Share

บทที่ 3

Author: ไห่ตงชิง
เสียงร้องแผ่วเบานี้กระตุ้นความตื่นตัวของเฉินจื้อที่อยู่ข้างนอกทันที

“ฮองเฮาทรงเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ?”

จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินที่มองนางด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ นางแอบกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และนำความไม่พอใจทั้งหมดไประบายใส่เฉินจื้อ

“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ต้องถามมาก”

เมื่อเฉินจื้อถูกตำหนิ เขาก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้น

เมื่อไม่มีที่ระบายความโกรธ เขาจึงหันกลับมาด่าขันทีที่กำลังขับรถม้า “ขับรถม้าให้ดีๆ หน่อย หากทำให้ฮองเฮาตกใจอีกครั้ง ข้าจะแล่เนื้อเจ้าซะ!”

ภายในเกี้ยวหงส์ ตู้นั้นสั่นเล็กน้อย ราวกับกรงสัตว์ก็ไม่ปาน ทำให้จ้าวชิงหลานนึกอยากจะหนีก็หนีไม่ได้

จ้าวชิงหลานนั่งบนต้นขาของหลี่เฉิน ราวกับนั่งอยู่บนเข็มก็ไม่ปาน

นางคิดจะลุกขึ้น แต่ทุกครั้งที่ทำตามความตั้งใจ หลี่เฉินก็จะดึงนางกลับมา และบังคับให้นั่งลงอย่างแน่วแน่

“เจ้า เจ้าไม่กลัวข้าจะสังหารเจ้ารึ!?”

เมื่อมองไปที่ปากแดงฟันขาวนั่น จ้าวชิงหลานก็แอบกัดฟันแน่น หลี่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า “ฮองเฮายอมแพ้หรือไม่?”

ในขณะที่พูดก็ฉวยโอกาสที่จ้าวชิงหลานไม่ทันสังเกต ใช้มือใหญ่ของเขาคลำไปตามระหว่างเอวและหน้าท้อง

ท้องน้อยที่แบนราบ เต่งตึง และเรียบเนียน ให้ความสัมผัสที่อย่างยอดเยี่ยมและไม่มีใครเทียบได้แก่หลี่เฉิน

จ้าวชิงหลานตกตะลึงจนตาค้าง

นางไม่คิดว่าหลี่เฉินจะกล้าหาญชาญชัยได้ขนาดนี้

ไม่เพียงแต่จะดึงนางมากอด แต่ยังวางมือบนผิวที่เป็นที่ส่วนตัวที่สุดของผู้หญิงอีกด้วย

นางรีบกดมือใหญ่ของหลี่เฉินให้หยุดลูบผ่านเสื้อผ้าตามสัญชาตญาณ จ้าวชิงหลานพูดด้วยความโมโหว่า “หยุดมือ!”

หลี่เฉินกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของจ้าวชิงหลาน “ข้าไม่ขยับ เจ้าก็อย่าขยับ ดีไหม?”

จ้าวชิงหลานนั่งบนตักหลี่เฉินด้วยความโมโหปนอับอาย

นางเข้าใจความหมายของหลี่เฉิน เขาต้องการให้นางนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา และในทางกลับกัน ฝ่ามือของเจ้าสารเลวนี่ก็จะหยุดเคลื่อนไหวไปเอง

เมื่อเห็นจ้าวชิงหลานไม่รับปาก มือของหลี่เฉินก็เริ่มซนอีกครั้ง

จ้าวชิงหลานตกใจกลัว นางรีบจับมือนั่นและพูดอย่างขมขื่นว่า “ข้ารับปากเจ้า!”

หลี่เฉินยิ้มอย่างมีชัย กอดจ้าวชิงหลานแล้วพูดว่า “นั่นเป็นสิ่งที่ดีมาก”

จ้าวชิงหลานรู้สึกอับอายและโมโหแทบตาย นางหันหน้าหนีไปเพราะไม่อยากเห็นหน้าหลี่เฉิน

เกี้ยวหงส์สั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้ได้มาถึงด้านนอกพระราชวังสุทธาสวรรค์แล้ว

เมื่อเกี้ยวหงส์จอดสนิท เฉินจื้อก็รีบกำหมัดรายงาน “ฮองเฮา มาถึงพระราชวังสุทธาสวรรค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ม่านประตูเกี้ยวหงส์ถูกยกขึ้น แต่ผู้ที่ออกมาเป็นคนแรกกลับเป็นหลี่เฉิน

สายตาของเฉินจื้อพลันเย็นเยียบ เขารีบคลายหมัดลงแล้วลุกขึ้นยืนทันที

“ลุกขึ้นยืนทำไม? รีบคลานลงกับพื้นให้ข้าเหยียบลงจากเกี้ยวหงส์สิ” หลี่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา

เฉินจื้อชะงัก จากนั้นก็โกรธจัดขึ้นมา

เขากัดฟันตอบกลับไปว่า “กระหม่อมมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ ไม่สะดวก!”

หลี่เฉินพูดยิ้มเยาะ “หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ? หน้าที่ของเจ้าคือเชื่อฟังคำสั่งของเสด็จพ่อกับข้า ยังไม่รีบคุกเข่าลงอีกหรือ? ถ้าหากข้าไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อช้า ข้าจะสั่งประหารเจ้าทันที”

เฉินจื้อกัดฟัดเสียงดังกรอด ถ้าหากสายตาสามารถฆ่าคนได้ ตอนนี้หลี่เฉินคงตายเป็นพันๆ ครั้งแล้ว

เฉินจื้อก้าวเข้ามาที่เกี้ยวหงส์ทีละก้าว แล้วค่อยๆ ค้อมตัวลง ยังไม่ทันจะตั้งตัวดี เท้าของหลี่เฉินก็เหยียบที่หลังเขาข้างหนึ่ง

เฉินจื้อสะอึก ร่างกายของเขาทรุดลง ก่อนจะนอนพังพาบ

เขาก้มศีรษะลง เพื่อป้องกันไม่ให้หลี่เฉินมองเห็นดวงตาที่แสดงถึงความเกลียดชังของเขา เฉินจื้อจิกนิ้วลงกับกระเบื้อง เล็บของเขาขูดไปกับพื้น แม้แต่ความเจ็บปวด ก็ไม่อาจบรรเทาความโกรธแค้นในใจของเขาได้

หลังลงจากเกี้ยว หลี่เฉินก็ก้าวเท้ายาวๆ ไปยังวังสุทธาสวรรค์

ด้านนอกพระราชวัง เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊และพระสนมในวังหลัง ต่างกำลังคุกเข่าอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ทุกคนต่างสวดภาวนาให้กับฮ่องเต้

“องค์รัชทายาทเสด็จมาถึงแล้ว!”

เสียงประกาศดังขึ้น ทำให้เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊พากันหันกลับมา เพื่อคุกเข่าให้หลี่เฉินและขานพร้อมๆ กันว่า “องค์รัชทายาททรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี”

ด้านหน้าพระราชวังสุทธาสวรรค์ เป็นเวลาดึกดื่น แสงจันทร์ดูสลัวๆ

กลุ่มคนที่เป็นตัวแทนของอำนาจสูงสุดแห่งต้าฉิน และเป็นในศูนย์กลางทางการเมืองของจักรวรรดิล้วนคุกเข่าลงตรงหน้าเขา ฉากดังกล่าว และเสียงแซ่ซ้องพันปีกวาดเข้าหูของเขาราวกับคลื่นยักษ์ ทำให้อกของหลี่เฉินพองโตด้วยความภาคภูมิใจ

เป็นองค์รัชทายาทได้รับการแซ่ซ้องพันปีก็ว่าน่าตื่นเต้นแล้ว หากวันหนึ่งเขาขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ ประชาชนทั้งใต้หล้าจะแซ่ซ้องเขาว่าหมื่นปี นั่นจะเป็นฉากที่งดงามเพียงใด?

หลี่เฉินระงับอารมณ์ที่ปั่นป่วนอยู่ภายใน แสดงสีหน้าสงบ และเดินไปที่ประตูพระราชวังสุทธาสวรรค์ ยกมือขึ้นแล้วผลักประตูให้เปิด เพื่อเข้าไปในพระราชวัง

เขา กำลังจะพบกับเสด็จพ่อของเขา ซึ่งเป็นผู้ปกครองสูงสุดของจักรวรรดิต้าฉิน ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวังวนทางการเมืองที่มากเล่ห์และอันตรายที่สุดในจักรวรรดิ

ในวังสุทธาสวรรค์ แสงไฟสว่างไสว ขุนนางขั้นที่หนึ่งทุกคนในเมืองหลวงต่างก็มารวมตัวกัน เช่นเดียวกับสมาชิกของราชวงศ์

หากคนที่คุกเข่าอยู่ข้างนอกคือเสาหลักของจักรวรรดิต้าฉิน งั้นคนเหล่านี้ ก็เป็นกระดูกสันหลังที่สนับสนุนอาณาเขตหลายหมื่นลี้ของจักรวรรดิต้าฉิน

หลี่เฉินกวาดสายตามองไปรอบๆ

จ้าวเสวียนจีราชเลขาธิการ นี่เป็นผู้นำคนทรยศที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน เขามีส่วนร่วมในฝ่ายราชสำนักและฝ่ายราษฎรมานานหลายทศวรรษ เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าหยั่งรากลึกได้อีกต่อไป แต่เกือบจะเป็นใช้มือเดียวปิดฟ้าได้

ด้านหลังจ้าวเสวียนจี คือสี่ในห้าของนักวิชาการที่ยิ่งใหญ่ที่เหลือในสำนักราชเลขาธิการ นอกจากนี้ยังมีขุนนางจากหกกรมได้แก่ กรมขุนนาง กรมครัวเรือน กรมพิธีการ กรมยุทธนาการ กรมยุติธรรม และกรมโยธาธิการ ซึ่งเป็นหัวหน้าบริหารสูงสุด

อีกด้านหนึ่งเป็นนางสนมในวังหลัง องค์ชายสี่ องค์ชายหก องค์ชายแปด องค์ชายเก้า และองค์ชายอีกสี่พระองค์กับองค์หญิงคนอื่นๆ ตามมาด้วยพระบรมวงศานุวงศ์

ในพระราชวังสุทธาสวรรค์อันกว้างใหญ่ ผู้คนจำนวนมากกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น นอกจากแพทย์หลวงที่ยุ่งอยู่ ก็ยังมีสาวใช้ในวังที่กำลังทำงาน ทั้งด้านในและด้านนอกห้องโถงใหญ่ มีกลุ่มองครักษ์เสื้อแพรซึ่งสวมเครื่องแบบขนห่านป่าปีกคู่ คอยปกป้องอยู่ด้านข้างเหมือนท่อนไม้

ในพระราชวังทั้งหมด ยกเว้นองค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินที่กำลังลาดตระเวน ใครก็ตามที่ถือดาบจะถูกฆ่าอย่างไร้เมตตา ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวสำหรับกฎนี้ก็คือ องครักษ์เสื้อแพรจากหน่วยงานบูรพา ซึ่งเป็นเพชฌฆาตในพระราชฐานชั้นใน ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดจากฮ่องเต้

ด้านหลังหลี่เฉิน คือฮองเฮาจ้าวชิงหลานที่เดินตามเข้ามาติดๆ

เมื่อทั้งสองเดินเข้ามา ข้าราชบริพาร นางสนม องค์ชายและองค์หญิงต่างพากันโค้งคำนับทันที

“กระหม่อม หม่อมฉัน ลูก คารวะฮองเฮาและองค์รัชทายาท”

ดวงตาของหลี่เฉินคมราวกับกริช เขาเม้มริมฝีปากแน่น และเดินไปทางแท่นบรรทมมังกรโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“องค์รัชทายาทโปรดช้าก่อน!”

มีร่างหนึ่งขวางทางหน้าหลี่เฉิน

“ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังหมดสติ ไม่อาจพบใครได้ โปรดอย่ารบกวนการพักผ่อนของฝ่าบาท”

หลี่เฉินหรี่ตา เขามองชายชราที่อายุครึ่งร้อยตรงหน้าแล้วถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”

“กระหม่อมเฉินไหวจื้อ นักวิชาการศาลาเหวินหยวน”

เฉินไหวจื้อกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ราวกับไม่เห็นองค์รัชทายาทอยู่ในสายตา

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ทั่วทั้งราชสำนัก ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทคนปัจจุบันบุ๋นไม่เอาบู๊ไม่มี นับเป็นคนไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

ตอนนี้ถ้าขวางได้ก็จะขวาง ซึ่งไม่เพียงแต่จะไม่มีใครลงโทษเขา แต่เขายังจะได้รับคำชมจากราชเลขาธิการที่ชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดขององค์รัชทายาท

หลี่เฉินหัวเราะเสียงเย็นชา ยกเท้าขึ้นมาเตะที่ท้องน้อยของเฉินไหวจื้อ

เฉินไหวจื้ออายุตั้งครึ่งร้อยแล้ว เขาจะทนลูกเตะของหลี่เฉินไหวได้เยี่ยงไร เขากระอักเลือดออกมาในทันที

หลังจากลูกเตะนี้ เฉินไหวจื้อก็กรีดร้องออกมา พร้อมกระเด็นตกลงพื้น

“บัดนี้เสด็จพ่อของข้าตกอยู่ภาวะวิกฤติ ในฐานะโอรส ข้าจะไม่กังวลได้เยี่ยงไร ทำไมตาแก่อย่างเจ้าถึงมาขวางทางข้า เจตนาของเจ้าคืออะไร? เชื่อหรือไม่ ต่อให้ข้าสังหารเจ้าที่นี่ ก็ไม่มีใครกล้าผายลม?”

หลี่เฉินตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด ทำเอาวังสุทธาสวรรค์พลันเงียบกริบ

ทุกคนมององค์รัชทายาทที่เมื่อก่อนไร้ประโยชน์ด้วยความหวาดกลัว ราวกับเห็นคนแปลกหน้า

ไม่มีใครจินตนาการได้ว่า องค์รัชทายาทจะกล้าเตะขุนนางใหญ่ในที่สาธารณะ

เฉินไหวจื้ออ่านหนังสือปราชญ์มาทั้งชีวิต เขาจะทนความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้อย่างไร เขานอนอยู่บนพื้น และชี้ไปที่หลี่เฉิน พลางตะโกนว่า “ท่านเป็นเพียงองค์รัชทายาท แต่ปฏิบัติต่อขุนนางในราชสำนักอย่างโหดร้าย คนไร้คุณธรรมเช่นนี้จะสืบทอดราชบัลลังก์ได้เยี่ยงไร? กระหม่อมยอมตายเพื่อกราบทูลฝ่าบาท ให้ปลดท่านออกจากตำแหน่งรัชทายาท!”

เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา จิตสังหารของหลี่เฉินก็ยิ่งเดือดพล่าน

เขามองเฉินไหวจื้อ และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตาเฒ่า เจ้ารอก่อนเถอะ มาดูกันว่า เจ้าจะตายหรือว่าข้าจะโดนปลด!”

พูดจบ เขาก็เดินไปยังแท่นบรรทมมังกร

เหล่าแพทย์หลวงที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าแท่นบรรทมมังกรก็ถอยออกมา

หลี่เฉินคุกเข่าลงกับพื้น มองดูฮ่องเต้ที่หน้าซีดราวกับกระดาษ ดุจเปลวเทียนที่ใกล้จะมอดดับบนแท่นบรรทมมังกร ทันใดนั้นเขาก็เข้าสู่การละคร

ดวงตาแดงก่ำ คัดจมูก หลี่เฉินกุมมืออันเย็นเฉียบของฮ่องเต้พลางกล่าวเสียงสะอื้น “เสด็จพ่อ ลูกอยู่นี่แล้ว”

บนแท่นบรรทมมังกร เปลือกตาของฮ่องเต้สั่นไหว ก่อนจะค่อยๆ ลืมขึ้น

เมื่อดวงตาที่ขุ่นมัวเห็นว่าเป็นหลี่เฉิน จึงเปิดปากพูดด้วยเสียงแหบแห้งและกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เจ้ามาแล้ว...”

“ข้า...ป่วยหนักเกินกว่าจะเยียวยาแล้ว คงอยู่ได้อีกไม่นาน”

ละครเรื่องนี้มาถึงจุดไคลแม็กซ์แล้ว เวลานี้ หลี่เฉินไม่รู้ว่าเขาได้รับผลกระทบจากความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิมหรือไม่ แต่เขารู้สึกตรอมตรม และกล่าวเสียงเบาว่า “เสด็จพ่อพลามัยแข็งแรง อีกเดี๋ยวก็หายจากอาการเจ็บป่วยได้ ท่านคือมังกรที่แท้จริง ด้วยพรจากสวรรค์ ท่านจะดีขึ้นอย่างแน่นอน”

มุมปากกระตุกเล็กน้อย ราวกับว่าต้องการจะยิ้ม ฮ่องเต้พูดอย่างอ่อนแรงว่า “ร่างกายของข้า...ข้ารู้ดี ตอนนี้ แค่จะหายใจก็ยังทำไม่ไหวแล้ว...แต่เมื่อครู่ เจ้าทำได้ดีมาก”

“การบริหารแผ่นดินเป็นเรื่องยาก เจ้า จะจัดการได้หรือไม่?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1159

    เห็นว่าสวีจวินโหลวมีท่าทีจริงใจ สวีฉังชิงจึงพยักหน้าเบาๆน้ำเสียงเขาอ่อนลง พูดว่า “เจ้าอย่าโทษว่าข้าเข้มงวดกับเจ้ามากนัก ความหวังของตระกูลสวีเรา ไม่ได้อยู่ที่ข้า แต่อยู่ที่เจ้า”สวีจวินโหลวได้ยินดังนั้นก็รีบพูดว่า “ท่านอา คำพูดนี้ของท่านรุนแรงเกินไปแล้ว เรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ของตระกูลเรา ล้วนต้องให้ท่านอาเป็นผู้ตัดสิน หลานยังเยาว์วัยนัก ยังต้องเรียนรู้จากท่านอาอีกมาก”สวีฉังชิงกล่าวว่า “ตอนนี้แน่นอนว่าต้องให้ข้าช่วยกลั่นกรอง แต่ในอนาคตเล่า?”สวีฉังชิงวางฝ่ามือลงบนไหล่ของสวีจวินโหลว พูดด้วยน้ำเสียงลึกซึ้งว่า “เจ้าลองคิดให้ดี ตอนนี้ขุนนางในราชสำนัก ล้วนมีอายุเท่าไรกันบ้าง? พูดให้ตรงกว่านี้ก็คือ พวกเขาล้วนเป็นขุนนางที่เหลือจากรัชสมัยของฮ่องเต้องค์ก่อน แม้ว่าภายนอกพวกสายคณะเสนาบดีจะดูเหมือนถูกสลายไปแล้ว แต่เบื้องหลังเล่า? แบ่งแยกกันตามเชื้อสาย ตามภูมิลำเนา ตามแนวคิดทางการเมือง แก๊งกลุ่มก้อนมากมาย แก่งแย่งแก้แค้นกันไม่สิ้นสุด มีมากมายเกินจะนับ”“การปฏิรูปใหม่ของฝ่าบาทครั้งนี้ เป็นก้าวแรกในการสลายพวกกลุ่มก้อนเหล่านั้น ต่อจากนี้ยังจะมีการเคลื่อนไหวอีกมาก แต่สรุปแล้วมีเพียงคณ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1158

    สวีจวินโหลวจำถ้อยคำเหล่านั้นไว้ในใจ พลางกล่าวว่า “ท่านอาวางใจเถิด หลานจะระมัดระวังให้มาก”พูดจบ เขาก็เปลี่ยนหัวข้อทันที กดเสียงให้ต่ำลง “ท่านอา ท่านได้ยินเรื่องนี้หรือยัง? ด่านเย่ว์หยานั่น ดูเหมือนจะมีปัญหาอยู่ไม่น้อย?”สีหน้าสวีฉังชิงพลันเปลี่ยน แต่ไม่ตอบคำถาม กลับถามกลับแทน “เจ้าไปได้ยินมาจากที่ใด?”สวีจวินโหลวยิ้มแหยๆ ตอบ “ก่อนหน้านี้หลานเป็นรองหัวหน้าสำนักจานซื่อ ประจำตำหนักบูรพา ย่อมมีข่าวบางอย่างเล็ดลอดถึงหูหลานบ้าง ได้ยินมาว่าเร็วๆ นี้ ฝ่าบาทมีราชโองการหลายฉบับ ล้วนส่งไปยังดินแดนกานและฉ่าน รวมถึงด่านเย่ว์หยา และกรมพระคลังยังได้รับพระบัญชาให้จัดหาทางระดมเสบียงจากทั่วทุกหัวเมือง?”“ใช่ ได้รับมาแล้ว”สวีฉังชิงพยักหน้า “และก็เริ่มดำเนินการแล้วตามพระบัญชา เสบียงจะเน้นการซื้อเป็นหลัก เกณฑ์เป็นรอง สิ่งสำคัญคือต้องไม่กระทบการดำรงชีวิตของราษฎร และห้ามทำให้ราคาท้องถิ่นผันผวนจนเกินควบคุม ราคาตลาดของข้าวสารต้องไม่เกินร้อยละยี่สิบห้า และเมื่อรวบรวมได้แล้ว จะส่งตรงไปยังดินแดนกานและฉ่าน โดยมีผู้รับผิดชอบเฉพาะดำเนินการเข้าคลังเสบียง”สวีจวินโหลวถามอย่างตื่นเต้น “ท่านอา…นี่จะเกิดศึกใหญ่แล้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1157

    เหตุการณ์คล้ายคลึงกันเช่นนี้ มิได้เกิดขึ้นแค่ในมณฑลซีซานเท่านั้น แต่ยังมีที่มณฑลหนานเหออีกด้วยที่ว่าการมณฑลหนานเหอ โจวผิงอันรับพระราชโองการจากมือขันทีอย่างเฉื่อยชาไม่มีเงินปึกแนบมือ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเพียงกล่าวคำขอบคุณหนึ่งคำ จากนั้นก็หันไปสั่งให้คนเปลี่ยนป้ายเป็นจวนผู้สำเร็จราชการมณฑลทันทีขันทีรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย แต่พอคิดถึงตำแหน่งใหม่ของชายผู้นี้ ก็จำต้องฝืนหน้าหนามาเอาใจสักสองสามประโยค“ใต้เท้าโจว ขอแสดงความยินดีด้วย”โจวผิงอันไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมอง แค่ตอบเสียงในลำคอว่า “อืม”อืม!?ขันทีไม่เคยพบใครที่รับราชโองการเลื่อนตำแหน่งอย่างไม่ใยดีถึงเพียงนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเตือน “ใต้เท้าโจว ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายภาษีถือเป็นตำแหน่งใหญ่ ต้องควบคุมรายได้ทั้งแผ่นดิน งานนี้ไม่ง่ายเลย ถึงแม้ฝ่าบาทจะสนับสนุนท่าน แต่ตามต่างจังหวัดห่างไกลจากเมืองหลวง อาจมิได้ให้เกียรติตำแหน่งผู้สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายภาษีเท่าไร ดังนั้นใคร่ขอใต้เท้าโจวโปรดระมัดระวังให้มาก”คราวนี้โจวผิงอันหันมามองเขาหนึ่งแวบแต่ก็เป็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น แล้วก็หันกลับไปอีก“อืม”เห็นโจวผิงอันเย็นชาขนาดนี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1156

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เฉินก็หัวเราะ “อืม ไม่เลว เป็นคำพูดจากใจจริง”“หากเจ้าบอกว่าคุ้นเคย ข้าคงคิดว่าเจ้ากำลังหลอกข้า เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมกะทันหัน ยังต้องสูญเสียอิสระด้วย อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าแต่ก่อนเจ้าพักอยู่ในจวน หากอยากออกไปข้างนอก พ่อของเจ้าก็ไม่เคยห้าม เพียงแต่ส่งคนอารักขาให้เจ้าอย่างดี แต่ในวังนั้นต่างกัน เจ้าคือพระชายารัชทายาท แค่จะก้าวออกจากวังก็ยากลำบากเหลือเกิน”ซูจิ่นพ่าตอบอย่างหงุดหงิด “ข้าจะหลอกเจ้าทำไมล่ะ ข้าก็แค่พูดตามจริงเท่านั้น”“ข้าหวังว่า ต่อจากนี้ไป จะได้ยินแต่คำพูดจากใจจริงจากเจ้า”หลี่เฉินลูบขมับเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ ข้าอยากได้ยินคำพูดจากใจจริงก็ยิ่งยากเข้าไปทุกที”“ผู้ที่อยู่สูงมักหนาวเหน็บรอบกาย คนที่อยู่รอบตัวเจ้ามีอยู่เพียงสองประเภท หนึ่งคือผู้ที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมประจบเจ้า อีกหนึ่งคือผู้ที่คอยวางแผนโค่นเจ้า ทั้งสองประเภทนี้ไม่มีวันพูดกับเจ้าด้วยใจจริง และในอนาคตที่พอคาดเดาได้ สภาพเช่นนี้จะยิ่งเลวร้ายลง ไม่มีวันดีขึ้นหรอก” ซูจิ่นพ่าพูดแทงใจโดยไม่ไว้หน้า“แต่ข้ายังมีเจ้า คนที่เข้าใจข้าอยู่นี่ไง” หลี่เฉินยิ้มทะเล้นซูจิ่นพ่าลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปพักกลางวัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1155

    หลี่เฉินยิ้มตาหยีพลางกล่าวว่า “บัญชาการน่ะเหรอ ข้าแน่ใจเลยว่าไม่ทำหรอก เรื่องของมืออาชีพ ก็ให้มืออาชีพทำไป เจ้าดูข้าแล้วคิดว่าข้าเหมาะจะบัญชากองทัพนับล้านไหมล่ะ?”หวงจี๋เทียนส่ายหน้าทันที “ไม่เหมาะ”“แต่เมื่อครู่เจ้าเพิ่งพูดว่าเจ้าจะจารึกนาม ณ เขาอู่ซวี…”“ใครจะบัญชาก็ช่าง แต่ผลงานนั้นต้องเป็นของข้า เข้าใจไหม?”หลี่เฉินมองหวงจี๋เทียนด้วยแววตาเวทนา “เจ้าไม่เข้าใจก็ไม่แปลก เพราะเจ้าก็แค่ องค์ชายธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น เรื่องวิธีคิดแบบจักรพรรดิ กลยุทธ์แบบเจ้าผู้ครองแผ่นดิน เจ้าก็ยังไม่อาจเข้าถึง เสด็จพ่อของเจ้าล่ะก็ ต้องเข้าใจแน่นอน”หวงจี๋เทียนถึงกับกระโดดลั่น “หลี่เฉิน! เจ้าอย่าล้ำเส้นนักนะ!”“ฮ่าๆๆ”หลี่เฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ รีบกลับไปติดต่อเสด็จพ่อของเจ้า พรุ่งนี้ข้าต้องการคำตอบ”เขาตบไหล่หวงจี๋เทียน พลางพูดว่า “บอกเสด็จพ่อของเจ้าด้วยว่า ศึกนี้คือศึกของเหลียวต่อฉิน แต่เกี่ยวพันโดยตรงถึงความอยู่รอดของแคว้นจิน”“วิสัยทัศน์ วิสัยทัศน์ต้องกว้างเข้าไว้”กล่าวจบ หลี่เฉินก็เดินจากไปจากเรือนรับรองอันอบอุ่นงดงามแห่งนั้นที่นั่นเป็นสถานที่ที่ชายใดก็ใฝ่ฝัน แต่หลี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1154

    “เจ้ามองข้าแบบนี้ทำไมกัน!?” หวงจี๋เทียนโกรธจัดตะโกนลั่นเขารู้สึกว่าสายตาของหลี่เฉินเป็นการดูถูกเขาอย่างที่สุดหลี่เฉินชี้ไปทางด่านเย่ว์หยา พลางกล่าว “ตอนนี้กองทัพเกราะม้าหกแสนของเหลียวกำลังบุกด่านเย่ว์หยาอยู่ ไม่แน่ว่าในขณะที่ข้ากำลังพูดกับเจ้านี่แหละ หรือไม่ก็พรุ่งนี้ ด่านเย่ว์หยาก็อาจแตกแล้ว ถึงตอนนั้นแม้แต่ดอกเก๊กฮวยก็เย็นชืดแล้ว ข้าจะไปรอพึ่งพาเจ้าได้อย่างไร?”หวงจี๋เทียนแค่นหัวเราะ “อย่ามาแกล้งพูดเช่นนี้เลย แต่เดิมเจ้าก็วางแผนจะปล่อยพวกเขาเข้ามาแล้วล้อมสังหารไม่ใช่หรือ? ตอนที่พวกเขายังไม่เคลื่อนไหว เจ้ากล้ายิ่งนัก วางแผนฟ้าแทงดินเช่นนั้น แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มแล้ว เจ้ากลับกลัวขึ้นมาหรือ?”“มิได้กลัว”หลี่เฉินกล่าว “เรื่องเช่นนี้ ต้องมีความเป็นฝ่ายรุกถึงจะมีความหวังที่จะสำเร็จ ดังนั้นเงื่อนไขของการปล่อยให้เข้ามาคือต้องเป็นข้าที่ปล่อยไม่ใช่พวกเขาบุกทะลวงเข้ามาเอง หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ห้ามพวกเขาไม่ได้ ฆ่าหมดน่ะฆ่าได้อยู่ แต่จะเป็นใครฆ่าใคร ยังบอกไม่ได้หรอก”หวงจี๋เทียนยิ้มเย้ย “แล้วถ้าข้าตั้งใจแน่วแน่จะนั่งดูเสือสู้กันล่ะ?”“ได้เลย!”หลี่เฉินตบมือดังฉาด หัวเราะลั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status