LOGINไตรฉัตรยืนพิงขอบประตูห้องน้ำในท่าสบายๆ เจ้าเหมียวหน้ายุ่งยังอยู่ในอ้อมกอดเขา เธอยืนล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้า
"แต่งตัวแบบนี้ค่อยดูเป็นเธอหน่อย" "จะด่าก็ด่าตรงๆ ชมแบบนี้ดูไม่ค่อยเหมือนนายเลย" เธอเลียนคำพูดเขาในตอนท้ายและเหมือนไตรฉัตรจะรู้เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "เอ้า ฉันชมจริงๆ นะ ถูกแม่หลอกมาหรือไง ถึงไม่รู้ว่าเป็นบ้านฉัน" "ถ้าฉันรู้ว่าเป็นบ้านนายฉันก็ไม่มาหรอก" "ก็ถึงว่า" เธอเหลือบไปมองหน้าคนพูด แต่ไม่ทันได้เห็นหน้า เพราะเขาก้มตัวลงปล่อยเจ้าเหมียววิ่งไปทางไหนก็ไม่รู้ แล้วก็เดินมาล้างมือที่อ่างข้างๆ เธอ "แมวตัวนั้น ใช่ที่มหาลัยหรือเปล่า" เหมือนแพรตัดสินใจถามสิ่งที่อยากรู้ "อืม" "นายเก็บมันกลับมาหรือ" "ไม่เก็บมามันจะมาอยู่นี่หรือไงล่ะ ถามแปลกๆ" "ชิ ถามดีๆ มันชื่ออะไร มีชื่อเปล่า" "ไม่มี เรียกอีเหมี่ยว" เธอพยักหน้ารับรู้ แล้วก็เดินอ้อมคนตัวสูงมาหยิบกระดาษชำระเช็ดมือ แต่ไตรฉัตรหันมาทางเธอ แล้วเขาก็ใช้แขนคร่อมเธอไว้ที่เคาน์เตอร์หินอ่อนตรงอ่างล้างมือนั่น "ทำอะไรของนาย" เหมือนแพรถอยหลังจนสะโพกกลมชิดขอบเคาน์เตอร์ "เธอไม่รู้หรือว่ามาที่นี่ทำไม" "รู้ แล้วทำไม" "คราวนี้น่าจะสมใจเธอ" คำพูดของไตรฉัตรทำเอาเหมือนแพรหน้าช้าไม่น้อย ใช่เธอเคยชอบเขามาก แต่คำถามของเขาแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่ไม่น้อยเลยทีเดียว "ฉันว่าพี่คุณเขาก็น่ารักดีนะ ดูใจดี เป็นผู้ใหญ่" เธอพยายามฝืนยิ้มอย่างเต็มที่ตอนที่พูดกับเขา "แล้วไอ้มอสล่ะ จะควบสองเลยหรือ" เธอแทบไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองมีสีหน้าแบบไหนกันแน่ ตอนที่เขาถาม "เกี่ยวอะไรกับมอส" "ก็เห็นมันประกาศอยู่ปาวๆ จะคบกับเธอให้ได้" "ไม่เกี่ยวกับฉันนี่ ถอยไป" เธอผลักเขาออกห่าง แล้วก็เดินกลับไปที่โต๊ะอาหารทันที เหมือนแพรเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารด้วยความมึนงงไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ที่เธอทำงานกับไตรฉัตร เหมือนจะเริ่มคุยกันได้บ้าง ไม่แขวะไม่กัดกันเหมือนตอนแรก แต่ทำไมวันนี้อยู่ๆ เขาก็เกิดผีเข้าขึ้นมาอีกหรือไง เธอฝืนยิ้มเดินเข้าไปที่ห้องอาหารอีกครั้ง กินอาหารพอเป็นพิธีอีกสองสามคำ ก็รวบช้อน อาหารหวานหน้าตาน่าทานเธอก็เลือกชิมไปเพียงสองชิ้น กับผลไม้อีกหนึ่งชิ้น "เจ้าคุณ พาน้องไปนั่งคุยที่ห้องรับแขกโน่นไป ทางนี้พ่อจะสูบไปป์กับคุณวัฒน์เสียหน่อย ได้ยาเส้นมาใหม่" คุณไตรภพไล่หนุ่มๆ สาวๆ ไปอีกห้อง พวกแม่ๆ ก็เลยต้องออกตามกันมาด้วย "นังบี้ แกจะมาฝนเล็บที่โซฟาไม่ได้นะ อยากให้พ่อแกเสียเงินซื้อใหม่อีกชุดหรือไง พ่อแกไม่เอาที่ฝนเล็บมาให้ด้วยหรือ" เสียงคุณประไพรโวยวายเบาๆ แต่ก็พอให้คนที่เดินตามมาได้ยินกันถ้วนหน้า เหมือนแพรทำหน้าเหลอหลา นึกว่าถูกเรียก "ป้าไม่ได้ว่าหนูบี๋นะ ว่านังบี้นั่น มันชื่อบี้น่ะ" เธอยิ้มน้อยๆ ให้คุณประไพร แล้วก็มองไปที่แมวตัวที่เขาบอกว่ามันไม่มีชื่อ ไตรฉัตรเดินไปอุ้มมันขึ้นมาแล้วก็เดินเลยไปนั่งที่โซฟาตัวเดี่ยว พี่ชายอีกสองคนไปนั่งตัวใหญ่คนละมุมเหมือนแพรจึงได้นั่งตัวเดี่ยวอีกตัวที่เหลืออยู่ หลังจัดการนังบี้เสร็จคุณประไพรก็ชวนแม่เธอไปคุยกับเชฟในครัว เพราะยังติดใจเรื่องอาหาร ในห้องรับแขกใหญ่จึงมีเพียงสามหนุ่มที่นั่งกันคนละมุม และมีเธอนั่งตัวลีบอยู่ และก็ยังคงเป็นพี่คุณที่ชวนให้เหมือนแพรให้พูดคุย บางครั้งเธอก็ฟังเขาเล่าเรื่องขำขันในวัยเด็กบ้าง วัยเรียนบ้าง โดยมีพี่วิทย์คอยเสริมเป็นระยะๆ ถึงรายนั้นจะมัวแต่จดจ้องอยู่แต่กับโทรศัพท์ แต่เขาบอกว่าตรวจงานนักศึกษาอยู่ ไตรฉัตรนั่งอุ้มเจ้าเหมียวชื่อบี้ มองโทรทัศน์เครื่องใหญ่ คล้ายสนใจกับข่าวที่กำลังเปิดอยู่ บนรถตู้สีดำคันหรู คุณวิวัฒน์ยังพูดเรื่องของบ้านบริรักษ์ไพศาลไม่จบ ขนาดรถออกจากบ้านนั้นมาเกือบจะครึ่งทางแล้ว เหมือนแพรที่นั่งอยู่เบาะหลังคุณนายราตรีเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้สนใจเรื่องที่พ่อเธอกำลังคุยให้แม่ฟังสักเท่าไหร่ "หะ ยายบี๋ ว่าไง" เสียงเรียกของคุณนายราตรีทำเธอหลุดออกจากภวังค์ "แม่ว่าอะไรนะคะ" "ถามเราว่า เป็นไงหนุ่มๆ บ้านนั้น" "ก็ดีค่ะ แต่แม่ไม่เห็นบอกหนูคะ ว่าเป็นคุณไตรภพ บริรักษ์ไพศาล" "เอ้า แม่ก็คิดว่าลูกรู้เสียอีก" "คนโตเขาก็ดูไม่เลวนะ อัธยาศัยดี" คุณราตรีเอ่ยชมไตรคุณ "แต่ผมว่าคนเล็กดูท่าทางบุคลิกดี เห็นว่าเปิดบริษัทก่อสร้างเองด้วยนะ" "ลูกคุณภพเขาก็หล่อท่าทางบุคลิกดีทุกคนนั่นหรือเปล่าคุณ" สรุปคำถามที่ผู้เป็นแม่เอ่ยถามก็ไม่ทันได้คำตอบ เพราะสองคนนั้นก็เถียงกันไปเรื่องอื่นเสียก่อน ทำให้เธอพอได้หายใจหายคอสะดวกขึ้นบ้างเสียงถามของไตรฉัตรทำให้เธอนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อคืน แล้วตอนนี้เธอก็ยังนอนกอดอยู่กับเขาอีกต่างหาก เธอเริ่มดันตัวออกห่างแต่แขนแกร่งที่กอดเอวเธอไว้กลับกระชับแน่นขึ้น "ฉันต้องกลับแล้ว" เสียงกระด้างบอกความต้องการ จนคนที่ตื่นแล้วแต่ยังไม่ยอมลุกต้องลืมตาขึ้นมอง "อะไรตื่นเช้ามาก็เสียงแข็งใส่เชียว ทีเมื่อคืนเสียงอ่อนเสียงหวาน" เธอแหงนมองหน้าคนที่กอดอยู่ ส่งสายตาขุ่นให้ทันที ที่เขารื้อฟื้นเรื่องเมื่อคืน "ก็เราจะกลับแล้ว" "เดี๋ยวไปส่ง ต้องไปรับนังบี้ด้วย หรือจะเอาไว้เลี้ยงเอง" "ไม่เอา" เหมือนแพรรีบปฏิเสธทันที "ไตรฉัตร เราบอกว่าให้ปล่อย" เมื่อเขายังไม่ยอมคลายอ้อมแขน เธอก็ดิ้นขลุกขลักเขาก็ยิ่งออกแรงกอดเธอไว้แน่นเช่นกัน อกอิ่มเกยไปที่หน้าอกเขาถูกบดเบียดอยู่อย่างนั้น และครู่ต่อมาเธอก็สัมผัสเข้ากับน้องชายตัวใหญ่เขาอย่างจังอีกครั้ง เหมือนแพรดิ้นขลุกขลักได้อีกครู่เดียว เธอก็ต้องถูกเขาพันธนาการไปอีกครั้ง ถุงยางอนามัยอีกชิ้นที่วางอยู่ข้างเตียงถูกฉีกซองออกในตอนเช้า เมื่อเธอยิ่งขัดขืนไตรฉัตรก็ยิ่งเล้าโลมจนร่างอรชรนอนดิ้นพล่านอ่อนระทวย จากอากาศหนาวเมื่อครู่กลายเป็นไอร้อนจนสองร่างชุ่มไ
เหมือนแพรรีบตะแคงข้างหนีสายตาคมที่จ้องราวกับจับผิดเธอ แต่แขนแกร่งก็ยังไม่คลายอ้อมแขน เมื่อเธอพลิกตัวหนีเขาก็ตะแคงตัวซ้อนตามคนตัวเล็กมาติดๆ "เจ็บไหมเบบี๋" ไม่พูดเปล่า ไตรฉัตรยังไล้นิ้วไปที่เนินเนื้ออวบอูมด้านล่าง จนเหมือนแพรต้องหนีบขาแน่น แล้วปัดมือเขาออก แต่แขนที่มีมัดกล้ามแน่นๆ นั้นปัดอย่างไรก็ไม่พ้นทาง นิ้วร้ายเริ่มกรีดกรายตามรอยแยกอีกครั้ง "อื้อ..ไตรน่ะ ปล่อยบี๋ก่อน" "ก็ถามไม่ตอบ เมื่อกี้เจ็บไหม" ไตรฉัตรกระซิบอยู่ที่ริมใบหู ลมหายใจอุ่นๆ ทำเอาเหมือนแพรลืมคำถามที่เขาถาม "เจ็บซิ" เหมือนแพรเริ่มดิ้นขลุกขลักเพราะนิ้วยาวของเขาเริ่มซุกซนก่อกวนนอกจากแหวกกลีบกุหลาบให้แยกแล้วยังไล้นิ้วเขี่ยขยี้อยู่แถวช่องทางรัก จนเธอเผลอเกร็งท้องน้องคิดว่าเขาจะกดนิ้วลงไปเสียอีก แต่ก็เพียงวนเวียนอยู่แบบนั้น "อื้อ..ไตร..พะ..พอแล้ว" เสียงกระเส่าเอ่ยแทบไม่เป็นคำ มือเล็กดันแขนเขาให้ออกห่าง แต่แขนเขาแข็งแรงมากจนมันไม่ขยับไปทางไหน จนเธอเผลอจิกเล็บเขาที่แขนเขาไว้แน่น "เสียวไหม" "อ๊ะ .." เหมือนแพรแหงนหน้าขึ้น แล้วก็กัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น เพราะมันคอยจะส่งเสียงลามกออกมา "พอจริงหรือ" เสียงทุ
ฝ่ามือใหญ่ดึงชายผ้าขนหนูออกมาเพียงนิด ก็เผยให้เห็นร่างอรชรขาวผ่องอวดสายตา ไตรฉัตรแอบลอบกลืนน้ำลายจากที่เคยเห็นภายนอกเขาคิดว่าเธอก็คงธรรมดา หน้าอกอิ่มแม้ยามเธอใส่ชุดเซ็กซี่มันก็ไม่ได้ดูใหญ่โตขนาดนั้น แต่ที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ อีกทั้งฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมไว้ทั้งเต้าจนเต็มมือมันอวบอิ่มอยู่ไม่น้อย เขาก้มลงมาดูดยอดอกสีอ่อนชูชันอีกข้าง เหมือนแพรสะดุ้งตัวนิด แต่เมื่อปากเขาดูดเน้นเธอก็แอ่นอกขึ้นหา มือเรียวสอดเข้าไปที่เรือนผมดกดำของเขา ปลายนิ้วขยุ้มเบาๆ ยามเมื่อลิ้นร้ายกวัดเกี่ยวยอดไตแข็งชูชัน อีกข้างก็ถูกปลายนิ้วเรียวเขี่ยขยี้ เขาย้ายจากข้างนั้นก็ไปข้างนี้อย่างไม่รู้เบื่อหน่าย "อะ..อื้อ.." เหมือนแพรเริ่มส่งเสียงในลำคออย่างไม่อาจกลั้น ยามเมื่อคนด้านบนเริ่มรุนแรงขึ้นมันไม่ได้เจ็บแต่กลับเสียวซ่านไปทั้งตัว เหมือนแพรสัมผัสได้ถึงแรงบีบตัวที่ช่องทางว่างเปล่าด้านล่างกลางกายสาว จนอยากให้เขาเข้ามาสัมผัส มือใหญ่ลูบไล้ผิวเนียนจนมาถึงจุดที่เธอเพิ่งเผลอคิดเตลิดไปเมื่อครู่ นิ้วยาวกรีดตามรอยแยกที่ปิดสนิทปลายนิ้ววนเวียนอยู่ปากทางรักที่ฉ่ำแฉะ แค่เพียงนิ้วเขาจุ่มลึกลงไปเหมือนแพรก็ผวาตัวเข้าหารั้งแขนแกร่งเขาไว้เป
ใบหน้าหวานปรือตามองคนตัวโตอย่างรอคอยคำตอบ มือใหญ่ยังไม่ปล่อยจากท้ายทอยเธอ ใกล้กันเพียงนิด แต่เหมือนยิ่งรู้สึกไกลเขาขึ้นไปอีกเพียงเพราะคำพูดที่เธอเผลอเอ่ยปากออกมานั่นหรือเปล่า อีกใจก็หวาดหวั่นไม่น้อยกลัวเขาจะปฏิเสธ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะเรื่องที่เธอได้ยินมา มันถึงช่วยเพิ่มความกล้าให้เธอถึงขนาดนี้ "ถ้าผ่านคืนนี้ไปแล้ว ความเป็นเพื่อนของเรามันอาจจะไม่เหมือนเดิมนะ" เสียงทุ้มเอ่ยเตือนคนตัวเล็ก "ความจริงสำหรับเรา มันไม่เหมือนเดิมตั้งแต่ที่เธอปฏิเสธเราคราวนั้นแล้ว ไหนๆ เธอก็ปฏิเสธเราอีกครั้ง ผ่านคืนนี้ไปเราอาจจะเป็นแค่คนรู้จักกันเฉยๆ ก็ได้" "เธอแน่ใจนะ" "อื้ม" "ไปคอนโดเรานะ" ไตรฉัตรกระซิบบอก เหมือนแพรจึงได้แต่พยักหน้า ภายในรถยังคงไม่มีเสียงของคนทั้งสอง เหมือนแพรได้แต่หันหน้ามองไปข้างกระจก ไม่ได้สนใจคนขับรถที่คอยจะหันมามองเธออยู่บ่อยๆ ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสนิท แต่กลับมองไม่เห็นดวงดาวสักดวง คงมีแต่แสงสายฟ้าที่แลบลงมาเป็นระยะๆ และเวลาต่อมาสายฝนก็โปรยปรายลงมาพอให้ชุ่มฉ่ำ จากสถานบันเทิงไตรฉัตรขับรถเพียงไม่นานก็มาถึง คอนโดหรูใจกลางเมืองราคาแต่ละห้องแทบจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้
อ้นขึ้นเสียงใส่แล้วก็จับแขนบี๋ให้เดินตามออกมา แต่ไอ้มอสก็รั้งแขนเธออีกข้างไว้ เหมือนแพรพยายามสะบัดให้หลุดแต่มันก็ไม่หลุด เมื่ออ้นหันไปจะผลักออก แต่กลับโดนไอ้มอสชกเข้าที่ปากอย่างจัง เมื่อมืออ้นหลุดจากเหมือนแพร เธอก็ถูกมอสดึงให้ไปยืนอยู่ข้างๆ "ปล่อยนะมอส" เหมือนแพรดึงมือออกจากการเกาะกุมอย่างยากลำบากกว่าจะหลุดออกมาได้ แต่พอหลุดออกมาได้เธอก็รีบวิ่งออกมา อ้นรีบคว้าแขนไอ้มอสไว้เพราะมันจะจับเหมือนแพรอีกครั้ง รั้งให้มันถอยหลังไปเกือบชนผนังห้องน้ำ เมื่อตั้งหลักได้ มอสก็ถลาเข้าใส่เหมือนแพรอีกครั้ง เธอรีบวิ่งมาได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ชนกับร่างใหญ่ของไตรฉัตร ที่วิ่งขึ้นบันไดมาอย่างรีบร้อน เขาคว้าเธอไว้ในอ้อมแขน ไอ้มอสที่กำลังจะถึงตัวเธอ จึงถูกเขาถีบจนหงายหลังไปนั่งกับพื้น "มึงเลิกยุ่งกับบี๋ได้แล้วไอ้มอส ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน" เสียงทุ้มต่ำเน้นคำพูดทีละคำ สายตาคมดุยิ่งดูเย็นชาจ้องหน้าไอ้มอสเขม็ง เหมือนแพรสะอื้นตัวโยนอยู่ในอ้อมกอดของไตรฉัตร เขาลูบผมเธอสองสามครั้ง ก่อนจะรั้งเอวให้เธอเดินออกมาจากตรงนั้น โดยมีอ้นเดินตามออกมาด้วย โดยไม่สนใจไอ้มอสที่ยังนั่งอยู่กับพื้นตรงนั้น มอสก้มมอง
"พูดมาอ้น ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น" เหมือนแพรยังไม่ยอมถอยห่างจากหน้าประตูยืนขวางอ้นไว้อย่างนั้น สายตาคาดคั้น จนในที่สุดอ้นก็ทนไม่ไหว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เผื่อคนทั้งสองจะเข้าใจกันมากขึ้น กลับมารักกันอีกครั้งได้ "ก็ที่ไอ้ไตรมันปฏิเสธเธอ เพราะไอ้มอสไปบอกมันว่าไอ้พีมันชอบเธอ" เสียงถอนหายใจหนักๆ ของมอสก่อนจะเอ่ยปากเล่า แต่เมื่อเหมือนแพรได้ฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก "เกี่ยวอะไรกับพี" "ไอ้ไตรกับไอ้พี มันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เคยทะเลาะตีกันเกือบตายตอนม.ปลายเพราะชอบสาวคนเดียวกัน มันเลยสัญญากันไว้ว่าจะไม่ชอบผู้หญิงคนเดียวกับเพื่อนอีก" "แล้วเกี่ยวอะไรกับเรา พีไม่ได้ชอบเราสักหน่อย" "ก็ไอ้มอสมันไปบอกไอ้ไตรแบบนั้น บอกว่าไอ้พีมันรักเธอ กำลังจะขอเธอคบเป็นแฟน ไอ้ไตรมันเลยปฏิเสธ เพราะไม่อยากเสียเพื่อน แต่สุดท้ายเธอกลับไปคบกับไอ้มอส ทุกคนก็เลยงง ไล่ไปไล่มาจนสุดท้ายเราไปถามไอ้พี มันบอกไม่เห็นรู้เรื่อง ถึงได้เข้าใจว่าไอ้มอสมันโกหก เพราะมันก็ชอบเธออยู่" เหมือนแพรส่งโทรศัพท์คืนให้อ้น เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีหรือควรจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองตอนนี้อย่างไร มันชาวูบไปทั้งตั







