Home / โรแมนติก / รักในเงาแค้น / ตอนที่ 11 The Miracle of Meeting You

Share

ตอนที่ 11 The Miracle of Meeting You

last update Last Updated: 2025-11-20 21:04:33

ตอนที่ 11 The Miracle of Meeting You

ธาวินจูงมือเรียวบางเดินเคียงข้างไปตามชายหาด ในที่สุดก็มาถึงบาร์เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมหาด แสงไฟสีส้มนวลจากตะเกียงที่แขวนอยู่ให้บรรยากาศที่อบอุ่นและโรแมนติก เสียงเพลงคลอเบาๆ จากกีตาร์ที่นักดนตรีกำลังบรรเลงสดๆ อยู่ ราวกับเป็นเพลงประกอบค่ำคืนที่สุดแสนพิเศษนี้

ธาวินพาเธอมานั่งที่โต๊ะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ค่อนข้างห่างจากโต๊ะอื่นๆ ราวกับสร้างอาณาเขตส่วนท่ามกลางแสงจันทร์ ทรายนุ่มละเอียดใต้เท้าให้ความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย ราวกับพื้นพรมธรรมชาติที่โอบอุ้มฝ่าเท้า

“คุณพิมพ์จะดื่มอะไรดีครับ?” ธาวินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มพลางมองเมนูเครื่องดื่มสีสันสดใสที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ พิมพ์มาดามองรายการเครื่องดื่มด้วยความไม่คุ้นเคย ชื่อแปลกตาหลายอย่างทำให้เธอลังเล

“เอ่อ...พิมพ์ไม่ค่อยแน่ใจเลยค่ะ ไม่เคยดื่มพวกนี้เท่าไหร่” เธอตอบด้วยความเกรงใจ ธาวินยิ้มอย่างเอ็นดู

“งั้นเดี๋ยวผมขออนุญาตเลือกให้คุณดีกว่านะครับ” เขากวาดสายตาดูเมนูครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ลองนี่ไหมครับ...ค็อกเทลผลไม้ รสชาติมันจะหวานอมเปรี้ยว คุณดื่มแล้ว...น่าจะสดชื่นดี” เขาชี้ไปยังชื่อเครื่องดื่มชนิดหนึ่ง

“อืม...ก็ได้ค่ะ” พิมพ์มาดาตอบอย่างว่าง่าย

ธาวินจึงสั่งเครื่องดื่มตามที่แนะนำไป เมื่อเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ พิมพ์มาดาลองจิบดูก็รู้สึกชื่นใจ รสชาติหวานอมเปรี้ยวกลมกล่อมทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ธาวินเองก็สั่งเครื่องดื่มอีกชนิดหนึ่งมาดื่มร่วมกับเธอ

ระหว่างที่ทั้งคู่พูดคุยกัน พิมพ์มาดาก็ยกแก้วเครื่องดื่มจิบไปเรื่อยๆ ความตึงเครียดและความเกร็งที่มีในตอนแรกค่อยๆ จางหายไป เธอเริ่มรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเองกับธาวินมากขึ้น เสียงเพลงกีตาร์คลอเบาๆ ยิ่งสร้างบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติกภายใต้แสงจันทร์นวล

เมื่อพิมพ์มาดาดื่มค็อกเทลไปได้สักพัก แก้มของเธอก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ราวกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม ดวงตาคู่สวยของเธอดูสดใสและมีประกายระยิบระยับมากขึ้น

ธาวินสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนและเอื้อมมือไปโอบไหล่เธอเบาๆ อย่างทะนุถนอม เขารับรู้ได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าคงจะไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์มากนัก ฤทธิ์ของมันจึงแสดงออกบนใบหน้าของเธออย่างชัดเจน

พิมพ์มาดาไม่ได้ขัดขืน เธอซบศีรษะลงบนไหล่กว้างของธาวินอย่างเป็นธรรมชาติ ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลาย เธอปล่อยให้ธาวินโอบกอดเธออยู่อย่างนั้น

ธาวินสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ที่มีสีสันสดใสและรสชาติแปลกใหม่มาให้เธอลิ้มลอง เขาบริการหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอาอกเอาใจ จากนั้นทั้งคู่ก็ผลัดกันเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิต

“ตอนแรกที่ไปถึงน่ะครับ...” ธาวินเริ่มเล่าพลางหัวเราะเบาๆ

“ผมพูดภาษาอังกฤษได้งูๆ ปลาๆ มากๆ ไปสั่งอาหารก็ชี้ๆ เอา บางทีก็ได้มาไม่ตรงกับที่อยากกินเสียด้วยซ้ำ”

พิมพ์มาดายิ้มขำ

“แล้วทำยังไงคะ?”

“ก็ต้องพยายามครับ อาศัยดูคนอื่นสั่ง แล้วก็ค่อยๆ ถามเอาทีละคำสองคำ” เขาเล่าต่อ

“วัฒนธรรมเขาก็ต่างจากบ้านเราเยอะ อย่างเรื่องการทักทาย การแสดงความเคารพ บางทีผมก็ทำอะไรเปิ่นๆ ไปบ้างเหมือนกัน”

“คงเหงามากเลยใช่ไหมคะ?” พิมพ์มาดาถามด้วยความเป็นห่วง ธาวินรีบพยักหน้า

“ครับ...คิดถึงบ้าน คิดถึงอาหารไทยมากๆ ช่วงแรกๆ นี่ร้องไห้คนเดียวก็บ่อย แต่ก็ต้องกัดฟันสู้ เพราะตั้งใจไปแล้วนี่นา” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา

“แต่พอเริ่มปรับตัวได้ มันก็สนุกนะครับ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ จากหลายชาติหลายภาษา ได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง ได้เห็นโลกในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”

“ฟังดูน่าสนใจมากเลยค่ะ” พิมพ์มาดาเอ่ยด้วยความชื่นชม

“ใช่ครับ มันเปิดโลกของผมจริงๆ แล้วก็เรื่องเรียนด้วย ตอนแรกก็ตามเพื่อนไม่ทันเลย ต้องขยันกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว อ่านหนังสือจนดึกดื่น ทำงานพิเศษไปด้วยก็แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน” ธาวินเล่าถึงความยากลำบากในการเรียน

“เก่งจังเลยนะคะ” พิมพ์มาดาเอ่ยชมอีกครั้งด้วยความนับถือ

“ก็ฮึดสู้เต็มที่ครับ” ธาวินยิ้มด้วยความภาคภูมิใจเล็กน้อย

“สุดท้ายพอคว้าปริญญาโทมาได้สำเร็จ ตอนรับปริญญานี่น้ำตาไหลเลยครับ ความเหนื่อยมันหายไปหมด”

“ชีวิตตอนเด็กๆ ที่บ้านนอกของพิมพ์...” พิมพ์มาดาเริ่มเล่าด้วยรอยยิ้มที่เจือความอบอุ่น

“มันเรียบง่ายมากเลยค่ะ ตื่นเช้ามาก็ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ทำกับข้าว กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว มันผูกพันกันมากจริงๆ ค่ะ”

เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเธอฉายแววคิดถึง

“พอตัดสินใจจะมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ พ่อกับแม่ก็เป็นห่วงมาก ท่านไม่อยากให้มาเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าเราจะลำบาก แต่พิมพ์ตั้งใจแล้วก็เลยดื้อดึงมา”

“แล้วเป็นยังไงบ้างครับ ตอนมาอยู่กรุงเทพฯ แรกๆ” ธาวินถามด้วยความสนใจ พิมพ์มาดาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเล่าให้เขาฟังต่อ

“โอ๊ย! เหมือนเป็นคนละโลกเลยค่ะ จากที่เคยมีรถพ่อแม่ไปส่งไปรับ พอมาอยู่กรุงเทพฯ ต้องตื่นแต่เช้ามืดไปยืนรอรถเมล์ เบียดเสียดกับคนเยอะแยะไปหมด บางทีก็โดนกระเป๋ารถเมล์ดุด้วย” เธอหัวเราะขำตัวเองเล็กน้อย

“ฟังดูเหนื่อยเลยนะครับ” ธาวินแสดงความเห็นใจ

“เหนื่อยค่ะ แต่ก็ต้องอดทน” พิมพ์มาดาตอบอย่างหนักแน่น “พ่อแม่ส่งเงินมาให้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร พิมพ์ต้องประหยัดทุกอย่าง กินข้าวแกงข้างทาง ถูกๆ บ้าง อดมื้อกินมื้อบ้างก็มี เสื้อผ้าก็ใส่ซ้ำๆ เพื่อนๆ บางคนเขามีชีวิตหรูหรา แต่เราก็ต้องพยายามไม่เปรียบเทียบ” น้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยความมุ่งมั่น

“คุณเก่งมากเลยนะครับที่ผ่านมาได้” ธาวินเอ่ยชมด้วยความจริงใจ

“ก็ต้องสู้ค่ะ” พิมพ์มาดายิ้มบางๆ “คิดถึงพ่อกับแม่ทีไร ก็มีกำลังใจขึ้นมาทุกที อยากจะเรียนให้จบ มีงานดีๆ ทำ แล้วก็กลับไปดูแลท่านให้สบาย”

“แล้วที่บ้านคุณพิมพ์ มีพี่น้องกี่คนครับ?” ธาวินถามด้วยความอยากรู้ หลังจากที่พิมพ์มาดาเล่าเรื่องราวชีวิตวัยเด็กของเธอจบลง

พิมพ์มาดาเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยฉายแววเหงาบางๆ

“พิมพ์เป็นลูกคนเดียวค่ะ...” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงเล็กน้อย

ธาวินชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ

“อ่าว!!...จริงเหรอครับ?” เขาถามด้วยความสงสัย

“ค่ะ...พ่อกับแม่มีพิมพ์แค่คนเดียว” พิมพ์มาดายิ้มบางๆ

“บางทีก็เหงาเหมือนกันค่ะ ไม่มีใครให้ทะเลาะด้วย” เธอหัวเราะเบาๆ กลบเกลื่อนความรู้สึก

ธาวินจ้องมองเธออย่างพิจารณา ความรู้สึกบางอย่างแล่นปราดเข้ามาในใจเขา

“บังเอิญจังเลยนะครับ...” เขาเอ่ยเสียงเบา ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง

พิมพ์มาดามองเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยถาม

“บังเอิญยังไงเหรอคะ?”

ธาวินสบตาเธออย่างลึกซึ้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความประหลาดใจ ความเห็นใจ และความรู้สึกเชื่อมโยงอย่างบอกไม่ถูก

“ผมก็เป็นลูกคนเดียวเหมือนกันครับ...” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่คล้ายคลึงกับความเหงาที่พิมพ์มาดาเพิ่งเอ่ยถึง

พิมพ์มาดามองธาวินด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ความรู้สึกแปลกใหม่ก่อตัวขึ้นในใจเธอ ราวกับพบเจอใครบางคนที่เข้าใจความรู้สึกของเธออย่างแท้จริง

“จริงเหรอคะ?” เธอถามซ้ำด้วยความไม่แน่ใจ

“ครับ...” ธาวินพยักหน้าช้าๆ

“พ่อกับแม่ผม...ท่านมีผมแค่คนเดียว” เขาเล่าถึงความเข้มงวดของบิดา และความอบอุ่นที่ขาดหายไปจากชีวิตเมื่อมารดาเสียไปตั้งแต่เขายังเด็ก น้ำเสียงของเขาแผ่วลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงมารดา

พิมพ์มาดามองธาวินด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างลึกซึ้ง เธอสัมผัสได้ถึงความเหงาที่ซ่อนอยู่ในแววตาของเขา ความรู้สึกเชื่อมโยงอย่างประหลาดทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ทั้งคู่ต่างเป็นลูกคนเดียว เพียงแค่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน แต่กลับมีความรู้สึกบางอย่างที่คล้ายคลึงกันซ่อนอยู่ในใจ

“เรา...เหมือนกันเลยนะคะ” พิมพ์มาดาเอ่ยเสียงเบา ดวงตาคู่สวยของเธอจับจ้องอยู่ที่ธาวินอย่างอ่อนโยน ราวกับกำลังมองเข้าไปในกระจกที่สะท้อนความรู้สึกของตัวเอง

ธาวินยิ้มบางๆ ให้เธอ รอยยิ้มนั้นไม่ได้สดใสเหมือนเคย แต่กลับเต็มไปด้วยความเข้าใจและความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

“บางที...การที่เราได้มาเจอกัน...มันอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ได้นะครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหวังเล็กๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 25 ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง

    ตอนที่ 25 ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้งพิมพ์มาดาเลิกคิ้วสูงด้วยความไม่เข้าใจ การต้องแสดงออกว่าเป็นคนรักของเขา ต่อหน้าลูกชายของเขา มันฟังดูซับซ้อนและอาจนำไปสู่ปัญหาได้ แต่เมื่อนึกถึงความจริงใจที่อัครเดชมีให้ พิมพ์มาดาก็ไม่กล้าปฏิเสธและพยายามทำความเข้าใจในเหตุผลของเขา แต่ความกังวลเกี่ยวกับ ทายาทของเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว พิมพ์มาดาพลันนึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เธอหันไปมองเขาที่กำลังมองเธอด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามเรื่องที่ติดค้างในใจ“เอ่อ... คุณอัครเดชคะ” พิมพ์มาดาเอ่ยขึ้นอย่างลังเล“หนูขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ... คือ... ลูกชายของคุณ...เค้าอายุเท่าไหร่แล้วคะ” เธอถามออกไปพร้อม ๆ กับความกังวลในใจ“เขา... เป็นเด็กหรือเปล่าคะ คือ..หนูเกรงว่าเด็กจะอาจไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่...และอาจไม่เข้าใจสถานะของหนูน่ะค่ะ” คุณอัครเดชยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนเมื่อได้ยินคำถาม“อ้อ ลูกชายฉันน่ะเหรอ” คุณอัครเดชตอบ พลางยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย“ไม่ต้องห่วงหรอกหนู..ลูกชายฉันน่ะ..มันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว สบายใจได้ ถ้าฉันจำไม่ผิดปีนี้ลูกชายฉันก็อายุ 30 ปีแล้วมั่ง เพิ่งเรียนจบปริญญาโทจากต่างประ

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 24 สถานะที่พลิกผัน

    ตอนที่ 24 สถานะที่พลิกผันหลังจากจัดการเรื่องที่ทำงานและหอพักเสร็จเรียบร้อย วันต่อมาอัครเดชก็พาพิมพ์มาดามายังบ้านของเขาที่อยู่เชียงใหม่ ซึ่งอัครเดชเรียกว่า 'บ้าน' แต่สำหรับพิมพ์มาดาแล้ว นี่มันคือคฤหาสน์ชัดๆ ความรู้สึกราวกับกำลังเดินทางข้ามมิติ ตั้งแต่รถตู้คันใหญ่เลี้ยวเข้ามาในซอยที่สองข้างทางเต็มไปด้วยกำแพงสูงและต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะชะลอความเร็วเมื่อถึงรั้วเหล็กดัดขนาดมหึมาที่เปิดออกอย่างช้าๆ ราวกับประตูสู่สรวงสวรรค์อีกแห่ง การ์ดรักษาความปลอดภัยในชุดเครื่องแบบสีเข้มยืนประจำการณ์คอยดูแลความสงบอยู่ตามจุดต่าง ๆ การ์ดยกมือทำความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นประตูไฟฟ้าก็เลื่อนเปิดออกรถเคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดผ่านสวนพันธ์ไม้นานาชนิดขนาดใหญ่ราวกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีน้ำพุอยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้าอันเขียวขจีที่ได้รับการดูและอย่างพิถีพิถัน ไม้ดอกนานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆเมื่อสายตาของหญิงสาวปะทะกับตัวอาคารเบื้องหน้าครั้งแรก เธอถึงกับตะลึง ตัวอาคารขนาดมหึมา ตั้งตระหง่านอย่างโอ่อ่า สถาปัตยกรรมดูคลาสสิกผสมผสานความทันสมัยได้อย่างลงตัว วัสดุที่ใช้ดูมีราคาแพงลิบ ทั้งหินอ่อนเนื้อดี กระจกใสบานใหญ่ แล

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 23 โลกใบใหม่

    ตอนที่ 23 โลกใบใหม่รุ่งเช้า..วันต่อมาเป็นเช้าแรกที่รู้สึกแปลกไปจากเดิม พิมพ์มาดาร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับอัครเดชและคุณแม่ บรรยากาศเงียบสงบกว่าทุกวันที่ผ่านมา มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบจาน และบทสนทนาเบาๆขณะที่กำลังจิบกาแฟอุ่นๆ อยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของพิมพ์มาดาก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของหัวหน้างานที่แผนกบัญชี เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย“สวัสดีค่ะ...” พิมพ์มาดาเอ่ยได้แค่เพียงประโยคทักทายเท่านั้น เสียงแว้ดๆ จากปลายสายดังลอดออกมาทันที แม้เธอจะพยายามลดเสียงแล้วก็ตาม“นี่พิมพ์! ถ้าวันนี้เธอยังไม่กลับมาทำงานอีก ฉันจะไล่เธอออกนะยะ!”พิมพ์มาดาหน้าซีดเผือดทันที เธอเกือบจะลืมเรื่องงานไปเสียสนิทในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ เธอก็ยังมัวแต่ยุ่ง ๆคุณอัครเดช ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม และเพิ่งจิบกาแฟไปเมื่อครู่ ชำเลืองมองมาที่เธอ เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเด็กสาว และได้ยินเสียงหัวหน้างานที่ดังลอดออกมา เขาก็พอจะเดาเรื่องได้เมื่อวางสาย พิมพ์มาดานั่งนิ่งอึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรรึเปล่าลูก ใครโทรมาเหรอ” พิมพ์ดาวเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง“หัวหน้าโทรมาค่ะแม่ บอกว่าถ้าวันนี้หนูไม่ไปทำงาน เค้าจะไล่ออก

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 22 ข้อตกลง..ระหว่างเรา

    ตอนที่ 22 ข้อตกลง..ระหว่างเราพิมพ์มาดาตัดสินใจว่าเธอควรจะคุยกับคุณอัครเดชอย่างเปิดอก เธอรู้สึกขอบคุณแม่ที่ให้สิทธิ์เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ได้บังคับให้เธอรับข้อเสนอเพียงเพราะเรื่องหนี้สิน แม้ว่านั่นจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เธอต้องมานั่งคิดหนักก็ตามหลังจากทานมื้อกลางวันกันอย่างเงียบๆ คุณอัครเดช ก็เห็นว่าพิมพ์มาดาดูมีบางอย่างในใจ เขาจึงหาจังหวะเอ่ยขึ้น เพื่อคุยกับเธอสองต่อสอง หลังจากพิมพ์ดาวลุกไป“หนูพิมพ์!!!... ถ้าหนูไม่สบายใจเรื่องที่ฉันเสนอ...ก็บอกกันตรง ๆ ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ฉันพร้อมรับฟังทุกอย่างที่” คำพูดของชายสูงวัยเป็นเหมือนการเปิดประตูให้เธอพิมพ์มาดาสูดหายใจลึกๆ เธอรู้ว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะต้องเคลียร์ความรู้สึกและความคิดของตัวเองกับเขาอย่างตรงไปตรงมา“คุณอัครเดชคะ... คือจริง ๆ แล้ว หนูยังมีหลายอย่างที่หนูอยากจะบอกให้คุณได้รับรู้ค่ะ”“โอเคร งั้นหนูพูดมาได้เลยนะ”พิมพ์มาดา สูดหายใจลึกๆ พลางมองใบหน้ายินดีของชายสูงวัยคราวพ่อ ที่กำลังนั่งรอฟังเธอด้วยความตั้งใจ ก่อนที่ตนเองจะเปิดเผยความรู้สึกที่วุ่นวายให้กับเขาฟัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเธอเหลือเกิน“คุ

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 21 ทางเลือก...บนคราบน้ำตา

    ตอนที่ 21 ทางเลือก...บนคราบน้ำตาเช้าวันต่อมา หลังจากพิธีฌาปนกิจและวันอันแสนสาหัสผ่านพ้นไป บนผืนน้ำนิ่งสงบของลำน้ำสายหนึ่ง พิมพ์มาดาและพิมพ์ดาวผู้เป็นมารดา ยืนอยู่เคียงข้างคุณอัครเดช เถ้ากระดูกที่บัดนี้แปรสภาพเป็นเพียงธุลีถูกโรยลงสู่ผืนน้ำอย่างช้าๆ ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ทาบทาผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับบรรยากาศเงียบสงบแต่ในใจของสองแม่ลูกยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความเศร้า ความเหนื่อยล้า และความสับสนจากเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นคุณอัครเดช ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่สายตาที่มองมาที่พิมพ์มาดาเต็มไปด้วยความห่วงใยเมื่อพิธีง่ายๆ เสร็จสิ้นลง พิมพ์ดาวหันมาทางคุณอัครเดช ด้วยใบหน้าที่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า แต่แววตาเจือด้วยความซาบซึ้งใจ“คุณอัครเดชคะ เรื่องหนี้สินที่พ่อยัยพิมพ์ก่อไว้ ดาวจัดการโอนเงินคืนให้พวกนั้นเรียบร้อยแล้วนะคะเมื่อวาน เย็น ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับความช่วยเหลือของคุณจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ได้คุณดาวก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร...” เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย อัครเดช ยิ้มบางๆ ให้พิมพ์ดาว ก่อนจะเอ่ยขึ้นถึงความต้องการของตัวเองบ้าง“ไม่เป็นไรครับคุณดาว ผมยินดีช่วยค

  • รักในเงาแค้น   ตอนที่ 20 เบื้องหลังของบิดา

    ตอนที่ 20 เบื้องหลังของบิดา15.00 นช่วงเวลาอันเงียบสงบก่อนพิธีฌาปนกิจศพของคุณพ่อพิมพ์มาดา ได้ถูกรุกรานด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างกำยำ ท่าทางไม่เป็นมิตร พวกเขากรูเข้ามาในบริเวณวัดอย่างไม่เคารพสถานที่ ส่งเสียงโวยวายและทวงถามถึงหนี้สินมหาศาลที่คุณพ่อของพิมพ์มาดาทิ้งไว้ ก่อนจะบอกยอดเงินเกือบยี่สิบล้านบาทรวมทั้งต้นและดอกให้พิมพ์ดาวรับรู้ ทำเอาเธอถึงกับเข่าอ่อน ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ มือไม้สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อได้ยินตัวเลขที่น่าตกใจนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นดูจะไม่ยอมรามือ พวกเขายืนกรานที่จะทวงหนี้ให้ได้ก่อนที่จะมีพิธีใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการอ่านประวัติของผู้ตาย พิมพ์ดาวกลัวว่างานศพของสามีจะสะดุด และพวกนั้นก็บอกว่าจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ในช่วงขั้นตอนการอ่านประวัติของผู้ตายอีกด้วย สร้างความกดดันให้กับพิมพ์ดาวเป็นอย่างมากอัครเดชที่ยืนต้อนรับแขกเหรื่อคู่กับพิมพ์มาดา สังเกตเห็นความผิดปกติและสีหน้ากังวลของพิมพ์ดาว จึงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่หนักแน่นอย่างไม่เกรงกลัว“มีอะไรกันหรือครับ” เสียงทุ้มนุ่มของอั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status