เมื่อลากเธอกลับมาถึงบ้านไม้สักของเขาแล้ว เขาก็ผลักเธอไปที่โซฟาอย่างแรงทันที
"..." เธอรู้สึกเจ็บมาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาด้วยเพราะไม่อยากเสวนาให้เขาได้ต่อว่าเธออีก "ไปทำงานบ้าน" "พี่บัวทำหมดแล้วไม่ใช่หรอคะ" เธอถามเสียงเรียบ บ้านเขาตอนนี้สะอาดมาก เหมือนพึ่งทำความสะอาดไป "ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้พี่บัวมาทำที่นี่แล้ว และป้าแววก็จะไปทำแค่บ้านใหญ่ เพราะฉนั้นที่นี่เธอต้องทำ" "ฉันทำงานที่ไร่ฉันก็เหนื่อยมากแล้วนะคะ" เธอส่งสายตาตัดพ้อให้เขา เพราะทุกวันนี้เธอก็เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดจริงๆ "เธอคงลืมว่ามาอยู่ในฐานะอะไร" "ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันก็ต้องทำงานทั้งในไร่ และก็ในรีสอร์ททุกวัน ฉันก็เหนื่อยเป็น" "อันนั้นมันปัญหาของเธอ ไว้หาผัวรวยได้เมื่อไหร่ค่อยไปอยู่สุขสบาย เพราะถ้าคิดว่าได้นอนกับฉันแล้วจะสบาย เธอคิดผิด" "ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น" เธอตอบเสียงแข็ง "ฉันเข้าใจผิดหรอกหรอ คิดว่าเธอชอบอะไรที่สบาย" "เอาเป็นว่าฉันจะทำงานบ้านให้คุณด้วย ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เหนื่อยแล้ว" "แล้วทำไมเธอยอมง่ายๆ?" "ฉันเหนื่อยจะเถียงค่ะ ไว้ฉันมีคนเข้ามาแบบที่คุณว่า ฉันก็จะสบายเอง" "นี่เธอ!!!" "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวไปทำงานบ้านก่อนนะคะ มีงานต้องทำเยอะ" เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกแล้ว เธอจะยอมทำทุกอย่างที่เขาให้ทำเลยแล้วกัน จะได้ไม่ต้องมีปัญหากัน วันนี้เธอเหนื่อยมาก เหนื่อยกายจนอยากจะฟุบลงแล้วหลับไปเลย "อ่อใช่สิฉันลืมไป เธอยอมเอาตัวเข้าแลกกับที่แค่ไม่กี่ไร่ ฉันก็เชื่อแล้วแหละ" เขายังเหยียดหยามเธอไม่หยุด เธอหันหลังกำลังจะเดินออกไป แต่ทว่า "น่าแปลกจริงๆ ที่ดินขี้ปะติ๋วแค่นั้นที่อยากได้นักอยากได้หนา จะทำให้ครอบครัวเธอดีขึ้นมาได้ ถึงขั้นเอาลูกสาวมาแลก หน้ารังเกียจกันทั้งบ้าน" เธอหันหน้ามาทันทีไม่รอช้า ตบหน้าเขาไปเต็มแรงด้วยความเจ็บใจ "ฉันยอมได้นะ คุณจะด่าจะว่าฉันอะไรฉันทนหมด แต่อย่ามาด่ามาว่า หรือแตะต้องครอบครัวของฉัน ฉันไม่ยอม" เธอพูดขึ้นด้วยความอัดอั้น "..." เขาแค่ตั้งใจจะพูดยั่วเธอเฉยๆ ไม่คิดว่าเธอจะโกรธมากขนาดตบหน้าเขาได้ นี่เป็นครั้งแรกเลย ครั้งแรกจริงๆ "ดีแต่คุณสินะ คนอย่างฉันมันไม่มีอะไรดีหรอก ไม่เคยดี แต่ครอบครัวของฉันดี ฉันรักพวกเขามาก คุณอย่าได้แตะต้องครอบครัวฉันอีก!!!" "..." ขุนเขาพูดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้ "อย่าให้ฉันต้องรู้สึกแย่กับคุณไปมากกว่านี้เลย ฉันพยายามจะไม่เกลียดคุณ เพราะคิดเสมอว่าสิ่งที่ฉันทำก็ไม่ถูก ถึงฉันจะไม่มีค่า ไม่มีเกรียติ ไม่มีศักดิ์ศรี แต่ฉันก็มีพ่อมีแม่ พ่อแม่ของฉันมีศักดิ์ศรี คือที่สุดของชีวิต เพราะแบบนี้ไม่ว่าคุณหรือคนไหนๆ ก็อย่ามาแตะต้อง!!!" เธอพูดขึ้นเสียงดัง พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย อย่างเจ็บปวดหัวใจจนแทบจะระเบิดออกมา ก่อนจะวิ่งออกไปจากบ้านเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นพฤติกรรมเขา ที่ร้ายกาจขนาดนี้ ทั้งการกระทำและคำพูด ปกติจะด่าว่าเธอ แต่จะไม่มีอะไรลามปามถึงพ่อแม่เธอแบบนี้ เธอเสียใจมาก และรีบหอบสังขาร ที่ร้องไห้จนตัวโยนออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด "นิสา... เดี๋ยว นิสา!!! โถ่เว่ยยยยยยยย" เขาก็โมโหตัวเองเหมือนกัน ทำไมปากพล่อยไปแบบนั้นได้ "ฮึกๆ ฮึก" เธอหลบมาร้องไห้หน้าแดงจมูกแดง อยู่ข้างบ้านพักคนเดียว "พี่นิสา พี่นิสาเป็นอะไร" แตงกวาเมื่อเห็นแบบนั้นก็เดินมาถามทันที เพราะไม่รู้ว่าพี่สาวคนสนิทเป็นอะไรไป "แตงกวา ฮื้อ ฮึกๆ" ชนิสาจ้องไปที่แตงกวาแล้วก็ก้มลงร้องไห้ต่อ "ใครทำอะไรพี่นิสา" แตงกวาถามด้วยความเป็นห่วง "พี่...ฮึกๆๆๆ" เธอพูดไม่ออกได้แต่ร้องไห้ออกมา "คนสวยๆ จะร้องไห้ได้ไง คนสวยอย่างเราต้องเชิดเข้าไว้" แตงกวาที่พอจะเดาอะไรได้ ก็พูดปลอบใจชนิสาทันที จบคำพูดของแตงกวา ชนิสาเงยหน้าขึ้นมาทันทีด้วยสภาพที่ ตาแดงจมูกแดงผมยุ่งเยิง ทำให้แตงกวาแกล้งหัวเราะออกมา และแซวเธอ ไม่นานชนิสาก็หัวเราะตาม และทั้งสองคุยกันหัวเราะเหมือนกับว่าพยายามจะฝั่งกลบเรื่องร้ายๆ นี้ ออกจากสมองของเธอให้ได้เร็วที่สุด เมื่อเธอได้มานั่งคุยกับแตงกวา เธอก็รู้สึกดีขึ้นมากๆ เธอยังจำวันที่เข้ามาที่นี่วันแรกได้ดี มีแตงกวากับนที ที่คอยช่วยเหลือเธอทุกอย่าง ทำให้เธอสัมผัสได้ว่าทั้งคู่เป็นคนดีมาก มากกว่าเจ้านายของพวกเขา ที่เป็นคนร้ายกาจยิ่งกว่าอะไร จากเหตุการณ์วันนี้เธอโกรธเขามาก มากจนจะทนมองหน้าเขาไม่ได้แล้ว เธอไปทำอะไรให้ เขาต้องโกรธต้องเกลียดเธอขนาดนั้นกัน "อาหารเย็นค่ะ คุณขุนเขา" "พี่บัว เอ่อ...นิสา เขาไปไหนแล้ว" "นิสา กลับไปพักแล้วค่ะ บอกบัวว่าปวดหัวมาก ให้บัวมาทำงานแทนก่อน" "เป็นหนักเลยหรอ" "ก็เห็นว่าตาแดง จมูกแดงหมดเลยค่ะ ป้าแววก็เอายาให้กินแล้ว" "ถ้างั้นไม่มีอะไรแล้ว พี่บัวก็กลับไปพักเถอะ เดี๋ยวผมเก็บโต๊ะเอง" "ค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ" ณ หน้าบ้านพักพนักงาน "อะ แฮ่ม!!" นทีกระแอมให้คนที่ยืนด้อมๆ มองๆ อยู่นานหลายนาทีแล้ว "ไอ้นที มึงมาทำอะไรที่นี่" "แล้วคุณขุนเขามาทำอะไร" นทียอกย้อน "มึงหุบปากไป" "เหลือเวลาอีกแค่ 6 เดือนไม่ใช่ตั้ง 2 ปีแบบที่ผ่านมาแล้วนะ" นทีพูดเสียงเรียบ "มึงอย่ารู้ดี" "ไม่รู้ดีก็ได้ ถ้าร้องไห้เหมือนหมา เวลาเขาไปก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ" "จะไปไหนก็ไปมึงอะ ลำคาญ" เมื่อนทีไปแล้ว เขาก็แอบย่องเข้าห้องเธอทันที และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขาเข้ามาที่นี่เพราะฉนั้นทำไมจะเข้าไม่ได้ เพียงแต่พยายามไม่ให้เธอรู้แค่นั้น แกร๊ก เสียงเปิดประตูเบาๆ คนที่หลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา ยังไม่รู้สึกอะไรว่ามีผู้บุกรุก ทั้งยังนอนได้น่ารักเหมือนแมวอีก "เธอนี่มัน ยัยแม่มด" เมื่อเห็นหน้าจิ้มลิ้มของเธอเขาก็อดเอ็นดูไม่ได้ และก็อยากโกรธตัวเอง ที่ขยันหาคำพูดมาพูดให้เธอรู้สึกไม่ดี แต่จะทำยังไงได้ละ ก็... "นี่กินยาเยอะขนาดนี้เลยหรอ" เพราะเขาเห็นยาที่หัวเตียงเธอ เธอคงเหนื่อยมากจนไม่สบายสินะ หรืออาจจะเป็นเพราะคำพูดของเขา ที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ เขาเอานิ้วเกลี่ยเส้นผมที่บังหน้าของเธอออก จากนั้นก็นั่งจ้องหน้าเธอยู่นับสิบนาที ก่อนจะลุกขึ้นถอดเสื้อคลุมออก และมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มฝืนเดียวกันกับเธอ และกอดเธอไว้แนบแน่น และตัวเธอเองก็ด้วยความเคยชิน ตลอดเวลาที่อยู่กับเขามาปีครึ่งนี้ เขาเรียกหาเธอบ่อยมากๆ จนแทบจะนอนด้วยกันทุกคืน เมื่อเขากอดแบบนี้เธอก็กอดตอบ แบบไม่ได้รู้สึกผิดแปลกอะไร เวลาล่วงเลยมาถึงเช้ามืด ด้วยการที่กลัวจะเสียฟอร์มขุนเขาก็รีบดีดตัวลุกขึ้น และออกจากห้องเธอไป ก่อนเธอจะตื่น และพนักงานที่นี่จะมาเห็น เพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขามันบ้าขนาดไหน ด่าว่าเธอสาระพัด แต่ก็แอบมาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ น่าอายชมัดทุกๆ คำพูดของคนทั้งสองที่โต๊ะนั้นคุยกัน แบมไพลินได้ยินทั้งหมด และเธอแสยะยิ้มออกมาทันที เพราะคิดอะไรได้เมื่อขุนเขากลับมาอาหารทั้งหมดก็มาวางอยู่บนโต๊ะแล้ว และเขาก็นั่งกินทันที แบบไม่สนใจหญิงสาวตรงหน้า"พี่ขุนเขากินปลากะพงทอดน้ำปลานี่สิค่ะ น่าอร่อยมากเลยนะ" หญิงสาวำพูดพร้อมกับตักใส่จานให้"ครับ" ขุนเขาพูดแต่ไม่สนใจจะกินที่แบมไพลินตักให้แม้แต่น้อย"พี่นิสาน่าจะชอบกิน พี่ปริ้นถึงสั่ง""..." ขุนเขาชงักไปเล็กน้อย พร้อมกับเปลี่บนมาตักปลาชิ้นนั้นเข้าปาก"อร่อยใช่ไหมคะ" แบมไพลินถามพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา"อร่อยดีครับ" แล้วขุนเขาก็กินต่อ แบบไม่สนใจจะดูแลเทคแคร์อะไรคนตรงหน้าแม้แต่น้อยแบมไพลินก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา เพราะเธอรับรู้แล้วว่า ระหว่างขุนเขากับชนิสา ต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เธอจะเป็นคนขัดขวางทุกอย่างเองเมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว ทั้งสองคนก็เดินออกมาจากร้านอาหาร และขุนเขาก็รีบเดินตามออกมาติดๆ พร้อมกับแบมไพลิน ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเพราะขุนเขาไม่สนใจจะรอเธอ"มึงจะไปไหน" ขุนเขารีบถามขึ้น"ไปนั่งฟังเพลง มึงมีอะไร" ปริ้นถามอย่างลำคาญ"กูไปด้วย" ขุนเขาพูดด้วยท่าทางกวนๆ แต่ตาก็เหลือบมองชนิ
เมื่อถึงเวลาเลิกงานของชนิสาปริ้นก็รีบวิ่งแจ้นมานั่งรอทันที วันนี้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะพาเธอไปเที่ยว"พี่นิสาคุณปริ้นมารับพี่นิสาไปเที่ยวหรอ" แตงกวาถามด้วยความแปลกใจ"งานพี่ยังไม่เสร็จเลยแตงกวา" ชนิสาพูดแบบไม่สนใจ"แสดงว่าจริง""ก็คงงั้นมั้ง" ชนิสาก็ยังคงใจจดใจจ่อในงาน"นี่พี่นิสา หยุดเถอะเลิกงานแล้ว" แตงกวาพูดพร้อมกับจับมือชนิสาไว้"...""อย่าทุ่มเทอะไรให้คนที่เขาไม่เห็นค่าเลยนะ ลองเปิดใจให้คนที่เขาเห็นค่าเถอะ มันอาจจะดีก็ได้ เชื่อแตงกวานะ" แตงกวาพูดพร้อมกับมองหน้าชนิสา"พี่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกแตงกวา" ชนิสาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ"เขาไม่เคยแคร์พี่นิสาเลย ตอนนี้ก็พาคนอื่น เข้ามาทำงานแทนเราจนวุ่นวายไปหมด ไม่เคยมาสนใจด้วยว่าพี่นิสาจะรู้สึกยังไง" แตงกวาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยใจ"พี่...""พี่นิสาลองเปิดใจไปเที่ยวกับคุณปริ้นดูนะ อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อน""...""ไปเถอะนะพี่นิสา พอแล้วไม่ต้องทำงานแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ ออกไปเที่ยวในเมืองดีกว่า" แตงกวาพูดพร้อมกับปิดคอมแล้วดึงชนิสาลุกขึ้นทันทีและเมื่ออาบน้ำแต่งหน้าเสร็จแล้ว แตงกวาก็เป็นเลือกชุดให้ชนิสาใส่ เป็นชุดของเธอที่ซื้อแล้ว แทบจะไม่ได้
ชนิสา Talkเมื่ออยู่กันตามลำพัง แบมไพลินก็ไม่สนใจงานอะไรเลย เอาแต่เล่นโทรศัพท์ จนเวลาล่วงเลยมาเป็นชั่วโมง"คุณแบม ถนัดงานด้านไหนบ้างคะ" ชนิสาเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า"งานอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องเหนื่อยไม่ต้องร้อน" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด"แต่งานในไร่ต้องเหนื่อยต้องร้อนนะคะ และชุดก็ต้องเป็นชุดที่พร้อมทำงานด้วย อย่างชุดที่คุณแบมใส่มา มันไม่เหมาะกับหน้างานค่ะ" เธอใส่ชุดเดรสสีขาวสะอาด กับรองเท้าส้นสูงราคาแพงสีขาว ซึ่งดูยังไงก็สวยมาก แต่แค่ไม่เหมาะกับงานที่เธอต้องมาทำ"ทำไมเธออิจฉาที่ฉันแต่งตัวสวยแล้วเธอไม่ได้แต่งงั้นหรอ" แบมไพลินเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์แล้วแพร่ดเสียงใส่ชนิสาด้วยความหงุดหงิด"ไม่ใช่แบบที่คุณแบมคิดเลยค่ะ แต่ด้วยงาน..." ชนิสากำลังพูดขึ้นมาแบมไพลินก็ขัดซะก่อน"อะไรที่มันหนักมันเหนื่อย เธอก็ทำไปสิ เธอทำของเธออยู่แล้วหนิ จะให้ฉันต้องมาทำทำไม ฉันไม่ทำให้เสียเวลาหรอกนะ แต่งตัวสวยๆ เดินไปเดินมา ให้พี่ขุนเขาสดชื่น กับให้ลูกค้าชื่นชมดีกว่าไหม เธอควรรู้นะว่าอะไรเป็นอะไร" หญิงสาวพูดออกมาอย่าหงุดหงิด"พี่ไม่ได้จะอยู่ทำตลอดไปหรอกนะคะ คุณผู้หญิงถึงได้บอกให้สอนงานคุณ พี่เลยอย
ชนิสา Talkเมื่อนั่งทำงานที่ออฟฟิตได้สักพัก ก็มีคนเดินเข้ามาทักทาย ซึ่งเธอก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย"สวัสดีครับนิสา" เป็นเสียงอันหล่อเหลาไม่แพ้หน้าตา"อ้าว คุณปริ้นสวัสดีค่ะ" ชนิสาก็ทักทายกลับไปทันที แต่ก็ยังคงแสดงสีหน้าสงสัย"อ่อ พอดีผมว่างๆ เลยแวะมาเที่ยวครับ นี่ครับของฝากจากกรุงเทพฯ" และปริ้นก็ยื่นกล่องบางอย่างให้เธอ"ขอบคุณมากนะคะ สวยมากเลย" เป็นโบว์สีขาว คล้ายๆ กับแบบที่เธอชอบใส่"พอดีไปเดินเล่น แล้วเห็นว่าเหมาะกับนิสาเลยซื้อมาฝากครับ เห็นว่านิสาทำผมทรงนั้นพร้อมกับใส่โบว์แล้วสวยดี" ปริ้นพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ชนิสาพูดพร้อมกับก้มหน้าให้เล็กน้อย"ไม่เป็นไรเลยครับ เต็มใจมากๆ""เชิญนั่งก่อนค่ะ ตามสบายนะคะ" และหญิงสาวก็ลุกขึ้นไปเอาน้ำ มาให้ชายหนุ่มตรงหน้า เพราะเธอว่างจากงานบ้างแล้ว"ขอบคุณครับ งานยุ่งมากเลยหรอครับ" เมื่อเห็นว่าหญิงสาว ยังใจจดใจจ่อตั้งใจทำงานเขาเลยถามขึ้น"ตอนเช้าก็จะยุ่งแบบนี้ทุกวันค่ะ ต้นเดือนด้วย" เธอชงักไปกับคำว่าต้นเดือน เพราะสิ้นเดือนหน้าเธอก็หมดสัญญาแล้ว..."นิสานี่ตั้งใจทำงานจังเลยนะครับ""..." หญิงสาวยังคงคิดอะไรอยู่"ไอ้ขุนนี่โชคดีจริงๆ เล
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาชนิสาก็อาบน้ำแต่งตัว ไปทำงานปกติ แต่ก็เจอกับแบมไพลินที่ยืน คุยอยู่กับนทีแบบไม่สบอารมณ์ ทั้งนทีที่แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาอย่างชัดเจน"มีอะไรกันหรือเปล่าคะคุณแบมพี่นที" ชนิสารีบเข้าไปถามทันที เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มมาคุ"ฉันจะไปหาพี่ขุนเขา แต่นายนทีมาว่าฉัน""ผมไม่ได้ว่าครับ ผมแค่ให้คุณแบมเข้าไปดูงานในออฟฟิตก่อน มันเป็นงานที่ต้องทำก่อน ไม่ใช่ว่าไปหาคุณขุนเขาตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่อง" นทีตอบกลับแบบไม่ค่อยพอใจ"นี่ไง! นายกำลังว่าฉัน""ผม!""คนงานอย่างนายมาเกี่ยวอะไรด้วย อนาคตฉันจะเป็นนายหญิงของที่นี่ ฉันจะทำอะไรก็ได้" แบมไพลินแพร่ดเสียงดัง"ผมเปล่าว่า ผม..." นทีกำลังอธิบาย"เอ่อ คืออย่างนี้ค่ะคุณแบม ตอนเช้ามาเราต้องเข้าออฟฟิตเข้าระบบทุกอย่างก่อน เพื่อดูพนักงานว่าคนไหนขาดลา มาสาย ต้องอยู่ตรงนั้นแตั้งแต่ 8 โมงถึง 9 โมงค่ะ มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ" ชนิสาอธิบายอย่างใจเย็น"เธอก็ไปทำสิ ปกติก็หน้าที่ของเธอไม่ใช่หรือไง""ก็ใช่ค่ะ แต่คุณผู้หญิงบอกมาเองเลยว่าให้สอนงานคุณแบมเหมือนที่ฉันทำทุกอย่าง คุณแบมจะได้รู้ทุกหน้าที่""ฉันจะเป็นนายหญิงนะ ฉันจะทำหรือไม่ทำก็ได้ คนงานเยอะแยะ พนัก
เมื่อพ่นน้ำไปไม่รู้ตัว ขุนเขาก็รีบดึงทิชชู่มาเช็ดให้ในทันที"โทษๆ วะมึง""มึงเป็นเหี้ยไร ห่าโดนกูเลยเนี่ย" ปริ้นพูดพร้อมกับเช็ดไปด้วย"เอ้อๆ กูเช็ดให้นี่ไง""ไม่ต้องเลย กูเช็ดของกูเอง เสื้อแพงนะเว้ย" ปริ้นยังบ่นไม่หยุด"แล้วมึงบอกว่าอยู่หลายวันนี่ยังไง" ขุนเขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ"ก็กูเบื่อๆ อะ ไอ้ห่าพวกนั้นก็ไม่ว่างกัน ไอ้คชาก็ติดลูกติดเมีย กูเลยมาหามึง""แล้วมึงก็มาตั้งไกลเนี่ยนะ" ถามด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด"ไกลเหี้ยไร แค่นี้กูขับรถ 3 ชั่วโมงเองสบาย" ปริ้นพูดอย่างสบายใจ"ห่าไรละ แต่ก่อนกูให้มาหาบอกไกลบอกไม่สะดวกมา"เมื่อก่อนขนาดมีงานอะไรที่ไร่เขา ไอ้พวกนี้ยังปฎิเสธจ้าละหวั่นกัน ถ้าไม่ใช่งานแต่งหรืองานศพ ไอ้พวกห่านี่อย่าหวังว่าจะได้เห็นหน้าพวกมัน"ก็วันนี้ไม่เหมือนกัน กูมาเพราะมีเป้าหมาย""อะไรของมึง" ขุนเขาหรี่ตาถาม"กูมาจีบนิสา" ปริ้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"..." ขุนเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก"กูบอกที่บ้านกูแล้ว ป๊าม้าโอเค อาม่ารอรับหลานสะใภ้ ทั้งเฮียและเจ่เจ้ถามใหญ่เลยว่าจะพาไปสวัสดีวันไหน" ปริ้นพูดพร้อมกับยิ้มออกมา"ที่บ้านมึงไม่ว่าหรอถ้าคนนั้นคือผู้หญิงธรรมดา" ก็ถามไปแบบนั้นแหละ