Home / โรแมนติก / รักในเงาแค้น / ตอนที่ 10 ทำบุญร่วมชาติ

Share

ตอนที่ 10 ทำบุญร่วมชาติ

last update Last Updated: 2025-11-17 21:12:32

ตอนที่ 10 ทำบุญร่วมชาติ

พิมพ์มาดามองตามสายตาของเขา ดวงตาของเธอเป็นประกาย ดวงตาคมของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธออย่างลึกซึ้ง ราวกับทิวทัศน์ที่สวยงามเบื้องหน้าไม่อาจเทียบได้กับความงามของเธอได้

“บ่ายโมงกว่าแล้ว สงสัยคุณพิมพ์หิวแย่เลย?” ธาวินทักขึ้นหลังจากยกนาฬิกาบนข้อมือของตัวเองขึ้นมาดู ดวงตาคมของเขามองใบหน้าของพิมพ์มาดาด้วยความใส่ใจ

“อ๋อยังหรอกค่ะ เราไปไหว้พระกันก่อนก็ได้” พิมพ์มาดารีบตอบอย่างเกรงใจ

แต่แล้ว!!!....เสียงท้องของเธอก็ร้องประท้วงเบาๆ อย่างไม่เป็นใจ ธาวินได้ยินเสียงนั้นจึงยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยแซวด้วยน้ำหยอกล้อ ที่แฝงไปด้วยความห่วงใย

“แหม่!!!..หิวก็บอกมาเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ท้องของคุณพิมพ์มันโกหกตามเจ้านายไม่ได้หรอกครับ”

พิมพ์มาดารู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เธอหลุบตาลงต่ำด้วยความอาย แต่ในส่วนลึกของหัวใจกลับเต้นระรัวด้วยความสุขที่เขาช่างสังเกตและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ

“สงสัยท้องของพิมพ์จะชินน่ะค่ะ ปกติพอเที่ยงปุ๊บก็ทานเลย” เธอตอบเสียงเบา ราวกับกระซิบแก้ตัวด้วยความอายที่ท้องเจ้ากรรมดันไม่ยอมร่วมมือในการโกหกครั้งนี้

ธาวินยกมือขึ้นสัมผัสแก้มเนียนของเธออย่างแผ่วเบา นิ้วโป้งของเขาลูบไล้เบาๆ อย่างทะนุถนอม แววตาของเขาอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความใส่ใจ

“งั้นเดี๋ยวลงเรือแล้วเราไปหาอะไรทานกันก่อนเลยนะครับ” ธาวินเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่พิมพ์มาดาอย่างลึกซึ้ง แววตาเต็มไปด้วยความหลงใหลจนพิมพ์มาดารู้สึกราวกับต้องมนต์สะกด

“ค่ะ” พิมพ์มาดาตอบรับเสียงหวาน พลางเงยหน้าสบตาเขาบ้าง รอยยิ้มหวานละมุนปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบางของเธอ เป็นรอยยิ้มที่สื่อถึงความสุขและความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ

หลังจากลงจากเรือโดยสารที่พาพวกเขาข้ามไปยังฝั่งของวัดเกาะลอย ธาวินก็จับมือพิมพ์มาดาเบาๆ ก่อนจะพาเธอเดินไปตามทางเล็กๆ ที่มีร้านอาหารทะเลเรียงรายอยู่สองข้างทาง กลิ่นหอมของอาหารทะเลสดใหม่ที่กำลังปรุงส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย

“คุณพิมพ์อยากทานอาหารแนวไหนครับ?” ธาวินเอ่ยถาม หลังจากยืนมองร้านอาหารตรงหน้าที่มีอยู่หลายร้าน

“อาหารทะเลก็ได้ค่ะ”

“งั้นเอาร้านนี้เลยครับ รับรองว่าต้องถูกใจคุณพิมพ์แน่ ๆ ” เขาชี้ไปยังร้านอาหารทะเลเล็กๆ ที่มีป้ายชื่อเขียนด้วยลายมือเป็นเอกลักษณ์

ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้าน เลือกนั่งริมระเบียงที่มองเห็นวิวทะเลศรีราชาได้ชัดเจน ลมทะเลพัดโชยมาเย็นสบาย พนักงานเสิร์ฟนำเมนูมาให้ ทั้งพิมพ์มาดาและธาวินต่างก็สั่งอาหารทะเลสดๆ ที่เป็นเมนูแนะนำของร้าน

ระหว่างรออาหารที่สั่ง ธาวินก็เล่าถึงความประทับใจที่มีต่อวัดเกาะลอย และความสวยงามของทิวทัศน์โดยรอบอย่างออกรสออกชาติ เขาเล่าถึงความรู้สึกสงบและเยือกเย็นที่ได้รับจากการมาเยือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น

พิมพ์มาดานั่งฟังอย่างตั้งใจ เธอมองใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายแววความสุขขณะเล่าเรื่องอย่างเพลินตา แต่แล้ว...เสียงท้องร้องประท้วงเบาๆ คล้ายเสียงดนตรีประหลาดก็ดังขึ้นมาจากฝั่งของเธออีกครั้ง ทำลายบรรยากาศการเล่าเรื่องของธาวินลงอย่างน่าขัน

ไม่นานนัก อาหารทะเลที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมของกุ้งเผา ปลาหมึกย่าง และหอยเชลล์อบเนย ยั่วน้ำลายจนทั้งคู่แทบจะอดใจไม่ไหว ธาวินแกะกุ้งและปลาให้พิมพ์มาดาด้วยความเอาใจใส่ ทั้งคู่ทานอาหารกันไปพลางพูดคุยและหัวเราะกันไป บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น

“อาหารที่นี่ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยครับ” ธาวินเอ่ยชมหลังจากทานอาหารไปได้เล็กน้อย เพราะมัวแต่แกะกุ้งตัวโตเนื้อแน่นตรงหน้าส่งให้หญิงสาวอย่างเอาใจ

“อาหารทะเลสดๆ แบบนี้หากินยากเหมือนกันนะครับ” เขาย้ำอีกครั้งด้วยความพึงพอใจในรสชาติ

“ร้านนี้เป็นร้านโปรดของคุณหรือเปล่าคะ?” พิมพ์มาดาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะตักอาหารเข้าปากอย่างช้าๆ

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ” ธาวินตอบสั้นๆ พร้อมกับรอยยิ้ม

“ผมจำได้ว่าเคยมาทานร้านนี้กับครอบครัวเมื่อหลายปีที่แล้ว รสชาติยังเหมือนเดิมทุกอย่างเลย”

หลังจากทานมื้อกลางวันกันเสร็จ ธาวินก็เดินจูงมือหญิงสาวขึ้นบันไดไปยังตัววัด โบสถ์สีขาวสะอาดตาประดับประดาด้วยลวดลายไทยสีทองอร่าม ภายในเงียบสงบและเย็นสบาย ธาวินมองภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เล่าเรื่องราวพุทธประวัติด้วยความสนใจ ธาวินจุดธูปเทียนและพาพิมพ์มาดาเข้าไปกราบพระประธานด้านในด้วยความเคารพ

ไหว้พระขอพร ทำบุญกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธาวินก็พาพิมพ์มาดาเดินชมไปรอบ ๆ บริเวณวัด มองทัศนียภาพของทะเลศรีราชาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความประทับใจในความสวยงามและเงียบสงบของสถานที่แห่งนี้

“ที่นี่สวยงามและสงบมากเลยนะครับ” ธาวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม

“พิมพ์ก็รู้สึกชอบที่นี่ขึ้นมาแล้วสิคะ” พิมพ์มาดาตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ

ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ที่วัดเกาะลอยสักพักใหญ่ ก่อนจะลงเรือกลับไปยังฝั่ง แสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง ทั้งสองเดินเล่นริมชายหาดศรีราชาในช่วงเย็น แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าสาดส่องลงมาบนผืนน้ำทะเล

ธาวินจับมือพิมพ์มาดาไว้แน่น สัมผัสอบอุ่นจากมือของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปตามชายหาดที่ทอดยาวอย่างเงียบๆ แสงอาทิตย์สีทองที่กำลังจะลับขอบฟ้าสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและโรแมนติกสำหรับคนทั้งคู่ เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเบาๆ ราวกับเสียงดนตรีธรรมชาติที่ไพเราะ ธาวินหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว ดวงตาคมของเขาจับจ้องอยู่ที่ดวงตาคู่สวยของเธออย่างอ่อนโยน

“ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้...ผมมีความสุขมากเลยที่ได้เที่ยวกับคุณ” ธาวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกจากใจจริง ดวงตาคมของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานของพิมพ์มาดาอย่างอ่อนโยน

“พิมพ์ก็มีความสุขมากค่ะ” พิมพ์มาดาเงยหน้ามองเขาด้วยรอยยิ้มหวานละมุน แสงสุดท้ายของวันสาดส่องลงมาต้องใบหน้าของเธอ ทำให้ผิวของเธอเปล่งประกายสีทองอ่อนๆ

ธาวินโน้มตัวลงมาใกล้ กระซิบข้างหูพิมพ์มาดาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ

“แล้วหลังจากนี้...เราจะไปไหนกันต่อดีครับ?” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเสน่หาและความปรารถนาที่ยากจะเก็บซ่อนไว้ เสียงกระซิบของเขาแผ่วเบาราวกับเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ยั่วยวนให้หัวใจของเธอเต้นระรัว

พิมพ์มาดารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดต้นคอ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาคมเข้มของธาวิน ราวกับกำลังมองลึกลงไปในจิตใจของเขา และสิ่งที่เธอเห็นนั้น...ทำให้เธอแทบจะถอนตัวไม่ได้เลย

“เย็นมากแล้ว เราไปหาที่พักกันดีกว่าค่ะ” พิมพ์มาดาเอ่ยปากชวน

ธาวินพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งคู่ขับรถต่อไปยังโรงแรมริมชายหาดแห่งหนึ่ง โรงแรมตกแต่งสวยงาม บรรยากาศเงียบสงบและเป็นส่วนตัว

หลังจากเช็คอินเข้าห้องพักที่มองเห็นผืนทะเลสีครามกว้างไกล ทั้งคู่ก็ตัดสินใจออกมาเดินเล่นรับลมเย็นยามค่ำคืนริมชายหาด แสงสุดท้ายของวันลาลับไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงแสงจันทร์นวลที่สาดส่องลงมาบนผืนทรายสีขาว สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและโรแมนติกอย่างน่าประหลาด ธาวินเดินเคียงข้างพิมพ์มาดา มือของทั้งสองประสานกันไว้แน่น ราวกับเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวซึ่งกันและกัน

“ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จากที่เราอยู่ห่างกันเกือบซีกโลก จะมีโอกาสได้มายืนอยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้” ธาวินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังใบหน้าสวยหวานของเธอที่ถูกแต้มด้วยแสงจันทร์นวล

“แปลกใจเหรอคะ?” พิมพ์มาดาตอบพลางเงยหน้ามองเขา รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนริมฝีปากของเธอ

ทั้งคู่หยุดเดินและหันหน้าเข้าหากัน เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเบาๆ เป็นเสียงดนตรีคลอเคล้า ธาวินยกมือขึ้นลูบแก้มเนียนของพิมพ์มาดาอย่างอ่อนโยน สัมผัสแผ่วเบานั้นส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นและทะนุถนอม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาที่ยากจะเก็บซ่อน

“แปลกใจสิครับ คุณไม่แปลกใจบ้างเหรอ” ธาวินกระซิบเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าเสียงของเขาจะทำลายความเงียบสงบนี้ ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวลงมา ริมฝีปากของเขาสัมผัสริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา เป็นจูบที่เริ่มต้นด้วยความอ่อนโยน แต่ค่อยๆ ทวีความลึกซึ้งและดูดดื่มขึ้นตามความรู้สึกที่ทั้งสองมีให้กัน ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน เหลือเพียงพวกเขาและจูบอันแสนหวานนี้

เมื่อผละจากกัน ธาวินยังคงจ้องมองพิมพ์มาดาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หา

“คืนนี้...คุณสวยจังเลย” เขาเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

พิมพ์มาดารู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แก้ม เธอหลุบตาลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย แต่ในใจกลับเต้นระรัวด้วยความสุข

“แถวนี้มีบาร์เล็กๆ ริมหาดเราไปนั่งฟังเพลงกันมั้ย?” ธาวินเอ่ยถามพลางจับมือเธอไว้แน่น

“คุณวินไม่เหนื่อยจากการเดินทางเหรอคะ” พิมพ์มาดายิ้มแล้วถามชายหนุ่ม

 “ไม่หรอกครับ แค่ผมเห็นหน้าคุณผมก็หายเหนื่อยแล้วครับ”

“งั้นก็ตามใจคุณค่ะ”

“โอเค งั้นถ้าผมจำไม่ผิด เราเดินต่อไปทางนี้อีกหน่อยก็เจอร้านแล้วครับ” ธาวินชี้มือไปยังกระท่อมเล็กๆ ที่มีแสงไฟสลัวๆ ส่องออกมา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 25 ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง

    ตอนที่ 25 ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้งพิมพ์มาดาเลิกคิ้วสูงด้วยความไม่เข้าใจ การต้องแสดงออกว่าเป็นคนรักของเขา ต่อหน้าลูกชายของเขา มันฟังดูซับซ้อนและอาจนำไปสู่ปัญหาได้ แต่เมื่อนึกถึงความจริงใจที่อัครเดชมีให้ พิมพ์มาดาก็ไม่กล้าปฏิเสธและพยายามทำความเข้าใจในเหตุผลของเขา แต่ความกังวลเกี่ยวกับ ทายาทของเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว พิมพ์มาดาพลันนึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เธอหันไปมองเขาที่กำลังมองเธอด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามเรื่องที่ติดค้างในใจ“เอ่อ... คุณอัครเดชคะ” พิมพ์มาดาเอ่ยขึ้นอย่างลังเล“หนูขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ... คือ... ลูกชายของคุณ...เค้าอายุเท่าไหร่แล้วคะ” เธอถามออกไปพร้อม ๆ กับความกังวลในใจ“เขา... เป็นเด็กหรือเปล่าคะ คือ..หนูเกรงว่าเด็กจะอาจไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่...และอาจไม่เข้าใจสถานะของหนูน่ะค่ะ” คุณอัครเดชยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนเมื่อได้ยินคำถาม“อ้อ ลูกชายฉันน่ะเหรอ” คุณอัครเดชตอบ พลางยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย“ไม่ต้องห่วงหรอกหนู..ลูกชายฉันน่ะ..มันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว สบายใจได้ ถ้าฉันจำไม่ผิดปีนี้ลูกชายฉันก็อายุ 30 ปีแล้วมั่ง เพิ่งเรียนจบปริญญาโทจากต่างประ

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 24 สถานะที่พลิกผัน

    ตอนที่ 24 สถานะที่พลิกผันหลังจากจัดการเรื่องที่ทำงานและหอพักเสร็จเรียบร้อย วันต่อมาอัครเดชก็พาพิมพ์มาดามายังบ้านของเขาที่อยู่เชียงใหม่ ซึ่งอัครเดชเรียกว่า 'บ้าน' แต่สำหรับพิมพ์มาดาแล้ว นี่มันคือคฤหาสน์ชัดๆ ความรู้สึกราวกับกำลังเดินทางข้ามมิติ ตั้งแต่รถตู้คันใหญ่เลี้ยวเข้ามาในซอยที่สองข้างทางเต็มไปด้วยกำแพงสูงและต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะชะลอความเร็วเมื่อถึงรั้วเหล็กดัดขนาดมหึมาที่เปิดออกอย่างช้าๆ ราวกับประตูสู่สรวงสวรรค์อีกแห่ง การ์ดรักษาความปลอดภัยในชุดเครื่องแบบสีเข้มยืนประจำการณ์คอยดูแลความสงบอยู่ตามจุดต่าง ๆ การ์ดยกมือทำความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นประตูไฟฟ้าก็เลื่อนเปิดออกรถเคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดผ่านสวนพันธ์ไม้นานาชนิดขนาดใหญ่ราวกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีน้ำพุอยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้าอันเขียวขจีที่ได้รับการดูและอย่างพิถีพิถัน ไม้ดอกนานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆเมื่อสายตาของหญิงสาวปะทะกับตัวอาคารเบื้องหน้าครั้งแรก เธอถึงกับตะลึง ตัวอาคารขนาดมหึมา ตั้งตระหง่านอย่างโอ่อ่า สถาปัตยกรรมดูคลาสสิกผสมผสานความทันสมัยได้อย่างลงตัว วัสดุที่ใช้ดูมีราคาแพงลิบ ทั้งหินอ่อนเนื้อดี กระจกใสบานใหญ่ แล

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 23 โลกใบใหม่

    ตอนที่ 23 โลกใบใหม่รุ่งเช้า..วันต่อมาเป็นเช้าแรกที่รู้สึกแปลกไปจากเดิม พิมพ์มาดาร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับอัครเดชและคุณแม่ บรรยากาศเงียบสงบกว่าทุกวันที่ผ่านมา มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบจาน และบทสนทนาเบาๆขณะที่กำลังจิบกาแฟอุ่นๆ อยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของพิมพ์มาดาก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของหัวหน้างานที่แผนกบัญชี เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย“สวัสดีค่ะ...” พิมพ์มาดาเอ่ยได้แค่เพียงประโยคทักทายเท่านั้น เสียงแว้ดๆ จากปลายสายดังลอดออกมาทันที แม้เธอจะพยายามลดเสียงแล้วก็ตาม“นี่พิมพ์! ถ้าวันนี้เธอยังไม่กลับมาทำงานอีก ฉันจะไล่เธอออกนะยะ!”พิมพ์มาดาหน้าซีดเผือดทันที เธอเกือบจะลืมเรื่องงานไปเสียสนิทในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ เธอก็ยังมัวแต่ยุ่ง ๆคุณอัครเดช ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม และเพิ่งจิบกาแฟไปเมื่อครู่ ชำเลืองมองมาที่เธอ เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเด็กสาว และได้ยินเสียงหัวหน้างานที่ดังลอดออกมา เขาก็พอจะเดาเรื่องได้เมื่อวางสาย พิมพ์มาดานั่งนิ่งอึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรรึเปล่าลูก ใครโทรมาเหรอ” พิมพ์ดาวเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง“หัวหน้าโทรมาค่ะแม่ บอกว่าถ้าวันนี้หนูไม่ไปทำงาน เค้าจะไล่ออก

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 22 ข้อตกลง..ระหว่างเรา

    ตอนที่ 22 ข้อตกลง..ระหว่างเราพิมพ์มาดาตัดสินใจว่าเธอควรจะคุยกับคุณอัครเดชอย่างเปิดอก เธอรู้สึกขอบคุณแม่ที่ให้สิทธิ์เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ได้บังคับให้เธอรับข้อเสนอเพียงเพราะเรื่องหนี้สิน แม้ว่านั่นจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เธอต้องมานั่งคิดหนักก็ตามหลังจากทานมื้อกลางวันกันอย่างเงียบๆ คุณอัครเดช ก็เห็นว่าพิมพ์มาดาดูมีบางอย่างในใจ เขาจึงหาจังหวะเอ่ยขึ้น เพื่อคุยกับเธอสองต่อสอง หลังจากพิมพ์ดาวลุกไป“หนูพิมพ์!!!... ถ้าหนูไม่สบายใจเรื่องที่ฉันเสนอ...ก็บอกกันตรง ๆ ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ฉันพร้อมรับฟังทุกอย่างที่” คำพูดของชายสูงวัยเป็นเหมือนการเปิดประตูให้เธอพิมพ์มาดาสูดหายใจลึกๆ เธอรู้ว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะต้องเคลียร์ความรู้สึกและความคิดของตัวเองกับเขาอย่างตรงไปตรงมา“คุณอัครเดชคะ... คือจริง ๆ แล้ว หนูยังมีหลายอย่างที่หนูอยากจะบอกให้คุณได้รับรู้ค่ะ”“โอเคร งั้นหนูพูดมาได้เลยนะ”พิมพ์มาดา สูดหายใจลึกๆ พลางมองใบหน้ายินดีของชายสูงวัยคราวพ่อ ที่กำลังนั่งรอฟังเธอด้วยความตั้งใจ ก่อนที่ตนเองจะเปิดเผยความรู้สึกที่วุ่นวายให้กับเขาฟัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเธอเหลือเกิน“คุ

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 21 ทางเลือก...บนคราบน้ำตา

    ตอนที่ 21 ทางเลือก...บนคราบน้ำตาเช้าวันต่อมา หลังจากพิธีฌาปนกิจและวันอันแสนสาหัสผ่านพ้นไป บนผืนน้ำนิ่งสงบของลำน้ำสายหนึ่ง พิมพ์มาดาและพิมพ์ดาวผู้เป็นมารดา ยืนอยู่เคียงข้างคุณอัครเดช เถ้ากระดูกที่บัดนี้แปรสภาพเป็นเพียงธุลีถูกโรยลงสู่ผืนน้ำอย่างช้าๆ ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ทาบทาผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับบรรยากาศเงียบสงบแต่ในใจของสองแม่ลูกยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความเศร้า ความเหนื่อยล้า และความสับสนจากเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นคุณอัครเดช ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่สายตาที่มองมาที่พิมพ์มาดาเต็มไปด้วยความห่วงใยเมื่อพิธีง่ายๆ เสร็จสิ้นลง พิมพ์ดาวหันมาทางคุณอัครเดช ด้วยใบหน้าที่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า แต่แววตาเจือด้วยความซาบซึ้งใจ“คุณอัครเดชคะ เรื่องหนี้สินที่พ่อยัยพิมพ์ก่อไว้ ดาวจัดการโอนเงินคืนให้พวกนั้นเรียบร้อยแล้วนะคะเมื่อวาน เย็น ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับความช่วยเหลือของคุณจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ได้คุณดาวก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร...” เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย อัครเดช ยิ้มบางๆ ให้พิมพ์ดาว ก่อนจะเอ่ยขึ้นถึงความต้องการของตัวเองบ้าง“ไม่เป็นไรครับคุณดาว ผมยินดีช่วยค

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 20 เบื้องหลังของบิดา

    ตอนที่ 20 เบื้องหลังของบิดา15.00 นช่วงเวลาอันเงียบสงบก่อนพิธีฌาปนกิจศพของคุณพ่อพิมพ์มาดา ได้ถูกรุกรานด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างกำยำ ท่าทางไม่เป็นมิตร พวกเขากรูเข้ามาในบริเวณวัดอย่างไม่เคารพสถานที่ ส่งเสียงโวยวายและทวงถามถึงหนี้สินมหาศาลที่คุณพ่อของพิมพ์มาดาทิ้งไว้ ก่อนจะบอกยอดเงินเกือบยี่สิบล้านบาทรวมทั้งต้นและดอกให้พิมพ์ดาวรับรู้ ทำเอาเธอถึงกับเข่าอ่อน ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ มือไม้สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อได้ยินตัวเลขที่น่าตกใจนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นดูจะไม่ยอมรามือ พวกเขายืนกรานที่จะทวงหนี้ให้ได้ก่อนที่จะมีพิธีใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการอ่านประวัติของผู้ตาย พิมพ์ดาวกลัวว่างานศพของสามีจะสะดุด และพวกนั้นก็บอกว่าจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ในช่วงขั้นตอนการอ่านประวัติของผู้ตายอีกด้วย สร้างความกดดันให้กับพิมพ์ดาวเป็นอย่างมากอัครเดชที่ยืนต้อนรับแขกเหรื่อคู่กับพิมพ์มาดา สังเกตเห็นความผิดปกติและสีหน้ากังวลของพิมพ์ดาว จึงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่หนักแน่นอย่างไม่เกรงกลัว“มีอะไรกันหรือครับ” เสียงทุ้มนุ่มของอั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status