LOGINพิชชามองหน้าเขาและหันไปมองในตัวบ้าน เธอนึกออกแล้วว่าที่คุ้นหน้าผู้ชายคนนี้ ความคุ้นนั้นมาจากไหนมันมาจากหน้าของลูกฝาแฝดของเธอนั่นเอง หญิงสาวขาอ่อนจนธาดาต้องเอื้อมมือข้ามรั้วเตี้ยๆ นั้นมาพยุงตัวเธอไว้
เธอเกาะรั้วและเบี่ยงตัวออก ในใจเหมือนมีกลองตีจนอื้ออึงไปหมด เธอไม่เคยรู้เลยว่าอนันต์ได้สเปิร์มมาโดยเจ้าของไม่อนุญาตแล้วเธอจะทำอย่างไร
“แต่พี่หมอบอกฉันว่า มันเป็นสเปิร์มที่มีคนบริจาค ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้เมคเรื่องขึ้นเอง”
“คุณคิดว่าคนอย่างผม จะบริจาคสเปิร์มมั่วซั่วให้ใครก็ได้งั้นหรือ จะบอกให้ว่าผมเก็บสเปิร์มไว้ที่โรงพยาบาลสำหรับภรรยาในอนาคตที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้บริจาคให้ใครก็ได้”
“ถ้าคุณพิชชาจะให้เราเข้าไปคุยข้างใน ผมมีเอกสารหลักฐานทั้งหมด รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่คุณหมอหยิบสเปิร์มของคุณใหญ่ออกมาจากตู้เก็บด้วยครับ และมีบันทึกเสียงคำสารภาพของเขาอยู่ด้วยถ้าคุณอยากฟัง”
ฌานถือแฟ้มเอกสารที่เขานำติดตัวลงมาจากรถ ขณะที่พิชชาสมองมึนงงคิดอะไรไม่ออก เธอกำลังช็อก!
พิชชาโทรตามพี่สาวพี่เขยที่มีบ้านในรั้วเดียวกันมานั่งฟังด้วย เธอเปิดประตูให้ธาดาและฌานเข้ามา แผนที่เธอจะพาลูกไปข้างนอกคงต้องพักไว้ก่อน เธอจึงให้แม่บ้านจัดการเสริฟน้ำแล้วพาเด็กๆ ไปทานของว่างแทน
“แล้วเราจะไม่ไปข้างนอกแล้วเหรอแม่” ณพิชย์ถาม
“ไปลูก แต่รอแม่คุยธุระเสร็จก่อนนะ” พิชชาตอบลูกชาย
“พุทไปเล่นเกมกันเถอะ” พิชนันท์เดินขึ้นชั้นบน พิชชารีบหันมาสั่งแม่บ้าน
“อย่าให้น้องเล่นเกมนานนะ ชม.เดียวพอ”
พิมาลาและอัทธกานต์มาถึงพอดี ธาดาและฌานจึงแนะนำตัวอีกครั้ง เมื่อฟังเรื่องทั้งหมดและได้ดูเอกสารแล้วพี่สาวจึงทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกไปอีกคน แต่คนละเหตุผลกับน้องสาว
“ไหนพราวบอกว่ามีแฟนแล้วเลิกไปไง” พิมาลาไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาวตั้งครรภ์ได้เพราะความช่วยเหลือจากนายแพทย์อนันต์ หากเธอรู้คงไม่ยอมแน่ๆ
ธาดามองคนที่ทำหน้าจืดเจื่อนเมื่อความลับแตกด้วยสีหน้านิ่งขรึม ส่วนอัทธกานต์ถอนใจเมื่อเห็นเอกสารทั้งหมด มันชัดเจนว่าฝ่ายผิดคือพิชชาจนเขาไม่รู้จะหาอะไรมาช่วยเธอได้
“คุณพราวผิดจริง แต่เธอไม่ทราบว่าสเปิร์มนั้นเป็นของคุณธาดา เธอไม่รู้ว่าคุณไม่ได้อนุญาตให้ใช้กับใครก็ได้ ไม่ทราบว่าทางคุณจะพอมีทางไหนให้เราชดเชยหรือแก้ไขได้ไหมครับ ไหนๆ เจ้าสองแฝดก็เกิดแล้วมันย้อนเวลากลับไปไม่ได้”
“ผมไม่ได้อยากได้อะไรชดเชย แต่ผมอยากได้ของที่ถูกขโมยมาคืนไปเหมือนเดิม” ธาดาพูดด้วยท่าทีสงบ
พิชชาทำหน้าข้องใจ
“ทำไมคุณพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ล่ะ ฉันจะจับลูกยัดกลับเข้าท้องแล้วคืนไอ้สเปิร์มนั่นให้คุณได้ไง คิดสิคิด”
“คุณให้ผมคิดแล้วคุณล่ะ ขอโทษผมบ้างรึยังสักคำนึงน่ะ” ธาดาสวนทันทีทำให้หญิงสาวหน้าแดงด้วยความโกรธปนอาย
“พราวใจเย็น เราผิดนะ เขาไม่ผิดอะไรเลยจะไปวีนเขาได้ไง” พิมาลาเตือนน้องสาว
“แล้วก็จะพูดอะไร ช่วยคิดถึงหมออนันต์ด้วย ถ้าผมเอาเรื่องตามกฎหมายจริงๆ รุ่นพี่คุณหมดอนาคตในอาชีพนี้แน่” ธาดาสำทับและนั่นทำให้พิชชากำมือแน่น
“ใจเย็นๆ กันนะครับ อย่างที่คุณอัทธ์พูด เราคงย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ ผมว่าเราหาทางออกร่วมกันดีไหมครับ” ฌานไกล่เกลี่ย อัทธกานต์และพิมาลาเห็นด้วย ส่วนธาดาไม่พูดอะไรแต่พิชชามองเขาด้วยสายตากล่าวหาชัดเจน เธอคิดว่าธาดาทำให้เรื่องใหญ่เกินจำเป็น หากเขาไม่สนใจเรื่องนี้เลยตัวเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร ทำไมมาขออะไรที่เธอให้ไม่ได้
“ก่อนจะหาทางออก คุณต้องรู้ว่าตระกูลผมมีลูกยากมาก ทุกรุ่นไม่เคยมีใครท้องมากกว่าหนึ่งครั้ง คุณควรรู้ว่าความผิดพลาดที่คุณไม่ตั้งใจอาจจะทำให้ผมไม่มีลูกอีกเลยในอนาคต”
เมื่อธาดาพูดจบ หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้างนี่มันตรรกะอะไรของเขา เป็นเรื่องบ้าที่เธอไม่เคยได้ยินว่ามันจะเป็นไปได้
“เป็นเรื่องจริงครับคุณพิชชา ตระกูลเสขสุรักษ์ไม่เคยมีสะใภ้รุ่นไหนท้องมากกว่าหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่หรือคุณย่าของคุณใหญ่ ทุกคนต่างตั้งท้องแค่ครั้งเดียวทั้งชีวิต ว่ากันว่านี่เป็นคำสาปของตระกูลด้วยซ้ำ คุณใหญ่จึงซีเรียสกับเรื่องนี้มากเพราะคุณกำลังจะทำให้เสขสุรักษ์ไม่มีทายาท” ฌานกล่าวเสริมด้วยท่าทางจริงจัง
“นี่พวกคุณล้อเล่นใช่ไหม” พิชชาแทบหาเสียงของตนเองไม่เจอ หากเป็นอย่างนั้นเขาต้องการอะไร
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงหรือว่าจะฆ่าลูกฉัน ฉันไม่ยอมนะ” พิชชาคิดไปร้อยแปดด้วยความวุ่นวายใจ นี่มันยิ่งกว่าวันโลกาวินาศอีก เมื่อเช้าเธอก้าวเท้าผิดออกจากบ้านรึเปล่า
ธาดามองเธอเหมือนเธอพูดอะไรไร้สาระที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา
“ใครจะไปคิดแบบนั้น ผมว่าคุณควรไปเช็กสมองเสียหน่อยนะ”
หน๊อย.....หาว่าฉันบ้า แล้วเมื่อกี้ใครนะที่พูดเรื่องความเชื่อของตระกูลตัวเองที่ดูบ้ามากกว่าเธออีก
“คุณต่างหากที่บ้า คนที่ควรไปเช็กสมองก็คือคุณไม่ใช่ฉัน คิดมาได้ไงว่าการที่ฉันมีลูกเพราะน้ำเชื้อของคุณ มันทำให้คุณไม่มีทายาท”
“ผมว่าเป็นไปได้นะครับ อันที่จริงเมื่อห้าปีก่อนคุณใหญ่เคยจะแต่งงานกับสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ผมขอทราบวันที่คุณผสมเทียมหน่อยนะครับวันไหน” ฌานพูดแล้วก้มลงอ่านเอกสาร ก่อนจะเงยหน้าพูดต่อ
“นี่ไงครับ ตอนแรกคุณใหญ่จะแต่งงานแต่พอคุณผสมเทียมเดือนต่อมา ว่าที่ภรรยาของเจ้านายผมก็บอกเลิกข้อตกลงแล้วย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ผมว่ามันก็เกี่ยวอยู่นะ”
พิชชาตกตะลึง ส่วนพิมาลาและอัทธกานต์มองหน้ากัน
“เจ้านายคุณถูกผู้หญิงทิ้งเกี่ยวอะไรกับฉัน นี่เอาความเชื่อมโยงอะไรมาพูด” พิชชาใกล้สติแตกนี่เขาต้องการอะไรกันแน่
“ผมต้องการของของผมคืน ถึงแม้ว่าวันนี้สสารจะไม่ได้อยู่ในรูปเดิม แต่สสารไม่มีวันเสื่อมสลายไม่ว่าสเปิร์มของผมในตอนนี้อยู่ในรูปแบบใด ผมก็ยืนยันขอรับคืน” ธาดาพูดในขณะที่ลูกน้องกุมขมับ เจ้านายจะมาพูดหลักวิทยาศาสตร์อะไรตอนนี้
“ฉันไม่ให้โว้ย... คนบ้านี่” พิชชาเหลืออดแล้วจริงๆ
“งั้นผมจะเอารุ่นพี่คุณเข้าคุก คุณจะสบายใจใช่ไหมพิชชา” ธาดาย้อน
คำตอบของเขาทำให้พิชชาร้องกรี๊ด ตอนนี้เธอสติแตกแล้วจริงๆ
“หยุด” พิมาลาส่งเสียงห้ามพร้อมกับเอาหนังสือเล่มใหญ่กระแทกบนโต๊ะเสียงดัง พิชชาหยุดเหมือนปิดสวิทซ์
“หยุดทั้งคู่ล่ะค่ะ เราจะไม่ให้มีการพลัดพรากและไม่มีใครเข้าคุก เชื่อว่าคุณธาดาก็ไม่อยากเห็นแบบนั้นใช่ไหมคะ” พิมาลาที่เงียบมานานทนไม่ไหว
“ครับ” ธาดาพยักหน้า
“ขั้นแรกคือเราต้องพาเด็กๆ และคุณธาดาไปตรวจดีเอ็นเอก่อน ผลออกมาว่ายังไงมาหาทางออกกันอีกทีตกลงไหมคะ”
“ปล่อยไปจะดีเหรอคะคุณพราว” ปาณีไม่เห็นด้วยเท่าใดที่พิชชาไม่เอาเรื่องพนักงานสองคนนั้น“ดีค่ะ พราวเพิ่งมาที่นี่ยังไม่อยากสร้างศัตรู แต่ถ้าสองคนนั้นไม่เลิกพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปคุณใหญ่ก็รู้เอง” พิชชาตอบปาณีจึงไม่ถามอะไรอีก พิชชายกเครื่องดื่มเข้าไปในห้องเอง หญิงสาววางให้ธาดาเห็นเขาคร่ำเคร่งกับเอกสารจึงไม่ชวนคุย เธอเปิดโทรศัพท์คุยงานกับลูกน้องทางออนไลน์เกี่ยวกับการย้ายฟาร์มฟาร์มใหม่ที่ย้ายไปมีโรงเรือนที่เธอสั่งติดตั้งใหม่จำนวนเท่ากับของเดิมเพื่อให้ผักที่ขนย้ายไปมีที่ลงทันที ส่วนโรงเก่าจะได้ทำการฆ่าเชื้อก่อนเริ่มการเพาะปลูกรอบใหม่ทั้งพิชชาและธาดาต่างคนต่างทำงานตัวเองจนกระทั่งปาณีเข้ามาเพื่อนำเอกสารมาให้ธาดา“นี่ค่ะที่คุณใหญ่เอกสารของลูกค้าเคสที่คุณอยากดูรายละเอียด” “ขอบคุณครับ” ธาดาปิดเอกสารที่อ่านอยู่ หันมาสนใจแฟ้มอันใหม่ที่เลขาเพิ่งนำเข้ามา เขาเปิดดูแบบฟอร์มและรายละเอียดต่างๆ ไปจนถึงภาพประกอบทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้และเป็นตามที่คิดจริงๆภาพของที่ดินแปลงในโฉนดปรากฎว่าเป็นฟาร์มผักไฮโดรของพิชชา มันถูกระบุว่าเป็นกิจการของนายพายัพผู้ขอสินเชื่อ ชายหนุ่มใช้กระดาษโน้ตเขียนแปะท
บ่ายวันนั้นคุณเกตุวดีขอกลับบ้านเพราะไม่สะดวกใจที่จะพบใครคนอื่นอีก ท่านเริ่มรู้สึกว่าใครต่อใครต่างพากันมาจนไม่ได้พักผ่อนเมื่อมารดาจะกลับบ้านธาดาจึงแยกไปที่ทำงานโดยที่พาพิชชาไปด้วย หญิงสาวมองตึกสูงอันเป็นสาขาใหญ่ของธนาคารที่เป็นธุรกิจของครอบครัวเสขสุรักษ์อย่างทึ่งในใจจริงอยู่ว่าเธอไม่ลำบาก แต่ฐานะเดิมไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี ตอนไปบ้านเขาที่ยังคงบรรยากาศบ้านแบบเก่ามีความเป็นครอบครัวที่สมาชิกใกล้ชิดกันจึงไม่เกร็งเท่ากับการมาที่ทำงานแบบนี้ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงจากชั้นจอดรถส่วนตัวเข้าไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร หญิงสาวมองระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแปลกตา ต้องมีการสแกนนิ้วมือก่อนที่จะเปิดประตูเข้าภายในอาคาร ลิฟต์พาเขาและเธอขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร“ลิฟต์ตัวอื่นด้านหน้าจะมาถึงได้แค่ชั้นสิบ พนักงานทั่วไปก็ขึ้นมาได้แค่ชั้นสิบ ส่วนชั้นสิบเอ็ดจะมีแค่ลิฟต์ตัวนี้ที่ผมกับผู้บริหารคนอื่นๆ กับบรรดาผู้ช่วยที่จะใช้ได้” ธาดาอธิบายพลางแตะเอวเธอให้เดินออกจากลิฟต์ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงไปยังห้องในสุด บนนี้บรรยากาศเงียบมากจนเธอคิดว่าหากเข็มสักเล่มหล่นพื้นก็น่าจะได้ยิน“คุณณีนี่คุณพราวภรรยาผม
วันรุ่งขึ้นที่โรงพยาบาล คุณเธียรกับคุณเกตวดีหน้าเครียดเมื่อลูกชายและสะใภ้ไปถึง“มีอะไรกันครับพ่อ” ชายหนุ่มสังหรณ์ใจว่าจะมีอะไรหรือใครมาพูดอะไรกับบิดามารดา“เอ่อ... ลูกไม่ไปทำงานเหรอวันนี้” คุณเธียรลำบากใจเพราะเห็นพิชชามาด้วย เกรงว่าเธอจะคิดมาก“ผมลาครับว่าจะไปช่วยพราวขนของให้เสร็จ”“ดีลูก ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะแม่จะได้สบายใจ” คุณเกตุวดีจับมือพิชชา “มีอะไรรึเปล่าคะคุณแม่” เธอเองก็สงสัยเหมือนธาดาว่าอนันต์คงไม่ยอมหยุด หญิงสาวนึกไม่ออกเลยว่าอะไรที่ทำให้รุ่นพี่ที่เคยแสนดีแบบเขา กลายเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้“ก่อนที่ลูกสองคนจะมา หมออนันต์เขาพาผู้หญิงกับเด็กมาบอกว่าเป็นหลานของพ่อแม่ เป็นลูกตาใหญ่” คุณเกตุวดีเป็นคนพูดเองในขณะที่ท่านยังจับมือพิชชาไว้“ผมไม่เชื่อ” ธาดาพูดทันที หากอนันต์เอาสเปิร์มของเขาไปใช้กับคนอื่นมันควรจะสารภาพในวันแรกที่ถูกฌานพาตัวมาเค้นความจริงที่บ้านเสขสุรักษ์แล้ว“แม่ก็ไม่เชื่อ หนูพราวไม่ต้องกังวลนะลูก” “แล้ว... ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกคุณใหญ่จริงๆ ล่ะคะ”คำถามของพิชชาทำให้ทุกคนในห้องเงียบงัน “ถ้าจริงผมจะเอามันเข้าคุก จะฟ้องถอนใบอนุญาตของไอ้หมอนั่น มันจะทำมาหากินใ
แต่เย็นนั้นเกิดเหตุร้ายคือคุณเกตุวดีลื่นหกล้มในห้องน้ำ หญิงสูงวัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องจากท่านอายุมากแล้วคุณหมอเจ้าของไข้จึงแนะนำให้เอ็กซเรย์ร่างกายในวันรุ่งขึ้น “แพรวจะอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าค่ะ” พิชนันท์บอกในห้องพักผู้ป่วยทำให้คุณย่ายิ้มแก้มปริ“ไม่ต้องหรอกลูก วันจันทร์หนูต้องไปโรงเรียนนะคะ โรงเรียนหนูอยู่ไกลด้วยสิ” ท่านลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างแสนรัก“พุทก็อยากอยู่ด้วยฮะย่า” ณพิชย์พูดขึ้นบ้าง เด็กชายอยากอยู่รพ.ตั้งแต่คราวแม่ตกบันไดแล้ว“ไม่ได้เหมือนกันค่ะพุทต้องไปโรงเรียนเหมือนแพรวนะลูก” ท่านหันมากอดหลานชายที่ปีนขึ้นมายืนบนเก้าอี้ใกล้เตียงผู้ป่วย“พุทลงมาก่อน” พิชชาดุลูกชาย เธอคิดว่าสักวันณพิชย์จะต้องมีการตกลงจากที่สูงบ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง##############“พราวว่าเราย้ายมาอยู่กันที่นี่ดีไหมคะ” เหตุการณ์ที่แม่สามีลื่นล้มทำให้เธอรู้สึกว่าท่านทั้งสองควรมีลูกหลานอยู่ด้วย เธอรู้ว่าธาดาห่วงแม่มาก แต่เขาอาจจะไม่กล้าเอ่ยปากขอมาอยู่ที่นี่“แล้วพราวจะไปทำงานไหวเหรอ หรือว่าย้ายออฟฟิศมาใกล้หน่อยดีไหมครับ” ธาดาไม่อยากให้เธอขับรถไกลไปทำงานมากกว่าวันละห้าสิบกิโล“ความจริงช่วงนี้พราวกั
เช้ามืดวันรุ่งขึ้นพิชชาลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอกลับมานอนต่อก็ถูกรวบตัวไปกอดทันที“คุณใหญ่ ฮื้อ...พราวจะนอน” เธอปัดป้องแต่ถูกรูดชุดนอนออกจากตัวโยนลงข้างเตียงอย่างรวดเร็วธาดาใช้ปากปิดปากเธอ กลืนเสียงห้ามให้หายไป พิชชาอึกอักก่อนจะอ่อนแรงลง สองมือเปลี่ยนจากดันตัวเขาออกเป็นโอบกอดเขาแน่น ชายหนุ่มจูบวนเวียนที่ริมฝีปากอิ่มมือใหญ่นวดเฟ้นทรวงอก ปลายนิ้วบดบี้ยอดถันจนเธอครางเสียงระโหย เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาตามผิวเนื้อนวล ใต้คางที่เริ่มมีตอหนวดขึ้นทำให้พิชชาห่อตัวด้วยความจั๊กจี้ “อื้อ... คุณใหญ่ขา...” เธอครางในลำคออย่างคาดหวัง มือของเขาเลื่อนลงไปจนถึงเนินหน้าท้อง ใช้เข่าดันเรียวขาเธอให้กว้างขึ้นแทรกตัวเองลงไปจรดจมูกลงบนท้องน้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ การจูบดูดดึงบริเวณนั้นทำให้พิชชาตัวสั่นด้วยความปรารถนา หญิงสาวกระชากไหล่เขาให้ขึ้นมาหาเธอ“พอแล้วค่ะ พราวจะ...” เธอเงียบเพราะจุกจากการที่ธาดาผลักดันตัวเองเข้าไปในซอกหลืบหนึบแน่นจนสุดในคราวเดียว เสียงครางเล็กๆ เริ่มดังเมื่อเขาขยับตัวเนิบนาบ“พราวครับ เปลี่ยนกันนะ” เขากระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำที่เธอไม่เข้าใจ และต้องตกใจเมื่อถูกพลิกตัวให้เป็นเ
เย็นวันศุกร์ในสัปดาห์ต่อมาธาดาและพิชชาพาลูกมานอนที่บ้านเสขสุรักษ์ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ทีแรกที่นี่เด็กทั้งสองมีห้องส่วนตัวที่คนเป็นพ่อจัดให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มา มีของเล่นในห้องที่ช่วยเสริมทักษะด้านต่างๆ อย่างเต็มที่“แม่เล่านิทานให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” พิชนันท์กอดเอวมารดาในห้องนอนเจ้าหญิงของเธอ“เขาฟังด้วย” ณพิชย์ที่เข้ามาพร้อมธาดารีบวิ่งเข้ามากระโดดขึ้นเตียงคู่แฝด“นี่ห้องเขานะพุท” พิชนันท์ตอบ“แต่ตัวเป็นพี่เขาไง” เด็กชายเถียงจนมารดาหัวเราะ“พุทจะฟังก็มานั่งฟังดีๆ ค่ะ แพรวจะให้แม่เล่าเรื่องอะไรคะ” “นี่ค่ะแม่” เด็กหญิงชูสมุดนิทานเรื่องลูกหมูสามตัว พิชชารับมาเปิดอ่านโดยที่เด็กทั้งสองนอนลงข้างกัน พิชชานั่งข้างนึงอีกข้างเป็นธาดาที่ฟังเงียบๆหญิงสาวเริ่มอ่านนิทาน ทำเสียงเป็นจังหวะให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนานจนธาดาเริ่มเคลิ้มจะหลับ แต่พิชนันท์กับณพิชย์ฟังตาใส“และในที่สุด ลูกหมูทั้งสามตัวก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในบ้านหลังที่สาม โดยที่เจ้าหมาป่าไม่สามารถจะพังบ้านของพวกมันได้อีกต่อไป” “ถ้าเจ้าลูกหมูมีพี่น้องคนที่สี่จะสร้างบ้านด้วยอะไรฮะแม่” ณพิชย์โพล่งขึ้นมา“ก็บ้านปูนไง” พิชนันท์







