“อ้อ...ชื่อเพ็ญเหรอ แหม...ชื่อก็เพราะ หน้าตาก็ดี แต่ทำไมไม่มีปัญญาหาผัวเองล่ะ ต้องมาแย่งผัวคนอื่นเขาแบบนี้ นี่...กูจะบอกให้เอาบุญนะ เมียน้อยยังไงก็เป็นเมียน้อยอยู่วันยังค่ำ ต่อให้เมียหลวงเขาตายไปแล้ว แต่มึงไม่มีวันลบคำว่าเมียน้อยออกไปจากชีวิตมึงได้หรอก มันจะกลายเป็นตราบาปว่ามึงไปแย่งผัวเขามา ส่วนลูกมึงก็เป็นแค่ลูกชู้ อย่ามาสำคัญตัวผิด”
“อีอ้อย อีปากหมา เพ็ญอย่าไปฟังมันนะ สำหรับพี่เพ็ญไม่ใช่เมียน้อย เพ็ญคือผู้หญิงคนเดียวที่พี่รัก ส่วนอีปรางพี่ไม่เคยรักมันเลย”
จักรกฤษณ์ออกหน้าปกป้องเมียใหม่อย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนกระทั่งว่าตนมางานศพของปรางทิพย์
“ถุย! พูดออกมาได้ ไม่เคยรักพี่กูเลย แต่ดันเอากันจนมีลูกกับพี่กูเนี่ยนะ ใครเชื่อก็โง่ตาย แต่กูขอถามมึงหน่อยเหอะ นี่ไอ้ไม้ มึงเป็นผู้ชายแบบไหน ถึงได้กล้าพาเมียน้อยกับลูกมาในงานศพเมียหลวงแบบนี้ อย่างน้อยพี่ปรางก็เคยเป็นเมียมึงนะ เมียที่อยู่กินกับมึงมาก่อนตั้งแต่มึงยังมีแต่ตัว เมียที่คอยช่วยมึงทำมาหากิน เมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย ศพก็ยังไม่ได้เผาตั้งอยู่ทนโท่ กูว่าดีไม่ดีที่พี่ปรางฆ่าตัวตาย ก็เพราะมึงนี่แหละไอ้ไม้ เพราะมึงมีเมียน้อย พี่ปรางเสียใจเลยคิดสั้นฆ่าตัวตาย มึงนี่แหละทำให้พี่กูตาย มึงทำกับพี่กูได้ยังไง พี่ปรางรักมึงมากขนาดไหนมึงยังกล้าทำ” พรพรรณชี้หน้าจักรกฤษณ์โกรธจัดเนื้อตัวสั่นเทา
“ขนาดมางานศพเมียทั้งที พวกมึงยังกล้าใส่ชุดสีแดงมางานเนี่ยนะ แล้วกูก็อยากรู้เหมือนกันว่า อีกะหรี่นี่เป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ถึงได้หน้าด้านไร้ยางอาย แย่งผัวเขาไปกกกอดจนมีลูกด้วยกัน มึงก็ยังกล้าอุ้มลูกกระเตงมาเยาะเย้ยศพเขาถึงที่นี่ มึงสองตัวนี่มันช่างเลวระยำสมกันเหมือนผีเน่ากับโลงผุ กูขออวยพรขอให้พวกมึงฉิบหาย ตายตามพี่สาวกูไปอย่างหมาข้างถนนในเร็ววันทีเถอะ” พรพรรณด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า
“อีอ้อย! อีฉิบหาย พี่สาวมึงฆ่าตัวตายเองมาเกี่ยวอะไรกับกู กูไม่ได้ไปฆ่ามันเสียหน่อย ส่วนมึงนะอีอ้อย อีปากหมา อีปากปลาร้า กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมึงถึงยังไม่มีผัว ก็เพราะปากมึงเป็นอย่างนี้ไง ผู้ชายที่ไหนเขาจะเอา ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากได้ผู้หญิงปากอย่างมึงเอาไปเป็นเมียหรอก ใครได้ไปก็เป็นเสนียดตัวเอง กูจะบอกให้นะ พี่สาวมึง ทั้งขี้เหล้า ทั้งปากหมา อยู่ไปก็ รกหูรกตา ตาย ๆ ไปเสียได้ก็ดี กูจะได้หมดเวรหมดกรรม”
ท้ายประโยคพาดพิงถึงคนตาย ยิ่งทำให้พรพรรณเดือด ปุด ๆ แทบจะถลาเข้าไปตบหากมีคนคอยฉุดห้ามได้ทัน
“ไอ้ไม้! ถ้ามึงจะมาที่นี่เพื่อมาด่าคนตายละก็มึงมาทางไหน ไสหัวไปทางนั้น กูไม่อยากให้คนเสนียดจัญไรอย่างพวกมึงมาเหยียบงานศพของพี่ปราง มึงไปเลยนะไอ้ไม้ ไป๊ ไสหัวไปให้พ้น”
“เออ...กูก็ไม่อยากมาเหยียบงานศพให้เป็นเสนียดติดตีนกูหรอก แต่ที่กูมาเนี่ย กูมาเอาเงินของกูเว้ย อีอ้อย...มึงเอาเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้”
จักรกฤษณ์โต้กลับพร้อมกับแบมือทวงเงินพรพรรณดื้อ ๆ ทำให้เธอถึงกับขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“เงิน! เงินอะไรของมึง กูไม่เคยติดหนี้อะไรมึงจะมาทวงเงินอะไร”
“เงินซองทำบุญงานศพยังไงล่ะ กูเป็นผัวมัน เงินนั่นมันต้องเป็นของกู”
จบประโยค พรพรรณก็แค่นหัวเราะดังลั่นศาลาก่อนจะชี้หน้าคนตรงหน้าอย่างดูถูกดูแคลน
“อ๋อ...ไอ้ไม้ นี่มึงถึงกับหอบลูกเมียมางานศพพี่ปราง เพราะอยากได้เงินคนตายเนี่ยนะ โถ...ไอ้หน้าตัวเมียที่แท้มึงก็ยังไม่ทิ้งสันดานแมงดา ตอนพี่ปรางยังอยู่มึงก็แอบลักเงินของพี่ปรางไปเลี้ยงอีเมียน้อยนี่ อย่าคิดนะว่าพี่ปรางไม่รู้ พี่ปรางรู้และเล่าให้กูฟังหมด นี่พอตอนพี่ปรางตายไปแล้ว แมงดาอย่างมึงก็คงไม่มีปัญญาหาเงินเอง จนต้องมาแบมือขอเงินเป็นขอทานแบบนี้ น่าสมเพช เงินใส่ซองกูจ่ายค่าใช้จ่ายงานศพไปหมดแล้ว และต่อให้มีกูก็ไม่ให้มึงหรอกไอ้แมงดา มึงดูปากกูนะ กู-ไม่-ให้”
“โกหก อีอ้อยมึงโกหก กูไม่เชื่อมึงหรอกว่าเงินจะไม่มี งานศพทั้งที ยังไงมันก็ต้องมีเงินบ้างล่ะวะ อีปรางคนรู้จักมันเยอะจะตาย เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เหลือเงินเลย กูไม่เชื่อ มึงแอบอมเงินงานศพเอาไว้ใช้เองใช่ไหม มึงมันก็เลว อีหน้าเงิน งานศพพี่สาวทั้งคนมึงก็ยังอมเงินเอาได้ มึงอย่าลืมนะ มึงเป็นแค่น้องสาว ก็แค่คนนอก เงินทุกบาททุกสตางค์มันต้องเป็นของกู ผัวอย่างกู ไม่ใช่น้องสาวอย่างมึง” จักรกฤษณ์ประกาศลั่นกลางศาลา
“แหม...ที่อย่างนี้มาลำเลิกความเป็นผัวขึ้นมาเลย แล้วตั้งแต่พี่กูเสียไป มึงหายหัวไปไหนมาล่ะ ถึงได้เพิ่งโผล่หน้ามาเอาตอนนี้ แล้วมาหาว่ากูเป็นคนนอก ได้ในเมื่อมึงเป็นผัว มึงมาก็ดีแล้ว นี่รายการค่าใช้จ่ายงานศพต่าง ๆ มึงก็เป็นคนจ่ายแล้วกัน”
พรพรรณขยำกระดาษรายการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในมือแล้วปาใส่หน้าพี่เขยเต็มแรง
“อีอ้อย! อีผีเปรตนี่”
“สั่นเหรอครับ พี่ไม่เห็นรู้สึกเลยแฮะ” “นี่ไงคะ มือพี่เจตต์สั่นจริง ๆ ด้วย”หญิงสาวจับมือเขาไว้พลางชูขึ้นทำให้อีกฝ่ายมองมือเจ้ากรรมที่ดันสั่นระริกด้วยความประหม่าใบหน้าแดงก่ำ “พี่ว่า พี่คงเขินน้องระรินมากกว่าน่ะครับ” “เขินระรินเนี่ยนะคะ” “น้องระรินแต่งตัวสวยแบบนี้ จะไม่ให้พี่ตื่นเต้นได้ยังไงกันครับ อีกอย่างน้องระรินรู้ตัวไหมครับ วันนี้พอน้องระรินยิ้มให้พี่ทีไร หัวใจของพี่ก็สั่นไหวเหมือนจะควบคุมไม่อยู่ทุกที” “พี่เจตต์...”ยังไม่ทันที่รินรดาจะทันได้พูดสิ่งใด ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ก่อนจะมีป้ายบอกทางไปยังชั้นดาดฟ้าของโรงแรม ทันทีที่รินรดามองขึ้นไปด้านบน เธอเ
“แหม! พูดมาตั้งนาน หรือว่า...น้าอ้อยมีหนุ่มมาจีบเหรอคะ ถึงได้พูดเรื่องเนื้อคู่แบบนี้”รินรดาหัวเราะคิกคักชอบใจ ทำให้อีกฝ่ายบ่นอุบ “โอ๊ย! ทำมาเป็นพูด ชาตินี้น้าไม่เอาผัวเด็ดขาด แค่เห็นชีวิตของพี่ปราง และชีวิตของระริน น้าก็เข็ดขยาดแทนแล้ว กลัวตัวเองจะเลือกผัวผิดไปเจอผู้ชายเฮงซวยเข้าน่ะสิ แต่จะว่าไปเจตต์คงจะเป็นเนื้อคู่ของระรินล่ะมั้ง ดูสิ ขนาดแคล้วคลาดจากกันไปแล้ว ก็มีเหตุให้วนกลับมาอยู่บ้านติดกัน จนมาคบกันแบบนี้ และเขาก็บังเอิญเข้ามาช่วงที่ระรินเดือดร้อนทุกครั้งเลยสิ ถ้าแบบนี้ไม่ใช้เนื้อคู่ แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ” “หวังว่าจะไม่ใช่คู่เวรคู่กรรมอีกนะคะ”“โอ๊ย อย่างเจตต์นี่ไม่ใช่คู่เวรคู่กรรมหรอก น่าจะเป็นคู่สร้างคู่สมหรือคู่แท้มากกว่าล่ะมั้ง”สองสาวพูดคุยหัวเราะกันสนุกนาน จนพรพรรณเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงเอ่ยขึ้น“เออ...น้าลืมเล่าให้เราฟัง วันก่อนน้าได้รับข่าวพ่อของเราจากเพื่
หลังจากที่เดินทางมาถึงจังหวัดกระบี่ เจตต์ก็พาทุกคนไปเช็กอินที่โรงแรมซึ่งได้จองไว้ โดยเขาได้จองหนึ่งห้องเตียงคู่ พร้อมเตียงเสริมให้รินรดา พรพรรณและน้ำฟ้าพักอยู่ด้วยกัน ส่วนตัวเองพักอยู่อีกห้องข้าง ๆเขาพาทั้งสามคนไปทำบุญที่วัดในจังหวัดกระบี่ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับสรวิชญ์ หลังจากทำบุญเรียบร้อยแล้ว น้ำฟ้าจับมือรินรดาสลับกับจับมือของเจตต์แล้วหัวเราะคิกคัก ก่อนที่เขาจะพาทุกคนขึ้นรถตู้และพาไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารริมชายหาดซึ่งเขาจองไว้ก่อนหน้าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอวลไปด้วยความสุขและความสนุกสนานครื้นเครง เสียงหยอกล้อหัวร่อต่อกระซิกท่ามกลางคนที่รักทำให้ความทุกข์ในใจของรินรดาค่อย ๆ จางหายไป ก่อนที่เจตต์จะพาทั้งสามคนไปเดินเล่นที่ชายหาดเจตต์วิ่งเล่นหยอกล้อกับน้ำฟ้า เด็กน้อยหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจก่อนที่เจตต์จะให้หนูน้อยขึ้นขี่คอพาวิ่งไปตามชายหาด และจบลงที่พากันเล่นก่อปราสาททราย โดยมีรินรดากับพรพรรณนั่งเฝ้ามองดูคนทั้งสองด้วยความสุขและอิ่มเอมใจ“ระริน เจตต์เป็นคนดีมากเลยนะ เข้ากับยัยหนูของเราได้ดี ผู้ชายแบบนี้หายากนะที่จะยอมรับเร
ทางด้านรินรดา หลังจากสรวิชญ์จากไปแล้ว เจตต์ก็เก็บกวาดขยะที่เกลื่อนถนนไว้ในถังขยะตามเดิม พอหันมาเห็นรินรดากำลังยืนพิงรถของตัวเองเหนื่อยหอบ มือของเธอยังถือสายยางที่น้ำยังคงไหลรินไม่ขาดสาย เขาก็พอเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวพลางเอื้อมมื้อไปจับสายยางก่อนจะไปปิดน้ำและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย“ระรินต้องรีบไปประชุมค่ะ”“น้องระรินจะไปประชุมในสภาพแบบนี้เหรอครับ”“คือ...”“เดี๋ยวพี่โทรบอกน้องอรให้นะครับ น้องอรน่าจะเข้าใจ พี่ว่าน้องระรินเข้าไปนั่งพักในบ้านก่อนดีกว่าครับ”เจตต์ใช้เวลาไม่นานโทรบอกกนกอร ก่อนจะพารินรดาเข้าไปนั่งพักในบ้านของเธอ“แล้วนี่น้าอ้อยไม่อยู่เหรอครับ”“เห็นเมื่อเช้าน้าอ้อยบอกว่าจะไปทำธุระที่ห้างน่ะค่ะ น้ำฟ้าก็ไปโรงเรียน โชคดีแล้วล่ะค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเจอพี่ต้น ระรินอยากให้ลูกจำพ่อในแบบที่ดี ไม่ใช่แบบที่เราเห็นเมื่อกี้นี้เลยค่ะพี่เจตต์”“พี่เข้าใจครับ”เจตต์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาลึกซึ้ง ภายนอกเธอดูเข้มแข็งเสมอ หากเขากลับรู้สึกว่า ภายในจิตใจกลับอ่อนแอจนเขาอย
“เงินแค่นี้ กูไม่พอใช้หรอก มึงได้เงินไปตั้งสิบล้าน มึงเอามาแบ่งกูเดี๋ยวนี้ กูจะเอาส่วนแบ่งจากเงินนั่น”“ไม่มี ถึงมีกูก็ไม่ให้”สรวิชญ์ถลาเข้ามากระชากกระเป๋าถือในมือของเธอ ขณะที่อีกฝ่ายพยายามยื้อยุดฉุดกระชากไม่ยอมแพ้ ก่อนที่กระเป๋าจะหลุดจากมือกระเด็นไปอีกทาง สรวิชญ์รีบพุ่งตัวไปยังกระเป๋าของรินรดา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถึง ร่างสูงของสรวิชญ์ก็ถูกถีบโดยแรงก่อนจะกระเด็นกลิ้งไปบนพื้นถนน และเจตต์ก็ก้มเก็บกระเป๋าส่งคืนให้กับรินรดา“น้องระรินเป็นยังไงบ้างครับ”เจตต์รีบเข้ามาโอบประคองร่างบางที่กำลังสั่นเทาด้วยความตกใจปนโกรธจัด“ระรินไม่เป็นไรค่ะพี่เจตต์ นั่นพี่ต้นค่ะ”เจตต์หันไปมองร่างสกปรกที่พยายามประคองตัวเองลุกขึ้นมายืนอย่างทุลักทุเล เขาเพ่งมองอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะสรวิชญ์ในตอนนี้ไม่หลงเหลือภาพความหล่อสมัยเป็นเดือนมหาลัยเหมือนในอดีตเลยสักนิด“นี่มึงจริง ๆ เหรอวะไอ้ต้น”“เออ เป็นกูแล้วยังไง มึงคงจะนึกสมเพชกูมากสินะที่มาเจอกูในสภาพแบบนี้”“ตอนแรกกูรู้ข่าวมึงกูก็ยังนึกสงสาร แต่พอเห็นมึงมาทำแบบนี้กับน้องระริน กูบอกตรง ๆ กูสงสารมึงไม
เที่ยงวันหนึ่งขณะที่รินรดารีบกลับมาที่บ้านเพราะลืมเอกสารสำคัญสำหรับงานประชุมในช่วงบ่าย จังหวะที่ขับรถมาถึงบ้าน เธอก็พลันเห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวมอซอกำลังเกาะรั้วบ้านของเธอมองลอดเข้าไปด้านในรินรดาเพ่งมองเขาด้วยความแปลกใจปนหวาดระแวง ก่อนจะลงรถไปถาม“คุณมาหาใครเหรอคะ” เสียงทักของเธอทำให้เขาชะงักหันมาพร้อมกับถลาเข้ามาใกล้ ทำให้หญิงสาวรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ“ระริน นี่พี่เอง พี่ต้นไง ระรินจำพี่ไม่ได้เหรอ”ใบหน้ามอมแมม ผมเผ้ารกรุงรัง กลิ่นตัวโชยหึ่งเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน ทำให้รินรดาต้องเขม่นมองด้วยความแปลกใจ“นี่พี่ต้นจริง ๆ เหรอคะ”“ใช่ นี่พี่เอง”เขาใช้มือปัดผมบังหน้าออกก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ หากสำหรับรินรดา หญิงสาวใช้เวลาพักใหญ่จึงแน่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นสรวิชญ์ รอยยิ้มของเขาในตอนนี้ดูแสยะยิ้มมากกว่าจะหวานพิมพ์ใจเหมือนเมื่อก่อน เธอรีบถอยห่างด้วยความตกใจเพราะไม่คิดฝันว่าจะเจอเขาอีกในสภาพเช่นนี้“พี่ต้น...มาทำไมคะ”“พี่มาขอโทษหนู ระริน...พี่คิดถึงหนูมาก พี่ผิดไปแล้วให้อภัยพี่เถอะนะ พี่ขอโทษจริง ๆ อีนังนั่นม