางแบบนี้บัวเดินกลับเองได้ค่ะ”
“งั้นบัวเดินดูทางด้วยนะ” พี่กระถินเอ่ยบอกกับฉันด้วยความเป็นห่วง
ช่วงที่หมู่บ้านมีงานตลอดทั้งเส้นทางหลักของหมู่บ้านจะถูกประดับประดาไปด้วยตะเกียงไฟสองฟากข้าง จึงทำให้ถนนทั้งเส้นเต็มไปด้วยแสงสว่างจนสุดถนน
ส่วนเรื่องผู้คนที่นี่ยิ่งไม่ต้องเป็นห่วง เพราะพวกเขาไว้ใจได้ทุกคนในหมู่บ้านรู้จักฉันเป็นอย่างดี และถึงจะมีงานเลี้ยงแต่คนในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่นิยมดื่มของมึนเมากัน ดังนั้นฉันถึงค่อนข้างวางใจว่าฉันจะปลอดภัย นอกจากจะไม่มีใครทำอันตรายฉันแล้วทุกคนในหมู่บ้านยังดูแลฉันเป็นอย่างดีอีกด้วย
“ค่า” พูดจบฉันก็เดินออกไปทันที
ฉันรู้สึกร้อนมากมันร้อนไม่ใช่เพราะอากาศแน่ๆ หมอกเหมยปกคลุมไปทั่วบริเวณขนาดนี้
“อือ ทำไมร้อนอย่างนี้นะ” ฉันปาดเหงื่อออกจากใบหน้าและลำคออย่างลวกๆ ก่อนจะรีบวิ่งกลับเรือนไปให้ไวที่สุด อย่างน้อยตอนนี้คิดอะไรไม่ออกขอกลับไปให้ถึงเรือนก่อนค่อยว่ากัน
“อือ” ฉันครางออกมาเบาๆ ฉันร้อนราวกับว่าข้างในของฉันมันจะแหลกออกมาเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!!!
ฉันทุบประตูเรือนของตัวเองเสียงดัง แต่มันก็ดังไม่เท่าเสียงของหัวใจฉันที่มันเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมาจากอกฉันได้อยู่แล้ว ฉันดึงผ้าโพกหัวที่เปียกชุ่มออกก่อนจะทิ้งมันลงอย่างไม่สนใจใยดี
“นะ นายเปิดประตูในฉันที”
“เป็น...?” ทันทีที่ประตูเรือนเปิดออกฉันรีบดันอกร่างสูงเข้าไปด้านในทันที ก่อนจะรีบเปิดตู้เสื้อผ้ารื้อผ้าหาชุดสำหรับเปลี่ยนทันที
“เธอเป็นอะไร” ร่างสูงเดินเข้ามาหาฉัน เขาค่อยๆย่อตัวลงนั่งข้างๆฉัน ก่อนจะมองสำรวจฉันพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างสังเกตเห็นความผิดปกติของฉัน
“ฉะ ฉันร้อน” ฉันดึงคอเสื้อของตัวเองออกอย่างแรง จนนิ้วเรียวของฉันขูดเขากับลำคอเป็นรอยแดงยาว ร่างสูงตรงหน้าดึงมือของฉันออกก่อนจะกุมมือบางของฉันไว้แน่
“ใจเย็นๆ อาการเธอดูแปลกๆนะ”“อือ ดีนฉันร้อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงกระเส่า ก่อนที่ฉันจะล้มลงไปนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยิ่งทำให้หัวใจของฉันแทบหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว“ตั้งสติ” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ แต่คำพูดของเขาไม่สามารถทำให้ฉันมีสติได้เลยจริงๆ ความร้อนในกายของฉันมันยิ่งเดือดพลานมากขึ้นไปอีก“ระ ร้อน” ฉันพยายมดึงมือตัวเองออกจากการจับกุมของร่างสูงตรงหน้า แต่มันก็ไม่เป็นผลเลยแรงฉันสู้แรงของเขาไม่ได้“มีใครเอาอะไรให้เธอกินรึป่าว” ร่างสูงเอ่ยถามฉันเสียงเครียด“มะ ไม่มี” ฉันสายหัวแรงๆ ฉันรู้ทุกอย่างว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่เหมือนกับว่าฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย“แล้วเธอกินอะไรเข้าไปบ้าง”“อื้อ นายอย่าถามมากได้ไหม...ฉันร้อน” ฉันตะคอกร่างสูงตรงหน้าเสียงดัง“ดะ ดีน” ฉันครางเรียกชื่อเขาเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา“อย่ามามองฉันแบบนี้” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง“ดีน มองฉันหน่อยน้า” ฉันอ้อนร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ตอนนี้สติของฉันแทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ความยับยั้งช่างใจเองก็เช่นเดียวกัน ฉันดึงมือของตัวเอ
“บัว บัวตื่นได้แล้วลูก”“ห้ะ!!...” ฉันสะดุ้งตัวขึ้นมาจากที่นอนของตัวเองทันทีด้วยความตกใจ เหมือนฉันจะได้ยินเสียงของพ่อตัวเองเลย ‘จะเป็นไปได้ไง หูฝาดแหละ’“บัวลูกตื่นหรือยัง” เสียงพ่อของฉันดังมาจากประตูหน้าเรือนปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ทันที ฉันรีบมองหาร่างสูงที่ฉันคุ้นเคยแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ‘เขาหายไปไหนของเขา?’“บัว”“จ้าพ่อ...” ฉันขานรับท่านเสียงใสพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุด พร้อมกับเดินออกไปเปิดประตูเรือนให้พ่อทองเข้ามาด้านใน ท่านเดินเข้ามาลูบตัวฉันอย่างเอ็นดูก่อนจะสวมกอดฉันแน่น เพราะความคิดถึงของท่านก็เราไม่ได้เจอกันเป็นเดือนเลยนี่เนอะ“ตื่นสายเชียวตัวแสบของพ่อ”“บัวคิดถึงพ่อกับแม่ และก็ยายที่สุดเลยค่ะ” ฉันกอดตอบพ่อด้วยความคิดถึงเช่นกัน“งั้นหนูรีบไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวกลับบ้านเรากันลูก”“แล้วเรื่องซ่อมฝายล่ะคะ”“เดี๋ยวพายุลูกใหญ่จะเข้าอีกลูกเราคงซ่อมกันตอนนี้ไม่ได้หรอกลูก”“หรอคะ”“ไปลูกบัวไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แม่ทำของโปรดรอหนูไว้เยอะเลย” พ่อบอกกับฉันเสียงอ่อน พร้อมกับลูบหัวของฉันอย่างเอ็นดู“ค่ะพ่อ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน“งั้นเดี๋ยวพ่อไปรอที่บ้านล
[BUA’S PART]3 วันต่อมา...“โอ้โห่ พ่อเอาขนาดนี้เลยหรอคะ” ฉันถามพ่อออกไปด้วยความตกใจ พ่อของฉันท่านเล่นใหญ่มาก ท่านลงทุนซื้อคอนโดให้เป็นของขวัญสำหรับการเริ่มต้นทำงานครั้งแรกของฉัน ถึงห้องที่พ่อซื้อไว้จะเป็นห้องที่มีขนาดเล็กสุดของที่นี่ก็เถอะ แต่คอนโดนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแบบนี้ราคาก็คงไม่ธรรมดาแน่ๆ“เอาขนาดนี้แหละ” พ่อพูดขึ้นก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้กับฉัน ถึงภายนอกพ่อจะดูดุมากแค่ไหน แต่สำหรับสายตาฉันท่านเป็นสามีที่รักภรรยา เป็นคุณพ่อที่อบอุ่นของลูกสาวอย่างฉันมาก“แม่คะดูพ่อ” ฉันหันไปขอความช่วยเหลือจากหญิงวัยกลางคนที่วันและเวลาไม่สามารถทำให้ความงดงามของท่านจางหายไปเลย ฉันเดินเข้าไปกอดแม่ฉันอย่างอ้อนๆ ถ้าเป็นคำพูดของแม่พ่อต้องเชื่อแน่นอนจริงๆ อยู่ที่นี่มันก็สะดวกสบายดีหรอก แต่มันดูสิ้นเปลืองเกินไปสำหรับฉัน“แม่ว่าพ่อเค้าทำถูกแล้วนะลูก อยู่ที่นี่ระบบความปลอดภัยก็ดีพ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องกังวลด้วย”“แม่อ่า...”“อีกอย่างมันก็อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของหนูนี่ ถ้ารถติดลูกก็จะได้เดินไปทำงานได้ไม่ต้องรีบร้อน”“เนอะที่รักเนอะ” พ่อเดินมากอดแม่ฉันด้วยอีกคน“อยู่ที่นี่เถอะลูก” แม่เอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน
“เจ้ว่าอะไรนะคะ...”“เอ้า! ก็เมื่อกี้คุณดีโอไง”“หนูไม่ทันมองอะ” ฉันกระซิบบอกกับร่างบางข้างๆเสียงอ่อน ฉันเห็นเพียงรอยสักของเขาเท่านั้นถึงรอยสักนั้นจะเหมือนกับใครอีกคนที่ฉันเคยรู้จักก็เถอะ แต่ก็คงไม่ใช่เขาหรอก เพราะเขาไม่มีทางมาอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน“สวัสดีครับคุณไอรีน คุณบัวชมพู ผมริวนะครับเป็นผู้ช่วยของคุณขจรเดชครับ” ช่วยร่างสูงคนหนึ่งในกลุ่มชายชุดดำมากมายเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา เขาดูสูงสง่ามากกว่าชายคนอื่นบุคลิกท่าทางรวมถึงน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก ‘ถ้าขนาดลูกน้องยังน่ากลัวขนาดนี้ เจ้านายของเขาจะขนาดไหนเนี่ย’“ค่ะ/ค่ะ”“เชิญทางนี้ครับ”“ค่ะ/ค่ะ” ฉันกับเจ้ไอรีนเดินตามร่างสูงตรงหน้าไปอย่างงงๆ ตอนนี้ในหัวของฉันมีคำถามเยอะแยะมากมายที่อยากถาม แต่ก็นะร่างสูงตรงหน้าน่ากลัวจนพวกฉันไม่กล้าถามและไม่กล้าชวนเขาคุยเลยด้วยซ้ำ“รอตรงหน้าสักครู่นะครับ” เขาพาฉันกับเจ้ไอรีนมาที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกหรูแห่งนี้“ได้ค่ะ”“ขออนุญาติค่ะ” เสียงป้าแม่บ้านดังมาจากประตูบานใหญ่ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาด้านในทันทีที่ได้รับอนุญาต“คุณผู้หญิงรับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีคะ” ป้าแม่บ้านเอ่
วันต่อมา...“บ่ายแล้วนะคะเจ้พักทานข้าวก่อนเถอะนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำหนังสือสัญญามาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เธอแทบจะไม่ได้พักเลยด้วยซ้ำ“อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้วบัว”“มีอะไรให้บัวช่วยไหมคะเจ้” ฉันเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อน“งานที่บัวมีอยู่ตอนนี้ก็ล้มมืออยู่แล้ว พึ่งทำงานได้สองวันก็เจองานใหญ่ซะแล้ว”“บัวไหวค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆให้กับเธอ ตอนเรียนฉันก็ทำงานที่อาจารย์สั่งลืมวันลืมคืนแบบนี้แหละ พอมาทำงานฉันก็เตรียมตัวมาบ้างแล้วล่ะ“ขอบคุณนะบัว”“ด้วยความยินดีค่ะ”“น่ารักที่สุดเลยน้องสาวของเจ้”...30 นาทีต่อมา...“เย้! เสร็จแล้ว” ร่างบางข้างฉันร้องออกมาด้วยความดีใจ“ทานข้าวเลยค่า” ฉันตะโกนบอกร่างบางกลับไปในขณะที่ตัวเองยังคงง่วนอยู่กับงานตรงหน้า“รับทราบค่า”“บัวเย็นนี้ไปเป็นเพื่อนเจ้หน่อยนะ” ร่างบางเอ่ยบอกกับฉัน“ปะ ไป” ฉันชะงักทันทีที่เจ้ไอรีนพูดจบ...เรื่องที่เมื่อวานฉันไปปากเก่งกับเขาเอาไว้ยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หายเลย ถ้าวันนี้ต้องไปเจอกันอีกฉันจะกล้าสู้หน้าเขาได้ไง“ก็ไปเซ็นต์สัญญาไงคะ และน่าจะทานอาหารร่วมกันนิดหน่อย”“เจ้ไม่ไปกับเฮีย
23.30 น.“เจ้เพลงไม่มานเลยอ่า” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางข้างๆอย่างอารมณ์เสีย มันแบบขัดใจเจ้อะ“นั่นเส่...”“นี้คือสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะถ้าสองคนนี้เมาจะเป็นแบบนี้ไงครับ” เฮียผาเอ่ยบอกกับร่างสูงข้างๆอย่างเอือมละอากับภาพตรงหน้า“ดูน่ารักดีนะครับ” ร่างสูงตรงหน้าฉันพูดขึ้น ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องมาที่ฉันก็จะยกยิ้ม ‘ทำไมวันนี้ต้องยิ้มพร่ำเพรื่อด้วยปกติก็ไม่เห็นจะค่อยยิ้มขนาดนี้เลย’“ยิ้มอะไรของนาย?” ฉันเอ็ดร่างสูงตรงหน้าเบาๆ“บัว!” เฮียภูผาดุฉันเบาๆ ฉันหน้างอลงเล็กน้อยตั้งแต่ฉันรู้จักกันมา เฮียไม่เคยดุฉันเลยนะ...“หึ ไม่เป็นไรครับ”“ผมขออนุญาตพาสองคนนี้ไปพักก่อนนะครับ” เฮียภูผาบอกกับร่างสูงข้างๆอย่างนอบน้อม“เชิญครับ นี่คีย์การ์ดครับ” เขาตอบกลับเฮียภูผาเสียงเรียบ ก่อนจะยื่นคีย์การ์ดให้เฮียมา 2 ใบ“เดี๋ยวกลับมาครับ”“เรื่องสัญญาเราคุยกันพรุ่งนี้เช้าก็ได้ครับ วันนี้คุณจะได้พักผ่อนด้วย”“ครับ วันนี้ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ” เฮียผาขอโทษร่างสูงข้างๆ อีกครั้ง“บัวเจ่เจ้อยากเข้าห้องน้ำ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างเสียงอ่อนๆ“ไปเข้าที่ห้องไหวไหมที่รัก” เฮียผาอ่ยบอกกับแฟนสาวของเขาเสียงอ่อน“หวายยยยย...”
“ตอบคำถามฉันก่อน” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน“นายเดินไปเอาเบียร์ให้ฉันสองกระป๋อง” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงเรียบ ฉันรู้นะว่าตอนนี้ตัวเองเมามากแล้วแต่สำหรับคำถามของเขาฉันต้องการแอลกอฮอล์มากกว่านี้“เธอดื่มไม่ไหวแล้วน่า พรุ่งนี้ตื่นมาจะปวดหัวเอา” เขาบอกกับฉันอย่างเหนื่อยใจกับความดื้นรั้นของฉัน“ไม่งั้นก็ไม่ตอบ ฮึ่ย!” ฉันกอดอกของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะหันหน้าหนีเขาไปอีกทางอย่างงอลๆ“ถ้าพรุ่งนี้ตื่นมางอแงฉันจะลงโทษเธอ...” ร่างสูงเดินไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นมาสองกระป๋องตามที่ฉันบอกเขายื่นกระป๋องเบียร์ในมือให้กับฉันอย่างว่าง่าย ฉันจึงส่งยิ้มหวานให้เขากลับไป“อันนี้ของนาย ดื่มให้หมดพร้อมกันแล้วฉันจะบอก” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าก่อนจะยื่นเบียร์ให้เขาหนึ่งกระป๋อง“อึกๆๆ!! ชื่นใจจัง” ฉันดื่มเบียร์ทีเดียวจนหมดกระป๋อง ก่อนจะหันไปเห็นสายตาของร่างสูงตรงหน้าที่จ้องมาที่ฉันอย่างไม่ละสายตา“หมดแล้วหรอ?”“อืม”จุ๊บ!!“นี่คือคำตอบของฉัน” มือบางของฉันจับบ่าหนาไว้แน่น ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ร่างสูง ฉันประกบริมฝีปากบางของตัวเองเข้ากับริมฝีปากหนาตรงหน้าเบาๆ ก่อนที่ฉันจะส่งยิ้มหวานๆไปให้เขา“ฝากเธอด้วยนะ
เช้าวันต่อมา...“อืออออ” ใครเอาค้อนทุบหัวฉันรึป่าวนะทำไมมันถึงได้ปวดขนาดนี้นะ และความรู้สึกที่เหมือนจะคลื่นไส้อยากจะอาเจียนตลอดเวลาเลย ‘เมื่อคืนฉันทำอะไรลงไปเนี่ย’“อ๊ะ!!” ฉันร้องออกเบาๆ เพราะความเจ็บปวดบริเวณกึ่งกลาง ‘เดี๋ยวนะ?’ฉันค่อยๆ ขยับเปลือกตาอันหนักอึ้งของตัวเองขึ้นช้าๆ พร้อมกับพยายามบิดตัวไปด้วย แต่...“ตื่นแล้วหรอ?” เสียงนี้มัน...ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองยังต้นเสียงที่ฉันคุ้นเคย“ตื่นสิบัว อ๊ายยยย!!” ฉันหยิกตัวเองเบาเพื่อเรียกสติตัวเองให้ตื่นขึ้นมาจากฝัน ก่อนจะร้องออกมาเบาๆ เพราะความเจ็บปวด นี่ฉันไม่ได้ฝันอยู่สินะและเรื่องเมื่อคืนก็คือเรื่องจริงน่ะหรอ“หยิกตัวเองทำไม” เขาพูดขึ้นเสียงเรียบ พร้อมกับมือหนาลูบลงที่แขนของฉันอย่างอ่อนโยน“…”“ปวดหัวไหม เจ็บตรงนั้นรึป่าว” ร่างสูงที่ยังคงนอนกอดฉันแน่นเอ่ยถามฉันด้วยความเป็นห่วง“ฉันไม่ได้ฝันหรอ?”ฟอด ฟอด !!“…” เขาก้มลงมาหอมแก้มทันสองข้างของฉันเบาๆ ก่อนที่มือหนาจะลูบที่หัวของฉันอย่างอ่อนโยน“มันคือเรื่องจริงทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องที่เราเป็นของกันและกันด้วย” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบก่อนจะส่งยิ้มมาให้ฉัน“กันและกันหรอ?” ฉันทวนคำพูดขอ
@บ้านพักต่างอากาศที่เขาใหญ่...“ถึงแล้ว” ดีแลนที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดขึ้นทันทีที่รถหรูของเราจอดลงยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน“ลุยเลยครับ” ฉันหันไปบอกกับลูกก่อนจะเห็นว่าเจ้าตัวน้อยเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมที่กำลังจะมาถึงแล้วจริงๆ เราสามคนพ่อ แม่ ลูกมาแคมป์ปิ้งด้วยกันที่นี่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นแทบจะไม่มีอะไรต้องห่วงเจ้าลูกชายคนเดียวของฉันเลย เพราะเขาชอบที่นี่มากและทุกครั้งที่มีโอกาสเขาก็มักจะขอให้ฉันกับพี่ดีนพามาที่นี่อยู่บ่อย“ที่รัก เดี๋ยวแด๊ดดี๊ยกเองหนูไปเปิดบ้านรอเลยครับ”“จริงด้วยครับ”“ก็ได้ค่ะ” ฉันเดินมาเปิดประบ้านตามที่คุณสามีและเจ้าลูกชายของฉันสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินตามเข้ามาด้านใน“ไหวไหมครับ” ฉันเอ่ยถามดีแลนที่สะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองเข้ามาหาฉัน“แค่นี้สบายมากครับ แต่แม่ครับเมื่อไหร่ดีแลนจะตัวเท่าป๊าหรอครับ” เด็กน้อยตรงหน้าถามฉันด้วยความสงสัย ก่อนจะว่างกระเป๋าที่สะพายมาลง“ถ้าลูกอยากตัวเท่าป๊าก็ต้องกินนมและออกกำลังด้วยเข้าใจไหมคะ”“ตัวเท่าป๊าได้แต่จะหล่อเหมือนป๊าคงจะยากหน่อยนะ”“คุณย่าบอกว่าดีแลนหล่อกว่าป๊านะครับ”“จริงรึป่าว”“คุณย่าไม่โกหกดีแลนแน่นอน ป๊าไม
4 ปีต่อมา...ก๊อกกกกกๆๆ!!หลังจากที่ฉันกับพี่ดีนอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยและกำลังเตรียมตัวเข้านอน เสียงเคาะก็ดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าที่อยู่ไม่ไกล พี่ดีนมองมาที่ฉันเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปตามเสียงที่ยังคงดังไม่หยุดก๊อกกกกกๆๆ!!“แด๊ดดี๊ แด๊ดดี๊” ทันทีที่ประตูเปิดออกเสียงน้อยๆ ก็ดังขึ้นมาทันทีเพื่อทักทายร่างสูงที่ยืนบังเขาเอาไว้ไม่ยอมให้เข้ามาด้านใน“เรียก ‘ปะป๊า’...‘แด๊ดดี๊’ เอาไว้ให้เมียป๊าเรียกได้คนเดียว” พี่ดีนเอ่ยบอกกับเด็กน้อยตรงหน้าเสียงเรียบ พร้อมกับมองไปที่ร่างเล็กของเด็กตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง“แด๊ดดี๊”“ดีแลน”“ปะป๊าก็ได้ครับ” เด็กน้อยเสียงอ่อนลงทันทีที่โดนป๊าของเขาเรียกแบบนั้นดีแลนเป็นลูกชายคนเดียวของฉันกับพี่ดีนที่อายุพึ่งจะ 4 ขวบไปเมื่อสองวันก่อน ฉันจะบอกว่านอกจากลูกจะวาดรูปเก่งเหมือนฉันแล้วดีแลนก็แทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนฉันเลย ขนาดม๊าของพี่ดีนกับแม่ของฉันยังบอกว่าดีแลนถอดแบบพี่ดีนมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่ความสุขุมมากเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ความฉลาดและเขายังมีไหวพริบที่ดีจนหลายๆ ครั้งฉันยังอึ้งกับการกระทำของเจ้าลูกชายของฉันเลยดีแลนมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับพี่ด
“แด๊ดดี๊คะ อ่าส์” ร่างสูงจับฉันคว่ำลงกับที่นอนก่อนที่เขาจะตามลงมาทาบทับฉันไว้ ริมฝีปากหนาจูบลงที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน“พี่ขอเข้าไปนะครับ” ร่างสูงกระซิบลงที่ข้างหูของฉัน ก่อนที่เขาจะขบเม้นเบาๆที่ติ่งหู ฉันหันไปหาเขาก่อนที่เราจะจูบกันอย่างดูดดื่มมือหนาของเขาประคองใบหน้าเรียวของฉันเอาไว้เพื่อให้เขาจูบฉันได้ง่ายขึ้น“ค่ะ อื้อออออ” หลังจากที่เขาผละริมฝีปากออก ฉันครางออกมาด้วยความเสียงซ่านมือหนายกสะโพกงามของฉันขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเอาท่อนเอ็นอันใหญ่โตของฉันถูขึ้นถูลงเบาๆ ที่กึ่งกลางสาวของฉันสวบบบบบบบ! !!“ซี๊ดดดดดด/ซี๊ดดดดด” ฉันกับพี่ดีนครางออกมาพร้อมกันด้วยความเสียวซ่าน มือหนาจับเอวบางของฉันไว้แน่นก่อนที่สะโพกหนาของเขาจะเริ่มขยับตับ! ตับ! ตับ!!“อ่าส์ อะ อื้อออออ” ฉันครางออกมาไม่เป็นศัพท์ด้วยความเสียงซ่าน ร่างสูงโน้มตัวลงมาจุ๊บที่หัวของฉันอย่างอ่อนโยน ตับ! ตับ! ตับ!!“อ๊ะ อ๊ะ อ่าส์” สะโพกหนาเร่งจังหวะกระแทกเข้ามาใส่ฉันหนักหน่วงขึ้น พร้อมกับมือหนาขย้ำสะโพกงามของฉันอย่างมันมือตับ! ตับ! ตับ!!เพียะ!!!“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ายยยย” ฉันครางออกมาพร้อมกับเอวบางของฉันบิดเล้าไปมาท
Christmas Day…@คฤหาสน์วงค์อัครหิรัญวันนี้เป็นวันคริสต์มาสเป็นเหมือนวันรวมพลของหลายๆ ครอบครัว ซึ่งครอบครัวของพวกเราก็มารวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังนี้เพื่อรับประทานอาหารและได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นพวกเราจึงจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนในช่วงสิ้นปีฉันกับพี่ดีนแต่งงานกันมาปีกว่าๆ แล้วเขายังคงเป็นผู้ชายคนเดิมเสมอต้นเสมอปลาย วันแรกเขาปฏิบัติต่อฉันอย่างไรวันนี้เขาก็ยังคงปฏิบัติกับฉันอย่างนั้น เราทั้งคู่ยังไม่มีทายาทหรอนะฉันเคยคุยเรื่องนี้กับพี่เขาแล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยคำพูดแบบเดิม ‘พี่ยังไม่พร้อมครับ’ เขาบอกฉันแบบนี้ทุกครั้งที่เราคุยกันถึงเรื่องนี้“หนูบัวช่วงนี้หนูดูซูบไปนะลูก” ม๊าถามฉันขึ้นมาทันทีที่ฉันเดินตามท่านเข้ามาในห้องนั่งเล่น ในห้องนี้มีแต่ผู้หญิงส่วนพวกผู้ชายแยกไปดื่มกันอีกห้องซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องนี้เท่าไหร่นัก“ช่วงนี้หนูงานเยอะน่ะค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อน ฉันรีบเคลียร์ให้เสร็จเพราะจะลาพักร้อนเพื่อไปเที่ยวกับคุณสามีของฉันน่ะสิ อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันจึงหักโหมทำงานอย่างหนัก“แอร๊...” เสียงน้องไข่มุกลูกสาวของพี่เบลซกับดาร้องขึ้นมาเบา พร้อมกับทำท่าทางเ
16.00 น.หนุ่มๆ โดนสวดกันไปยกใหญ่ก่อนที่ทุกคนจะทานอาหารพร้อมกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับ ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับพี่ดีนที่จะตามกลับไปทีหลัง เราตกลงกันว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันสองวันและแน่นอนว่าฉันได้วันหยุดมาจะเฮียผาอีกแล้วเฮียบอกกับฉันตอนผูกแขนว่า ‘เฮียอยากเลี้ยงหลาน ไม่ต้องรีบกลับเฮียให้วันหยุดเพิ่มเพื่อปั้มหลานเท่านั้น’ เมื่อวานก่อนกลับก็ยังย้ำฉันอีกรอบด้วยนะ“รถพร้อมแล้วไอ้ลูกเขย” เสียงพ่อตะโกนเรียกพี่ดีนมาจากทางหน้าบ้าน เอาอีกแล้วสองคนนี้มีลับลมคมนัยกันอีกแล้ว“ครับพ่อ”“มีอะไรรึป่าวคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย เขากำลังง่วนกับการเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ไหนเขาบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง...“ไปกัน” ร่างสูงจูงมือฉันเดินออกไปยังรถโฟวิลที่พ่อของฉันเตรียมไว้รอเรา“ทุกอย่างเรียบร้อย” พ่อบอกกับพี่ดีนก่อนจะยื่นกุญแจรถให้เขา“ขอบคุณครับ”“แด๊ดดี๊ยังไม่ได้บอกหนูเลยนะคะว่าจะพาไปไหน” ฉันถามร่างสูงออกไปอย่างงอลๆ“โอ๊ๆๆ อย่าพึ่งงอลแด๊ดนะครับ” ร่างสูงบอกกับฉันเสียงอ่อนในขณะที่มือหนาโยกหัวของฉันไปมาอย่างเอ็นดู“ชอบเซอร์ไพรส์หนูตลอด”“แล้วหนูชอบไหมคะ”“ชอบค่ะ” ฉันตอบกลับเขาไปเสียงใสพร
2 วันต่อมา...ซู่! ซู่! ซู่!วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องเดินทางกลับแล้วเวลาของความสุขมันมักจะผ่านไปไวเสมอเลยเนอะ ฉันยืนมองออกไปยังท้องทะเลตรงหน้าก่อนจะค่อยๆหลับตาลงเพื่อซึมซับเสียงของคลื่นที่กระทบชายฟังได้ชัดเจนยิ่งขึ้น“หืมมมม” ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาทันทีที่แขนแกร่งที่คุ้นเคยกอดฉันเอาไว้จากทางด้านหลัง ฉันไม่ตกใจกับการกระทำเขาแล้วล่ะเพราะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นแหละที่กล้าทำแบบนี้กับฉัน“แด๊ดดี๊หายไปไหนมาแต่เช้าคะ” ฉันซบลงที่อกแกร่งของเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย“แด๊ดดี๊ไปเตรียมอาหารเช้าให้หนูมาครับ” ร่างสูงบอกกับฉันก่อนจะก้มลงซุกหน้าของเขาลงกับไหล่มนของฉัน“อะไรนะคะ แด๊ดดี๊ทำอาหารหรอคะ ไปฝึกมาตอนไหนเนี่ย” ฉันรัวคำถามใส่ร่างสูงที่อยู่ด้านหลังเป็นชุด ก็เขาชอบทำให้ฉันประหลาดใจอยู่เรื่อยเลยนี่นา“ความลับครับ ไปกันเถอะเดี๋ยวอาหารเย็นหมด” พี่ดีนพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินจูงมือของฉันให้เดินตามเขาออกไป“เรากำลังจะไปไหนกันหรอคะ”“…”“แด๊ดดี๊”“เดี๋ยวถึงแล้วหนูก็รู้ครับ”เขาพาฉันเดินมาจากหาดทรายกว้างๆ ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปตามแนวของต้นไม้ ก่อนที่เราจะมาหยุดอยู่หน้าปากถ้ำ
19.00 น.หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วพวกเราก็พากันกลับมายังบ้านพัก ร่างสูงเปิดประตูรั่วเพื่อให้ฉันเดินเข้าไปด้านในก่อน...“นายครับ” เสียงของพี่ริวเรียกพี่ดีนดังขึ้นมาจากด้านหลัง เราทั้งคู่หันกลับไปมองเขาพร้อมกัน“เดี๋ยวหนูเข้าไปรอด้านในนะคะ” ฉันบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในเขตของบ้านพักทันทีเพื่อให้เขาคุยงานกับพี่ริวได้สะดวก“อาบน้ำก่อนดีกว่า ก่อนอื่นต้องจัดของเข้าที่ก่อน” ฉันเดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกล ฉันเลือกที่จะจัดเสื้อผ้าของพี่ดีนแขวนไว้บนตู้เสื้อผ้าก่อนเพราะมีอยู่กี่ตัว ก่อนจะหันมาจัดของของตัวเองด้วยความเป็นผู้หญิงมันก็จะมีของกระจุกกระจิกเต็มไปหมดบางทีฉันก็สงสัยนะว่าตัวเองเอาอะไรมาเยอะแยะ‘เที่ยวให้สนุกนะคะ - กะทิ’ นี่เป็นของฝากจากกะทิพี่ดีนบอกว่าลูกน้องของจีซัสนำมาฝากไว้ให้ฉันก่อนที่เราจะขึ้นเครื่อง“ไหนดูสิกะทิฝากอะไรมา” ฉันอ่านข้อความในโพสอิทก่อนจะเปิดถุงผ้าตรงหน้าออก ในนี้มีบิกินีสองตัวใหม่เอี่ยมป้ายราคายังไม่ทันแกะฉันแค่บ่นให้เธอฟังเองว่าไปหาซื้อไม่ทัน เธอก็จัดหนักมาให้ฉันซะเลยสินะ ‘ทูพีชแบบนี้แด๊ดดี๊จะให้ใส่รึป่าวเนี่ย’ ‘ช่างเถอะพรุ่งนี้แด๊ดดี๊ไ
2 อาทิตย์ต่อมา...“แด๊ดดี๊หนูออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ไหมคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในมือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มหวานๆ มาให้ฉัน“หนูไม่เจ็บแผลแล้วหรอครับ หืมมมม...” ร่างสูงวางไอแพดในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉัน“แด๊ดดี๊หนูไหวคะ ไม่มีแผลแล้วด้วย หนูอยากออกไปเจอแสงแดดบ้าง” ฉันนั่งกอดอกพร้อมกับทำหน้ายู่ใส่เขาอย่างงอลๆฉันออกมาจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวต่อที่บ้านได้ 1 อาทิตย์แล้ว รวมกับที่ฉันนอนโรงพยาบาลตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันทำได้เพียงกินกับนอนพี่ดีนไม่ให้ฉันทำอะไรเลยส่วนตัวของเขานั้นก็ได้ย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่คอนโดของฉันอย่างเต็มรูบแบบ เขาเฝ้าฉันแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนไม่ออกไปไหนเลย พอฉันขอออกไปทำงานที่บริษัทเฮียผาก็ไม่ให้ไปบอกให้ฉันหยุดไปเลย 1 เดือน เนี่ยทุกคนพร้อมใจกันกักขังฉัน“งั้นเตรียมตัวนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้แด๊ดพาไปเที่ยวทะเล” ร่างสูงบอกกับฉันก่อนจะอุ้มฉันไปนั่งลงบนตักแกร่งของเขา“คะ? ไปทำงานหรอคะ”“ใช่ครับ...”“ฮึ่ย แด๊ดดี้ทำไมพึ่งบอกล่ะคะ”“จริงๆแด๊ดดี้ให้ใครทำงานให้ก็ได้ครับแต่เห็นหนูอยากไปเจอแสงแดดพอดี แด๊ดดี้เลยคิดว่าน
[BUA’S PART]9.00 น.ฉันค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้นมาช้าๆ ด้วยคำถามที่ว่า ทำไมโลกของฉันมันถึงได้หมุนแบบนี้ล่ะ ‘หรือว่าฉัน...’ ฉันรวบรวมสติของตัวเองและคิดทบทวนตัวเองอีกที ‘ฉันโดนยิงนี่...แล้ว?’ ฉันหันไปมองรอบๆด้วยความตกใจก่อนจะเห็นร่างสูงที่ฉันคุ้นกำลังเซ็นเอกสารในมืออย่างขะมักเขม้นในขณะที่มืออีกข้างของเขายังคงกุมมือฉันไว้แน่น“แด๊ดดี้ ขา...”“ขา...ตื่นแล้วหรอเด็กดื้อ” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารในมือทันทีที่ได้ยินเสียงของฉัน รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของร่างสูงตรงหน้า“ยังค่ะหนูหลับอยู่” ฉันบอกกับเขาอย่างแกล้งๆ พร้อมกับมองสำรวจร่างกายของเขาไปด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนจุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! !!“หลอกแด๊ดหรอ หืมมมมม” ริมฝีปากหนาจุ๊บลงที่มือบางของฉันอย่างอ่อนโยน“อ๊ะ”“เจ็บมากไหม...ไม่มีหนูอยู่แด๊ดจะอยู่อย่างไง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่เขาจะซุกใบหน้าหล่อเหลาของเขาลงกับมือบางของฉัน“หนูไม่เจ็บเลยค่ะ แด๊ดดี้ไม่ต้องห่วงนะคะ” ฉันบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ก่อนจะลูบลงที่แก้มของเขาเบาๆ“…”“แด๊ดเจ็บตรงไหนไหมคะ” ฉันเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความเป็นห่วงพร้