LOGINอีกด้านของบ้านบริรักษ์ไพศาล หลังจากส่งแขกคุณไตรภพก็เข้ามานั่งที่ห้องรับแขกกับลูกชาย สายตาผู้เป็นพ่อสำรวจลูกชายแต่ละคน
"แกว่าหนูบี๋ โอเคไหมเจ้าคุณ" "ก็น่ารักดีนะครับ ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้" "เจ้าไตรถ้าแกไม่ชอบหนูบี๋ ก็ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวพ่อจะแนะนำลูกสาวเพื่อนให้ใหม่ แบบที่แกชอบ" "ไม่ต้องแล้ว ยายนี่ก็ได้ ขืนไม่ตอบตกลงพ่อได้เอาผมไปเร่ขายอยู่สนามกอล์ฟไม่เลิก" คุณไตรภพหัวเราะกับคำพูดและท่าทางลูกชายคนเล็ก ทำให้ไตรวิทย์ขยับแว่นตามองน้องชายตัวเองด้วย พลางส่ายหน้าเบาๆ "เจ้าไตร แกไปเรียกหนูบี๋อย่างนั้นได้ยังไง" คุณประไพรยกจานผลไม้เดินเข้ามาทันได้ยินพอดี จึงเอ่ยต่อว่าลูกชาย "ก็ยายนั่นเป็นเพื่อนผม ผมก็เรียกกันมาอย่างนั้นแต่ไหนแต่ไรแล้ว" "มิน่าล่ะ" คุณไตรภพพยักหน้าน้อยๆ สองพี่ชายหันหน้ามามองกันพร้อมกับทำตาโตขึ้นเล็กน้อย "เพื่อนสมัยมหาลัยน่ะหรือ" "ครับ" เสียงตอบขึ้นจมูก "ฉันว่านังบี้นี่ก็เพราะหนูบี๋หรือเปล่าทำให้แกเก็บแมวถังขยะมาบ้าน" คนถูกถามทำสีหน้าปั้นยาก ไม่ตอบคำถามคุณประไพร ยิ่งทำให้คุณไตรภพหัวเราะออกมาอีกครั้ง "เออดี แสดงว่าสายตาฉันยังดีอยู่" "พ่อก็รีบหาให้พี่คุณอีกสักคน ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อยพวกสาวๆ ของพี่คุณจะได้มากดกริ่งอยู่หน้าบ้านแน่" ไตรวิทย์รีบยุบิดาต่อ เพราะข่าวคาวที่สาวๆ ของไตรคุณไปอาละวาดที่โรงแรม ทำให้คุณไตรภพถึงกับออกปากว่าห้ามเลี้ยงดูผู้หญิงอีกเด็ดขาด ให้ซื้อกินแล้วจบ "เสือกเลย" คนถูกกล่าวถึงประเคนเท้าใส่น้องชายเบาๆ จนทำให้คุณประไพรถึงกับเอ่ยปากดุว่าทำน้องแบบนั้นได้อย่างไร "ฉันละปวดหัวกับพวกแกจริงๆ แต่ละคน อย่างกับเด็กไม่รู้จักโต อิจฉาคุณราตรี มีลูกสาวเรียบร้อยน่ารักแบบนั้น" "เดี๋ยวก็รู้เรื่อง ดื้ออย่างกับอะไร" ทุกคนหันไปมองคนพูดเป็นตาเดียวกัน แต่ไตรฉัตรกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ "ดีแล้วแหละ จะได้มากำราบแกซะบ้าง" คุณประไพรได้แต่ทำหน้าเหนื่อยใจกับลูกชายตัวเอง และเมื่อไตรฉัตรออกจากห้องรับแขกกลับไปห้องตัวเอง ก็ทำให้บทสนทนาในห้องนั้นเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นไปโดยปริยาย หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์เธอก็ต้องเข้าไปประชุมที่บริษัทของไตรฉัตร เพราะต้องติดตามความคืบหน้าของโครงการ ยังประชุมไม่ทันเสร็จเสียงข้อความของโทรศัพท์เธอเข้ามา 'วันนี้ไปทานข้าวที่บ้านคุณภพด้วยนะ คุณประไพรเขาเชิญ' เหมือนแพรได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เพราะข้อความมาแบบนี้เธอก็ไม่รู้จะปฏิเสธแบบไหน เธอยังไม่ได้เล่าเรื่องที่รู้จักกับไตรฉัตรให้แม่ฟัง แต่อีกสองวันหลังจากกลับมาจากบ้านนั้นแม่เธอกลับรู้เรื่องเกือบทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งเธอต้องมาทำงานที่บริษัทของไตรฉัตรด้วย หลังจากประชุมเสร็จเธอก็ตามไตรฉัตรกลับไปที่ห้องทำงานเขา "แม่ให้ฉันรับเธอไปกินข้าวที่บ้าน" "อือ" "ถ้านายลำบากใจเรื่องบ้านฉัน ก็ปฏิเสธไปก็ได้นะ ผู้ใหญ่เขาแค่อยากให้ทำความรู้จักกันเฉยๆ ไม่ได้บังคับให้แต่งงานกันสักหน่อย" "แค่นี้ก็เรียกบังคับแล้ว" "ถ้างั้นฉันจะปฏิเสธให้นายเอง" "ไม่ต้องเลย" คำตอบของเขาทำเอาเหมือนแพรไม่เข้าใจ ได้แต่เงยหน้ามองเขา "ขืนเธอปฏิเสธ พ่อฉันเขาก็เตรียมหาคนใหม่มาให้อีก" "อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นฉันไง เผื่อนายจะสบายใจ หรืออารมณ์ดีขึ้นบ้าง" "นี่ฉันก็ไม่ได้อารมณ์เสียนี่" "วันนั้นนายยังหงุดหงิดใส่ฉันอยู่เลย" "วันนั้นก็ส่วนวันนั้น วันนี้ก็ส่วนวันนี้" "นายเป็นไบโพล่าหรือไง" คนถูกกล่าวหาได้แต่หัวเราะเบาๆ "เดี๋ยวฉันไปรับที่คอนโด ขอเคลียร์งานแป๊บ" ไตรฉัตรเอ่ยบอกเพราะเห็นคนตัวเล็กเตรียมคว้าเอกสารและกระเป๋า ทำท่าเหมือนจะกลับ "เดี๋ยวไปเองก็ได้" พูดไปแล้วเหมือนแพรก็แทบเก็บคำพูดตัวเองไม่ทัน เพราะสายตาคมที่เหลือบมองเธออย่างเอาเรื่อง ทำให้คนตัวเล็กถึงกับมุ่ยหน้า "โอเคๆ" พอได้คำตอบที่พอใจ คนเป็นไบโพล่าก็ยิ้มให้ก่อนเธอจะเปิดประตูออกจากห้องไป เกือบหกโมงเย็นที่ไตรฉัตรมารับเธอที่คอนโด เมื่อกำลังจะขึ้นมาบนรถตู้ เธอก็ต้องตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเจ้าบี้นั่งอยู่บนตักเขาด้วย "อืม แต่งตัวแบบนี้ค่อยดีหน่อย" เสียงทักทำเอาคนที่กำลังจะก้าวขาขึ้นรถเหลือบมองหน้าคนพูด เพราะชุดเดรสสีฟ้าอ่อนพอดีตัวแบบเรียบร้อยนี่ล่ะมั้ง "วันหลังฉันจะใส่สีแดงผ่าให้ถึงก้นเลย ให้บ้านนายตกใจ จะได้รีบหาผู้หญิงคนใหม่ให้นายแทน" "เป็นไงเจ้าเหมี่ยว สบายดีไหม" เสียงใสเอ่ยทักทายเจ้าขนฟู พลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน จนเจ้าของมันได้แต่มองเธอตาขุ่นเพราะเธอแกล้งเรียกมันแบบที่เขาบอก "ไม่ต้องมาล้อเลียน" "วันนั้นที่หงุดหงิด เรื่องเจ้าบี้ด้วยหรือเปล่า" "หลายเรื่อง" คนรับสารภาพแต่ไม่บอกเรื่องไหนบ้าง เพราะเห็นวันนั้นอะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปหมด เหมือนแพรเหลือบไปเห็นบ้านแมวที่เบาะข้างหลังเขา แล้วเหมือนจะมีอาหารกับของเล่นมันอีกหลายอย่าง "จะเอาแมวไปฝากคุณป้าหรือ" "เปล่า เอามาให้เธอเลี้ยงนั่นแหละ" "นายว่าอะไรนะ" "อยู่แค่นี้ไม่ได้ยินหรือไง" "ได้ยิน แต่ไม่เข้าใจ" "พรุ่งนี้ฉันต้องไปเชียงราย น่าจะหลายวัน ต้องเอามันมาฝากเธอไว้" "ไม่ฝากแม่นายล่ะ" "ไม่เห็นเขาบ่นหรือไง จะให้ฉันซื้อโซฟาใช้อยู่น่ะ" "แล้วโซฟาบ้านฉันล่ะ" "เดี๋ยวซื้อให้ใหม่" เหมือนแพรได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ใส่เขาอย่างไม่เกรงใจ "ก็เธออยากได้มันนี่ตอนนั้น" "แล้วเกี่ยวอะไรกับตอนนี้" "ก็เห็นเธอว่างๆ ฝากสักสามสี่วัน ไม่สงสารเจ้าบี้มันหรือไง" เมื่อถึงบ้านบริรักษ์ไพศาล คุณประไพรก็เอ่ยทักทายเจ้าบี้เสียงใสไม่แพ้เธอ "มาทำไมอีกเจ้าบี้ พ่อแกอยากซื้อโซฟาให้ย่าใหม่หรือไง" "เปล่าครับ เอามาด้วยเฉยๆ เดี๋ยวจะเอาไปฝากไว้ที่ห้องเบบี๋ ผมต้องไปเชียงราย" คุณประไพร แทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ ไม่ต่างจากสองพี่น้องที่เดินมาเพราะได้ยินเสียงคุณประไพรอยู่หน้าบ้าน พี่ชายสองคนหันมาเบะปากใส่กันอย่างรู้ทัน หาข้ออ้างเอาแมวไปฝากเขา หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จไตรฉัตรไปส่งเหมือนแพรที่คอนโด และเธอยังต้องช่วยเขาอุ้มเจ้าบี้ขึ้นไปที่ห้องอีกด้วย โชคดีว่าคอนโดนี้เป็นของครอบครัวเธอ แถมชั้นที่เธออยู่ยังมีแค่สามห้อง จึงออกจะเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวายกับใคร ไตรฉัตรถือสมบัตินังบี้พะรุงพะรัง ทำอย่างกับมันจะมาอยู่สักสามสี่เดือนอย่างนั้นแหละ เมื่อขึ้นมาถึงห้องเขาก็จัดแจงหามุมสงบให้ลูกสาวของตัวเอง เหมือนแพรได้แต่ยืนมอง หลังจากจัดมุมให้นังบี้เสร็จ เขาก็หันมาสั่งคนรับฝากถึงสิ่งที่ต้องดูแล ทั้งเรื่องให้อาหาร ต้องเล่นกับมันยังไง แถมเธอยังต้องคอยรายงานเขาอีกด้วย ทุกวันต้องส่งรูปนังบี้ให้เขาดู ว่าทำอะไรบ้าง เป็นอย่างไรบ้าง หรือแม้แต่ถ้าเขาถามมาเธอก็ต้องตอบเขาอีกด้วย "นี่ฉันต้องกลายมาเป็นแม่มันหรือไง" "อยากเป็นไหมล่ะ"เสียงถามของไตรฉัตรทำให้เธอนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อคืน แล้วตอนนี้เธอก็ยังนอนกอดอยู่กับเขาอีกต่างหาก เธอเริ่มดันตัวออกห่างแต่แขนแกร่งที่กอดเอวเธอไว้กลับกระชับแน่นขึ้น "ฉันต้องกลับแล้ว" เสียงกระด้างบอกความต้องการ จนคนที่ตื่นแล้วแต่ยังไม่ยอมลุกต้องลืมตาขึ้นมอง "อะไรตื่นเช้ามาก็เสียงแข็งใส่เชียว ทีเมื่อคืนเสียงอ่อนเสียงหวาน" เธอแหงนมองหน้าคนที่กอดอยู่ ส่งสายตาขุ่นให้ทันที ที่เขารื้อฟื้นเรื่องเมื่อคืน "ก็เราจะกลับแล้ว" "เดี๋ยวไปส่ง ต้องไปรับนังบี้ด้วย หรือจะเอาไว้เลี้ยงเอง" "ไม่เอา" เหมือนแพรรีบปฏิเสธทันที "ไตรฉัตร เราบอกว่าให้ปล่อย" เมื่อเขายังไม่ยอมคลายอ้อมแขน เธอก็ดิ้นขลุกขลักเขาก็ยิ่งออกแรงกอดเธอไว้แน่นเช่นกัน อกอิ่มเกยไปที่หน้าอกเขาถูกบดเบียดอยู่อย่างนั้น และครู่ต่อมาเธอก็สัมผัสเข้ากับน้องชายตัวใหญ่เขาอย่างจังอีกครั้ง เหมือนแพรดิ้นขลุกขลักได้อีกครู่เดียว เธอก็ต้องถูกเขาพันธนาการไปอีกครั้ง ถุงยางอนามัยอีกชิ้นที่วางอยู่ข้างเตียงถูกฉีกซองออกในตอนเช้า เมื่อเธอยิ่งขัดขืนไตรฉัตรก็ยิ่งเล้าโลมจนร่างอรชรนอนดิ้นพล่านอ่อนระทวย จากอากาศหนาวเมื่อครู่กลายเป็นไอร้อนจนสองร่างชุ่มไ
เหมือนแพรรีบตะแคงข้างหนีสายตาคมที่จ้องราวกับจับผิดเธอ แต่แขนแกร่งก็ยังไม่คลายอ้อมแขน เมื่อเธอพลิกตัวหนีเขาก็ตะแคงตัวซ้อนตามคนตัวเล็กมาติดๆ "เจ็บไหมเบบี๋" ไม่พูดเปล่า ไตรฉัตรยังไล้นิ้วไปที่เนินเนื้ออวบอูมด้านล่าง จนเหมือนแพรต้องหนีบขาแน่น แล้วปัดมือเขาออก แต่แขนที่มีมัดกล้ามแน่นๆ นั้นปัดอย่างไรก็ไม่พ้นทาง นิ้วร้ายเริ่มกรีดกรายตามรอยแยกอีกครั้ง "อื้อ..ไตรน่ะ ปล่อยบี๋ก่อน" "ก็ถามไม่ตอบ เมื่อกี้เจ็บไหม" ไตรฉัตรกระซิบอยู่ที่ริมใบหู ลมหายใจอุ่นๆ ทำเอาเหมือนแพรลืมคำถามที่เขาถาม "เจ็บซิ" เหมือนแพรเริ่มดิ้นขลุกขลักเพราะนิ้วยาวของเขาเริ่มซุกซนก่อกวนนอกจากแหวกกลีบกุหลาบให้แยกแล้วยังไล้นิ้วเขี่ยขยี้อยู่แถวช่องทางรัก จนเธอเผลอเกร็งท้องน้องคิดว่าเขาจะกดนิ้วลงไปเสียอีก แต่ก็เพียงวนเวียนอยู่แบบนั้น "อื้อ..ไตร..พะ..พอแล้ว" เสียงกระเส่าเอ่ยแทบไม่เป็นคำ มือเล็กดันแขนเขาให้ออกห่าง แต่แขนเขาแข็งแรงมากจนมันไม่ขยับไปทางไหน จนเธอเผลอจิกเล็บเขาที่แขนเขาไว้แน่น "เสียวไหม" "อ๊ะ .." เหมือนแพรแหงนหน้าขึ้น แล้วก็กัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น เพราะมันคอยจะส่งเสียงลามกออกมา "พอจริงหรือ" เสียงทุ
ฝ่ามือใหญ่ดึงชายผ้าขนหนูออกมาเพียงนิด ก็เผยให้เห็นร่างอรชรขาวผ่องอวดสายตา ไตรฉัตรแอบลอบกลืนน้ำลายจากที่เคยเห็นภายนอกเขาคิดว่าเธอก็คงธรรมดา หน้าอกอิ่มแม้ยามเธอใส่ชุดเซ็กซี่มันก็ไม่ได้ดูใหญ่โตขนาดนั้น แต่ที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ อีกทั้งฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมไว้ทั้งเต้าจนเต็มมือมันอวบอิ่มอยู่ไม่น้อย เขาก้มลงมาดูดยอดอกสีอ่อนชูชันอีกข้าง เหมือนแพรสะดุ้งตัวนิด แต่เมื่อปากเขาดูดเน้นเธอก็แอ่นอกขึ้นหา มือเรียวสอดเข้าไปที่เรือนผมดกดำของเขา ปลายนิ้วขยุ้มเบาๆ ยามเมื่อลิ้นร้ายกวัดเกี่ยวยอดไตแข็งชูชัน อีกข้างก็ถูกปลายนิ้วเรียวเขี่ยขยี้ เขาย้ายจากข้างนั้นก็ไปข้างนี้อย่างไม่รู้เบื่อหน่าย "อะ..อื้อ.." เหมือนแพรเริ่มส่งเสียงในลำคออย่างไม่อาจกลั้น ยามเมื่อคนด้านบนเริ่มรุนแรงขึ้นมันไม่ได้เจ็บแต่กลับเสียวซ่านไปทั้งตัว เหมือนแพรสัมผัสได้ถึงแรงบีบตัวที่ช่องทางว่างเปล่าด้านล่างกลางกายสาว จนอยากให้เขาเข้ามาสัมผัส มือใหญ่ลูบไล้ผิวเนียนจนมาถึงจุดที่เธอเพิ่งเผลอคิดเตลิดไปเมื่อครู่ นิ้วยาวกรีดตามรอยแยกที่ปิดสนิทปลายนิ้ววนเวียนอยู่ปากทางรักที่ฉ่ำแฉะ แค่เพียงนิ้วเขาจุ่มลึกลงไปเหมือนแพรก็ผวาตัวเข้าหารั้งแขนแกร่งเขาไว้เป
ใบหน้าหวานปรือตามองคนตัวโตอย่างรอคอยคำตอบ มือใหญ่ยังไม่ปล่อยจากท้ายทอยเธอ ใกล้กันเพียงนิด แต่เหมือนยิ่งรู้สึกไกลเขาขึ้นไปอีกเพียงเพราะคำพูดที่เธอเผลอเอ่ยปากออกมานั่นหรือเปล่า อีกใจก็หวาดหวั่นไม่น้อยกลัวเขาจะปฏิเสธ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะเรื่องที่เธอได้ยินมา มันถึงช่วยเพิ่มความกล้าให้เธอถึงขนาดนี้ "ถ้าผ่านคืนนี้ไปแล้ว ความเป็นเพื่อนของเรามันอาจจะไม่เหมือนเดิมนะ" เสียงทุ้มเอ่ยเตือนคนตัวเล็ก "ความจริงสำหรับเรา มันไม่เหมือนเดิมตั้งแต่ที่เธอปฏิเสธเราคราวนั้นแล้ว ไหนๆ เธอก็ปฏิเสธเราอีกครั้ง ผ่านคืนนี้ไปเราอาจจะเป็นแค่คนรู้จักกันเฉยๆ ก็ได้" "เธอแน่ใจนะ" "อื้ม" "ไปคอนโดเรานะ" ไตรฉัตรกระซิบบอก เหมือนแพรจึงได้แต่พยักหน้า ภายในรถยังคงไม่มีเสียงของคนทั้งสอง เหมือนแพรได้แต่หันหน้ามองไปข้างกระจก ไม่ได้สนใจคนขับรถที่คอยจะหันมามองเธออยู่บ่อยๆ ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสนิท แต่กลับมองไม่เห็นดวงดาวสักดวง คงมีแต่แสงสายฟ้าที่แลบลงมาเป็นระยะๆ และเวลาต่อมาสายฝนก็โปรยปรายลงมาพอให้ชุ่มฉ่ำ จากสถานบันเทิงไตรฉัตรขับรถเพียงไม่นานก็มาถึง คอนโดหรูใจกลางเมืองราคาแต่ละห้องแทบจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้
อ้นขึ้นเสียงใส่แล้วก็จับแขนบี๋ให้เดินตามออกมา แต่ไอ้มอสก็รั้งแขนเธออีกข้างไว้ เหมือนแพรพยายามสะบัดให้หลุดแต่มันก็ไม่หลุด เมื่ออ้นหันไปจะผลักออก แต่กลับโดนไอ้มอสชกเข้าที่ปากอย่างจัง เมื่อมืออ้นหลุดจากเหมือนแพร เธอก็ถูกมอสดึงให้ไปยืนอยู่ข้างๆ "ปล่อยนะมอส" เหมือนแพรดึงมือออกจากการเกาะกุมอย่างยากลำบากกว่าจะหลุดออกมาได้ แต่พอหลุดออกมาได้เธอก็รีบวิ่งออกมา อ้นรีบคว้าแขนไอ้มอสไว้เพราะมันจะจับเหมือนแพรอีกครั้ง รั้งให้มันถอยหลังไปเกือบชนผนังห้องน้ำ เมื่อตั้งหลักได้ มอสก็ถลาเข้าใส่เหมือนแพรอีกครั้ง เธอรีบวิ่งมาได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ชนกับร่างใหญ่ของไตรฉัตร ที่วิ่งขึ้นบันไดมาอย่างรีบร้อน เขาคว้าเธอไว้ในอ้อมแขน ไอ้มอสที่กำลังจะถึงตัวเธอ จึงถูกเขาถีบจนหงายหลังไปนั่งกับพื้น "มึงเลิกยุ่งกับบี๋ได้แล้วไอ้มอส ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน" เสียงทุ้มต่ำเน้นคำพูดทีละคำ สายตาคมดุยิ่งดูเย็นชาจ้องหน้าไอ้มอสเขม็ง เหมือนแพรสะอื้นตัวโยนอยู่ในอ้อมกอดของไตรฉัตร เขาลูบผมเธอสองสามครั้ง ก่อนจะรั้งเอวให้เธอเดินออกมาจากตรงนั้น โดยมีอ้นเดินตามออกมาด้วย โดยไม่สนใจไอ้มอสที่ยังนั่งอยู่กับพื้นตรงนั้น มอสก้มมอง
"พูดมาอ้น ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น" เหมือนแพรยังไม่ยอมถอยห่างจากหน้าประตูยืนขวางอ้นไว้อย่างนั้น สายตาคาดคั้น จนในที่สุดอ้นก็ทนไม่ไหว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เผื่อคนทั้งสองจะเข้าใจกันมากขึ้น กลับมารักกันอีกครั้งได้ "ก็ที่ไอ้ไตรมันปฏิเสธเธอ เพราะไอ้มอสไปบอกมันว่าไอ้พีมันชอบเธอ" เสียงถอนหายใจหนักๆ ของมอสก่อนจะเอ่ยปากเล่า แต่เมื่อเหมือนแพรได้ฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก "เกี่ยวอะไรกับพี" "ไอ้ไตรกับไอ้พี มันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เคยทะเลาะตีกันเกือบตายตอนม.ปลายเพราะชอบสาวคนเดียวกัน มันเลยสัญญากันไว้ว่าจะไม่ชอบผู้หญิงคนเดียวกับเพื่อนอีก" "แล้วเกี่ยวอะไรกับเรา พีไม่ได้ชอบเราสักหน่อย" "ก็ไอ้มอสมันไปบอกไอ้ไตรแบบนั้น บอกว่าไอ้พีมันรักเธอ กำลังจะขอเธอคบเป็นแฟน ไอ้ไตรมันเลยปฏิเสธ เพราะไม่อยากเสียเพื่อน แต่สุดท้ายเธอกลับไปคบกับไอ้มอส ทุกคนก็เลยงง ไล่ไปไล่มาจนสุดท้ายเราไปถามไอ้พี มันบอกไม่เห็นรู้เรื่อง ถึงได้เข้าใจว่าไอ้มอสมันโกหก เพราะมันก็ชอบเธออยู่" เหมือนแพรส่งโทรศัพท์คืนให้อ้น เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีหรือควรจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองตอนนี้อย่างไร มันชาวูบไปทั้งตั