공유

บทที่ 185

작가: ไห่ตงชิง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

แรงกดดันของต้วนจิ่นเจียงก็เพิ่มขึ้นทุกขณะ

เมื่อหลี่เฉินดื่มชาเสร็จ ก็มีเสียงรายงานจากเฉินทงดังมาจากนอกห้องโถง

“ฝ่าบาท”

เมื่อได้รับอนุญาตจากหลี่เฉิน หลังจากเฉินทงเดินเข้ามาในห้องโถงก็โค้งคำนับ จากนั้นก็เหลือบมองต้วนจิ่นเจียง และลังเลที่จะพูด

“พูดมาเถอะ” หลี่เฉินพูดอย่างใจเย็น

เฉินทงประสานมือรายงานว่า “ในคุก ต้วนจั่งเหมียนทนไม่ไหวกับการทรมาน จึงชนกำแพงตาย”

ต้วนจิ่นเจียงเบิกตากว้าง และถามอย่างกังวลว่า “ตอนนี้ลูกชายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

เฉินทงไม่สนใจเขา แต่รอคำพูดของหลี่เฉิน

หลี่เฉินแทบจะหัวเราะออกมาดังๆ

ต้วนจั่งเหมียนหนอต้วนจั่งเหมียน เลือกเวลาฆ่าตัวตายได้เหมาะสมที่สุด

“แล้วตายหรือยัง?” หลี่เฉินถาม

เฉินทงตอบ “เขาถูกพบได้ทันเวลา และได้รับการช่วยเหลือแล้ว เพียงแต่จิตใจของเขาเริ่มบ้าเล็กน้อย กระหม่อมเกรงว่าเขาจะทนอยู่ได้ไม่นาน”

จากนั้นหลี่เฉินก็เหลือบมองไปที่ต้วนจิ่นเจียง

แต่ไม่ทันที่หลี่เฉินจะได้พูด ต้วนจิ่นเจียงก็คุกเข่าลงแล้วพูดว่า “กระหม่อมจะทำทุกอย่างที่ฝ่าบาทพระราชดำรัสสั่ง”

เมื่อวางถ้วยชาลง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าข
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 186

    “เฉินทง...” หลี่เฉินตะโกนโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วเขาก็จำได้ว่า ตัวเองให้เฉินทงไปทำงานบางอย่างให้ หลี่เฉินส่ายหัวและรู้สึกว่ามีคนในมือให้ใช้น้อยเกินไป และรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องหาทหารองค์รักษ์เดินหน้าขบวน โดยเร็วที่สุด จากนั้นจึงเรียกขันทีที่ปฏิบัติหน้าที่นอกห้องโถง “เจ้าไปที่จวนแม่ทัพใหญ่ ไปตามหาซูเจิ้นถิงแล้วบอกว่า คืนนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงที่ตำหนักบูรพาเพื่อต้อนรับคณะทูตเสียนเฉา จึงขอเชิญท่านแม่ทัพใหญ่ให้มาก่อนงานเลี้ยงจะเริ่ม ข้ามีเรื่องบางอย่างจะหารือกับเขา” ขันทีตัวเล็กปากแดงฟันขาวคำนับอย่างเคารพ แล้วหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ……ขณะเดียวกัน ณ จุดพักแรม ในลานบ้านซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของทูตเสียนเฉา ซึ่งมีบรรยากาศที่เคร่งขรึม จินเสวี่ยยวนนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ นางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทแห่งต้าฉิน เราต้องคิดกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบ เพื่อให้แน่ใจว่าองค์รัชทายาทจะทรงเห็นด้วยกับคำขอของเรา ที่ส่งทหารไปยังเสียนเฉา” ในห้องโถงปิด ชายวัยกลางคนที่นั่งถัดจากจินเสวี่ยหยวนก็ยกมือขึ้นมาลูบเคราของตัวเอง แล้วกล่าวว่า “เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 187

    โจวไท่พูแบมือแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่ากระหม่อมไม่คิดหาวิธี ตรงกันข้าม นี่คือข้อสรุปที่กระหม่อมได้รับหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้” “จริงๆ แล้วเราสามารถมองเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนมาก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจักรวรรดิต้าฉินใช่ว่าจะมีช่วงเวลาที่ดี ทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้น ทำให้จักรวรรดิต้าฉินที่ดูเหมือนจะเจริญรุ่งเรืองก็เต็มไปด้วยรูพรุน พวกเราเข้ามาจากทางเหลียวตง ไม่ต้องพูดถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติเลย แค่เจ้าหน้าที่กับทหารท้องถิ่นพวกนั้น ก็ไม่ได้รับเงินเดือนมานานแล้ว เราเห็นฉากประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบไม่มากพออีกหรือ?” “ทุกสิ่งในเมืองหลวงยังคงสงบสุข แต่นี่เป็นเพราะเมืองหลวงเป็นแกนกลางของต้าฉิน ไม่ว่าที่อื่นจะวุ่นวายแค่ไหน ไม่ว่าที่อื่นจะเลวร้ายเพียงใด ก็ส่งผลกระทบต่อเมืองหลวงน้อยมาก เมืองหลวงเป็นอย่างไร องค์จักรพรรดิก็สามารถมองเห็นสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ที่อื่นล่ะ จักรพรรดิ์สามารถมองเห็นจักรวรรดิต้าฉินอันกว้างใหญ่ได้มากเพียงใด?” “มาพูดถึงสถานการณ์ทางการเมืองกันดีกว่า สถานการณ์ทางการเมืองของต้าฉินในตอนนี้ จะบอกว่าชัดเจนก็ชัดเจน จะบอกว่าเข้าใจยากก็เข้า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 188

    ชายหน้าด้านไร้ยางอายผู้นั้นที่เข้าครอบครองนางตั้งหลายครั้ง... จินเสวี่ยยวนรู้สึกโกรธจัดเมื่อคิดถึงชายผู้นั้น ก่อนหน้านี้ นางคิดเสมอว่าผู้ชายที่ไร้ยางอายคนนั้นเป็นเพียงคนหลอกลวง ที่ล่อลวงนางเพื่อสนองตัณหาของตัวเอง ซึ่งคงไม่มีวันได้เจอกันอีก และเนื่องจากนางต้องทนทุกข์ทรมานกับการสูญเสียที่โง่เขลาเช่นนี้ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะไม่แก้แค้น แต่โดยไม่คาดคิด ตัวเองเข้าพบขุนนางคนสำคัญในราชสำนักตั้งหลายคน ทั้งยังส่งมอบของขวัญไปให้มากมาย แต่ทว่ากลับไม่มีความคืบหน้าเลย และจู่ๆ ไอ้คนบ้ากามนั่นก็สามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ นางสนใจแค่ความสุข แต่กลับไม่คิดเรื่องนั้นให้มากนัก “ไม่ได้!” จินเสวี่ยยวนเกือบจะโพล่งออกมาคำพูดสองคำของนาง ทำให้สมาชิกทุกคนในภารกิจที่เพิ่งได้สัมผัสความหวังเพียงเล็กน้อย ต่างพากันตกตะลึง ชายเคราแพะเป็นคนเปิดปากพูดเป็นคนแรกว่า “องค์หญิงทำไมจะไม่ได้ล่ะ? โจวไท่พูพูดถูก คนๆ นี้อาจจะเป็นบุคคลสำคัญจริงๆ ตราบใดที่เราสามารถหาเขาให้เจอ และสัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์มหาศาลให้ เขาจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน” “กระหม่อมยินดีจะช่วยพระองค์ในเรื่องนี้ ขอให้องค์หญิงโปรดบอกชื่อและ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 189

    โจวไท่พูหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “จะเชื่อหรือไม่ มันสำคัญด้วยหรือ?” “จักรวรรดิต้าฉินในตอนนี้ องค์รัชทายาททรงครอบครองความชอบธรรม แต่ในด้านอำนาจทางการเมือง พระองค์เป็นฝ่ายอ่อนแอ บวกภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาภัยพิบัติหรือเพื่อบรรเทาความขัดแย้งทางการเมือง องค์รัชทายาทจำเป็นต้องมีเหตุผลที่เพียงพอในการเบี่ยงเบนความสนใจของคนในประเทศและฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือเท็จ แต่อย่างน้อยก็สามารถตอบสนองความต้องการขององค์รัชทายาทได้อย่างแน่นอน” “ดังนั้น...” โจวไท่พูประสานมือไปทางจินเสวี่ยยวนแล้วพูดว่า “จริงๆ แล้ว ทางที่ดีที่สุดคือหาคนที่สามารถทำให้องค์รัชทายาทตกลงมาพบกับพวกเรา เขาในฐานะคนกลางจะเกริ่นนำให้กับองค์รัชทายาทก่อน เพราะถ้าหากองค์หญิงเสนอเรื่องนี้ในงานเลี้ยงโดยตรง มันจะเสี่ยงมาก และจะเป็นการทดสอบความหลักแหลมทางการเมืองขององค์รัชทายาท...และไหวพริบขององค์หญิงอีกด้วย” “หากความหลักแหลมทางการเมืองขององค์รัชทายาทซับซ้อนเพียงพอ เช่นนั้นองค์หญิงก็สามารถเสนอเรื่องนี้ในงานเลี้ยงอาหารค่ำโดยตรงได้ แต่ถ้าหากเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และสน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 190

    คำพูดของโจวไท่พู ทำให้สีหน้าของจินเสวี่ยยวนยิ่งมืดมน เมื่อเห็นว่าจินเสวี่ยยวนไม่พูดอะไร โจวไท่พูจึงโค้งคำนับเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินจากไป หลังจากนั้นไม่นาน สาวใช้ส่วนตัวก็เข้ามาหาจินเสวี่ยยวน และพูดเบาๆ “องค์หญิง ทำไมไม่เสวยอาหารก่อนล่ะเพคะ ไม่ว่าพระองค์มีเรื่องหลายสิ่งที่ต้องทำ แต่ต้องทานให้อิ่มก่อนถึงจะแก้ปัญหาได้” จินเสวี่ยยวนถอนหายใจเบาๆ ก่อนหันไปมองเกล็ดหิมะที่ตกลงมาทางนอกหน้าต่าง แล้วพึมพำว่า “ข้ากินไม่ลง เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”สาวใช้มองท่าทางเศร้าๆ ของจินเสวี่ยยวน จึงทนไม่ไหวต้องคุกเข่ากล่าวเสียงสั่นว่า “องค์หญิง ช่วงนี้พระองค์ทรงทำงานหนักเพื่อแก้ไขวิกฤติในประเทศ และไม่เคยยิ้มเลย ทุกคนต่างรู้ดีถึงความกังวลขององค์หญิง แต่กังวลตอนนี้ไป ก็ไม่มีทางแก้ไขได้อยู่ดี อย่างไรก็ตาม หม่อมฉันขอให้องค์หญิงทรงเมตตาต่อพระองค์เองด้วยเถอะเพคะ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เรื่องยังไม่ทันจะแก้ไข แต่พระวรกายก็พังทลายเสียก่อน” จินเสวี่ยยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ข้าไม่มีความอยากอาหารเลยจริงๆ...แต่ยังไงก็ช่วยทำโจ๊กให้ข้าสักชามด้วย”สาวใช้ดีใจมากจึงลุกขึ้นยืน และจับชายก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 191

    “คณะทูตเสียนเฉา มาถึงตำหนักบูรพาแล้ว!” วินาทีที่จินเสวี่ยยวนพาสมาชิกของคณะทูตเข้าสู่ตำหนักบูรพา เจ้าหน้าที่หงลู่ซื่อผู้รับผิดชอบในการประกาศการมาก็ตะโกนเสียงดัง หน้าที่พิเศษได้รับการจัดการโดยมืออาชีพ เสียงประกาศนี้ทั้งชัดเจนและแหลมสูง เสียงใสกังวานนั้นแทบจะทะลุท้องฟ้า และดังสะท้อนไปทั่วตำหนักบูรพา เครื่องดนตรีประเภทสายและปี่บรรเลงขึ้นพร้อมกัน เคียงคู่กับระฆังชุดที่ส่งเสียงดังก้องกังวาน ราวกับว่าความน่าเกรงขาม น่าเคารพและความเคร่งขรึมของตำหนักบูรพาถูกปลุกให้ตื่น เมื่อเดินบนพรมที่นุ่มและหนาเป็นพิเศษ จินเสวี่ยยวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจพลางคิดว่าพลังของเสือยังคงอยู่ แม้ว่าจักรวรรดิต้าฉินจะแสดงสัญญาณเสื่อมถอย เฉกเช่นเดียวกับชายชราที่ใกล้ตาย และมีปัญหาอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งยังเป็นปัญหาที่ไม่เล็กเลย แต่ทว่าอูฐที่ผอมก็ยังใหญ่กว่าม้า แม้จะมีเพียงโครงกระดูกก็ตาม ไม่ว่าจักรวรรดิต้าฉินจะเสื่อมถอยลงเพียงใด แต่เสียนเฉาของตัวเองนั้นก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดี ถึงแม้เสียนเฉาจะเชิญช่างฝีมือกับบัณฑิตจากต้าฉินมา และขนส่งวัสดุต่างๆ เพื่อสร้างเมืองหลวงที่มีเค้าโครงและขนาดเหมือนเมืองหลวงอย่าง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 192

    ด้านในพระที่นั่งคังไท่ ตกแต่งด้วยโคมไฟหลากสีสัน แม้อากาศภายนอกจะหนาวเย็น แต่ด้านในพระที่นั่งกลับอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ มีคณะดนตรีบรรเลงเพลง และนางกำนัลที่เดินไปมา นำสมาชิกของทูตเสียนเฉาแต่ละคนไปยังตำแหน่งของตนตามลำดับ บนโต๊ะมีเครื่องเคียงหลายอย่าง แม้ว่าจะไม่หรูหรามากนัก แต่แต่ละจานก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเห็นได้ชัดว่า วิเสทปรุงอย่างพิถีพิถัน ทั้งรูป รส กลิ่น ล้วนสมบูรณ์แบบ...แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครไร้มารยาทพอที่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาก่อน จินเสวี่ยยวนในฐานะองค์หญิงแห่งเสียนเฉา ทั้งยังเป็นหัวหน้าคณะทูต ดังนั้นที่นั่งของนางจึงอยู่ด้านล่างทางขวามือของที่นั่งองค์รัชทายาท ซึ่งอยู่ตรงกลางด้านบนสุด ส่วนที่นั่งฝั่งซ้ายมือเป็นของขุนนางต้าฉิน และเนื่องจากเป็นงานเลี้ยงตำหนักบูรพา ดังนั้นขุนนางที่มาจึงมีตำแหน่งไม่ค่อยสูง ด้วยเหตุนี้จึงไม่เห็นขุนนางสำนักราชเลขาเลยสักคน เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งที่นั่งทางซ้ายมือระดับเดียวกับจินเสวี่ยยวนนั้นว่างเปล่า หลังจากที่คณะทูตเสียนเฉาเข้ามาในพระที่นั่งคังไท่ เหล่าทูตคนอื่นๆ ก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยกับเหล่าขุนนางในงานเลี้ยงทันที เห็นได้ชัดว่าไม่รู้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 193

    “เจ้าอยากตายรึ!” จินเสวี่ยยวนตกใจมาก ขนในกายถึงกับลุกพึ่บ ก่อนหน้านี้แม้หลี่เฉินจะแสดงความกล้าที่บ้าระห่ำออกมา แต่ก็ยังรู้จักหลบเลี่ยงคน แต่ที่นี่คือที่ไหน? ตำหนักบูรพา!พระที่นั่งคังไท่! เป็นสถานที่ที่องค์รัชทายาทให้การต้อนรับคณะทูตของเสียนเฉา! ไม่ต้องพูดถึงสมาชิกคณะทูตเสียนเฉาของตัวเองเลย มีขุนนางขั้นที่ 5 ขึ้นไปประมาณ 5-6 คนอยู่ที่นี้ และยังมีนางกำนัลกับองค์รักษ์ที่กระจายตัวอยู่รอบๆ อย่างแน่นขนัด แต่หลี่เฉินก็ยังกล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย ทั้งยังโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูนางอีก ท่าทางดังกล่าวได้ทำลายการป้องกันระหว่างชายหญิงสมัยโบราณแม้แต่ในหมู่ประชาชน ถ้าชายหรือหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานมีพฤติกรรมเช่นนี้ก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จินเสวี่ยยวนจึงตกใจกลัวมาก นางผลักหลี่เฉินออกไปราวกับโดนไฟฟ้าช็อต และพูดอย่างตกใจปนกลัวว่า “จริงจังหน่อยสิ! หากถูกคนอื่นเห็นเข้า พวกเราจะมีปัญหา!” หลี่เฉินมองท่าทางเหมือนกระต่ายตื่นตูมของจินเสวี่ยยวนอย่างขำๆ แล้วพูดว่า “เอาล่ะๆ ข้าจริงจังก็ได้ แต่เจ้ายังไม่ตอบคำถามของข้าเลย เจ้ากำลังคิดถึงข้าอยู่หรือไม่?” จินเสว

최신 챕터

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status