เห็นหลี่เฉินอุ้มหลิวเฮ่อเข้าไปในจวน คนอื่นในตระกูลหลิวต่างพากันมองหน้ากันไปมาแต่อย่างน้อยตอนนี้ดูเหมือนว่า องค์รัชทายาทฝ่าบาทจะทรงโปรดหลิวเฮ่ออยู่ไม่น้อย?หลิวซือต๋ามองหลิวซือฉุนเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง หลิวซือฉุนจึงกล่าวว่า “เข้าไปดูแลก่อนเถิด ไม่น่าจะใช่เรื่องร้าย อาจเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ”ด้วยฐานะของหลี่เฉิน ต่อให้เอ่ยเพียงประโยคเดียว ก็พอให้นามของลูกหลานตระกูลหลิวรุ่งเรืองไปได้ทั้งชีวิตคนในตระกูลหลิวทยอยกันตามหลี่เฉินเข้าไปในจวนในห้องโถงใหญ่ คนในตระกูลหลิวส่วนใหญ่ไม่มีคุณสมบัติพอจะอยู่รับใช้ในนั้นมีเพียงหลิวซือฉุน สามอาของตระกูลหลิว และหลิวซือต๋าเท่านั้นที่อยู่ได้หลี่เฉินประทับนั่งบนที่ประธาน ให้หลิวเฮ่อนั่งอยู่บนตัก พลางยิ้มถาม “อายุเท่าไหร่แล้ว?”หลิวเฮ่อหันไปมองหลิวซือฉุนตาปริบๆ แต่พอได้ยินหลี่เฉินถาม ก็รีบตอบอย่างว่าง่ายว่า “สามขวบแล้วเจ้าค่ะ”พูดพลางยื่นนิ้วอ้วนกลมออกมาสามนิ้วเน้นย้ำหลี่เฉินเห็นแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างยินดี“ชื่อหลิวเฮ่อ ตั้งชื่อรองไว้หรือยัง?” ประโยคนี้หลี่เฉินถามหลิวซือต๋าหลิวซือต๋ารีบโค้งกายเล็กน้อย ตอบด้วยความเคารพว่า “ทูลฝ่าบาท ยังมิได้ตั
สำหรับหลิวซือฉุนแล้ว คำเชิญแบบกะทันหันเช่นนี้ แม้หลี่เฉินจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาพระองค์ทรงจมอยู่กับราชการอันวุ่นวาย บัดนี้มีราชโองการใหม่เริ่มต้น แถมยังมีข่าวด่วนจากด่านเยว่หย่าอีก หลี่เฉินเองก็ทรงรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลดังนั้นพระองค์จึงมิได้ลังเล หรือปฏิเสธ ทรงตอบรับด้วยความยินดีอย่างไรก็ดี ถึงฟ้าจะถล่ม ก็ยังไม่ใช่ยามนี้ มนุษย์ย่อมต้องหาโอกาสเปลี่ยนบรรยากาศบ้างสำหรับตระกูลหลิวแล้ว การเสด็จมาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัวขององค์รัชทายาทฝ่าบาท ทำให้ทั้งตระกูลแทบแตกตื่นเป็นไก่บินหมาวิ่งตราบใดที่ยังอยู่ในเมืองหลวงและมิได้เดินทางไปต่างเมือง ญาติพี่น้องทุกคนไม่เว้นสักคนต่างพร้อมใจสวมเสื้อผ้าใหม่ แต่งกายสะอาดเรียบร้อย ทั้งภายนอกภายในเรือน แม้แต่รอยร้าวบนชายคาก็ไม่เว้น ล้วนขัดถูจนสะอาดเอี่ยมอ่องมิใช่เพียงเท่านั้น ตระกูลหลิวยังรีบรุดไปเชิญพ่อครัวจากภัตตาคารชั้นนำของเมืองหลวงมาทั้งคนทั้งเขียง ถึงขนาดทำให้เจ้าของร้านหลายแห่งบ่นอุบ ทว่าพอถูกโยนเงินแท่งใหญ่ใส่หน้าเข้า พวกเขาก็พลันยิ้มแย้ม ยินดีส่งพ่อครัวในร้านออกไปทันทีวันเช่นนี้ สำคัญยิ่งกว่าวันขึ้นปีใหม่ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่
การคำนับครั้งนี้ เขาค้อมกายลงอย่างลึกสุดหัวใจผ่านไปสามลมหายใจ หลี่เฉินจึงค่อยยืดตัวตรงเขาหันไปกล่าวกับเหล่าราษฎรด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เรื่องราวใต้หล้านั้นมากมายดั่งดวงดาว ข้าผู้เดียวไม่อาจปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ แต่สามารถรับประกันได้ว่า เจอเรื่องใด จัดการเรื่องนั้น เจอผู้ใด ฆ่าผู้นั้น!”“จงประกาศราชโองการข้า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่เจ้าผู้ครองแคว้น ขุนนาง ขุนพล ไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้า หากพบเห็นเรื่องอธรรม ขุนนางไม่ซื่อสัตย์ ข่มเหงราษฎร ร้องทุกข์ไร้หนทาง ร้องเรียนมิได้ ล้วนสามารถไปยื่นฎีกาที่ตำหนักบูรพาได้โดยตรง ขุนนางทั่วแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดขัดขวางได้ หากมีผู้ใดขัดขวาง ลงโทษด้วยการประหารด้วยโทษแหวะเนื้อ!”“ราชโองการนี้ ประกาศทั่วหล้า มีผลทันที!”เมื่อสิ้นคำ สหายทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่เบื้องหลัง ไม่เว้นแม้แต่เฉินทง ต่างเปล่งเสียงพร้อมกันว่า “กระหม่อม ขอรับพระบัญชา!”ท่ามกลางราษฎร เกิดเสียงโห่ร้องดังกึกก้องฟ้าดินมีคนร้องไห้พลางเปล่งเสียงว่า “กษัตริย์ทรงธรรม! ต้าฉินของเราสุดท้ายก็ได้พบกษัตริย์ทรงธรรมแล้ว!”“องค์รัชทายาททรงเมตตายิ่งนัก เป็นโชคของต้าฉิน โชคของราษฎรต้าฉิน!”หลี่เฉินโบกมือ
บางครั้ง การถูกด่าก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างน้อยก็แสดงว่าเจ้ายังมีค่าพอจะถูกด่าเช่นเรื่องวันนี้ ลองดูพี่น้องหูกั่นเหวยกับหูกั่นตังสิ องค์รัชทายาทฝ่าบาทตรัสตำหนิพวกเขาบ้างหรือไม่?หาไม่เพราะไม่จำเป็น และไม่มีค่าให้ตำหนิผู้อื่นยังอาจมีการพิจารณาโทษตามระดับความเกี่ยวข้อง แต่สองคนนี้ ไม่ต้องคิดแล้ว เป็นแน่แท้ว่าโทษประหารรออยู่เจิ้งเป่าหรงทำหน้าราวกับจะร้องไห้ กล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมรู้ความผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“รู้ความผิด?”หลี่เฉินแค่นหัวเราะเย็นชา หันไปกล่าวกับเฉินทงว่า “หน่วยบูรพาสืบเจิ้งเป่าหรงให้ข้า หากเป็นเช่นที่เขาพูด ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็แล้วไป แต่หากพบว่าเกี่ยวข้องเพียงเสี้ยวหนึ่ง ไม่ต้องรายงานข้า ฆ่าเสียเลย”เฉินทงไม่เหลียวมองเจิ้งเป่าหรงแม้แต่น้อย ตอบทันที “กระหม่อม ขอรับบัญชา!”หันมามองเจิ้งเป่าหรงอีกครั้ง แม้ว่าคำพูดของหลี่เฉินจะน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก แต่เขากลับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เขารู้สึกโชคดีอย่างยิ่งที่ตอนนั้นตนเองยังมีสติพอจะอดกลั้นความโลภไว้ได้ ไม่เข้าไปร่วมมือกับกลุ่มพวกนั้น มิเช่นนั้น ผู้ว่าการเมืองหลวงอย่างเขา คงถูกดึงไปร่วมพวกนานแล้วแม้เขาไม่อา
“กรมตรวจราชการรขุนนางใหญ่หูพีอบรมบุตรไม่ดี แต่ความผิดยังไม่ปรากฏแน่ชัด บัดนี้ข้าสั่งให้ถอดยศหูพี กรมตรวจราชการขุนนางใหญ่กับหูกั่นเหวย แห่งกรมแจ้งราชการทันที ส่งตัวให้ศาลต้าหลี่ ร่วมกับสำนักสอบสวนกลางและกรมยุติธรรม เป็นสามหน่วยร่วมกับหน่วยบูรพาสืบสวนอย่างเข้มงวด”“หน่วยบูรพาต้องถอนรากถอนโคนขุนนางที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ทั้งหมด ไม่ว่าเกี่ยวข้องกับผู้ใด มีพื้นหลังอย่างไร ขอเพียงหลักฐานแน่ชัด ก็จับตัวไว้ก่อน แล้วค่อยรายงานแก่ข้า”“เมื่อพิสูจน์ความผิดชัดเจนแล้ว มอบให้กรมยุติธรรมตัดสินตามกฎหมายต้าฉิน ฆ่าก็ฆ่า ถอดยศก็ถอดยศ คุมขังก็คุมขัง”กล่าวถึงตรงนี้ หลี่เฉินจ้องเฉินทงด้วยสีหน้าเรียบเฉย “จงจำไว้ ในแผ่นดินนี้ไม่มีฝ่ายตำหนักบูรพา ขุนนางทุกคนล้วนเป็นข้าราชสำนักต้าฉิน ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน”เฉินทงรู้สึกหัวใจเต้นระรัว ไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย รีบรับคำ “กระหม่อม ขอรับบัญชา!”“เจิ้งเป่าหรง! สวีจวินโหลว!”หลี่เฉินหันไปตวาดเรียกอีกครั้งทั้งสองสะดุ้งสุดตัว โดยเฉพาะสวีจวินโหลวที่ตลอดเวลาทำตัวเหมือนอากาศ รีบวิ่งไปคุกเข่าข้างเจิ้งเป่าหรงทันทีเมื่อเห็นสวีจวินโหลว หลี่เฉินหรี่ตาลงเล
หลี่เฉินเข้าใจความหมายของหูพี จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าคิดจะเอาชีวิตของตน มาแลกกับชีวิตของบุตรชายทั้งสองหรือ?”หูพีเอ่ยเสียงสั่น “กระหม่อมอายุมากแล้ว รู้ตัวดีว่าอบรมบุตรไม่ดี ทำให้สองคนนี้หลงเดินทางผิด หากจะโทษก็ต้องโทษกระหม่อมมากกว่า จะว่าลูกผิด ยังไม่เท่าโทษของพ่อ กระหม่อมเพียงขอให้ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตสายเลือดของกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ…”หลี่เฉินหัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าข้ากำลังต่อรองกับเจ้าหรือ? เจ้าจะเอาตัวเองมาแลกกับบุตรชายทั้งสอง แล้วความผิดของพวกเขาจะถือว่าไม่มีหรือ?”“ข้าตอบตกลง แล้วเจ้าลองถามดูสิ ว่าพวกเขาจะยอมไหม!”หลี่เฉินชี้นิ้วไปยังชาวบ้านที่รายล้อมอยู่ แล้วตวาดต่อหูพีด้วยความโกรธ “พวกเจ้าสมรู้ร่วมคิด ผูกพวกกันเป็นกลุ่ม ฉ้อฉลเอาจากประชาชนต้าฉิน ชาวบ้านเหล่านี้ผิดอะไรหรือ? พวกเขาทำงานเหนื่อยยากเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว สุดท้ายกลับถูกพวกเจ้าขูดรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่มีแม้แต่จะประทังชีวิตขั้นพื้นฐาน เจ้ายังมีหน้ามาขอความเมตตาอีกหรือ?”“บงการราคาข้าว ขายเกลือหลวงเถื่อน ตั้งพรรคพวกแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว หูพี เจ้ารับราชการมาทั้งชีวิต โทษทั้งสามประการนี้ เจ้าควรรู้ดียิ่งกว่าใครว