Masukเหมือนแพรเผลอมองใบหน้าคมคายนั้นอย่างลืมตัว คิ้วเรียวพาดดวงตาคมที่ดูจะลึกกว่าเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น สันกรามเขาคมชัดขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เธอสาดลงคอไม่ยั้งหรือเพราะอะไร ทำให้เธอเผลออมยิ้มมองดูไตรฉัตร ตอนที่ร้องเพลง อยู่ด้านหน้า ถ้าไม่เพราะนังเฟิร์นสะกิดแขนเบาๆ เธออาจจะเผลอยิ้มไปกับเขาแล้วก็ได้ เมื่อได้สติใบหน้าหวานก็เปลี่ยนเป็นเรียบตึงทันที หันมาสนใจกับวงสนทนาแข่งกับเสียงเพลงของสาวๆ ต่อ
ไตรฉัตรร้องเพลงเสร็จเขาก็ถูกลากกลับมาที่โซฟาตัวยาวถัดจากเธอไปแค่สองคน เธอพยายามไม่หันสายตาไปทางนั้น "หนาวก็เอาเสื้อมาคลุมไหล่ไว้ เดี๋ยวหาผ้าคลุมขาให้" เสียงเอ่ยบอกดังมาจากข้างหลังทำให้เหมือนแพรรีบหันไปมอง เพราะเธอยังจำเสียงเขาได้ดี "ไม่ได้หนาว" เสียงแข็งเอ่ยปฏิเสธ แต่ก็ยังไม่คืนเสื้อให้ เพราะมันคลุมขาไว้แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอแอบเห็นยี่ห้อเสื้อ ถึงมันจะราคาแพงก็เถอะ "ก็เห็นอยู่ว่าขนลุก ทั้งคอทั้งแขนเนี่ย" ไม่พูดเปล่าไตรฉัตรยังเอานิ้วชี้มาที่ต้นแขนเรียวของเธออีกด้วย เหมือนแพรได้แต่กัดฟันกรอดนึกบ่นเขาในใจ ไอ้บ้านี่แอบมองไปถึงไหนๆ แต่พูดจบไอ้บ้านั่นก็เดินหายออกไปจากห้อง เธอจึงไม่ได้สนใจ ผ้าเช็ดปากสีขาวผืนใหญ่ถูกวางลงบนตักเธอ เหมือนแพรตกใจหันไปมอง ไตรฉัตรกลับมาตอนไหนเขามีผ้าผืนใหญ่นี้มาด้วย เขาเอื้อมมือมาหยิบเสื้อสูทของตัวเอง จับมันให้เข้าที่กำลังจะพาดใส่บ่าให้ เหมือนแพรรีบแย่งมาแล้วก็จับมันคลุมไหล่เอาไว้ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากเสื้อตัวแพงกระทบจมูกเธออีกครั้ง ทำเอาคนที่คลุมเสื้อไว้ สะบัดร้อนสะบัดหนาวเพราะไออุ่นจากเสื้อทันที เธอแอบเหลือบมองว่าคนในห้องจะมีใครสนใจมองการกระทำของเขาเมื่อครู่หรือเปล่า แต่ดูเหมือนทุกคนจะสนใจจังหวะและเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มอยู่ตอนนี้มากกว่า เขาเอนตัวพิงโซฟาข้างเธอในท่านั่งสบายๆ ก่อนจะเอ่ยถามเธอ "สบายดีไหม" "เรื่อยๆ " "ยังใช้เบอร์เดิมอยู่หรือเปล่า" "ไม่ได้ใช้แล้ว" "มิน่า" คำตอบของเขา ทำให้เธอเหลือบไปมองแล้วก็รีบหันหน้าไปมองทางแดนซ์เซอร์หน้าจอคาราโอเกะแทน "แล้วเฟซบุ๊กล่ะ ใช้อันเก่าอยู่หรือเปล่า" "อือ" "ทำไมไม่รับเพื่อน" "ขอมาด้วยหรือ ปกติไม่ค่อยรับเฟซอวตาร" "ขอไปแปดปีแล้ว" ไร้เสียงตอบจากเธอ เขาเพียงทำเสียงในลำคอคล้ายกับขำเบาๆ ทำให้เธอส่งตาขวางให้เขาอีกครั้ง "ยังโกรธเรื่องนั้นอยู่อีกหรือ" เหมือนแพรแทบจะทำหน้าไม่ถูก เธอควรจะร้องไห้ หัวเราะหรือเสียใจดี ได้แต่อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกสักคำ "หุบปากด้วย เดี๋ยวแมลงวันเข้า" คนพูดยังใช้นิ้วชี้ดันคางเธอให้กระทบขึ้นไปปิดปาก เหมือนแพรรีบเบือนหน้าหนี "ถ้าไม่มีเรื่องที่ดีจะพูดก็หุบปาก แล้วถอยไปห่างๆ ฉันซะ" "ยังปากดีเหมือนเดิม" ไตรฉัตรไหวไหล่ใส่เธอ เหมือนแพรไม่อยากคุยกับเขาเรื่องเก่าๆ อีกแล้ว เธอจึงลุกขึ้นไปเต้นกับพวกเพื่อนๆ ทางด้านหน้าจอคาราโอเกะ ไม่ลืมที่เธอจะโยนเสื้อสูทคืนเขาด้วย คราวนี้กลายเป็นไตรฉัตรที่สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากเสื้อที่คลุมไหล่เธอไว้ เวลาที่ล่วงเลยมาจนเกือบตีสอง เหล่าสมาชิกจึงพากันแยกย้ายกลับ บางส่วนก็ยังนั่งคุยตกลงเรื่องจะกลับกันยังไง เหมือนแพรยังนั่งอยู่ที่โซฟาใช้ข้อศอกเท้าไปที่หัวเข่าก้มหน้าซบลงฝ่ามือตัวเอง เพราะยังลุกขึ้นไม่ไหว "เมามากหรือ" ไตรฉัตรถามเฟิร์นที่นั่งลูบหลังอยู่ข้างๆ "อื้อ ดื่มไปหลายอย่าง" ไตรฉัตรจับให้เหมือนแพรเงยหน้าขึ้นมา แค่เธอโงหัวขึ้นมาได้ ก็ทำท่าจะอ้วกเสียให้ได้ พลางเอนตัวซบก้มหน้าเข้าหาอกเขา แถมยังทำท่าคล้ายจะอ้วก เฟิร์นได้แต่ทำหน้าเหยเก กลัวเพื่อนเธอจะอ้วกใส่จริงๆ "ไหวหรือเปล่า" ไตรฉัตรจับเธอให้เงยหน้าขึ้นมา แล้วเอ่ยถาม คนเมาไม่ตอบได้แต่ส่ายหัวแล้วก็เอนตัวซบไปอีกครั้ง "แล้วกลับไงกัน" "เรามาแท็กซี่ ไอ้บี๋น่าจะขับรถมา" "ขับรถมา" ไตรฉัตรทวนคำเฟิร์น พลางถอนหายใจหนักๆ "แล้วดูสภาพ" เขาเอ่ยออกมาอีกครั้งอย่างอ่อนใจ "มันกะว่าจะมาแค่แป๊บเดียว แต่โดนเพื่อนรั้งไว้น่ะ" "พวกเธอพักอยู่ที่ไหน เดี๋ยวจะไปส่งให้"สวนลำธารบ้านลุงเอี่ยม ในวันที่ลูกสาวคนโตของบ้านกำลังจะมีคนมาสู่ขอ พ่อเอี่ยมและแม่ศรีในฐานะเจ้าของบ้านก็ตระเตรียมต้อนรับทั้งจัดบ้านใหม่อย่างที่เคยเอ่ยกับลูกสาว ชุดสวยที่ใส่ต้อนรับแขกราวกับมีเทศกาลงานบุญ อีกทั้งซุ้มที่เคยต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาเช่าเล่นน้ำ วันนี้ก็ถูกกันเอาไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อต้อนรับแขกจากกรุงเทพ เดิมทีพ่อเอี่ยมจะปิดทั้งหมด แต่ก็กลัวลูกค้าที่เข้ามาแล้วจะเสียเที่ยวจึงได้เปิดไว้บางส่วนต้อนรับลูกค้าด้วย อาหารทั้งไทย อีสาน ถูกจัดเตรียมเอาไว้ครบครัน ปรางทิพย์มาถึงพร้อมอาจารย์วิทย์ในช่วงสาย ทีแรกเธอจะมาก่อนแต่ไตรวิทย์ก็ไม่อยากให้เธอขับรถมาคนเดียว เพราะเขาต้องมาพร้อมกับพ่อแม่ และยังมีสมาชิกอย่างไตรฉัตรกับภรรยาที่ตามมาพักผ่อนด้วย ไม่เว้นแม้แต่มิลินที่ยังขอติดสอยห้อยตามมาด้วย ขาดก็แต่ไตรคุณที่วันนี้ต้องเข้าไปที่โรงแรม เพราะมีลูกค้าสำคัญเข้ามาพักที่โรงแรม ทำให้เขาต้องไปต้อนรับ "แม่ บ้านเรามีงานบุญหรือ" ปรางทิพย์เอ่ยถามตอนที่ลงรถมาเห็นแม่ศรีในชุดผ้าไหม "ก็ต้องแต่งตัวให้ดีหน่อยซิ ดูแกซิทำตัวมอซอ ไปเปลี่ยนชุดซะไป" คนโดนว่ามอซอแทบจะทำหน้าไม่ถูก เพราะไตรวิทย์ยืนอยู่ข้างๆ เธอหั
อีกวันที่ล่วงผ่านปรางทิพย์เพิ่งได้มีโอกาสสะสางข้อความตั้งแต่เกิดเรื่องจนวันนี้ข้อความที่ถูกส่งเข้ามาเกือบร้อยข้อความไม่ว่าจะเป็นจากครอบครัวหรือเพื่อน กระทั่งน้องๆ พยาบาลที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นข้อความที่ถามไถ่หรือตลอดจนข้อความให้กำลังใจ เธอไล่ตอบอยู่นานจนครบทุกข้อความ และถึงได้โทรหาแม่ศรีบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้แม่ได้สบายใจ เย็นวันนั้นไตรวิทย์จึงได้พาเธอกลับมาทานข้าวที่บ้าน คุณแม่ประไพรยังต้อนรับเธออย่างอบอุ่นอยู่เสมอ แค่เห็นหน้าผู้มากวัยก็รีบเข้ามาสวมกอด "หมดทุกข์หมดโศกแล้วนะลูก" อ้อมกอดที่อบอุ่นแทบไม่ต่างจากลูกชาย "ไปๆ กินข้าวกันดีกว่า ยายมิลินยังไม่มาอีกหรือ" คุณนายประไพรรีบเกณฑ์บรรดาลูกๆ ของท่านเข้าห้องอาหาร แต่ก็ยังไม่ลืมมองหาคนอีกคน "มาแล้วค่ะ คุณป้า" แค่เพียงถามหา เสียงใสลากยาวก็ขานรับทันที เพราะมาถึงพอดีที่คุณป้าถามหา "อ้าวมาพอดี ไปๆ ทานข้าวกันลูก" แต่คนตัวเล็กกลับตรงเข้าไปหาคุณหมอปรางทิพย์สวมกอดเอาไว้ดุจให้กำลังใจ "เจ๊ปราง" มือที่สวมกอดพร้อมน้ำเสียงออดอ้อนโดยไม่ต้องเอ่ยเรื่องราวอะไร ปรางทิพย์ก็เข้าใจได้ "ขอบใจมากนะมิลิน" "โอเคแล้วใช่เปล
ผู้ชายตัวสูงสองคนที่ใส่สูทสีดำเรียบร้อย แม้อีกคนจะดูเตี้ยกว่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้ท่าทางภูมิฐานนั้นลดน้อยลงเลย คนตัวสูงถือพวงหรีดดวงไม้สดสีขาวเข้ามาด้วย ข้อความบนนั้นมีเพียง ด้วยความอาลัย ไม่ได้บ่งบอกชื่อว่าเป็นใคร ศาลาเล็กภายในวัดของชุมชน ที่ไม่ใหญ่โตมากนัก ศาลาก็ไม่ได้ติดแอร์อย่างวัดใหญ่มีชื่อเสียง ผู้คนภายในงานก็ล้วนเป็นชาวบ้านแถวนั้น การแต่งกายของสองคนที่เดินมาจนถึงหน้าศาลา เรียกสายตาของคนในงานให้หันไปสนใจ เจ้าภาพของงานรีบเดินออกมาต้อนรับแขกไม่คุ้นหน้า "คุณมางานนี้หรือ รู้จักกับน้องชายฉันหรือคะ" น้ำเสียงตะกุกตะกักเอ่ยถาม ผู้ชายชุดดำสองคนอย่างไม่มั่นใจ แต่เมื่อเขาส่งพวงหรีดให้ เธอก็รีบรับแล้วส่งต่อให้ใครอีกคนที่ยืนมองอยู่ด้านหลัง แต่เหมือนไตรวิทย์และณัฐกรจะจำผู้หญิงคนนี้ได้ดี เธอคนนี้ที่อยู่ในภาพข่าวเกือบทุกสำนัก "เอ๊ะ คุณทนายณัฐกร" น้ำเสียงออกจะตื่นเต้นไม่น้อยที่เห็นณัฐกร ทั้งที่สองคนยังไม่ทันได้แนะนำตัวกลับมีคนจำคุณทนายได้เสียก่อน "อ๋อครับ สวัสดีครับ ผมมาแสดงความเสียใจด้วยน่ะครับ แล้วนี่คุณไตรวิทย์ เป็นแฟนของคุณหมอปรางทิพย์ครับ" แค่ณัฐกรแนะนำตัว ผู้หญิงคนนั้นก็ห
ไตรวิทย์ขมวดคิ้วฟังที่ณัฐกรเอ่ยแล้วก็ยังไม่อยากจะคิดในแง่ร้ายนัก จนเมื่อณัฐกรกดโทรศัพท์ตัวเองคล้ายหาอะไรสักอย่าง แล้วก็ส่งโทรศัพท์นั้นให้ไตรวิทย์ ภาพข่าวดูจากสถานที่น่าจะเป็นโรงพยาบาล แล้วสักครู่ภาพก็ตัดมาที่ญาติของผู้เสียชีวิตและคนข้างๆ ที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดี พัสรา แต่วันนี้เธอเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นแถมยังเป็นทนายให้กับฝ่ายนั้นอีกด้วย เสียงสัมภาษณ์ของนักข่าวที่ถามถึงเหตุการณ์ ญาติผู้เสียชีวิตก็เล่าเหตุการณ์ตามที่เกิดขึ้นจนกระทั่งหมอปรางเข้ามาช่วยคนเจ็บด้วยการทำซีพีอาร์ แต่สุดท้ายคนเจ็บก็เสียชีวิต โดยญาติคนไข้ยังติดใจเรื่องการเสียชีวิตเพราะหมอที่เข้ามาช่วยมีอาการเมา เพิ่งออกจากผับ ส่วนทนายพัสเพียงให้สัมภาษณ์ว่าทุกอย่างคงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพียงเท่านั้น อะไรก็จะไม่ร้ายแรงเท่าคอมเมนต์ของคนที่เรียกชาวเน็ต แต่ไตรวิทย์สะดุดตากับคอมเมนต์หนึ่งจนต้องใช้นิ้วจิ้มเพื่อดูโปร์ไฟล์ของคอมเมนต์นั้น อีกหน่อยใครจะกล้าช่วย คนดีๆ หมอดีๆ คงต้องอยู่เฉยๆ ดูคนขาดใจตายไปต่อหน้า คอมเมนต์ตอบกลับเจ้าปัญหานั้น ที่เขาสนใจ หมอดีๆ คงไม่เคยถูกคนไข้ฟ้องร้องหรอกมั้ง ไตรวิทย์ส่งโทรศัพท์นั้นให้ณัฐ
ไตรวิทย์ลากปรางทิพย์ออกมาจากพัสราได้แล้ว เพียงครู่เดียวมิลินก็รีบวิ่งตามมา ทิ้งให้ผู้หญิงคนที่ตัวเองไม่รู้จักไว้ตรงนั้น "มากันยังไง" ไตรวิทย์เอ่ยถามมิลิน เพราะดูท่าคนที่เขาจับแขนไว้อยู่คงจะไม่มีทางตอบแน่ "บังเอิญเจอกันที่นี่ค่ะ" มิลินเอ่ยตอบพร้อมกับมองหน้าเจ๊คนสวยที่ยังมีใบหน้าบึ้งตึง "ไปกลับบ้าน ค่อยไปคุยกันที่บ้าน" "ไม่กลับ ไม่คุย" ปรางทิพย์สะบัดแขนอย่างแรงจะให้พ้นการเกาะกุมของมือใหญ่ แต่มันก็ไม่หลุดง่ายๆ "บอกให้กลับบ้าน" ไตรวิทย์เน้นเสียง "ฉันขับรถมา" เมื่อเขาเสียงแข็ง เธอเองก็เริ่มเสียงแข็งขึ้นไม่แพ้กัน แถมยังเปลี่ยนวิธีเรียกตัวเองให้ดูห่างเหินอีกด้วย "จอดไว้นี่แหละ กลับบ้าน" คราวนี้ไตรวิทย์ไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะเถียงหรือดื้ออีก เขาออกแรงรั้งให้เธอเดินตาม แต่เธอก็ยังขืนตัวไว้ "จะให้อุ้มใช่ไหม" ได้ผลปรางทิพย์ยอมเดินแต่น้ำหนักที่ก้าวออกจะหนักกว่าปกติ รถของไตรวิทย์ขับออกมาได้เพียงนิดเดียว ถนนที่วิ่งขนาบกับคลองเล็กๆ ก่อนจะออกถนนใหญ่ ไตรวิทย์ชะลอรถลงเพราะรถคันหน้าเริ่มเคลื่อนตัวช้าเหมือนด้านหน้าจะมีอุบัติเหตุ จนเมื่อรถเขาขับผ่านกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ริมถ
ปรางทิพย์ไม่แน่ใจว่าคุณพัสเตรียมเรื่องจะเปิดสำนักงานกฎหมายเสร็จไปถึงไหนแล้ว แต่ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เธอได้ยินชื่อผู้หญิงคนนี้จากปากแฟนของตัวเองบ่อยเหลือเกิน ถึงแม้เขาจะคุยโทรศัพท์ให้เธอได้ยินก็ตาม แต่เมื่อนึกถึงการเจอกันครั้งแรกของคุณพัสนั่นแล้ว ก็ทำเธอหงุดหงิดทุกที ในทุกวันที่ปรางทิพย์ออกเวรจากโรงพยาบาลเธอก็จะกลับคอนโดของไตรวิทย์ทันที ไม่ได้ตรงมาที่ร้านกาแฟเหมือนอย่างวันนี้ เพราะถ้าไม่เพราะมีเอกสารด่วนเกี่ยวกับการยื่นภาษีที่เธอต้องเข้าไปเซ็นด้วยตนเอง เมื่อมาถึงแล้วก็อดไม่ได้ที่เธอจะต้องอยู่ช่วยน้องๆ จนกระทั่งร้านปิด รถยนต์คันเก่าของเธอที่วันนี้ต้องจอดหลังร้าน เพราะตอนที่มาถึงบริเวณหน้าร้านไม่มีที่จอดเหลืออยู่เลย แล้วตอนที่ขับออกมาจากถนนหลังร้าน รถคันของเธอต่อท้ายรถอีกคัน จึงทำให้รถยนต์คันหรูของไตรวิทย์ที่ขับผ่านไม่ทันได้เห็น แล้วเธอก็ลืมส่งข้อความบอกเขาด้วยว่าวันนี้เข้ามาที่ร้านกาแฟ เธอขับออกถนนมาได้แล้วก็ตามรถของไตรวิทย์มาติดๆ แม้จะถูกแซงไปหลายคันแล้ว แต่รถคันหรูของเขามันออกจะสะดุดตาอยู่เธอจึงยังเห็นคันของเขาในสายตา จนถึงทางแยกที่จะต้องเลี้ยวไปทางคอนโด เธอกำลังจะตบไฟเลี้







