พิมาลาให้พิชชาขึ้นไปพาเด็กๆ ลงมาลาธาดาก่อนที่เขาจะกลับในวันนั้น ณพิชย์และพิชนันท์มองชายหนุ่มหน้าดุอย่างสนใจ
“คุณลุงยังไม่กลับเหรอฮะ”
“กำลังจะกลับครับ เราชื่อพุทใช่ไหมเป็นพี่หรือเป็นน้อง” ธาดามองหน้าเล็กๆ ที่คุยกับเขาแบบไม่เกรงกลัวผิดกับเด็กคนอื่นๆ ที่เขาเคยเจอ
“เป็นน้องฮะ แต่แม่เคยบอกว่าฝาแฝดพี่จะถีบน้องออกมาก่อน” ณพิชย์พูดแจ้วๆ
“แต่คุณหนูผ่าคลอดไม่ใช่เหรอครับ แล้วจะถีบคุณหนูแพรวออกมาก่อนได้ไง” ฌานขัดทำให้เด็กชายหันมาค้อน
“เห็นมะ เขาบอกแล้วว่าตัวเป็นน้อง ตัวก็ไม่เชื่อ” พิชนันท์พูดขึ้นบ้าง บรรดาผู้ใหญ่หัวเราะทำให้เด็กชายยิ่งหน้ามุ่ย
“ลูก... อย่าทำหน้าแบบนี้สิ ทำไมเราหงุดหงิดง่ายจังเดี๋ยวคุณลุงกลับแม่จะพาไปกินไอศกรีมนะคะ” พิชชาคุยกับณพิชย์ทำให้เด็กชายสีหน้าดีขึ้น
"เหมือนคุณใหญ่เลยครับ หงุดหงิดง่ายแต่หายเร็ว” ฌานออกความเห็น ทำให้คนที่ถูกพาดพิงหันไปมองเหมือนด่าด้วยสายตา
“พุทชอบกินไอศกรีมเหรอแล้วน้องแพรวล่ะครับ” ธาดาถามเด็กทั้งสอง ณพิชย์พยักหน้ารับส่วนพิชนันท์ตอบเสียงใส
“แพรวชอบกินทุเรียนค่ะ แต่ไอศกรีมก็กินได้แต่ถ้ามีรสทุเรียนจะดีม๊าก” เด็กหญิงทำเสียงสูงให้รู้ว่าชอบจริงๆ
“เดี๋ยวลุงพาไปกินทุเรียน ลุงมีเพื่อนเป็นเจ้าของสวนทุเรียนมีเป็นพันๆ ลูกเลยครับแล้วพุทกินไหม”
เด็กหญิงทำหน้าดีใจเมื่อได้ยินคำว่ามีทุเรียนเป็นพันๆ ลูก ส่วนณพิชย์พลอยตื่นเต้นไปด้วย
“ชอบครับ แต่ลุงไม่ยุติธรรม”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่ยุติธรรมตรงไหน อัทธกานต์จึงเฉลยให้
“คุณใหญ่เรียกน้องแพรวแต่เรียกพุทคำเดียว พ่อหนุ่มเขาเลยรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม”
อ้อ...นอกจากฉลาดแล้วยังขี้น้อยใจด้วย ธาดาคิดในใจเขาคลี่ยิ้มบางๆ
“ลุงขอโทษครับน้องพุท ให้ลุงไถ่โทษด้วยการพาไปเที่ยวสวนทุเรียนนะ”
เด็กชายพยักหน้าท่าทางพอใจมากขึ้น
“ครับ พุทจะยอมให้ลุงไถ่โทษด้วยการพาพุทกับแพรวไปกินสวนทุเรียน”
พิชชาส่ายหน้าไปมา ไหนว่าธาดาไม่คุ้นกับเด็กแต่กลับหลอกล่อณพิชย์ให้คล้อยตามได้
“สวนทุเรียนกินไม่ได้ค่ะลูก เย็นนี้แม่พาไปกินที่ร้านก่อนแล้วกัน” เธอเงยหน้ามองแขก
“จะเที่ยงแล้ว พวกคุณกลับไปได้แล้วค่ะ”
“พราวอย่าเสียมารยาทสิ” พิมาลาปรามแต่ธาดาหันไปบอกว่าไม่เป็นไร
“ผมมานานแล้วจริงๆ ล่ะครับ ยังไงวันนี้ผมขอตัวก่อน พรุ่งนี้ผมจะมารับคุณพิชชากับเด็กๆ ไปโรงพยาบาล” ธาดาลุกขึ้นทำให้คนอื่นๆ ตามไปด้วย
“ค่ะ ยังไงพิมก็ขอโทษนะคะที่ทำให้ทางคุณยุ่งยาก แต่พราวก็ไม่ได้เจตนาจริงๆ” พิมาลากล่าวขอโทษแทนน้องสาว แต่ธาดามองตัวต้นเหตุ
“คุณพิมาลาไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องขอโทษหรอกครับผมเข้าใจ ขอบคุณคุณกับสามีด้วยที่ทำให้เราคุยกันดีๆ ได้”
ชายหนุ่มพูดจบแล้ว ทุกคนหันมามองพิชชาเป็นตาเดียวจนเธอต้องยอมละทิฐิลงเพราะลูกมองอยู่
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่คิดว่าพี่หมอจะหยิบผิดจนทำให้มีเรื่องตามมาแบบนี้”
“ครับ เอาเป็นว่าเราจะไม่พูดเรื่องความผิดพลาดของหมออนันต์อีก รอผลตรวจแล้วค่อยว่ากันดีกว่าวันนี้ผมขอตัวก่อน” ธาดาหมุนตัวกลับ ฌานก้มศีรษะให้ทุกคนแต่พิชชาวิ่งตามเขาออกมา
“เดี๋ยวค่ะคุณใหญ่ คุณจะเอาเรื่องพี่หมอรึเปล่า”
ถึงอย่างไรอนันต์ก็ทำตามความต้องการของเธอ หากเขาจะต้องถึงกับหมดอนาคตหรือมีคดีติดตัว เธอคงไม่สบายใจคำถามของเธอทำให้ธาดานิ่งคิด
“ถ้าผลออกมาว่าพุทกับแพรวไม่ใช่ลูกผมก็จบเรื่องนี้ไป แต่ถ้าผลออกมาบอกว่าใช่ ก็อยู่ที่ว่าเราจะหาทางออกเรื่องนี้ร่วมกันได้ดีแค่ไหน” ธาดามองเด็กๆ ที่วิ่งตามมาเกาะแขนมารดา
ชายหนุ่มย่อตัวลงคุยกับคู่แฝด
“ลุงขออุ้มน้องพุทกับน้องแพรวได้ไหมครับ”
ณพิชย์และพิชนันท์มองมารดาโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นพิชชาไม่ว่าอะไรจึงพยักหน้า
“แล้วคุณลุงจะอุ้มใครก่อนฮะ” เด็กชายถาม
ธาดาไม่ตอบ เขาอุ้มเด็กสองคนพร้อมกันด้วยแขนคนละข้าง พิชนันท์ร้องวี๊ดแล้วกอดคอคนอุ้มแน่นส่วนณพิชย์หัวเราะชอบใจ
“สูงดีจังค่ะ” พิชนันท์พูดเมื่อธาดายืดตัวตรงเต็มความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบซม. และฌานไม่พลาดที่จะถ่ายคลิปไว้ทันทีโดยที่เจ้านายห้ามไม่ทัน
ความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งเข้ามากระทบใจธาดา ตอนนี้ถึงไม่ตรวจดีเอ็นเอเขาก็เชื่อเต็มร้อยว่าเด็กทั้งสองเป็นลูกของเขาจริง ชายหนุ่มกอดเด็กทั้งคู่แน่นขึ้น กลิ่นหอมของความเป็นเด็กที่ไม่เหมือนน้ำหอมใดๆ ทำให้เขาผ่อนคลาย ชายหนุ่มปล่อยร่างทั้งคู่ลงกับพื้นและบอกลาอีกครั้ง
“พรุ่งนี้เจอกันนะลูก”
ธาดากลับเข้าบ้าน เขาแปลกใจเมื่อเห็นบิดามารดานั่งเพ่งหน้าจอโทรศัพท์จากนั้นคุณเกตุวดีเริ่มซับน้ำตา
“มีอะไรกันครับแม่”
เขาเดินไปใกล้ๆ ไม่เข้าใจว่าดูอะไรกันจอเล็กๆ แล้วซาบซึ้งขนาดไหนจนต้องร้องห่มร้องไห้ แต่เมื่อเห็นคลิปที่เปิดอยู่ชายหนุ่มถึงกับอึ้งไป มันเป็นคลิปที่ฌานถ่ายไว้ตอนเขาอุ้มณพิชย์และพิชนันท์
"หลานย่า น่ารักเหลือเกินลูก พูดเก่งด้วย” นางเกตุวดีซับน้ำตา
“แม่เขาเลี้ยงดีจริงๆ นะคุณว่าไหม” บิดาพูดขึ้นบ้าง ฝ่ายภรรยาพยักหน้ารับ
“จริงค่ะคุณ เราไปหาหลานกันดีไหมคะ”
“ไปพรุ่งนี้ก็ได้ครับ ผมนัดพิชชาไว้จะไปรับเขากับลูกไปตรวจดีเอ็นเอ” ธาดาพูดขึ้นทำให้ผู้สูงวัยทั้งสองหันมาสนใจลูกชาย
ชายหนุ่มเล่าเรื่องที่ไปพูดคุยกับทางครอบครัวของพิชชาให้พ่อแม่ฟังอย่างละเอียด รวมถึงการตัดสินใจที่จะไม่เอาเรื่องนายแพทย์อนันต์หากเขากับพิชชาตกลงกันได้ด้วยดี
“จะไปเอาเรื่องเขาทำไม ต้องขอบคุณสิทำให้พ่อแม่มีหลานตั้งสองคน” เกตุวดีแย้ง
“งั้นก็ให้ลัมโบเขาสักคันเป็นโบนัสดีไหมล่ะครับแม่” ธาดาเสนอซึ่งเขาตั้งใจประชดแต่มารดากลับทำท่าเหมือนพบทางสว่าง
“จริงด้วยลูก ต้องมีอะไรตอบแทนเขานะ”
ธาดาส่ายหน้าไปมา
“มีอะไรทานไหมครับ ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“มีสิลูก แม่ทำข้าวมันส้มตำไว้ให้ ทานที่นี่ล่ะลูกนั่งรอได้เลย” นางเกตุวดีรีบลุกขึ้นนำเข้าไปในห้องครัว กำกับให้แม่บ้านช่วยกันจัดสำรับมาไว้ให้ลูกชายที่ห้องนั่งเล่น
ครู่เดียวสำรับอาหารที่จัดมาในโตกหวายถูกลำเลียงวางลงบนพื้นพรมห้องนั่งเล่น ธาดานั่งขัดสมาธิทานข้าวมันส้มตำซึ่งเป็นเมนูโบราณที่มารดาทำไว้แบบครบเครื่อง อันได้แก่ข้าวที่หุงด้วยกะทิ ส้มตำไทยรสชาติออกเปรี้ยวอมหวาน แกงเผ็ดไก่ รสชาติแบบแกงภาคกลาง น้ำพริกมะขามรสชาติเปรี้ยวตามเนื้อมะขามที่เอามาตำรวมกับเครื่องอื่นๆ และเนื้อฉีกฝอยผัดหวาน เมื่อกินรวมกันแล้วนั้นจะได้รสชาติที่สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ยังมีผักสดและผักทอดที่นิยมกินเคียงด้วยกัน เช่น ใบทองหลาง ใบชะพลู
เธอก้าวลงอ่างนั่งลงกับพื้นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เอนศีรษะพิงขอบอ่างที่บุด้วยเบาะอ่อนนุ่ม ธาดาตามลงมาขัดแขนให้เธอจนทั่วสองข้าง“ต่อไปอันนี้พราวทำเองนะ แล้วล้างออกได้เลยผมจะไปรอข้างนอก” ธาดาทำท่าจะลุกขึ้นแต่เธอเรียกไว้“เดี๋ยวค่ะคุณใหญ่ ขัดหลังให้พราวด้วย พราวทำเองไม่ถึง” หญิงสาวนั่งหันหลังให้เขาเธอปลดปมผ้าขนหนูลงจนเห็นแผ่นหลังเรียบเนียน“จะดีเหรอพราว ผมว่าผิวด้านหลังก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่ต้องขัดก็ได้มั้ง” ชายหนุ่มเริ่มคอแห้งกลืนน้ำลายลำบาก“ไม่ได้ค่ะ ทำแล้วก็ทำให้หมด” เธอยืนยัน เขาจึงต้องเริ่มลงเกลือไปทั่วแผ่นหลังเปลือย ธาดาพยายามไม่มองไปทางด้านหน้า ที่ถึงจะมีผ้าขนหนูปิดไว้แต่มันก็ยังล่อตาล่อใจชายหนุ่มแบบเขาเหลือเกิน เขาแข็งใจลงเกลือจนทั่วแล้วรีบลุกออกจากอ่างอย่างรวดเร็ว“พราวล้างตัวได้เลย เสร็จแล้วเรียกผม”ธาดาเดินเร็วๆ ออกมานอกห้อง เขาถอนใจอย่างโล่งอกเจตนาเขาแค่อยากทำความสนิทสนมกับเธอ ยังไม่ได้คิดจะทำเรื่องก้าวล่วงมากกว่านั้น'หรือว่าคืนนี้จะพอแค่นี้ดี' เขาถามตัวเองแต่ขาไม่ขยับออกไปไหน สิบนาทีต่อมาพิชชาส่งเสียงเรียก“คุณใหญ่คะ เรียบร้อยแล้วค่ะเราทำอะไรกันต่อดี” นั่นสิทำอะไรต
พิชชาตามลงมาที่ชั้นล่างตอนนั้นธาดาขนของขึ้นรถหมดแล้ว พิชนันท์และณพิชย์กำลังรอเธอเพื่อจะขึ้นรถท่าทางทั้งคู่ตื่นเต้นมาก“พาเด็กๆ ขึ้นรถเลยก็ได้ค่ะ” เธอรับโทรศัพท์จากพี่สาวไปด้วย สำรวจบ้านไปด้วยว่าลืมอะไรหรือเปล่า พิชชาฟังพิมาลาพูดจากนั้นสีหน้าที่สดชื่นเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยจนธาดาสังเกตุเห็น“เราไม่ไปนะพิม ถ้าพิมอยากไปก็ไปกับพี่อัทแต่เราไม่” เธอพูดแล้วนิ่งฟังปลายสาย สีหน้าพิชชายิ่งนิ่งเฉยมากขึ้น“บอกพวกเขาว่าอย่ามายุ่งกับลูกเรา ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากับลูกจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลแม่ก็ได้ มันไม่ใช่ปัญหาหรอก”พิชชาคุยต่ออีกสองนาทีเธอจึงวางสาย หญิงสาวสั่งงานแม่บ้านและเดินตามออกมา คู่แฝดขึ้นรถเรียบร้อยส่วนธาดากำลังยืนรอเธออยู่“มีอะไรรึเปล่าพราว” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม“ไม่มีอะไรค่ะ” พิชชาปฏิเสธแต่เธอเห็นความไม่เชื่อบนใบหน้าเขา ธาดาเปิดประตูรถให้เธอขึ้น“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้านคุณก็ได้ค่ะ”ธาดาพยักหน้าเขาปิดประตูรถก่อนจะอ้อมไปอีกฝั่ง วันนี้ชายหนุ่มขับรถเองเพราะเขาให้เลขาไปทำธุระอื่นก่อนเลิกงานการจราจรติดขัดทำให้กว่าจะถึงบ้านเสขสุรักษ์ก็เกือบค่ำ พิชชาปลุกลูกที่หลับไปพักใหญ่ ในขณะท
ทานอาหารเย็นแล้วธาดาไปส่งพิชชากับลูกแฝดกลับบ้านของเธอ แล้วกลับมาคุยกับบิดามารดาที่บ้าน“ยังไงนะเรา อยู่ๆ ทำไมไปสนิทกับหนูพราวได้” มารดาถามลูกชายทันทีที่เขากลับมาถึงบ้าน“ก็ไม่มีอะไรครับ ผมว่าเขาก็น่ารักดี ปากจัดดี” ธาดายิ้มเมื่อเห็นพ่อแม่ทำหน้าตกใจ เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวแก้“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่พราวเป็นคนตรง คิดอะไรก็พูด เลยดูน่าคบหาดี” ถึงไม่มีเรื่องของณพิชย์และพิชนันท์เข้ามา ธาดาคิดว่าเขาก็คงสนใจพิชชาอยู่ดีถ้ามีโอกาสได้พบกันก่อนหน้านี้“ถ้าลูกจริงจังก็ดี”คุณเธียรพูดบ้าง ทั้งที่ชายสูงวัยรู้จักลูกชายตนเองดีว่าธาดาไม่มีนิสัยคบใครไปเรื่อย เรียกว่าที่ผ่านมาเขาไม่คบใครฉันท์คนรักเลยก็ว่าได้ กรณีพิชชาถ้าไม่มีเรื่องหลานเข้ามาธาดาก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักเธอเช่นกัน“ครับพ่อ” ธาดารับคำสั้นๆ“แล้วลูกทำยังไง หนูพราวถึงยอมจะมาค้างบ้านเรา” เรื่องนี้ที่นางสงสัยมาก พิชชาเองดูไม่น่าจะไว้ใจธาดาเร็วขนาดนี้แต่นางก็ต้องยิ่งสงสัยเมื่อลูกชายคนเดียวหัวเราะอีก“พราวเขาคิดว่าผมเป็นเกย์ครับแม่ เขาเลยไม่คิดอะไรถ้าจะมาค้าง” ผู้สูงวัยทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่คุณเกตุวดีจะพูดออกมา“ความจริงก็คงไม่
ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วทุกคนได้ลงมารับประทานอาหารเช้าที่ศูนย์อาหารและกลับไปเก็บเต๊นท์รวมถึงสัมภาระต่างๆ ขึ้นรถเพื่อออกจากอุทยานแห่งชาติในตอนสายๆ ฌานแนะนำให้ไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงในระแวกนั้นคือฟาร์มเห็ด สวนผักและไร่สตรอเบอรี่และไร่องุ่นที่คู่แฝดชอบมาก พิชชาซื้อผลผลิตจากไร่ที่ไปเยี่ยมชมไปฝากบิดามารดาของธาดา“ชุดนี้ฉันฝากให้คุณพ่อคุณแม่คุณด้วยนะคะคุณใหญ่” เธอแยกของเป็นสองชุดวางบนรถในตอนที่เขาช่วยเธอยกกลับมาที่รถ“คุณเอาไปให้ท่านเองสิ จะฝากผมทำไม” “ก็กว่าฉันจะไปบ้านคุณก็เสาร์หน้า ผักกับองุ่นจะเน่าก่อน” พิชชาตอบ“บ้านผมไปได้แค่วันเสาร์เหรอ เย็นนี้ไปถึงกรุงเทพฯ แวะบ้านผมก่อนหรือไปพรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าไม่อยากไปเองเดี๋ยวผมไปรับลูกจากโรงเรียนแล้วไปกัน” หญิงสาวนิ่งคิด “คุณไม่ต้องไปรับเด็กๆ ทุกวันก็ได้ค่ะ ฉันเกรงใจ” เด็กอนุบาลเลิกเรียนก่อนบ่ายสาม หากเขาไปรับทุกวันธาดาต้องเสียเวลาทำงานไม่น้อยกว่าวันละสามสี่ชั่วโมง“ลูกถามเรื่องทำไมพ่อแม่ไม่อยู่บ้านเดียวกัน ผมไม่อยากให้เด็กๆ สงสัยอะไรมากกว่านี้” “เด็กๆ ก็ถามไปตามประสาค่ะ เดี๋ยวแกก็ลืมเรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึก
“ไม่ต้องหรอกลูกมันยุ่งไป ผัดมาม่าเอาไว้แม่ไปกินที่บ้านได้” หญิงสาวรีบบอกลูกแต่ณพิชย์ทำหน้าไม่เห็นด้วย“แต่พุทอยากกินด้วยนี่ฮะแม่”“ตกลงใครอยากกิน แม่หรือพุท” ธาดาถามยิ้มๆ เด็กชายก้มหน้าเขินเมื่อถูกจับได้ เขาแอบมองเห็นพิชนันท์ยักคิ้วให้ณพิชย์จึงแลบลิ้นใส่เป็นการตอบแทน“เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ค่ะคุณใหญ่” พิชชาเดินมาใกล้เตาแก็สน้ำในกากำลังเดือดปุดๆ เธอใช้กรรไกรตัดซองโอวัลตินเทใส่ถ้วย“พุทหยิบถุงขยะมาให้แม่หน่อยครับ” เธอออกคำสั่งกับลูกชาย หญิงสาวต้องการสอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบในการมาเที่ยว“ต้องเอาถุงขยะมาใส่ด้วยเหรอแม่ แล้วจะทิ้งที่ไหนคะ” พิชนันท์มองไปรอบๆ เธอไม่เห็นถังขยะเลย“เก็บลงไปทิ้งข้างล่างไงลูก มาเที่ยวแล้วต้องไม่ทิ้งขยะไว้บนนี้โดยเฉพาะพวกถุงพลาสติก” ธาดาเป็นฝ่ายอธิบาย“อ๋อ เดี๋ยวมดขึ้นใช่ไหมคะพ่อ” “ก็ด้วย แต่สำคัญกว่าคือพวกพลาสติกมันไม่ย่อยครับ เราทิ้งไว้ถ้ามีสัตว์ป่ามากินมันก็จะตายเพราะมีพลาสติกในท้อง” คู่แฝดฟังแล้วพยักหน้ารับ ธาดาเทน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูป และถ้วยโอวัลตินจนครบทุกถ้วย เขาเห็นพิมาลาและอัทธกานต์เดินกลับมาพอดีทั้งสองแวะคุยที่หน้าเต็นท์“ทานอะไรไหม
กางเต๊นท์แล้วทั้งหมดไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติ ฌานติดต่อทำเรื่องจองรถไปส่องสัตว์เขาเลือกรอบหนึ่งทุ่มตรงโดยที่จองแบบเหมาคัน ส่วนพิชชาพาเด็กๆ เดินดูนิทรรศการภายในศูนย์ที่แนะนำสัตว์ป่าแต่ละชนิด“เรียบร้อยครับ เราไปเดินเที่ยวกันตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติไหม” ฌานถาม “ไกลไหมคะ เด็กๆ จะเดินไหวไหม” พิมาลา“หนึ่งจุดสองกิโลก็ไม่ไกลมากนะพิม ถ้าพุทแพรวเมื่อยก็อุ้มกลับก็ได้” อัทธกานต์อ่านรายละเอียดของเส้นทางการศึกษาธรรมชาติที่มีจุดเริ่มต้นที่ด้านหลังของศูนย์บริการทั้งหมดเริ่มเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นทางเดินที่ถูกทำไว้แล้วอย่างดี เดินง่าย วิวสวย จุดถ่ายรูปมีตลอดทาง ณพิชย์และพิชนันท์ต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็นระหว่างทาง“หู๊ว.......สวยจังค่ะ” พิชนันท์พูดในระหว่างที่อยู่บนสะพานข้ามลำธาร ธาดาอุ้มสาวน้อยขึ้นมาเพื่อให้ดูวิวได้ถนัด ส่วนณพิชย์เป็นหน้าที่ของฌานเขาให้เด็กชายขี่คอทำให้แฝดน้องสนุกมากกว่าใครพิชชาเดินคู่กับพิมาลาโดยมีอัทธกานต์รั้งท้าย สองสาวเดินไปคุยกันไปเบาๆ“คุณใหญ่เขาดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้ว่ามีลูกเลยนะพราว” พิมาลาสังเกตุเห็นอะไรหลายอย่างที่ชายหนุ