LOGINพิมาลาให้พิชชาขึ้นไปพาเด็กๆ ลงมาลาธาดาก่อนที่เขาจะกลับในวันนั้น ณพิชย์และพิชนันท์มองชายหนุ่มหน้าดุอย่างสนใจ
“คุณลุงยังไม่กลับเหรอฮะ”
“กำลังจะกลับครับ เราชื่อพุทใช่ไหมเป็นพี่หรือเป็นน้อง” ธาดามองหน้าเล็กๆ ที่คุยกับเขาแบบไม่เกรงกลัวผิดกับเด็กคนอื่นๆ ที่เขาเคยเจอ
“เป็นน้องฮะ แต่แม่เคยบอกว่าฝาแฝดพี่จะถีบน้องออกมาก่อน” ณพิชย์พูดแจ้วๆ
“แต่คุณหนูผ่าคลอดไม่ใช่เหรอครับ แล้วจะถีบคุณหนูแพรวออกมาก่อนได้ไง” ฌานขัดทำให้เด็กชายหันมาค้อน
“เห็นมะ เขาบอกแล้วว่าตัวเป็นน้อง ตัวก็ไม่เชื่อ” พิชนันท์พูดขึ้นบ้าง บรรดาผู้ใหญ่หัวเราะทำให้เด็กชายยิ่งหน้ามุ่ย
“ลูก... อย่าทำหน้าแบบนี้สิ ทำไมเราหงุดหงิดง่ายจังเดี๋ยวคุณลุงกลับแม่จะพาไปกินไอศกรีมนะคะ” พิชชาคุยกับณพิชย์ทำให้เด็กชายสีหน้าดีขึ้น
"เหมือนคุณใหญ่เลยครับ หงุดหงิดง่ายแต่หายเร็ว” ฌานออกความเห็น ทำให้คนที่ถูกพาดพิงหันไปมองเหมือนด่าด้วยสายตา
“พุทชอบกินไอศกรีมเหรอแล้วน้องแพรวล่ะครับ” ธาดาถามเด็กทั้งสอง ณพิชย์พยักหน้ารับส่วนพิชนันท์ตอบเสียงใส
“แพรวชอบกินทุเรียนค่ะ แต่ไอศกรีมก็กินได้แต่ถ้ามีรสทุเรียนจะดีม๊าก” เด็กหญิงทำเสียงสูงให้รู้ว่าชอบจริงๆ
“เดี๋ยวลุงพาไปกินทุเรียน ลุงมีเพื่อนเป็นเจ้าของสวนทุเรียนมีเป็นพันๆ ลูกเลยครับแล้วพุทกินไหม”
เด็กหญิงทำหน้าดีใจเมื่อได้ยินคำว่ามีทุเรียนเป็นพันๆ ลูก ส่วนณพิชย์พลอยตื่นเต้นไปด้วย
“ชอบครับ แต่ลุงไม่ยุติธรรม”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่ยุติธรรมตรงไหน อัทธกานต์จึงเฉลยให้
“คุณใหญ่เรียกน้องแพรวแต่เรียกพุทคำเดียว พ่อหนุ่มเขาเลยรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม”
อ้อ...นอกจากฉลาดแล้วยังขี้น้อยใจด้วย ธาดาคิดในใจเขาคลี่ยิ้มบางๆ
“ลุงขอโทษครับน้องพุท ให้ลุงไถ่โทษด้วยการพาไปเที่ยวสวนทุเรียนนะ”
เด็กชายพยักหน้าท่าทางพอใจมากขึ้น
“ครับ พุทจะยอมให้ลุงไถ่โทษด้วยการพาพุทกับแพรวไปกินสวนทุเรียน”
พิชชาส่ายหน้าไปมา ไหนว่าธาดาไม่คุ้นกับเด็กแต่กลับหลอกล่อณพิชย์ให้คล้อยตามได้
“สวนทุเรียนกินไม่ได้ค่ะลูก เย็นนี้แม่พาไปกินที่ร้านก่อนแล้วกัน” เธอเงยหน้ามองแขก
“จะเที่ยงแล้ว พวกคุณกลับไปได้แล้วค่ะ”
“พราวอย่าเสียมารยาทสิ” พิมาลาปรามแต่ธาดาหันไปบอกว่าไม่เป็นไร
“ผมมานานแล้วจริงๆ ล่ะครับ ยังไงวันนี้ผมขอตัวก่อน พรุ่งนี้ผมจะมารับคุณพิชชากับเด็กๆ ไปโรงพยาบาล” ธาดาลุกขึ้นทำให้คนอื่นๆ ตามไปด้วย
“ค่ะ ยังไงพิมก็ขอโทษนะคะที่ทำให้ทางคุณยุ่งยาก แต่พราวก็ไม่ได้เจตนาจริงๆ” พิมาลากล่าวขอโทษแทนน้องสาว แต่ธาดามองตัวต้นเหตุ
“คุณพิมาลาไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องขอโทษหรอกครับผมเข้าใจ ขอบคุณคุณกับสามีด้วยที่ทำให้เราคุยกันดีๆ ได้”
ชายหนุ่มพูดจบแล้ว ทุกคนหันมามองพิชชาเป็นตาเดียวจนเธอต้องยอมละทิฐิลงเพราะลูกมองอยู่
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่คิดว่าพี่หมอจะหยิบผิดจนทำให้มีเรื่องตามมาแบบนี้”
“ครับ เอาเป็นว่าเราจะไม่พูดเรื่องความผิดพลาดของหมออนันต์อีก รอผลตรวจแล้วค่อยว่ากันดีกว่าวันนี้ผมขอตัวก่อน” ธาดาหมุนตัวกลับ ฌานก้มศีรษะให้ทุกคนแต่พิชชาวิ่งตามเขาออกมา
“เดี๋ยวค่ะคุณใหญ่ คุณจะเอาเรื่องพี่หมอรึเปล่า”
ถึงอย่างไรอนันต์ก็ทำตามความต้องการของเธอ หากเขาจะต้องถึงกับหมดอนาคตหรือมีคดีติดตัว เธอคงไม่สบายใจคำถามของเธอทำให้ธาดานิ่งคิด
“ถ้าผลออกมาว่าพุทกับแพรวไม่ใช่ลูกผมก็จบเรื่องนี้ไป แต่ถ้าผลออกมาบอกว่าใช่ ก็อยู่ที่ว่าเราจะหาทางออกเรื่องนี้ร่วมกันได้ดีแค่ไหน” ธาดามองเด็กๆ ที่วิ่งตามมาเกาะแขนมารดา
ชายหนุ่มย่อตัวลงคุยกับคู่แฝด
“ลุงขออุ้มน้องพุทกับน้องแพรวได้ไหมครับ”
ณพิชย์และพิชนันท์มองมารดาโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นพิชชาไม่ว่าอะไรจึงพยักหน้า
“แล้วคุณลุงจะอุ้มใครก่อนฮะ” เด็กชายถาม
ธาดาไม่ตอบ เขาอุ้มเด็กสองคนพร้อมกันด้วยแขนคนละข้าง พิชนันท์ร้องวี๊ดแล้วกอดคอคนอุ้มแน่นส่วนณพิชย์หัวเราะชอบใจ
“สูงดีจังค่ะ” พิชนันท์พูดเมื่อธาดายืดตัวตรงเต็มความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบซม. และฌานไม่พลาดที่จะถ่ายคลิปไว้ทันทีโดยที่เจ้านายห้ามไม่ทัน
ความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งเข้ามากระทบใจธาดา ตอนนี้ถึงไม่ตรวจดีเอ็นเอเขาก็เชื่อเต็มร้อยว่าเด็กทั้งสองเป็นลูกของเขาจริง ชายหนุ่มกอดเด็กทั้งคู่แน่นขึ้น กลิ่นหอมของความเป็นเด็กที่ไม่เหมือนน้ำหอมใดๆ ทำให้เขาผ่อนคลาย ชายหนุ่มปล่อยร่างทั้งคู่ลงกับพื้นและบอกลาอีกครั้ง
“พรุ่งนี้เจอกันนะลูก”
ธาดากลับเข้าบ้าน เขาแปลกใจเมื่อเห็นบิดามารดานั่งเพ่งหน้าจอโทรศัพท์จากนั้นคุณเกตุวดีเริ่มซับน้ำตา
“มีอะไรกันครับแม่”
เขาเดินไปใกล้ๆ ไม่เข้าใจว่าดูอะไรกันจอเล็กๆ แล้วซาบซึ้งขนาดไหนจนต้องร้องห่มร้องไห้ แต่เมื่อเห็นคลิปที่เปิดอยู่ชายหนุ่มถึงกับอึ้งไป มันเป็นคลิปที่ฌานถ่ายไว้ตอนเขาอุ้มณพิชย์และพิชนันท์
"หลานย่า น่ารักเหลือเกินลูก พูดเก่งด้วย” นางเกตุวดีซับน้ำตา
“แม่เขาเลี้ยงดีจริงๆ นะคุณว่าไหม” บิดาพูดขึ้นบ้าง ฝ่ายภรรยาพยักหน้ารับ
“จริงค่ะคุณ เราไปหาหลานกันดีไหมคะ”
“ไปพรุ่งนี้ก็ได้ครับ ผมนัดพิชชาไว้จะไปรับเขากับลูกไปตรวจดีเอ็นเอ” ธาดาพูดขึ้นทำให้ผู้สูงวัยทั้งสองหันมาสนใจลูกชาย
ชายหนุ่มเล่าเรื่องที่ไปพูดคุยกับทางครอบครัวของพิชชาให้พ่อแม่ฟังอย่างละเอียด รวมถึงการตัดสินใจที่จะไม่เอาเรื่องนายแพทย์อนันต์หากเขากับพิชชาตกลงกันได้ด้วยดี
“จะไปเอาเรื่องเขาทำไม ต้องขอบคุณสิทำให้พ่อแม่มีหลานตั้งสองคน” เกตุวดีแย้ง
“งั้นก็ให้ลัมโบเขาสักคันเป็นโบนัสดีไหมล่ะครับแม่” ธาดาเสนอซึ่งเขาตั้งใจประชดแต่มารดากลับทำท่าเหมือนพบทางสว่าง
“จริงด้วยลูก ต้องมีอะไรตอบแทนเขานะ”
ธาดาส่ายหน้าไปมา
“มีอะไรทานไหมครับ ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“มีสิลูก แม่ทำข้าวมันส้มตำไว้ให้ ทานที่นี่ล่ะลูกนั่งรอได้เลย” นางเกตุวดีรีบลุกขึ้นนำเข้าไปในห้องครัว กำกับให้แม่บ้านช่วยกันจัดสำรับมาไว้ให้ลูกชายที่ห้องนั่งเล่น
ครู่เดียวสำรับอาหารที่จัดมาในโตกหวายถูกลำเลียงวางลงบนพื้นพรมห้องนั่งเล่น ธาดานั่งขัดสมาธิทานข้าวมันส้มตำซึ่งเป็นเมนูโบราณที่มารดาทำไว้แบบครบเครื่อง อันได้แก่ข้าวที่หุงด้วยกะทิ ส้มตำไทยรสชาติออกเปรี้ยวอมหวาน แกงเผ็ดไก่ รสชาติแบบแกงภาคกลาง น้ำพริกมะขามรสชาติเปรี้ยวตามเนื้อมะขามที่เอามาตำรวมกับเครื่องอื่นๆ และเนื้อฉีกฝอยผัดหวาน เมื่อกินรวมกันแล้วนั้นจะได้รสชาติที่สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ยังมีผักสดและผักทอดที่นิยมกินเคียงด้วยกัน เช่น ใบทองหลาง ใบชะพลู
“ปล่อยไปจะดีเหรอคะคุณพราว” ปาณีไม่เห็นด้วยเท่าใดที่พิชชาไม่เอาเรื่องพนักงานสองคนนั้น“ดีค่ะ พราวเพิ่งมาที่นี่ยังไม่อยากสร้างศัตรู แต่ถ้าสองคนนั้นไม่เลิกพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปคุณใหญ่ก็รู้เอง” พิชชาตอบปาณีจึงไม่ถามอะไรอีก พิชชายกเครื่องดื่มเข้าไปในห้องเอง หญิงสาววางให้ธาดาเห็นเขาคร่ำเคร่งกับเอกสารจึงไม่ชวนคุย เธอเปิดโทรศัพท์คุยงานกับลูกน้องทางออนไลน์เกี่ยวกับการย้ายฟาร์มฟาร์มใหม่ที่ย้ายไปมีโรงเรือนที่เธอสั่งติดตั้งใหม่จำนวนเท่ากับของเดิมเพื่อให้ผักที่ขนย้ายไปมีที่ลงทันที ส่วนโรงเก่าจะได้ทำการฆ่าเชื้อก่อนเริ่มการเพาะปลูกรอบใหม่ทั้งพิชชาและธาดาต่างคนต่างทำงานตัวเองจนกระทั่งปาณีเข้ามาเพื่อนำเอกสารมาให้ธาดา“นี่ค่ะที่คุณใหญ่เอกสารของลูกค้าเคสที่คุณอยากดูรายละเอียด” “ขอบคุณครับ” ธาดาปิดเอกสารที่อ่านอยู่ หันมาสนใจแฟ้มอันใหม่ที่เลขาเพิ่งนำเข้ามา เขาเปิดดูแบบฟอร์มและรายละเอียดต่างๆ ไปจนถึงภาพประกอบทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้และเป็นตามที่คิดจริงๆภาพของที่ดินแปลงในโฉนดปรากฎว่าเป็นฟาร์มผักไฮโดรของพิชชา มันถูกระบุว่าเป็นกิจการของนายพายัพผู้ขอสินเชื่อ ชายหนุ่มใช้กระดาษโน้ตเขียนแปะท
บ่ายวันนั้นคุณเกตุวดีขอกลับบ้านเพราะไม่สะดวกใจที่จะพบใครคนอื่นอีก ท่านเริ่มรู้สึกว่าใครต่อใครต่างพากันมาจนไม่ได้พักผ่อนเมื่อมารดาจะกลับบ้านธาดาจึงแยกไปที่ทำงานโดยที่พาพิชชาไปด้วย หญิงสาวมองตึกสูงอันเป็นสาขาใหญ่ของธนาคารที่เป็นธุรกิจของครอบครัวเสขสุรักษ์อย่างทึ่งในใจจริงอยู่ว่าเธอไม่ลำบาก แต่ฐานะเดิมไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี ตอนไปบ้านเขาที่ยังคงบรรยากาศบ้านแบบเก่ามีความเป็นครอบครัวที่สมาชิกใกล้ชิดกันจึงไม่เกร็งเท่ากับการมาที่ทำงานแบบนี้ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงจากชั้นจอดรถส่วนตัวเข้าไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร หญิงสาวมองระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแปลกตา ต้องมีการสแกนนิ้วมือก่อนที่จะเปิดประตูเข้าภายในอาคาร ลิฟต์พาเขาและเธอขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร“ลิฟต์ตัวอื่นด้านหน้าจะมาถึงได้แค่ชั้นสิบ พนักงานทั่วไปก็ขึ้นมาได้แค่ชั้นสิบ ส่วนชั้นสิบเอ็ดจะมีแค่ลิฟต์ตัวนี้ที่ผมกับผู้บริหารคนอื่นๆ กับบรรดาผู้ช่วยที่จะใช้ได้” ธาดาอธิบายพลางแตะเอวเธอให้เดินออกจากลิฟต์ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงไปยังห้องในสุด บนนี้บรรยากาศเงียบมากจนเธอคิดว่าหากเข็มสักเล่มหล่นพื้นก็น่าจะได้ยิน“คุณณีนี่คุณพราวภรรยาผม
วันรุ่งขึ้นที่โรงพยาบาล คุณเธียรกับคุณเกตวดีหน้าเครียดเมื่อลูกชายและสะใภ้ไปถึง“มีอะไรกันครับพ่อ” ชายหนุ่มสังหรณ์ใจว่าจะมีอะไรหรือใครมาพูดอะไรกับบิดามารดา“เอ่อ... ลูกไม่ไปทำงานเหรอวันนี้” คุณเธียรลำบากใจเพราะเห็นพิชชามาด้วย เกรงว่าเธอจะคิดมาก“ผมลาครับว่าจะไปช่วยพราวขนของให้เสร็จ”“ดีลูก ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะแม่จะได้สบายใจ” คุณเกตุวดีจับมือพิชชา “มีอะไรรึเปล่าคะคุณแม่” เธอเองก็สงสัยเหมือนธาดาว่าอนันต์คงไม่ยอมหยุด หญิงสาวนึกไม่ออกเลยว่าอะไรที่ทำให้รุ่นพี่ที่เคยแสนดีแบบเขา กลายเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้“ก่อนที่ลูกสองคนจะมา หมออนันต์เขาพาผู้หญิงกับเด็กมาบอกว่าเป็นหลานของพ่อแม่ เป็นลูกตาใหญ่” คุณเกตุวดีเป็นคนพูดเองในขณะที่ท่านยังจับมือพิชชาไว้“ผมไม่เชื่อ” ธาดาพูดทันที หากอนันต์เอาสเปิร์มของเขาไปใช้กับคนอื่นมันควรจะสารภาพในวันแรกที่ถูกฌานพาตัวมาเค้นความจริงที่บ้านเสขสุรักษ์แล้ว“แม่ก็ไม่เชื่อ หนูพราวไม่ต้องกังวลนะลูก” “แล้ว... ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกคุณใหญ่จริงๆ ล่ะคะ”คำถามของพิชชาทำให้ทุกคนในห้องเงียบงัน “ถ้าจริงผมจะเอามันเข้าคุก จะฟ้องถอนใบอนุญาตของไอ้หมอนั่น มันจะทำมาหากินใ
แต่เย็นนั้นเกิดเหตุร้ายคือคุณเกตุวดีลื่นหกล้มในห้องน้ำ หญิงสูงวัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องจากท่านอายุมากแล้วคุณหมอเจ้าของไข้จึงแนะนำให้เอ็กซเรย์ร่างกายในวันรุ่งขึ้น “แพรวจะอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าค่ะ” พิชนันท์บอกในห้องพักผู้ป่วยทำให้คุณย่ายิ้มแก้มปริ“ไม่ต้องหรอกลูก วันจันทร์หนูต้องไปโรงเรียนนะคะ โรงเรียนหนูอยู่ไกลด้วยสิ” ท่านลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างแสนรัก“พุทก็อยากอยู่ด้วยฮะย่า” ณพิชย์พูดขึ้นบ้าง เด็กชายอยากอยู่รพ.ตั้งแต่คราวแม่ตกบันไดแล้ว“ไม่ได้เหมือนกันค่ะพุทต้องไปโรงเรียนเหมือนแพรวนะลูก” ท่านหันมากอดหลานชายที่ปีนขึ้นมายืนบนเก้าอี้ใกล้เตียงผู้ป่วย“พุทลงมาก่อน” พิชชาดุลูกชาย เธอคิดว่าสักวันณพิชย์จะต้องมีการตกลงจากที่สูงบ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง##############“พราวว่าเราย้ายมาอยู่กันที่นี่ดีไหมคะ” เหตุการณ์ที่แม่สามีลื่นล้มทำให้เธอรู้สึกว่าท่านทั้งสองควรมีลูกหลานอยู่ด้วย เธอรู้ว่าธาดาห่วงแม่มาก แต่เขาอาจจะไม่กล้าเอ่ยปากขอมาอยู่ที่นี่“แล้วพราวจะไปทำงานไหวเหรอ หรือว่าย้ายออฟฟิศมาใกล้หน่อยดีไหมครับ” ธาดาไม่อยากให้เธอขับรถไกลไปทำงานมากกว่าวันละห้าสิบกิโล“ความจริงช่วงนี้พราวกั
เช้ามืดวันรุ่งขึ้นพิชชาลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอกลับมานอนต่อก็ถูกรวบตัวไปกอดทันที“คุณใหญ่ ฮื้อ...พราวจะนอน” เธอปัดป้องแต่ถูกรูดชุดนอนออกจากตัวโยนลงข้างเตียงอย่างรวดเร็วธาดาใช้ปากปิดปากเธอ กลืนเสียงห้ามให้หายไป พิชชาอึกอักก่อนจะอ่อนแรงลง สองมือเปลี่ยนจากดันตัวเขาออกเป็นโอบกอดเขาแน่น ชายหนุ่มจูบวนเวียนที่ริมฝีปากอิ่มมือใหญ่นวดเฟ้นทรวงอก ปลายนิ้วบดบี้ยอดถันจนเธอครางเสียงระโหย เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาตามผิวเนื้อนวล ใต้คางที่เริ่มมีตอหนวดขึ้นทำให้พิชชาห่อตัวด้วยความจั๊กจี้ “อื้อ... คุณใหญ่ขา...” เธอครางในลำคออย่างคาดหวัง มือของเขาเลื่อนลงไปจนถึงเนินหน้าท้อง ใช้เข่าดันเรียวขาเธอให้กว้างขึ้นแทรกตัวเองลงไปจรดจมูกลงบนท้องน้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ การจูบดูดดึงบริเวณนั้นทำให้พิชชาตัวสั่นด้วยความปรารถนา หญิงสาวกระชากไหล่เขาให้ขึ้นมาหาเธอ“พอแล้วค่ะ พราวจะ...” เธอเงียบเพราะจุกจากการที่ธาดาผลักดันตัวเองเข้าไปในซอกหลืบหนึบแน่นจนสุดในคราวเดียว เสียงครางเล็กๆ เริ่มดังเมื่อเขาขยับตัวเนิบนาบ“พราวครับ เปลี่ยนกันนะ” เขากระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำที่เธอไม่เข้าใจ และต้องตกใจเมื่อถูกพลิกตัวให้เป็นเ
เย็นวันศุกร์ในสัปดาห์ต่อมาธาดาและพิชชาพาลูกมานอนที่บ้านเสขสุรักษ์ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ทีแรกที่นี่เด็กทั้งสองมีห้องส่วนตัวที่คนเป็นพ่อจัดให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มา มีของเล่นในห้องที่ช่วยเสริมทักษะด้านต่างๆ อย่างเต็มที่“แม่เล่านิทานให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” พิชนันท์กอดเอวมารดาในห้องนอนเจ้าหญิงของเธอ“เขาฟังด้วย” ณพิชย์ที่เข้ามาพร้อมธาดารีบวิ่งเข้ามากระโดดขึ้นเตียงคู่แฝด“นี่ห้องเขานะพุท” พิชนันท์ตอบ“แต่ตัวเป็นพี่เขาไง” เด็กชายเถียงจนมารดาหัวเราะ“พุทจะฟังก็มานั่งฟังดีๆ ค่ะ แพรวจะให้แม่เล่าเรื่องอะไรคะ” “นี่ค่ะแม่” เด็กหญิงชูสมุดนิทานเรื่องลูกหมูสามตัว พิชชารับมาเปิดอ่านโดยที่เด็กทั้งสองนอนลงข้างกัน พิชชานั่งข้างนึงอีกข้างเป็นธาดาที่ฟังเงียบๆหญิงสาวเริ่มอ่านนิทาน ทำเสียงเป็นจังหวะให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนานจนธาดาเริ่มเคลิ้มจะหลับ แต่พิชนันท์กับณพิชย์ฟังตาใส“และในที่สุด ลูกหมูทั้งสามตัวก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในบ้านหลังที่สาม โดยที่เจ้าหมาป่าไม่สามารถจะพังบ้านของพวกมันได้อีกต่อไป” “ถ้าเจ้าลูกหมูมีพี่น้องคนที่สี่จะสร้างบ้านด้วยอะไรฮะแม่” ณพิชย์โพล่งขึ้นมา“ก็บ้านปูนไง” พิชนันท์







