LOGINรถตู้สีดำคันใหญ่เลี้ยวเข้ามาในบ้านทรงโมเดิร์นสมฐานะนักลงทุนรายใหญ่ของพ่อเธอ แค่เพียงก้าวลงจากรถ ชายสูงวัยท่าทางใจดีก็เดินออกมาต้อนรับถึงหน้าประตูบ้าน เหมือนแพรมองดูคุณภพ ก๊วนกอล์ฟของคุณพ่อ จากที่มารดาเธอเล่าให้ฟัง เธอรู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเคยเห็นที่ไหน สงสัยจะตามสื่อสังคมธุรกิจที่เธอไม่ได้ใส่ใจนั่นล่ะมั้ง
"อ้าวมากันแล้ว เอ้า เชิญๆ ข้างในกันครับ" เจ้าของบ้านในชุดลำลองสุภาพท่าทางสบายๆ เอ่ยต้อนรับแขก เหมือนแพรรีบยกมือขึ้นสวัสดี "เชิญที่ห้องรับแขกกันก่อนครับ คุณประไพรกำลังตั้งโต๊ะ" เจ้าของบ้านเอ่ยบอกแล้วก็เดินนำไปที่ห้องรับแขกใหญ่ พ่อเธอเดินเคียงไปกับเจ้าของบ้าน เหมือนแพรคล้องแขนมารดาเอาไว้แน่น เดินตามไป เมื่อเดินเข้าไปถึงห้องรับแขกเธอเห็นมีผู้ชายสูงใหญ่ หน้าตาดีออกจะคล้ายคุณภพอยู่ไม่น้อยนั่งอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ เมื่อเห็นครอบครัวเธอเข้าไปถึง สองคนนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนกล่าวทักทายผู้มาเยือน "ลูกชายผม คนโตนั่นเจ้าคุณ ส่วนคนรองเจ้าวิทย์" คุณภพเอ่ยแนะนำสมาชิกที่นั่งอยู่เมื่อครู่ "เบบี๋สวัสดีพี่เขาซิ" เหมือนแพรยกมือขึ้นสวัสดีสองหนุ่มนั่น ด้วยใบหน้าเขินๆ ที่ถูกเรียกชื่อเล่นเต็มยศแบบนั้น "ชื่อน่ารักดีนะครับ" คนที่ถูกแนะนำว่าเจ้าคุณ รับไหว้เธอแล้วก็เอ่ยทัก ทำให้เธอได้แต่ยิ้มน้อยๆ "มากันแล้วหรือคะ" หญิงสูงวัยรุ่นราวคราวเดียวกับแม่เธอเดินเข้ามาสมทบ เธอเดาว่าคงจะเป็นภรรยาของคุณภพ ยังไม่ทันจะได้เอ่ยแนะนำ เธอก็เห็นชายร่างสูงคุ้นหน้าอีกคนเดินเข้ามาภายในห้องรับแขก สีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์แบบที่เขาชอบทำ แต่พลันสายตาของเขาที่สบกับเธอเข้าแม้จะมีแววตกใจ แปลกใจ แต่ก็เพียงแค่ชั่วแวบเดียว ก่อนที่เขาจะปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉย "อ้าว มาพอดีคุณประไพร นั่นก็คนเล็ก เจ้าไตรครับ มาสวัสดีคุณวัฒน์กับคุณราตรี เจ้าไตร นั่นหนูเบบี๋" คนถูกเรียกราวกับเด็กให้มาสวัสดีผู้ใหญ่ ทำสีหน้าปั้นยากมองหน้าพ่อตัวเอง ก่อนจะยิ้มแย้มทักทายแขกของพ่อ "สวัสดีครับคุณอา สวัสดีครับเบบี๋" ไตรฉัตรเอ่ยทักทายเธอด้วยน้ำเสียงหนักๆ "ไม่ไหว้พี่เขาล่ะ" เสียงมารดาเธอเอ่ยเบาๆ ใช้ข้อศอกกระทุ้งเอวบาง จนเหมือนแพรต้องยกมือขึ้นไหว้อย่างเสียไม่ได้ "ไปที่โต๊ะอาหารกันดีกว่าค่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้ว" คุณประไพร จึงเชิญทุกคนไปที่ห้องอาหารใหญ่ โต๊ะไม้สักตัวใหญ่ขนาดกว่าสิบที่นั่ง ถูกจัดตกแต่งไว้อย่างสวยงาม แค่เพียงทุกคนนั่งประจำที่ ก็มีพนักงานเสิร์ฟชุดสีขาวสะอาดตานำอาหารออกมาเสิร์ฟ คงจะเพราะธุรกิจโรงแรมของครอบครัว และการที่ให้เชฟของโรงแรมมาทำอาหารต้อนรับแขกก็เห็นจะเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนแพรตักอาหารหน้าตาแสนอร่อยนั้นเข้าปากเพียงนิด เพราะคนที่นั่งเยื้องเธอไปเพียงนิด คอยจ้องเธอแทบไม่วางตา เสียงผู้ใหญ่คุยกันดูท่าทางสนุกสนานโดยเฉพาะคุณไตรภพและพ่อเธอที่ขยันเล่าเรื่องขำขันตอนไปตีกอล์ฟให้ภรรยาของท่านฟัง พลอยให้แม่เธอได้หัวเราะไปด้วย ส่วนลูกชายสองคนของท่านก็เพียงทานอาหารด้วยท่าทางสบายๆ แต่อีกคนเหมือนแพรแทบไม่อยากจะหันไปมองทางนั้น ถ้ารู้ว่าจะเป็นบ้านคุณไตรภพ บริรักษ์ไพศาล เธอจะไม่มาแน่นอน แต่เพียงเพราะที่คุณนายราตรีบอกแค่คุณภพ เธอจึงไม่ได้คิดว่าจะเป็นท่าน เพราะอีกใจก็ไม่ได้ใส่ใจเพื่อนก๊วนกอล์ฟของพ่อเธอด้วย ส่วนลูกชายท่านอีกสองคนนั่น ไตรคุณ ไตรวิทย์ แล้วก็ไอ้บ้าไตรฉัตร เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เธอก็ออกจะโมโหตัวเองที่ไม่ถามให้รอบคอบ "เจ้าคุณน้องตักกับข้าวถึงไหมลูก ดูตักให้น้องด้วยนะ" ไตรคุณหันขวับไปมองบิดาตัวเองเขม็ง แต่พลันได้เห็นสายตาของท่านที่มองไปทางลูกชายคนเล็ก ก็ทำให้ไตรคุณยกยิ้มมุมปาก แล้วหันไปตักกับข้าวให้หญิงสาวตรงหน้า "เบบี๋ทานเผ็ดได้ไหมครับ" ไตรคุณเอ่ยถามเพราะมือที่กำลังจะตักแกงเขียวหวานส่งให้เธอ "ได้ค่ะ พี่คุณเรียกบี๋เฉยๆ ก็ได้ค่ะ" "แต่พี่ว่าเรียกเบบี๋ก็น่ารักดี" เหมือนแพรได้แต่ยิ้มน้อยๆ อย่างเคย "อร่อยไหมครับ" ไตรวิทย์เอ่ยถามเธอบ้าง "อร่อยค่ะ เชฟจากที่โรงแรมใช่ไหมคะ" "ใช่ครับ ไว้วันหลังถ้าเบบี๋อยากทาน พี่พาไปทานได้ตลอดเลย" "ขอบคุณค่ะพี่วิทย์" "พอดีแหละ เดือนหน้าเราจะเปิดโรงแรมสาขาที่กระบี่ ไว้พาหนูบี๋ไปเที่ยวด้วย คุณวัฒน์เราไว้ไปออกรอบกันที่นั่น" สุดท้ายสองคุณพ่อก็หันกลับไปสนทนาเรื่องกอล์ฟต่อ "น้องบี๋เคยไปกระบี่หรือยังครับ" ไตรคุณถามหญิงสาวตรงหน้า "ยังเลยค่ะ" "ทะเลที่นั่นสวยมาก น้ำก็ใส ไว้พี่จะพาไปดำน้ำ" "เดือนหน้าพี่ไม่ได้ไปสิงคโปร์หรอกหรือ" ไตรฉัตรเอ่ยถามพี่ชายคนโต "ถ้างั้นก็แกก็ต้องพาไปแล้วแหละ หรือเจ้าวิทย์ว่างไหมเดือนหน้า" ไตรฉัตรยังไม่ทันได้ตอบพี่ชาย ไตรคุณก็หันไปถามอีกคนเสียแล้ว "เดือนหน้าผมน่าจะยุ่ง นักศึกษาสอบแล้ว" "เจ้าวิทย์มันสอนอยู่มหาลัย..น่ะครับ" ไตรคุณเอ่ยบอกชื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ทำเอาคนฟังทำตาโต "โห เป็นอาจารย์หรือคะ เก่งจังเลยนะคะ" "ได้เป็นรองศาสตราจารย์แล้วนะครับ เห็นหน้าแว่นๆ แบบนี้ เออลืมเรื่องกระบี่เลย แกไปได้หรือเปล่าเจ้าไตร ถ้าไม่ได้ฉันจะได้เลื่อนแพลนไปสิงคโปร์" "ก็คงต้องได้นี่ ไม่มีใครว่าง" เหมือนแพรเหลือบมองหน้าคนเหมือนจะว่าง พาให้นึกถึงงานที่บริษัทเขา จากที่เธอเข้าไปสัมผัสมาหลายเดือน เห็นเขาหัวหมุนไม่เว้นแต่ละวัน "แต่ถ้าพี่เคลียร์งานเสร็จเร็วจะรีบตามไป" ไตรคุณหันไปเอ่ยบอกเหมือนแพรอีกครั้ง "ค่ะ...อุ๊ย" เสียงอุทานตกใจของเหมือนแพรทำเอาหลายคนหันไปมอง "เป็นไรยายบี๋" คุณนายราตรีละจากคุณประไพรที่กำลังคุยเรื่องอาหารกันอย่างออกรส หันไปถามลูกสาว เหมือนแพรก้มลงไปมองใต้เก้าอี้ เห็นแมวขนฟูตัวใหญ่ หน้าตาดุๆ นั่นแหงนมองมาที่เธอ หางยาวของมันกวัดแกว่งไปมาจนมาโดนข้อเท้าเธอ "แมวน่ะค่ะ ตกใจหมด" เหมือนแพรเอ่ยตอบมารดา แต่ก็คงได้ยินกันทั้งโต๊ะ "ให้ใครเอาไปเก็บที" เสียงคุณไตรภพเอ่ยบอกแม่บ้าน "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันน่ารักดี หนูแค่ตกใจหางมันมาฟาดขาน่ะค่ะ" เหมือนแพรรีบแก้ต่างให้เจ้าขนฟูที่ยังแหงนมองหน้าเธอ และเพียงครู่เดียวมันก็กระโดดขึ้นมาบนตัก เธอสะดุ้งตัวนิดๆ แต่ก็อุ้มให้มันนั่งบนตักอยู่แบบนั้น "เจ้าไตร มาเอาแมวแกไปเลยดูซิ วุ่นวาย ทำชุดหนูบี๋เลอะหรือเปล่า พาน้องไปเข้าห้องน้ำล้างมือด้วย" คุณประไพรบ่นลูกชายคนเล็ก แล้วก็หันมาถามเหมือนแพร "ขอโทษทีนะหนูบี๋ เจ้าไตรพามันมาฝาก ปกติมันอยู่คอนโดกับเจ้านายมันแหละ พอเห็นเจ้าของเลยมาป้วนเปี้ยนแถวนี้ ช่วงนี้เห็นว่างานยุ่งออกต่างจังหวัดบ่อยไม่มีคนดู เจ้าพ่อใจบุญเขาเอามาเลี้ยงตั้งแต่ตอนอยู่มหาลัย เก็บแมวกองขยะมา มาวันแรกหน้าตาบ้องแบ๊วอย่างกับหนูท่อ ดูทุกวันนี้ซิทำหน้าบอกบุญไม่รับ จะเหมือนเจ้าของมันอยู่แล้ว" เหมือนแพรเกือบจะแอบหัวเราะที่ว่าหน้าตาเหมือนเจ้าของ แต่พลันคำบอกเล่าของคุณประไพร ก็ทำเอาเธอวูบไหวแปลกๆ "ไตรดูนี่ซิ แมวมันอยู่ในถังขยะ น่าสงสารมันอ่ะ กินข้าวยังเจ้าเหมียว" ไตรฉัตรล้วงไปหยิบแมวสีขาวแต่ดำมอมแมมไปทั้งตัวออกมาจากถังขยะ เหมือนแพรนั่งยองลงทั้งที่กระโปรงสั้นจับมันชูขึ้นมองหน้ามันชัดๆ "เสียดายจัง หอที่เราอยู่เขาห้ามเอาสัตว์เข้าไป" "ที่คอนโดเราก็ห้าม" เหมือนแพหยิบข้าวเหนียวหมูออกมาจากกระเป๋าสะพายเลือกหยิบแต่หมูวางให้เจ้าเหมียว ก่อนจะจากไปแต่ก็ยังอดห่วงหันไปมองมันอีกไม่ได้ มันคือตัวเดียวกับเจ้าเหมียวตัวนั้นแน่นอน เธอเหลือบมองเขา เห็นเขาเดินอ้อมโต๊ะมาที่เธอ แล้วก็จับมันออกจากตักเธอไปอุ้มไว้ เสียงมันร้องเหมียวน่าเอ็นดู ใช้หัวไถกับแขนเขา "เดี๋ยวพาไปล้างมือจะได้ทานข้าวต่อ" เสียงเขาเอ่ยบอก เหมือนแพรจึงได้ลุกออกจากโต๊ะเดินตามคนตัวสูงออกมาจากห้องอาหารเสียงถามของไตรฉัตรทำให้เธอนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อคืน แล้วตอนนี้เธอก็ยังนอนกอดอยู่กับเขาอีกต่างหาก เธอเริ่มดันตัวออกห่างแต่แขนแกร่งที่กอดเอวเธอไว้กลับกระชับแน่นขึ้น "ฉันต้องกลับแล้ว" เสียงกระด้างบอกความต้องการ จนคนที่ตื่นแล้วแต่ยังไม่ยอมลุกต้องลืมตาขึ้นมอง "อะไรตื่นเช้ามาก็เสียงแข็งใส่เชียว ทีเมื่อคืนเสียงอ่อนเสียงหวาน" เธอแหงนมองหน้าคนที่กอดอยู่ ส่งสายตาขุ่นให้ทันที ที่เขารื้อฟื้นเรื่องเมื่อคืน "ก็เราจะกลับแล้ว" "เดี๋ยวไปส่ง ต้องไปรับนังบี้ด้วย หรือจะเอาไว้เลี้ยงเอง" "ไม่เอา" เหมือนแพรรีบปฏิเสธทันที "ไตรฉัตร เราบอกว่าให้ปล่อย" เมื่อเขายังไม่ยอมคลายอ้อมแขน เธอก็ดิ้นขลุกขลักเขาก็ยิ่งออกแรงกอดเธอไว้แน่นเช่นกัน อกอิ่มเกยไปที่หน้าอกเขาถูกบดเบียดอยู่อย่างนั้น และครู่ต่อมาเธอก็สัมผัสเข้ากับน้องชายตัวใหญ่เขาอย่างจังอีกครั้ง เหมือนแพรดิ้นขลุกขลักได้อีกครู่เดียว เธอก็ต้องถูกเขาพันธนาการไปอีกครั้ง ถุงยางอนามัยอีกชิ้นที่วางอยู่ข้างเตียงถูกฉีกซองออกในตอนเช้า เมื่อเธอยิ่งขัดขืนไตรฉัตรก็ยิ่งเล้าโลมจนร่างอรชรนอนดิ้นพล่านอ่อนระทวย จากอากาศหนาวเมื่อครู่กลายเป็นไอร้อนจนสองร่างชุ่มไ
เหมือนแพรรีบตะแคงข้างหนีสายตาคมที่จ้องราวกับจับผิดเธอ แต่แขนแกร่งก็ยังไม่คลายอ้อมแขน เมื่อเธอพลิกตัวหนีเขาก็ตะแคงตัวซ้อนตามคนตัวเล็กมาติดๆ "เจ็บไหมเบบี๋" ไม่พูดเปล่า ไตรฉัตรยังไล้นิ้วไปที่เนินเนื้ออวบอูมด้านล่าง จนเหมือนแพรต้องหนีบขาแน่น แล้วปัดมือเขาออก แต่แขนที่มีมัดกล้ามแน่นๆ นั้นปัดอย่างไรก็ไม่พ้นทาง นิ้วร้ายเริ่มกรีดกรายตามรอยแยกอีกครั้ง "อื้อ..ไตรน่ะ ปล่อยบี๋ก่อน" "ก็ถามไม่ตอบ เมื่อกี้เจ็บไหม" ไตรฉัตรกระซิบอยู่ที่ริมใบหู ลมหายใจอุ่นๆ ทำเอาเหมือนแพรลืมคำถามที่เขาถาม "เจ็บซิ" เหมือนแพรเริ่มดิ้นขลุกขลักเพราะนิ้วยาวของเขาเริ่มซุกซนก่อกวนนอกจากแหวกกลีบกุหลาบให้แยกแล้วยังไล้นิ้วเขี่ยขยี้อยู่แถวช่องทางรัก จนเธอเผลอเกร็งท้องน้องคิดว่าเขาจะกดนิ้วลงไปเสียอีก แต่ก็เพียงวนเวียนอยู่แบบนั้น "อื้อ..ไตร..พะ..พอแล้ว" เสียงกระเส่าเอ่ยแทบไม่เป็นคำ มือเล็กดันแขนเขาให้ออกห่าง แต่แขนเขาแข็งแรงมากจนมันไม่ขยับไปทางไหน จนเธอเผลอจิกเล็บเขาที่แขนเขาไว้แน่น "เสียวไหม" "อ๊ะ .." เหมือนแพรแหงนหน้าขึ้น แล้วก็กัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น เพราะมันคอยจะส่งเสียงลามกออกมา "พอจริงหรือ" เสียงทุ
ฝ่ามือใหญ่ดึงชายผ้าขนหนูออกมาเพียงนิด ก็เผยให้เห็นร่างอรชรขาวผ่องอวดสายตา ไตรฉัตรแอบลอบกลืนน้ำลายจากที่เคยเห็นภายนอกเขาคิดว่าเธอก็คงธรรมดา หน้าอกอิ่มแม้ยามเธอใส่ชุดเซ็กซี่มันก็ไม่ได้ดูใหญ่โตขนาดนั้น แต่ที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ อีกทั้งฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมไว้ทั้งเต้าจนเต็มมือมันอวบอิ่มอยู่ไม่น้อย เขาก้มลงมาดูดยอดอกสีอ่อนชูชันอีกข้าง เหมือนแพรสะดุ้งตัวนิด แต่เมื่อปากเขาดูดเน้นเธอก็แอ่นอกขึ้นหา มือเรียวสอดเข้าไปที่เรือนผมดกดำของเขา ปลายนิ้วขยุ้มเบาๆ ยามเมื่อลิ้นร้ายกวัดเกี่ยวยอดไตแข็งชูชัน อีกข้างก็ถูกปลายนิ้วเรียวเขี่ยขยี้ เขาย้ายจากข้างนั้นก็ไปข้างนี้อย่างไม่รู้เบื่อหน่าย "อะ..อื้อ.." เหมือนแพรเริ่มส่งเสียงในลำคออย่างไม่อาจกลั้น ยามเมื่อคนด้านบนเริ่มรุนแรงขึ้นมันไม่ได้เจ็บแต่กลับเสียวซ่านไปทั้งตัว เหมือนแพรสัมผัสได้ถึงแรงบีบตัวที่ช่องทางว่างเปล่าด้านล่างกลางกายสาว จนอยากให้เขาเข้ามาสัมผัส มือใหญ่ลูบไล้ผิวเนียนจนมาถึงจุดที่เธอเพิ่งเผลอคิดเตลิดไปเมื่อครู่ นิ้วยาวกรีดตามรอยแยกที่ปิดสนิทปลายนิ้ววนเวียนอยู่ปากทางรักที่ฉ่ำแฉะ แค่เพียงนิ้วเขาจุ่มลึกลงไปเหมือนแพรก็ผวาตัวเข้าหารั้งแขนแกร่งเขาไว้เป
ใบหน้าหวานปรือตามองคนตัวโตอย่างรอคอยคำตอบ มือใหญ่ยังไม่ปล่อยจากท้ายทอยเธอ ใกล้กันเพียงนิด แต่เหมือนยิ่งรู้สึกไกลเขาขึ้นไปอีกเพียงเพราะคำพูดที่เธอเผลอเอ่ยปากออกมานั่นหรือเปล่า อีกใจก็หวาดหวั่นไม่น้อยกลัวเขาจะปฏิเสธ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะเรื่องที่เธอได้ยินมา มันถึงช่วยเพิ่มความกล้าให้เธอถึงขนาดนี้ "ถ้าผ่านคืนนี้ไปแล้ว ความเป็นเพื่อนของเรามันอาจจะไม่เหมือนเดิมนะ" เสียงทุ้มเอ่ยเตือนคนตัวเล็ก "ความจริงสำหรับเรา มันไม่เหมือนเดิมตั้งแต่ที่เธอปฏิเสธเราคราวนั้นแล้ว ไหนๆ เธอก็ปฏิเสธเราอีกครั้ง ผ่านคืนนี้ไปเราอาจจะเป็นแค่คนรู้จักกันเฉยๆ ก็ได้" "เธอแน่ใจนะ" "อื้ม" "ไปคอนโดเรานะ" ไตรฉัตรกระซิบบอก เหมือนแพรจึงได้แต่พยักหน้า ภายในรถยังคงไม่มีเสียงของคนทั้งสอง เหมือนแพรได้แต่หันหน้ามองไปข้างกระจก ไม่ได้สนใจคนขับรถที่คอยจะหันมามองเธออยู่บ่อยๆ ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสนิท แต่กลับมองไม่เห็นดวงดาวสักดวง คงมีแต่แสงสายฟ้าที่แลบลงมาเป็นระยะๆ และเวลาต่อมาสายฝนก็โปรยปรายลงมาพอให้ชุ่มฉ่ำ จากสถานบันเทิงไตรฉัตรขับรถเพียงไม่นานก็มาถึง คอนโดหรูใจกลางเมืองราคาแต่ละห้องแทบจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้
อ้นขึ้นเสียงใส่แล้วก็จับแขนบี๋ให้เดินตามออกมา แต่ไอ้มอสก็รั้งแขนเธออีกข้างไว้ เหมือนแพรพยายามสะบัดให้หลุดแต่มันก็ไม่หลุด เมื่ออ้นหันไปจะผลักออก แต่กลับโดนไอ้มอสชกเข้าที่ปากอย่างจัง เมื่อมืออ้นหลุดจากเหมือนแพร เธอก็ถูกมอสดึงให้ไปยืนอยู่ข้างๆ "ปล่อยนะมอส" เหมือนแพรดึงมือออกจากการเกาะกุมอย่างยากลำบากกว่าจะหลุดออกมาได้ แต่พอหลุดออกมาได้เธอก็รีบวิ่งออกมา อ้นรีบคว้าแขนไอ้มอสไว้เพราะมันจะจับเหมือนแพรอีกครั้ง รั้งให้มันถอยหลังไปเกือบชนผนังห้องน้ำ เมื่อตั้งหลักได้ มอสก็ถลาเข้าใส่เหมือนแพรอีกครั้ง เธอรีบวิ่งมาได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ชนกับร่างใหญ่ของไตรฉัตร ที่วิ่งขึ้นบันไดมาอย่างรีบร้อน เขาคว้าเธอไว้ในอ้อมแขน ไอ้มอสที่กำลังจะถึงตัวเธอ จึงถูกเขาถีบจนหงายหลังไปนั่งกับพื้น "มึงเลิกยุ่งกับบี๋ได้แล้วไอ้มอส ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน" เสียงทุ้มต่ำเน้นคำพูดทีละคำ สายตาคมดุยิ่งดูเย็นชาจ้องหน้าไอ้มอสเขม็ง เหมือนแพรสะอื้นตัวโยนอยู่ในอ้อมกอดของไตรฉัตร เขาลูบผมเธอสองสามครั้ง ก่อนจะรั้งเอวให้เธอเดินออกมาจากตรงนั้น โดยมีอ้นเดินตามออกมาด้วย โดยไม่สนใจไอ้มอสที่ยังนั่งอยู่กับพื้นตรงนั้น มอสก้มมอง
"พูดมาอ้น ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น" เหมือนแพรยังไม่ยอมถอยห่างจากหน้าประตูยืนขวางอ้นไว้อย่างนั้น สายตาคาดคั้น จนในที่สุดอ้นก็ทนไม่ไหว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เผื่อคนทั้งสองจะเข้าใจกันมากขึ้น กลับมารักกันอีกครั้งได้ "ก็ที่ไอ้ไตรมันปฏิเสธเธอ เพราะไอ้มอสไปบอกมันว่าไอ้พีมันชอบเธอ" เสียงถอนหายใจหนักๆ ของมอสก่อนจะเอ่ยปากเล่า แต่เมื่อเหมือนแพรได้ฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก "เกี่ยวอะไรกับพี" "ไอ้ไตรกับไอ้พี มันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เคยทะเลาะตีกันเกือบตายตอนม.ปลายเพราะชอบสาวคนเดียวกัน มันเลยสัญญากันไว้ว่าจะไม่ชอบผู้หญิงคนเดียวกับเพื่อนอีก" "แล้วเกี่ยวอะไรกับเรา พีไม่ได้ชอบเราสักหน่อย" "ก็ไอ้มอสมันไปบอกไอ้ไตรแบบนั้น บอกว่าไอ้พีมันรักเธอ กำลังจะขอเธอคบเป็นแฟน ไอ้ไตรมันเลยปฏิเสธ เพราะไม่อยากเสียเพื่อน แต่สุดท้ายเธอกลับไปคบกับไอ้มอส ทุกคนก็เลยงง ไล่ไปไล่มาจนสุดท้ายเราไปถามไอ้พี มันบอกไม่เห็นรู้เรื่อง ถึงได้เข้าใจว่าไอ้มอสมันโกหก เพราะมันก็ชอบเธออยู่" เหมือนแพรส่งโทรศัพท์คืนให้อ้น เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีหรือควรจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองตอนนี้อย่างไร มันชาวูบไปทั้งตั







