พิชชามองหน้าเขาและหันไปมองในตัวบ้าน เธอนึกออกแล้วว่าที่คุ้นหน้าผู้ชายคนนี้ ความคุ้นนั้นมาจากไหนมันมาจากหน้าของลูกฝาแฝดของเธอนั่นเอง หญิงสาวขาอ่อนจนธาดาต้องเอื้อมมือข้ามรั้วเตี้ยๆ นั้นมาพยุงตัวเธอไว้
เธอเกาะรั้วและเบี่ยงตัวออก ในใจเหมือนมีกลองตีจนอื้ออึงไปหมด เธอไม่เคยรู้เลยว่าอนันต์ได้สเปิร์มมาโดยเจ้าของไม่อนุญาตแล้วเธอจะทำอย่างไร
“แต่พี่หมอบอกฉันว่า มันเป็นสเปิร์มที่มีคนบริจาค ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้เมคเรื่องขึ้นเอง”
“คุณคิดว่าคนอย่างผม จะบริจาคสเปิร์มมั่วซั่วให้ใครก็ได้งั้นหรือ จะบอกให้ว่าผมเก็บสเปิร์มไว้ที่โรงพยาบาลสำหรับภรรยาในอนาคตที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้บริจาคให้ใครก็ได้”
“ถ้าคุณพิชชาจะให้เราเข้าไปคุยข้างใน ผมมีเอกสารหลักฐานทั้งหมด รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่คุณหมอหยิบสเปิร์มของคุณใหญ่ออกมาจากตู้เก็บด้วยครับ และมีบันทึกเสียงคำสารภาพของเขาอยู่ด้วยถ้าคุณอยากฟัง”
ฌานถือแฟ้มเอกสารที่เขานำติดตัวลงมาจากรถ ขณะที่พิชชาสมองมึนงงคิดอะไรไม่ออก เธอกำลังช็อก!
พิชชาโทรตามพี่สาวพี่เขยที่มีบ้านในรั้วเดียวกันมานั่งฟังด้วย เธอเปิดประตูให้ธาดาและฌานเข้ามา แผนที่เธอจะพาลูกไปข้างนอกคงต้องพักไว้ก่อน เธอจึงให้แม่บ้านจัดการเสริฟน้ำแล้วพาเด็กๆ ไปทานของว่างแทน
“แล้วเราจะไม่ไปข้างนอกแล้วเหรอแม่” ณพิชย์ถาม
“ไปลูก แต่รอแม่คุยธุระเสร็จก่อนนะ” พิชชาตอบลูกชาย
“พุทไปเล่นเกมกันเถอะ” พิชนันท์เดินขึ้นชั้นบน พิชชารีบหันมาสั่งแม่บ้าน
“อย่าให้น้องเล่นเกมนานนะ ชม.เดียวพอ”
พิมาลาและอัทธกานต์มาถึงพอดี ธาดาและฌานจึงแนะนำตัวอีกครั้ง เมื่อฟังเรื่องทั้งหมดและได้ดูเอกสารแล้วพี่สาวจึงทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกไปอีกคน แต่คนละเหตุผลกับน้องสาว
“ไหนพราวบอกว่ามีแฟนแล้วเลิกไปไง” พิมาลาไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาวตั้งครรภ์ได้เพราะความช่วยเหลือจากนายแพทย์อนันต์ หากเธอรู้คงไม่ยอมแน่ๆ
ธาดามองคนที่ทำหน้าจืดเจื่อนเมื่อความลับแตกด้วยสีหน้านิ่งขรึม ส่วนอัทธกานต์ถอนใจเมื่อเห็นเอกสารทั้งหมด มันชัดเจนว่าฝ่ายผิดคือพิชชาจนเขาไม่รู้จะหาอะไรมาช่วยเธอได้
“คุณพราวผิดจริง แต่เธอไม่ทราบว่าสเปิร์มนั้นเป็นของคุณธาดา เธอไม่รู้ว่าคุณไม่ได้อนุญาตให้ใช้กับใครก็ได้ ไม่ทราบว่าทางคุณจะพอมีทางไหนให้เราชดเชยหรือแก้ไขได้ไหมครับ ไหนๆ เจ้าสองแฝดก็เกิดแล้วมันย้อนเวลากลับไปไม่ได้”
“ผมไม่ได้อยากได้อะไรชดเชย แต่ผมอยากได้ของที่ถูกขโมยมาคืนไปเหมือนเดิม” ธาดาพูดด้วยท่าทีสงบ
พิชชาทำหน้าข้องใจ
“ทำไมคุณพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ล่ะ ฉันจะจับลูกยัดกลับเข้าท้องแล้วคืนไอ้สเปิร์มนั่นให้คุณได้ไง คิดสิคิด”
“คุณให้ผมคิดแล้วคุณล่ะ ขอโทษผมบ้างรึยังสักคำนึงน่ะ” ธาดาสวนทันทีทำให้หญิงสาวหน้าแดงด้วยความโกรธปนอาย
“พราวใจเย็น เราผิดนะ เขาไม่ผิดอะไรเลยจะไปวีนเขาได้ไง” พิมาลาเตือนน้องสาว
“แล้วก็จะพูดอะไร ช่วยคิดถึงหมออนันต์ด้วย ถ้าผมเอาเรื่องตามกฎหมายจริงๆ รุ่นพี่คุณหมดอนาคตในอาชีพนี้แน่” ธาดาสำทับและนั่นทำให้พิชชากำมือแน่น
“ใจเย็นๆ กันนะครับ อย่างที่คุณอัทธ์พูด เราคงย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ ผมว่าเราหาทางออกร่วมกันดีไหมครับ” ฌานไกล่เกลี่ย อัทธกานต์และพิมาลาเห็นด้วย ส่วนธาดาไม่พูดอะไรแต่พิชชามองเขาด้วยสายตากล่าวหาชัดเจน เธอคิดว่าธาดาทำให้เรื่องใหญ่เกินจำเป็น หากเขาไม่สนใจเรื่องนี้เลยตัวเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร ทำไมมาขออะไรที่เธอให้ไม่ได้
“ก่อนจะหาทางออก คุณต้องรู้ว่าตระกูลผมมีลูกยากมาก ทุกรุ่นไม่เคยมีใครท้องมากกว่าหนึ่งครั้ง คุณควรรู้ว่าความผิดพลาดที่คุณไม่ตั้งใจอาจจะทำให้ผมไม่มีลูกอีกเลยในอนาคต”
เมื่อธาดาพูดจบ หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้างนี่มันตรรกะอะไรของเขา เป็นเรื่องบ้าที่เธอไม่เคยได้ยินว่ามันจะเป็นไปได้
“เป็นเรื่องจริงครับคุณพิชชา ตระกูลเสขสุรักษ์ไม่เคยมีสะใภ้รุ่นไหนท้องมากกว่าหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่หรือคุณย่าของคุณใหญ่ ทุกคนต่างตั้งท้องแค่ครั้งเดียวทั้งชีวิต ว่ากันว่านี่เป็นคำสาปของตระกูลด้วยซ้ำ คุณใหญ่จึงซีเรียสกับเรื่องนี้มากเพราะคุณกำลังจะทำให้เสขสุรักษ์ไม่มีทายาท” ฌานกล่าวเสริมด้วยท่าทางจริงจัง
“นี่พวกคุณล้อเล่นใช่ไหม” พิชชาแทบหาเสียงของตนเองไม่เจอ หากเป็นอย่างนั้นเขาต้องการอะไร
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงหรือว่าจะฆ่าลูกฉัน ฉันไม่ยอมนะ” พิชชาคิดไปร้อยแปดด้วยความวุ่นวายใจ นี่มันยิ่งกว่าวันโลกาวินาศอีก เมื่อเช้าเธอก้าวเท้าผิดออกจากบ้านรึเปล่า
ธาดามองเธอเหมือนเธอพูดอะไรไร้สาระที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา
“ใครจะไปคิดแบบนั้น ผมว่าคุณควรไปเช็กสมองเสียหน่อยนะ”
หน๊อย.....หาว่าฉันบ้า แล้วเมื่อกี้ใครนะที่พูดเรื่องความเชื่อของตระกูลตัวเองที่ดูบ้ามากกว่าเธออีก
“คุณต่างหากที่บ้า คนที่ควรไปเช็กสมองก็คือคุณไม่ใช่ฉัน คิดมาได้ไงว่าการที่ฉันมีลูกเพราะน้ำเชื้อของคุณ มันทำให้คุณไม่มีทายาท”
“ผมว่าเป็นไปได้นะครับ อันที่จริงเมื่อห้าปีก่อนคุณใหญ่เคยจะแต่งงานกับสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ผมขอทราบวันที่คุณผสมเทียมหน่อยนะครับวันไหน” ฌานพูดแล้วก้มลงอ่านเอกสาร ก่อนจะเงยหน้าพูดต่อ
“นี่ไงครับ ตอนแรกคุณใหญ่จะแต่งงานแต่พอคุณผสมเทียมเดือนต่อมา ว่าที่ภรรยาของเจ้านายผมก็บอกเลิกข้อตกลงแล้วย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ผมว่ามันก็เกี่ยวอยู่นะ”
พิชชาตกตะลึง ส่วนพิมาลาและอัทธกานต์มองหน้ากัน
“เจ้านายคุณถูกผู้หญิงทิ้งเกี่ยวอะไรกับฉัน นี่เอาความเชื่อมโยงอะไรมาพูด” พิชชาใกล้สติแตกนี่เขาต้องการอะไรกันแน่
“ผมต้องการของของผมคืน ถึงแม้ว่าวันนี้สสารจะไม่ได้อยู่ในรูปเดิม แต่สสารไม่มีวันเสื่อมสลายไม่ว่าสเปิร์มของผมในตอนนี้อยู่ในรูปแบบใด ผมก็ยืนยันขอรับคืน” ธาดาพูดในขณะที่ลูกน้องกุมขมับ เจ้านายจะมาพูดหลักวิทยาศาสตร์อะไรตอนนี้
“ฉันไม่ให้โว้ย... คนบ้านี่” พิชชาเหลืออดแล้วจริงๆ
“งั้นผมจะเอารุ่นพี่คุณเข้าคุก คุณจะสบายใจใช่ไหมพิชชา” ธาดาย้อน
คำตอบของเขาทำให้พิชชาร้องกรี๊ด ตอนนี้เธอสติแตกแล้วจริงๆ
“หยุด” พิมาลาส่งเสียงห้ามพร้อมกับเอาหนังสือเล่มใหญ่กระแทกบนโต๊ะเสียงดัง พิชชาหยุดเหมือนปิดสวิทซ์
“หยุดทั้งคู่ล่ะค่ะ เราจะไม่ให้มีการพลัดพรากและไม่มีใครเข้าคุก เชื่อว่าคุณธาดาก็ไม่อยากเห็นแบบนั้นใช่ไหมคะ” พิมาลาที่เงียบมานานทนไม่ไหว
“ครับ” ธาดาพยักหน้า
“ขั้นแรกคือเราต้องพาเด็กๆ และคุณธาดาไปตรวจดีเอ็นเอก่อน ผลออกมาว่ายังไงมาหาทางออกกันอีกทีตกลงไหมคะ”
เธอก้าวลงอ่างนั่งลงกับพื้นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เอนศีรษะพิงขอบอ่างที่บุด้วยเบาะอ่อนนุ่ม ธาดาตามลงมาขัดแขนให้เธอจนทั่วสองข้าง“ต่อไปอันนี้พราวทำเองนะ แล้วล้างออกได้เลยผมจะไปรอข้างนอก” ธาดาทำท่าจะลุกขึ้นแต่เธอเรียกไว้“เดี๋ยวค่ะคุณใหญ่ ขัดหลังให้พราวด้วย พราวทำเองไม่ถึง” หญิงสาวนั่งหันหลังให้เขาเธอปลดปมผ้าขนหนูลงจนเห็นแผ่นหลังเรียบเนียน“จะดีเหรอพราว ผมว่าผิวด้านหลังก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่ต้องขัดก็ได้มั้ง” ชายหนุ่มเริ่มคอแห้งกลืนน้ำลายลำบาก“ไม่ได้ค่ะ ทำแล้วก็ทำให้หมด” เธอยืนยัน เขาจึงต้องเริ่มลงเกลือไปทั่วแผ่นหลังเปลือย ธาดาพยายามไม่มองไปทางด้านหน้า ที่ถึงจะมีผ้าขนหนูปิดไว้แต่มันก็ยังล่อตาล่อใจชายหนุ่มแบบเขาเหลือเกิน เขาแข็งใจลงเกลือจนทั่วแล้วรีบลุกออกจากอ่างอย่างรวดเร็ว“พราวล้างตัวได้เลย เสร็จแล้วเรียกผม”ธาดาเดินเร็วๆ ออกมานอกห้อง เขาถอนใจอย่างโล่งอกเจตนาเขาแค่อยากทำความสนิทสนมกับเธอ ยังไม่ได้คิดจะทำเรื่องก้าวล่วงมากกว่านั้น'หรือว่าคืนนี้จะพอแค่นี้ดี' เขาถามตัวเองแต่ขาไม่ขยับออกไปไหน สิบนาทีต่อมาพิชชาส่งเสียงเรียก“คุณใหญ่คะ เรียบร้อยแล้วค่ะเราทำอะไรกันต่อดี” นั่นสิทำอะไรต
พิชชาตามลงมาที่ชั้นล่างตอนนั้นธาดาขนของขึ้นรถหมดแล้ว พิชนันท์และณพิชย์กำลังรอเธอเพื่อจะขึ้นรถท่าทางทั้งคู่ตื่นเต้นมาก“พาเด็กๆ ขึ้นรถเลยก็ได้ค่ะ” เธอรับโทรศัพท์จากพี่สาวไปด้วย สำรวจบ้านไปด้วยว่าลืมอะไรหรือเปล่า พิชชาฟังพิมาลาพูดจากนั้นสีหน้าที่สดชื่นเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยจนธาดาสังเกตุเห็น“เราไม่ไปนะพิม ถ้าพิมอยากไปก็ไปกับพี่อัทแต่เราไม่” เธอพูดแล้วนิ่งฟังปลายสาย สีหน้าพิชชายิ่งนิ่งเฉยมากขึ้น“บอกพวกเขาว่าอย่ามายุ่งกับลูกเรา ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากับลูกจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลแม่ก็ได้ มันไม่ใช่ปัญหาหรอก”พิชชาคุยต่ออีกสองนาทีเธอจึงวางสาย หญิงสาวสั่งงานแม่บ้านและเดินตามออกมา คู่แฝดขึ้นรถเรียบร้อยส่วนธาดากำลังยืนรอเธออยู่“มีอะไรรึเปล่าพราว” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม“ไม่มีอะไรค่ะ” พิชชาปฏิเสธแต่เธอเห็นความไม่เชื่อบนใบหน้าเขา ธาดาเปิดประตูรถให้เธอขึ้น“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้านคุณก็ได้ค่ะ”ธาดาพยักหน้าเขาปิดประตูรถก่อนจะอ้อมไปอีกฝั่ง วันนี้ชายหนุ่มขับรถเองเพราะเขาให้เลขาไปทำธุระอื่นก่อนเลิกงานการจราจรติดขัดทำให้กว่าจะถึงบ้านเสขสุรักษ์ก็เกือบค่ำ พิชชาปลุกลูกที่หลับไปพักใหญ่ ในขณะท
ทานอาหารเย็นแล้วธาดาไปส่งพิชชากับลูกแฝดกลับบ้านของเธอ แล้วกลับมาคุยกับบิดามารดาที่บ้าน“ยังไงนะเรา อยู่ๆ ทำไมไปสนิทกับหนูพราวได้” มารดาถามลูกชายทันทีที่เขากลับมาถึงบ้าน“ก็ไม่มีอะไรครับ ผมว่าเขาก็น่ารักดี ปากจัดดี” ธาดายิ้มเมื่อเห็นพ่อแม่ทำหน้าตกใจ เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวแก้“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่พราวเป็นคนตรง คิดอะไรก็พูด เลยดูน่าคบหาดี” ถึงไม่มีเรื่องของณพิชย์และพิชนันท์เข้ามา ธาดาคิดว่าเขาก็คงสนใจพิชชาอยู่ดีถ้ามีโอกาสได้พบกันก่อนหน้านี้“ถ้าลูกจริงจังก็ดี”คุณเธียรพูดบ้าง ทั้งที่ชายสูงวัยรู้จักลูกชายตนเองดีว่าธาดาไม่มีนิสัยคบใครไปเรื่อย เรียกว่าที่ผ่านมาเขาไม่คบใครฉันท์คนรักเลยก็ว่าได้ กรณีพิชชาถ้าไม่มีเรื่องหลานเข้ามาธาดาก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักเธอเช่นกัน“ครับพ่อ” ธาดารับคำสั้นๆ“แล้วลูกทำยังไง หนูพราวถึงยอมจะมาค้างบ้านเรา” เรื่องนี้ที่นางสงสัยมาก พิชชาเองดูไม่น่าจะไว้ใจธาดาเร็วขนาดนี้แต่นางก็ต้องยิ่งสงสัยเมื่อลูกชายคนเดียวหัวเราะอีก“พราวเขาคิดว่าผมเป็นเกย์ครับแม่ เขาเลยไม่คิดอะไรถ้าจะมาค้าง” ผู้สูงวัยทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่คุณเกตุวดีจะพูดออกมา“ความจริงก็คงไม่
ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วทุกคนได้ลงมารับประทานอาหารเช้าที่ศูนย์อาหารและกลับไปเก็บเต๊นท์รวมถึงสัมภาระต่างๆ ขึ้นรถเพื่อออกจากอุทยานแห่งชาติในตอนสายๆ ฌานแนะนำให้ไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงในระแวกนั้นคือฟาร์มเห็ด สวนผักและไร่สตรอเบอรี่และไร่องุ่นที่คู่แฝดชอบมาก พิชชาซื้อผลผลิตจากไร่ที่ไปเยี่ยมชมไปฝากบิดามารดาของธาดา“ชุดนี้ฉันฝากให้คุณพ่อคุณแม่คุณด้วยนะคะคุณใหญ่” เธอแยกของเป็นสองชุดวางบนรถในตอนที่เขาช่วยเธอยกกลับมาที่รถ“คุณเอาไปให้ท่านเองสิ จะฝากผมทำไม” “ก็กว่าฉันจะไปบ้านคุณก็เสาร์หน้า ผักกับองุ่นจะเน่าก่อน” พิชชาตอบ“บ้านผมไปได้แค่วันเสาร์เหรอ เย็นนี้ไปถึงกรุงเทพฯ แวะบ้านผมก่อนหรือไปพรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าไม่อยากไปเองเดี๋ยวผมไปรับลูกจากโรงเรียนแล้วไปกัน” หญิงสาวนิ่งคิด “คุณไม่ต้องไปรับเด็กๆ ทุกวันก็ได้ค่ะ ฉันเกรงใจ” เด็กอนุบาลเลิกเรียนก่อนบ่ายสาม หากเขาไปรับทุกวันธาดาต้องเสียเวลาทำงานไม่น้อยกว่าวันละสามสี่ชั่วโมง“ลูกถามเรื่องทำไมพ่อแม่ไม่อยู่บ้านเดียวกัน ผมไม่อยากให้เด็กๆ สงสัยอะไรมากกว่านี้” “เด็กๆ ก็ถามไปตามประสาค่ะ เดี๋ยวแกก็ลืมเรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึก
“ไม่ต้องหรอกลูกมันยุ่งไป ผัดมาม่าเอาไว้แม่ไปกินที่บ้านได้” หญิงสาวรีบบอกลูกแต่ณพิชย์ทำหน้าไม่เห็นด้วย“แต่พุทอยากกินด้วยนี่ฮะแม่”“ตกลงใครอยากกิน แม่หรือพุท” ธาดาถามยิ้มๆ เด็กชายก้มหน้าเขินเมื่อถูกจับได้ เขาแอบมองเห็นพิชนันท์ยักคิ้วให้ณพิชย์จึงแลบลิ้นใส่เป็นการตอบแทน“เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ค่ะคุณใหญ่” พิชชาเดินมาใกล้เตาแก็สน้ำในกากำลังเดือดปุดๆ เธอใช้กรรไกรตัดซองโอวัลตินเทใส่ถ้วย“พุทหยิบถุงขยะมาให้แม่หน่อยครับ” เธอออกคำสั่งกับลูกชาย หญิงสาวต้องการสอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบในการมาเที่ยว“ต้องเอาถุงขยะมาใส่ด้วยเหรอแม่ แล้วจะทิ้งที่ไหนคะ” พิชนันท์มองไปรอบๆ เธอไม่เห็นถังขยะเลย“เก็บลงไปทิ้งข้างล่างไงลูก มาเที่ยวแล้วต้องไม่ทิ้งขยะไว้บนนี้โดยเฉพาะพวกถุงพลาสติก” ธาดาเป็นฝ่ายอธิบาย“อ๋อ เดี๋ยวมดขึ้นใช่ไหมคะพ่อ” “ก็ด้วย แต่สำคัญกว่าคือพวกพลาสติกมันไม่ย่อยครับ เราทิ้งไว้ถ้ามีสัตว์ป่ามากินมันก็จะตายเพราะมีพลาสติกในท้อง” คู่แฝดฟังแล้วพยักหน้ารับ ธาดาเทน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูป และถ้วยโอวัลตินจนครบทุกถ้วย เขาเห็นพิมาลาและอัทธกานต์เดินกลับมาพอดีทั้งสองแวะคุยที่หน้าเต็นท์“ทานอะไรไหม
กางเต๊นท์แล้วทั้งหมดไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติ ฌานติดต่อทำเรื่องจองรถไปส่องสัตว์เขาเลือกรอบหนึ่งทุ่มตรงโดยที่จองแบบเหมาคัน ส่วนพิชชาพาเด็กๆ เดินดูนิทรรศการภายในศูนย์ที่แนะนำสัตว์ป่าแต่ละชนิด“เรียบร้อยครับ เราไปเดินเที่ยวกันตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติไหม” ฌานถาม “ไกลไหมคะ เด็กๆ จะเดินไหวไหม” พิมาลา“หนึ่งจุดสองกิโลก็ไม่ไกลมากนะพิม ถ้าพุทแพรวเมื่อยก็อุ้มกลับก็ได้” อัทธกานต์อ่านรายละเอียดของเส้นทางการศึกษาธรรมชาติที่มีจุดเริ่มต้นที่ด้านหลังของศูนย์บริการทั้งหมดเริ่มเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นทางเดินที่ถูกทำไว้แล้วอย่างดี เดินง่าย วิวสวย จุดถ่ายรูปมีตลอดทาง ณพิชย์และพิชนันท์ต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็นระหว่างทาง“หู๊ว.......สวยจังค่ะ” พิชนันท์พูดในระหว่างที่อยู่บนสะพานข้ามลำธาร ธาดาอุ้มสาวน้อยขึ้นมาเพื่อให้ดูวิวได้ถนัด ส่วนณพิชย์เป็นหน้าที่ของฌานเขาให้เด็กชายขี่คอทำให้แฝดน้องสนุกมากกว่าใครพิชชาเดินคู่กับพิมาลาโดยมีอัทธกานต์รั้งท้าย สองสาวเดินไปคุยกันไปเบาๆ“คุณใหญ่เขาดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้ว่ามีลูกเลยนะพราว” พิมาลาสังเกตุเห็นอะไรหลายอย่างที่ชายหนุ