Masuk“ใหญ่จะไปไหนลูก” นางเกตุวดีรีบถามเมื่อเห็นบุตรชายลงจากชั้นบน แต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอกทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุด
“เอ่อ..ผมมีธุระจะต้องไปจัดการครับแม่” ธาดายังไม่อยากบอกปัญหาที่พบในตอนนี้กับบิดามารดาเพราะเขาเกรงว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่
“ธุระด่วนไหม ลูกไม่มีนัดเรื่องงานไม่ใช่เหรอ พ่อแม่มีเรื่องอยากคุยด้วยอยู่คุยกันก่อนได้ไหม”
สายตาขอร้องกึ่งบังคับทำให้ธาดาต้องเปลี่ยนใจจากการออกไปตามหาหัวขโมยเป็นการอยู่คุยกับบิดามารดาก่อน
คุณเธียรนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ตรงหน้าชายสูงวัยมีรูปภาพเซ็ทเดียวกับที่ชายหนุ่มมีนั่นคือภาพของพิชชาและลูกๆ ของเธอ
“หมอกิตเขาบอกพ่อหมดแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ลูกจะไม่ปรึกษาพ่อแม่ก่อนเหรอ” คุณเธียรถามลูกชาย
“ผมตั้งใจว่าจะไปคุยกับผู้หญิงคนนี้ก่อนครับแล้วค่อยมาเรียนพ่อกับแม่”
สีหน้าคุณเกตุวดีค่อนข้างคิดหนักเมื่อฟังบุตรชายพูด
“ลูกจะไปคุยอะไรกับเขา เท่าที่แม่รู้มาทางนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่รู้ว่าสเปิร์มที่เขาได้ไปไม่ใช่สเปิร์มบริจาค”
“หมอกิตบอกแม่อย่างนั้นเหรอครับ”
“ใช่ บ้านเรากับเขารู้จักกันมานานเขาไม่ใช่คนปกป้องลูกน้องโดยที่ไม่มีเหตุสมควร”
“แล้วเขาตอบได้ไหมละครับ ว่าทำไมลูกน้องเขาถึงเอาสเปิร์มของผมไปผสมให้ผู้หญิงคนนั้น”
“ใหญ่..พ่อว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ หมออนันต์เองก็ฝากสเปิร์มที่นั่นเหมือนกัน เขาน่าจะตั้งใจหยิบของตัวเองไปใช้มากกว่าเพราะงานนี้เขาทำส่วนตัว หนูพิชชาไม่ได้เข้าระบบคนไข้ของโรงพยาบาล”
“พ่อจะบอกว่าเขาตั้งใจหยิบของตัวเองไปใช้แต่หยิบผิดมาเอาของผมไปเนี่ยนะ” ธาดาเสียงสูงแต่เธียรพยักหน้า
“ใช่ ช่องเก็บของแกกับของหมออยู่ติดกัน รหัสติดกันมันก็เป็นไปได้นี่ที่จะมีเรื่องผิดพลาด”
“แต่ความผิดพลาดของเขามันส่งผลตามมาขนาดไหน พ่อก็เห็นนี่ครับ พ่ออาจจะเห็นแก่หมอกิตเลยไม่อยากเอาเรื่องโรงพยาบาล แต่จะให้ผมอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร ผมทำไม่ได้ยังไงตัวต้นเหตุก็ต้องรับผิดชอบ”
“แล้วใหญ่จะให้ทางนั้นรับผิดชอบยังไง เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้วไอ้ลูกอ็อดของลูกก็กลายเป็นเด็กตาดำๆ สองคนนี่จะยัดกลับเข้าท้องแม่เขาก็ไม่ได้แล้วนะ”
ธาดามีท่าทางฮึดฮัดแต่ฌานแอบยิ้มเมื่อได้ยินคุณเกตุวดีพูดคำว่า “ลูกอ็อด” แทนการเรียกว่าสเปิร์ม แถมยังบอกว่าจะให้ยัดเด็กแฝดสองคนกลับเข้าท้องพิชชาก็คงไม่ได้อีกซึ่งเขาก็เห็นด้วย
“แล้วแม่คิดว่าจะแก้ไขยังไงดีที่สุดครับ” ลูกชายถามเสียงเรียบ
“ใหญ่ไม่ต้องจัดการอะไรเลยก็ได้ลูก เรื่องหลานพ่อแม่จัดการเองลูกลืมเรื่องนี้ไปเลยก็ได้นะ” คุณเกตุวดีพูดหน้าตาเฉยแต่ลูกชายทำสีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
“แม่ครับ นั่นน่ะลูกผมที่เกิดมาจากสเปิร์มของผม ถือเป็นทรัพย์สินของผมที่ผมต้องเอาคืนมา ไม่งั้นในวันหน้าผู้หญิงคนนั้นเกิดพาเด็กสองคนนั่นมาเรียกร้องค่าเลี้ยงดูหรือทรัพย์สินอะไรเราจะทำยังไง” ธาดาพูดในด้านที่เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก่อน
“ก็ไม่เป็นไรนี่ หลานแม่แม่ให้ได้หรือว่าคุณมีปัญหาคะ” นางเกตุวดีหันไปถามสามีที่ปฏิเสธทันทีว่าไม่มีปัญหา
ธาดาส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด เขาเดินออกมาทันทีจากห้องนั้นโดยที่มารดาเรียกไม่ทัน
“ตาใหญ่ กลับมาคุยกับแม่ก่อน”
“ช่างลูกเถอะคุณ ถือว่าเราพูดแล้วว่าเราคิดยังไง”
################
หนึ่งชม.ต่อมา รถยุโรปทรงสปอร์ตสีขาวแล่นมาจอดหน้าบ้านของพิชชา ธาดานั่งที่เบาะหลังมองตัวบ้านอย่างพิจารณา
“หลังนี้เหรอ”
“ครับ หลังนี้ไม่ผิดแน่ผมเคยมาดูแล้วทีนึง” ฌานตอบ
“ดูท่าทางก็มีฐานะดี ทำไมทำตัวเป็นหัวขโมยแบบนั้น”
ธาดาเปิดประตูรถลงไปเขาสั่งให้คนสนิทรอบนรถ ชายหนุ่มเดินไปที่หน้ารั้วยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะกดกริ่งหรือไม่แต่เสียงเด็กผู้หญิงที่วิ่งมาที่หน้ารั้วและมีเด็กผู้ชายวันเดียวกันวิ่งตามมา ทำให้เขาละสายตามามองเด็กสองคนนี้นิ่งนาน
“แพรว! เดี๋ยวเขาจะฟ้องแม่นะว่าตัววิ่ง” เสียงเด็กชายตะโกนมา
“พุท ตัวเองเดินช้าอย่ามาว่าเขาวิ่งนะ” เด็กหญิงผมยาวสีน้ำตาลเข้ม หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาผิวขาวจัดหันไปตอบ
ธาดาตัวชาเขายืนนิ่งด้วยความตกใจ ชายหนุ่มเคยเห็นรูปเด็กทั้งสองมาแล้วนั้นใช่ แต่การได้มาพบตัวจริงความรู้สึกนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว เด็กหญิงตัวเล็กเองที่หันมาเห็นเขาก็นิ่งไปด้วยความตกใจเช่นกัน
“คุณลุงมาหาใครเหรอคะ” เด็กหญิงพิชนันท์ถอยหลังไปสองก้าวด้วยสัญชาตญาณระวังภัย
ธาดามองร่างเล็กผ่านประตูรั้ว เขาไม่มีโอกาสใกล้ชิดเด็กมากนักจึงทำตัวไม่ถูก ขณะนั้นเด็กชายอีกคนก็มายืนข้างพี่สาวฝาแฝดด้วยท่าทางไม่กลัวใคร
“คุณลุงมาหาใครครับ” เด็กชายณพิชย์ขยับมายืนด้านหน้าเหมือนจะบังร่างคู่แฝด ธาดามองปฎิกิริยาปกป้องของเด็กชายด้วยความพอใจโดยไม่รู้ตัว
“คุณแม่หนูอยู่ไหมครับ” ชายหนุ่มย่อตัวนั่งบนส้นเท้าคุยกับเด็กๆ ภาพนั้นทำให้ฌานที่เปิดประตูตามลงมา ขยี้ตาด้วยความไม่แน่ใจว่าสายตาเขาเพี้ยนหรือเปล่า
ณพิชย์ยังคงจ้องมองธาดาอย่างไม่ไว้ใจ แต่พิชนันท์ส่งเสียงตอบแทน
“คุณแม่อยู่ค่ะ จะให้บอกว่าใครมาหาคะ” คำถามของเธอทำให้ธาดารู้ว่าเด็กหญิงได้รับการอบรมอย่างดี
พิชชารีบออกมาหลังจากที่หาลูกในบ้านไม่เจอ เธอตรงมาหน้าประตูรั้วที่ธาดาและฌานยืนอยู่ด้านนอก โดยมีลูกฝาแฝดยืนมองชายหนุ่มสองคนอย่างสนใจ
“คุณมาหาใครคะ” เธอมองหน้าธาดาแล้วขมวดคิ้ว รู้สึกคุ้นหน้าเขาอย่างประหลาดแต่นึกไม่ออกว่าคุ้นแบบไหน
“ผมมาหาคุณ คุณพิชชา” ธาดาตอบมองเธอสลับกับเด็กทั้งสองคน
“มาหาฉัน” หญิงสาวชี้นิ้วเข้าหาตนเอง
“ผมชื่อธาดา เสขสุรักษ์ ทนายของผมส่งจดหมายเตือนมาถึงคุณแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ผมเลยต้องมาเอง”
อ้อ.. คนนี้เองเจ้านายของทนายความคนที่ส่งหนังสือถึงเธอ แต่พิชชาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามีเรื่องอะไร
“ลูกเข้าบ้านไปก่อนค่ะ แพรวพุท” เธอก้มลงบอกเด็กทั้งสองคน คู่แฝดทำท่าอิดออดแต่เมื่อมารดาย้ำอีกครั้งจึงพากันเดินเข้าบ้านไป
“ฉันไม่เคยเอาอะไรของคุณมา ถ้าคุณคิดว่าฉันขโมยของอะไรของคุณ คุณน่าจะเข้าใจผิด” พิชชาแน่ใจว่าชีวิตของเธอไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แล้วเธอจะไปขโมยของเขามาได้ยังไง
“เมื่อห้าปีก่อนหมออนันต์ขโมยของของผมมาให้คุณ” ธาดาพูด หญิงสาวคิดตามเธอแน่ใจว่าเธอไม่เคยรับของมีค่าอะไรจากอนันต์เลย
“ไม่จริง ฉันไม่เคยรับอะไรจากเขา” เธอยืนยันเสียงแข็ง เริ่มคิดว่าธาดาเป็นคนโรคจิตหรือจงใจหาเรื่องเธอ
“เมื่อห้าปีก่อน อนันต์ขโมยสเปิร์มของผมมาผสมเทียมให้คุณ และหลักฐานก็คือลูกคุณทั้งสองคนนั่นไงคุณยังจะปฏิเสธอีกเหรอว่าไม่ใช่” ธาดาพูดช้าๆ ชัดๆ
“ปล่อยไปจะดีเหรอคะคุณพราว” ปาณีไม่เห็นด้วยเท่าใดที่พิชชาไม่เอาเรื่องพนักงานสองคนนั้น“ดีค่ะ พราวเพิ่งมาที่นี่ยังไม่อยากสร้างศัตรู แต่ถ้าสองคนนั้นไม่เลิกพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปคุณใหญ่ก็รู้เอง” พิชชาตอบปาณีจึงไม่ถามอะไรอีก พิชชายกเครื่องดื่มเข้าไปในห้องเอง หญิงสาววางให้ธาดาเห็นเขาคร่ำเคร่งกับเอกสารจึงไม่ชวนคุย เธอเปิดโทรศัพท์คุยงานกับลูกน้องทางออนไลน์เกี่ยวกับการย้ายฟาร์มฟาร์มใหม่ที่ย้ายไปมีโรงเรือนที่เธอสั่งติดตั้งใหม่จำนวนเท่ากับของเดิมเพื่อให้ผักที่ขนย้ายไปมีที่ลงทันที ส่วนโรงเก่าจะได้ทำการฆ่าเชื้อก่อนเริ่มการเพาะปลูกรอบใหม่ทั้งพิชชาและธาดาต่างคนต่างทำงานตัวเองจนกระทั่งปาณีเข้ามาเพื่อนำเอกสารมาให้ธาดา“นี่ค่ะที่คุณใหญ่เอกสารของลูกค้าเคสที่คุณอยากดูรายละเอียด” “ขอบคุณครับ” ธาดาปิดเอกสารที่อ่านอยู่ หันมาสนใจแฟ้มอันใหม่ที่เลขาเพิ่งนำเข้ามา เขาเปิดดูแบบฟอร์มและรายละเอียดต่างๆ ไปจนถึงภาพประกอบทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้และเป็นตามที่คิดจริงๆภาพของที่ดินแปลงในโฉนดปรากฎว่าเป็นฟาร์มผักไฮโดรของพิชชา มันถูกระบุว่าเป็นกิจการของนายพายัพผู้ขอสินเชื่อ ชายหนุ่มใช้กระดาษโน้ตเขียนแปะท
บ่ายวันนั้นคุณเกตุวดีขอกลับบ้านเพราะไม่สะดวกใจที่จะพบใครคนอื่นอีก ท่านเริ่มรู้สึกว่าใครต่อใครต่างพากันมาจนไม่ได้พักผ่อนเมื่อมารดาจะกลับบ้านธาดาจึงแยกไปที่ทำงานโดยที่พาพิชชาไปด้วย หญิงสาวมองตึกสูงอันเป็นสาขาใหญ่ของธนาคารที่เป็นธุรกิจของครอบครัวเสขสุรักษ์อย่างทึ่งในใจจริงอยู่ว่าเธอไม่ลำบาก แต่ฐานะเดิมไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี ตอนไปบ้านเขาที่ยังคงบรรยากาศบ้านแบบเก่ามีความเป็นครอบครัวที่สมาชิกใกล้ชิดกันจึงไม่เกร็งเท่ากับการมาที่ทำงานแบบนี้ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงจากชั้นจอดรถส่วนตัวเข้าไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร หญิงสาวมองระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแปลกตา ต้องมีการสแกนนิ้วมือก่อนที่จะเปิดประตูเข้าภายในอาคาร ลิฟต์พาเขาและเธอขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร“ลิฟต์ตัวอื่นด้านหน้าจะมาถึงได้แค่ชั้นสิบ พนักงานทั่วไปก็ขึ้นมาได้แค่ชั้นสิบ ส่วนชั้นสิบเอ็ดจะมีแค่ลิฟต์ตัวนี้ที่ผมกับผู้บริหารคนอื่นๆ กับบรรดาผู้ช่วยที่จะใช้ได้” ธาดาอธิบายพลางแตะเอวเธอให้เดินออกจากลิฟต์ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงไปยังห้องในสุด บนนี้บรรยากาศเงียบมากจนเธอคิดว่าหากเข็มสักเล่มหล่นพื้นก็น่าจะได้ยิน“คุณณีนี่คุณพราวภรรยาผม
วันรุ่งขึ้นที่โรงพยาบาล คุณเธียรกับคุณเกตวดีหน้าเครียดเมื่อลูกชายและสะใภ้ไปถึง“มีอะไรกันครับพ่อ” ชายหนุ่มสังหรณ์ใจว่าจะมีอะไรหรือใครมาพูดอะไรกับบิดามารดา“เอ่อ... ลูกไม่ไปทำงานเหรอวันนี้” คุณเธียรลำบากใจเพราะเห็นพิชชามาด้วย เกรงว่าเธอจะคิดมาก“ผมลาครับว่าจะไปช่วยพราวขนของให้เสร็จ”“ดีลูก ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะแม่จะได้สบายใจ” คุณเกตุวดีจับมือพิชชา “มีอะไรรึเปล่าคะคุณแม่” เธอเองก็สงสัยเหมือนธาดาว่าอนันต์คงไม่ยอมหยุด หญิงสาวนึกไม่ออกเลยว่าอะไรที่ทำให้รุ่นพี่ที่เคยแสนดีแบบเขา กลายเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้“ก่อนที่ลูกสองคนจะมา หมออนันต์เขาพาผู้หญิงกับเด็กมาบอกว่าเป็นหลานของพ่อแม่ เป็นลูกตาใหญ่” คุณเกตุวดีเป็นคนพูดเองในขณะที่ท่านยังจับมือพิชชาไว้“ผมไม่เชื่อ” ธาดาพูดทันที หากอนันต์เอาสเปิร์มของเขาไปใช้กับคนอื่นมันควรจะสารภาพในวันแรกที่ถูกฌานพาตัวมาเค้นความจริงที่บ้านเสขสุรักษ์แล้ว“แม่ก็ไม่เชื่อ หนูพราวไม่ต้องกังวลนะลูก” “แล้ว... ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกคุณใหญ่จริงๆ ล่ะคะ”คำถามของพิชชาทำให้ทุกคนในห้องเงียบงัน “ถ้าจริงผมจะเอามันเข้าคุก จะฟ้องถอนใบอนุญาตของไอ้หมอนั่น มันจะทำมาหากินใ
แต่เย็นนั้นเกิดเหตุร้ายคือคุณเกตุวดีลื่นหกล้มในห้องน้ำ หญิงสูงวัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องจากท่านอายุมากแล้วคุณหมอเจ้าของไข้จึงแนะนำให้เอ็กซเรย์ร่างกายในวันรุ่งขึ้น “แพรวจะอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าค่ะ” พิชนันท์บอกในห้องพักผู้ป่วยทำให้คุณย่ายิ้มแก้มปริ“ไม่ต้องหรอกลูก วันจันทร์หนูต้องไปโรงเรียนนะคะ โรงเรียนหนูอยู่ไกลด้วยสิ” ท่านลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างแสนรัก“พุทก็อยากอยู่ด้วยฮะย่า” ณพิชย์พูดขึ้นบ้าง เด็กชายอยากอยู่รพ.ตั้งแต่คราวแม่ตกบันไดแล้ว“ไม่ได้เหมือนกันค่ะพุทต้องไปโรงเรียนเหมือนแพรวนะลูก” ท่านหันมากอดหลานชายที่ปีนขึ้นมายืนบนเก้าอี้ใกล้เตียงผู้ป่วย“พุทลงมาก่อน” พิชชาดุลูกชาย เธอคิดว่าสักวันณพิชย์จะต้องมีการตกลงจากที่สูงบ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง##############“พราวว่าเราย้ายมาอยู่กันที่นี่ดีไหมคะ” เหตุการณ์ที่แม่สามีลื่นล้มทำให้เธอรู้สึกว่าท่านทั้งสองควรมีลูกหลานอยู่ด้วย เธอรู้ว่าธาดาห่วงแม่มาก แต่เขาอาจจะไม่กล้าเอ่ยปากขอมาอยู่ที่นี่“แล้วพราวจะไปทำงานไหวเหรอ หรือว่าย้ายออฟฟิศมาใกล้หน่อยดีไหมครับ” ธาดาไม่อยากให้เธอขับรถไกลไปทำงานมากกว่าวันละห้าสิบกิโล“ความจริงช่วงนี้พราวกั
เช้ามืดวันรุ่งขึ้นพิชชาลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอกลับมานอนต่อก็ถูกรวบตัวไปกอดทันที“คุณใหญ่ ฮื้อ...พราวจะนอน” เธอปัดป้องแต่ถูกรูดชุดนอนออกจากตัวโยนลงข้างเตียงอย่างรวดเร็วธาดาใช้ปากปิดปากเธอ กลืนเสียงห้ามให้หายไป พิชชาอึกอักก่อนจะอ่อนแรงลง สองมือเปลี่ยนจากดันตัวเขาออกเป็นโอบกอดเขาแน่น ชายหนุ่มจูบวนเวียนที่ริมฝีปากอิ่มมือใหญ่นวดเฟ้นทรวงอก ปลายนิ้วบดบี้ยอดถันจนเธอครางเสียงระโหย เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาตามผิวเนื้อนวล ใต้คางที่เริ่มมีตอหนวดขึ้นทำให้พิชชาห่อตัวด้วยความจั๊กจี้ “อื้อ... คุณใหญ่ขา...” เธอครางในลำคออย่างคาดหวัง มือของเขาเลื่อนลงไปจนถึงเนินหน้าท้อง ใช้เข่าดันเรียวขาเธอให้กว้างขึ้นแทรกตัวเองลงไปจรดจมูกลงบนท้องน้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ การจูบดูดดึงบริเวณนั้นทำให้พิชชาตัวสั่นด้วยความปรารถนา หญิงสาวกระชากไหล่เขาให้ขึ้นมาหาเธอ“พอแล้วค่ะ พราวจะ...” เธอเงียบเพราะจุกจากการที่ธาดาผลักดันตัวเองเข้าไปในซอกหลืบหนึบแน่นจนสุดในคราวเดียว เสียงครางเล็กๆ เริ่มดังเมื่อเขาขยับตัวเนิบนาบ“พราวครับ เปลี่ยนกันนะ” เขากระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำที่เธอไม่เข้าใจ และต้องตกใจเมื่อถูกพลิกตัวให้เป็นเ
เย็นวันศุกร์ในสัปดาห์ต่อมาธาดาและพิชชาพาลูกมานอนที่บ้านเสขสุรักษ์ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ทีแรกที่นี่เด็กทั้งสองมีห้องส่วนตัวที่คนเป็นพ่อจัดให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มา มีของเล่นในห้องที่ช่วยเสริมทักษะด้านต่างๆ อย่างเต็มที่“แม่เล่านิทานให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” พิชนันท์กอดเอวมารดาในห้องนอนเจ้าหญิงของเธอ“เขาฟังด้วย” ณพิชย์ที่เข้ามาพร้อมธาดารีบวิ่งเข้ามากระโดดขึ้นเตียงคู่แฝด“นี่ห้องเขานะพุท” พิชนันท์ตอบ“แต่ตัวเป็นพี่เขาไง” เด็กชายเถียงจนมารดาหัวเราะ“พุทจะฟังก็มานั่งฟังดีๆ ค่ะ แพรวจะให้แม่เล่าเรื่องอะไรคะ” “นี่ค่ะแม่” เด็กหญิงชูสมุดนิทานเรื่องลูกหมูสามตัว พิชชารับมาเปิดอ่านโดยที่เด็กทั้งสองนอนลงข้างกัน พิชชานั่งข้างนึงอีกข้างเป็นธาดาที่ฟังเงียบๆหญิงสาวเริ่มอ่านนิทาน ทำเสียงเป็นจังหวะให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนานจนธาดาเริ่มเคลิ้มจะหลับ แต่พิชนันท์กับณพิชย์ฟังตาใส“และในที่สุด ลูกหมูทั้งสามตัวก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในบ้านหลังที่สาม โดยที่เจ้าหมาป่าไม่สามารถจะพังบ้านของพวกมันได้อีกต่อไป” “ถ้าเจ้าลูกหมูมีพี่น้องคนที่สี่จะสร้างบ้านด้วยอะไรฮะแม่” ณพิชย์โพล่งขึ้นมา“ก็บ้านปูนไง” พิชนันท์







