Share

บทที่ 4

Author: ไห่ตงชิง
หัวใจของหลี่เฉินหนักอึ้ง เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังทดสอบตัวเอง

ผลงานของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่ค่อยดีนัก จนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่วินาทีสุดท้ายของฮ่องเต้ พระองค์ก็ยังไม่กล้าที่จะมอบภาระของประเทศไว้บนบ่าของเขา

ตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า การกระทำของเขานั้นจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเขาในท้ายที่สุด

“ความยากในการบริหารแผ่นดิน เกิดจากปัญหาภายในและภายนอก”

หลี่เฉินผสมผสานความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม เข้ากับความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการขึ้นและลงของราชวงศ์ที่เขาอ่านก่อนทะลุมิติมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ปัญหาจากภายนอก มาจากพวกคนเถื่อน เฉวี่ยนหรง หนู่เจิน ซยงหนู นอกจากนี้ยังมีพิษร้ายที่เหลือรอดจากอดีตราชวงศ์หยวน ซึ่งต้องการทำลายต้าฉินของพวกเรา”

“ปัญหาจากภายใน มาจากการแบ่งแยกของอ๋องศักดินา ซึ่งก็คือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านอ๋องหรือโหว พวกเขามีอำนาจเก็บภาษีในดินแดนศักดินา และมีอำนาจทางการทหาร มันเป็นเพียงสถานที่นอกกฎหมาย เป็นเขตปกครองตนเอง นับว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริงๆ ”

“ยังมีเจ้าหน้าที่ทุจริตออกอาละวาดในท้องถิ่น พวกขุนนางใหญ่จัดตั้งกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาต่อสู้เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประเทศ กระหายอำนาจจนจิตใจมืดบอด สมควรฆ่าให้ตาย”

“นอกจากนี้ยังมีภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภัยแล้งที่รุนแรงในภาคเหนือ น้ำท่วมใหญ่ในภาคใต้ ผู้คนต่างแลกลูกกันกิน มีเหยื่อนับไม่ถ้วนที่ถูกบีบให้กลายเป็นโจร ลัทธินอกรีต และพวกกบฏที่โผล่ออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกผู้มีอันจะกินในท้องถิ่น สมรู้ร่วมคิดกับพวกกบฏหรือลัทธินอกรีตอย่างลับๆ เพื่อยึดครองประเทศ ส่งผลให้บ้านไม่เป็นบ้าน ประเทศไม่เป็นประเทศ”

ทุกคำพูดของหลี่เฉิน เปรียบเสมือนมีดที่แทงทะลุหัวใจผู้คน

ด้านหน้าแท่นบรรทมมังกร มีเพียงฮ่องเต้และขันทีซานเป่าซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงานบูรพาเท่านั้น ขันทีซานเป่าแสดงสีหน้าทึ่งๆ เพราะใครก็ตามที่พูดประโยคเหล่านี้ออกมา จะถือว่าเป็นคนทรยศ และจะถูกลากออกไปตัดหัวทันที

แต่หลังจากที่ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้น ก็ปรากฏริ้วสีแดงขึ้นบนใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา

“ดี! ดีมาก!”

ฮ่องเต้ที่เปรียบเสมือนเปลวเทียนกลางสายฝนในตอนแรก ก็ร้องออกมาเสียงดัง

เขามองไปที่หลี่เฉินด้วยความยินดีและพูดว่า “ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าข้าเลือกคนไม่ผิด”

“ซานเป่า ประกาศราชโองการ”

ขันทีซานเป่าค้อมกายเคารพ แล้วหยิบราชโองการที่ดูเหมือนจะเตรียมไว้นานแล้วออกมา ก่อนเผชิญหน้ากับนางสนมในวังหลัง เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ และกล่าวเสียงดังว่า “ประกาศราชโองการ”

ผู้คนในห้อง ต่างก็มีสีหน้าแตกต่างกัน ดวงตาฉายแววสับสนและสั่นไหว แต่พวกเขาทั้งหมดซึ่งนำโดยจ้าวเสวียนจีและ ฮองเฮาจ้าวชิงหลาน พากันคุกเข่ารับราชโองการ

ขันทีซานเป่าเปิดราชโองการ และอ่านราชโองการเสียงดัง “ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชาว่า นับตั้งแต่ที่ข้าขึ้นครองราชย์ ข้าได้มีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งในการบริหารแผ่นดินมาเป็นเวลา 19 ปี ยามราตรีมิอาจข่มตาหลับ ยามทิวาไม่กล้าเหนื่อยล้า บัดนี้พลานามัยไม่แข็งแรงเท่าเดิม และรู้สึกว่ากิจการบ้านเมืองเหน็ดเหนื่อยทั้งใจและวิญญาณ อย่างไรก็ตาม ราชกิจบ้านเมืองไม่อาจละทิ้งได้แม้แต่วันเดียว โชคดีที่โอรสคนที่สองนามเฉิน ดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาทมาสิบห้าปี ทรงคุณวุฒิและเปี่ยมไปด้วยความสามารถ มีคุณธรรม รับผิดชอบหน้าที่ทั้งในและนอก เป็นที่จับตามองทั้งฝ่ายราชสำนักและฝ่ายราษฎร เหมาะที่จะรับหน้าที่อันใหญ่หลวง เป็นอาวุธปกป้องประเทศ สามารถรับหน้าที่ดูแลกิจการบ้านเมืองทางการทหาร บริหาร และราษฎรที่สำคัญทั้งหมดของประเทศได้ สามารถตัดสินใจกิจการทหารและกิจการภายในในราชสำนัก พบองค์รัชทายาท เท่ากับพบข้า จบราชโองการ”

ด้วยราชโองการนี้ องค์รัชทายาทหลี่เฉินได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ฮ่องเต้ได้มอบอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิให้กับองค์รัชทายาทเป็นการส่วนตัว

หลี่เฉินเป็นคนแรกที่กล่าวขอบคุณ “ลูกน้อมรับราชโองการ ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”

ต่อมา ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ เหล่าขุนนางทั้งบู๊และบุ๋น นางสนมในวังหลัง ตลอดจนเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ ต่างก็คุกเข่ารับราชโองการ

“กระหม่อมน้อมรับราชโองการ ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”

หลังจากหลี่เฉินรับราชโองการ ฮ่องเต้ก็อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

เขาหลับตาแล้วกล่าวพึมพำว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเจ้าออกไปเถอะ ออกไป”

“ลูกรับพระบัญชา”

หลังจากหลี่เฉินทำความเคารพ เขากับเหล่าขุนนาง นางสนม และคนอื่นๆ ก็ออกจากพระราชวังสุทธาสวรรค์

แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เริ่มตะโกน

เฉินไหวจื้อโอดครวญเสียงดังว่า “ฝ่าบาททรงเสียสติไปแล้ว ให้องค์รัชทายาทเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รัชทายาทที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้ จะบริหารประเทศได้อย่างไร? กระหม่อมต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท กระหม่อมอยากอธิบายประเด็นสำคัญ ไม่อาจทำลายประเทศเช่นนี้ได้!”

ไม่มีขุนนางคนใดพูด ทุกคนต่างมองไปที่หลี่เฉิน ราวกับว่าต้องการดูว่าเขาจะตอบสนองอย่างไร

หลี่เฉินมองไปที่เฉินไหวจื้อที่กระโดดขึ้นๆ ลง ๆ อย่างเงียบๆ แล้วก้าวเข้ามาหาเขา

เฉินไหวจื้อเห็นสีหน้าอันเย็นชาของหลี่เฉิน เขาก็รู้สึกขาดความมั่นใจนิดหน่อย แต่ก็กลับมาตั้งตัวได้ เขาแน่ใจว่าหลี่เฉินไม่มีรากฐานในราชสำนัก และเนื่องจากตัวเองเป็นมือขวาของจ้าวเสวียนจีหัวหน้าสภาขุนนาง ถึงแม้ว่าองค์รัชทายาทจะได้บริหารแผ่นดิน แต่ก็ไม่กล้ารุกรานเขา

ด้วยความคิดนี้ เฉินไหวจื้อก็มั่นใจขึ้นมา

“เสด็จพ่อทรงมีรับสั่งให้ข้าเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มีเขียนไว้อย่างชัดเจนในราชโองการว่า กิจการบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นทางการทหาร บริหาร หรือราษฎร ข้าสามารถตัดสินใจได้ทั้งหมด พบข้าเท่ากับพบเสด็จพ่อ เจ้ารู้ไหมว่ามันหมายความว่าอย่างไร?” หลี่เฉินพูด

เฉินไหวจื้อเปลือกตากระตุก แต่ก็กัดฟันกล่าวต่อไปว่า “นั่นเป็นเพราะฝ่าบาทอยู่ในอาการมึนงง พระเนตรมืดบอดไปชั่วขณะ เมื่อกระหม่อมได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท กระหม่อมจะอธิบายให้ชัดเจน ฝ่าบาทจะต้องปลดท่านลงจากตำแหน่งองค์รัชทายาท ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์…”

เฉินไหวจื้อพูดไม่ทันจบ จู่ๆ หลี่เฉินก็ชักดาบข้างเอวจากองครักษ์เสื้อแพรที่อยู่ข้างๆ

ใช้พละกำลังและความเร็วที่เร็วที่สุดในชีวิต คมดาบเปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารในความมืด ประกายดาบอันเย็นเยียบวาดผ่านคอของเฉินไหวจื้อ ทิ้งไว้เพียงหยดเลือดที่สาดกระเด็น

เร็ว เร็วมาก

ทุกคนต่างคาดไม่ถึงว่าหลี่เฉินจะลงมือสังหารด้วยตัวเอง เขาฆ่าได้อย่างเด็ดขาดและโหดเหี้ยม

เฉินไหวจื้อตาเบิกโพลง กว่าจะตอบสนองกลับ เลือดในลำคอก็พุ่งกระฉูดออกมา

เขายกมือกุมคอ เฉินไหวจื้อจ้องมองหลี่เฉินอย่างขบฟันแน่น

เขาไม่คาดคิดว่า ในฐานะนักวิชาการศาลาเหวินหยวน และสมาชิกสำนักราชเลขาธิการ ซึ่งคอยช่วยเหลือฮ่องเต้ในการปกครองราชสำนัก ไม่มีใครกล้าดูหมิ่น ไม่มีใครกล้าไม่เคารพ ถึงแม้ว่าฮ่องเต้อยากจะฆ่าเขา ก็ต้องหาข้อกล่าวหาที่ชัดเจน แม้จะมีหลักฐานที่ชัดเจนก็ต้องพิจารณาคดีผ่านบุคคลที่สามจึงจะลงโทษได้ แต่ตอนนี้ เขาถูกหลี่เฉินสังหารโดยข้ามขั้นตอนทั้งหมด

เลือดอุ่นๆ จำนวนหนึ่งกระเซ็นไปที่ประตูพระราชวัง และสาดใส่ใบหน้ากับเสื้อผ้าของหลี่เฉิน เฉินไหวจื้อหงายหลังล้มลงไป โดยที่ร่างกายมีสระเลือดไหลซึมออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รอด

หลี่เฉินถือดาบไว้ในมือ ปลายดาบแตะพื้นเบาๆ หยดเลือดไหลลงจากใบดาบ และหยดลงพื้นเป็นดวงๆ

“นี่หมายความว่า ข้าคืออาณัติแห่งสวรรค์ จะฆ่าเจ้า ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ”

เลือดบนตัวเขาและบนใบดาบ ทำให้เขาดูเหมือนเทพปีศาจสวมชุดคลุมมังกรแดงขององค์รัชทายาทในตอนกลางคืน

เขามองข้ามฝูงชน จ้องมองจ้าวเสวียนจี และพูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “หัวหน้าจ้าว ท่านคิดว่าคนผู้นี้สมควรฆ่าหรือไม่?”

จ้าวเสวียนจีมองไปที่ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ที่เปื้อนเลือดของหลี่เฉิน มุมปากกระตุกเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “บุคคลผู้นี้มีความผิดดังต่อไปนี้ ไม่มีความเคารพต่อเบื้องบน ตั้งคำถามถึงราชโองการของฝ่าบาท กล่าวโจมตีองค์รัชทายาท โทษนี้ สมควรตาย”

สมาชิกสำนักราชเลขาธิการเหมือนกัน แต่จ้าวเสวียนจีเป็นหัวหน้า ส่วนเฉินไหวจื้อเป็นนักวิชาการหอเหวินหยวน เป็นผู้ช่วยของจ้าวเสวียนจี แต่ในคืนนี้ กลับดูเหมือนเหมาะแก่การสังหาร หลี่เฉินเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้รับผิดชอบประเทศไม่ถึงหนึ่งเค่อก็สังหารคนเสียแล้ว

เหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จ้าวเสวียนจีจึงยอมถอยชั่วคราว

หลี่เฉินแสยะยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ดี ตาเฒ่านี่ ข้าอยากฆ่ามานานแล้ว”

พูดจบ หลี่เฉินก็กวาดตามองไปทางกลุ่มขุนนาง

เหล่าขุนนางแต่ละคนที่ถูกหลี่เฉินเหลือบมอง ต่างก็รู้สึกหนาวที่คอ คล้ายกับว่าองค์รัชทายาทกำลังพิจารณาว่าจะเก็บหัวใครต่อไปดี

“กระหม่อมทูลลา”

จ้าวเสวียนจีประสานมือ และนำกลุ่มขุนนางออกจากวังสุทธาสวรรค์

จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินด้วยสายตาที่ซับซ้อน และจากไปพร้อมกับนางสนมและองค์ชายคนอื่นๆ

ด้านนอกพระราชวังสุทธาสวรรค์ ก็ถูกทิ้งร้างอย่างรวดเร็ว

“องค์รัชทายาท โปรดเช็ดเลือดสกปรกบนพระวรกายเถิด”

ไม่รู้ว่าขันทีซานเป่าเดินมาที่ข้างกายของหลี่เฉินเมื่อไหร่ เขาถือผ้าเช็ดหน้าด้วยสองมืออย่างนอบน้อม

เมื่อมองไปที่ขันทีซานเป่าที่ทั่วร่างมีบรรยากาศที่นุ่มนวล หลี่เฉินก็รับผ้าเช็ดหน้ามา แล้วเช็ดเลือดที่แข็งตัวบนใบหน้า และพูดอย่างใจเย็นว่า “รบกวนใต้เท้ากวางกงนำศพของตาเฒ่านี่ไปโยนให้สุนัขกินด้วย”

ไม่เพียงแต่ฆ่าคน กระทั่งศพยังโยนให้หมากิน

องค์รัชทายาทช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก!

ขันทีซานเป่าพูดอย่างนอบน้อม “พ่ะย่ะค่ะ บ่าวรับพระราชดำรัส”

ปลายดาบเปื้อนเลือดยังมีเลือดไหลลงกับกระเบื้อง ส่งเสียงดังติ๊งๆ หลี่เฉินจึงกล่าวว่า “ในราชสำนัก ไม่มีใครเชื่อฟังข้า กวางกงจะจัดการอย่างไร?”

ขันทีซานเป่าขมวดคิ้วกล่าวว่า “บ่าวเป็นคนไม่มีรากฐาน ไม่ใช่ทั้งชายหรือหญิง ไม่ใช่หยินหรือหยาง ทั้งหมดที่บ่าวมีล้วนมาจากราชวงศ์ ราชวงศ์ให้บ่างทำอะไร บ่าวก็ทำสิ่งนั้น”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Chaiwat
น่าติดตามมาก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1159

    เห็นว่าสวีจวินโหลวมีท่าทีจริงใจ สวีฉังชิงจึงพยักหน้าเบาๆน้ำเสียงเขาอ่อนลง พูดว่า “เจ้าอย่าโทษว่าข้าเข้มงวดกับเจ้ามากนัก ความหวังของตระกูลสวีเรา ไม่ได้อยู่ที่ข้า แต่อยู่ที่เจ้า”สวีจวินโหลวได้ยินดังนั้นก็รีบพูดว่า “ท่านอา คำพูดนี้ของท่านรุนแรงเกินไปแล้ว เรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ของตระกูลเรา ล้วนต้องให้ท่านอาเป็นผู้ตัดสิน หลานยังเยาว์วัยนัก ยังต้องเรียนรู้จากท่านอาอีกมาก”สวีฉังชิงกล่าวว่า “ตอนนี้แน่นอนว่าต้องให้ข้าช่วยกลั่นกรอง แต่ในอนาคตเล่า?”สวีฉังชิงวางฝ่ามือลงบนไหล่ของสวีจวินโหลว พูดด้วยน้ำเสียงลึกซึ้งว่า “เจ้าลองคิดให้ดี ตอนนี้ขุนนางในราชสำนัก ล้วนมีอายุเท่าไรกันบ้าง? พูดให้ตรงกว่านี้ก็คือ พวกเขาล้วนเป็นขุนนางที่เหลือจากรัชสมัยของฮ่องเต้องค์ก่อน แม้ว่าภายนอกพวกสายคณะเสนาบดีจะดูเหมือนถูกสลายไปแล้ว แต่เบื้องหลังเล่า? แบ่งแยกกันตามเชื้อสาย ตามภูมิลำเนา ตามแนวคิดทางการเมือง แก๊งกลุ่มก้อนมากมาย แก่งแย่งแก้แค้นกันไม่สิ้นสุด มีมากมายเกินจะนับ”“การปฏิรูปใหม่ของฝ่าบาทครั้งนี้ เป็นก้าวแรกในการสลายพวกกลุ่มก้อนเหล่านั้น ต่อจากนี้ยังจะมีการเคลื่อนไหวอีกมาก แต่สรุปแล้วมีเพียงคณ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1158

    สวีจวินโหลวจำถ้อยคำเหล่านั้นไว้ในใจ พลางกล่าวว่า “ท่านอาวางใจเถิด หลานจะระมัดระวังให้มาก”พูดจบ เขาก็เปลี่ยนหัวข้อทันที กดเสียงให้ต่ำลง “ท่านอา ท่านได้ยินเรื่องนี้หรือยัง? ด่านเย่ว์หยานั่น ดูเหมือนจะมีปัญหาอยู่ไม่น้อย?”สีหน้าสวีฉังชิงพลันเปลี่ยน แต่ไม่ตอบคำถาม กลับถามกลับแทน “เจ้าไปได้ยินมาจากที่ใด?”สวีจวินโหลวยิ้มแหยๆ ตอบ “ก่อนหน้านี้หลานเป็นรองหัวหน้าสำนักจานซื่อ ประจำตำหนักบูรพา ย่อมมีข่าวบางอย่างเล็ดลอดถึงหูหลานบ้าง ได้ยินมาว่าเร็วๆ นี้ ฝ่าบาทมีราชโองการหลายฉบับ ล้วนส่งไปยังดินแดนกานและฉ่าน รวมถึงด่านเย่ว์หยา และกรมพระคลังยังได้รับพระบัญชาให้จัดหาทางระดมเสบียงจากทั่วทุกหัวเมือง?”“ใช่ ได้รับมาแล้ว”สวีฉังชิงพยักหน้า “และก็เริ่มดำเนินการแล้วตามพระบัญชา เสบียงจะเน้นการซื้อเป็นหลัก เกณฑ์เป็นรอง สิ่งสำคัญคือต้องไม่กระทบการดำรงชีวิตของราษฎร และห้ามทำให้ราคาท้องถิ่นผันผวนจนเกินควบคุม ราคาตลาดของข้าวสารต้องไม่เกินร้อยละยี่สิบห้า และเมื่อรวบรวมได้แล้ว จะส่งตรงไปยังดินแดนกานและฉ่าน โดยมีผู้รับผิดชอบเฉพาะดำเนินการเข้าคลังเสบียง”สวีจวินโหลวถามอย่างตื่นเต้น “ท่านอา…นี่จะเกิดศึกใหญ่แล้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1157

    เหตุการณ์คล้ายคลึงกันเช่นนี้ มิได้เกิดขึ้นแค่ในมณฑลซีซานเท่านั้น แต่ยังมีที่มณฑลหนานเหออีกด้วยที่ว่าการมณฑลหนานเหอ โจวผิงอันรับพระราชโองการจากมือขันทีอย่างเฉื่อยชาไม่มีเงินปึกแนบมือ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเพียงกล่าวคำขอบคุณหนึ่งคำ จากนั้นก็หันไปสั่งให้คนเปลี่ยนป้ายเป็นจวนผู้สำเร็จราชการมณฑลทันทีขันทีรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย แต่พอคิดถึงตำแหน่งใหม่ของชายผู้นี้ ก็จำต้องฝืนหน้าหนามาเอาใจสักสองสามประโยค“ใต้เท้าโจว ขอแสดงความยินดีด้วย”โจวผิงอันไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมอง แค่ตอบเสียงในลำคอว่า “อืม”อืม!?ขันทีไม่เคยพบใครที่รับราชโองการเลื่อนตำแหน่งอย่างไม่ใยดีถึงเพียงนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเตือน “ใต้เท้าโจว ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายภาษีถือเป็นตำแหน่งใหญ่ ต้องควบคุมรายได้ทั้งแผ่นดิน งานนี้ไม่ง่ายเลย ถึงแม้ฝ่าบาทจะสนับสนุนท่าน แต่ตามต่างจังหวัดห่างไกลจากเมืองหลวง อาจมิได้ให้เกียรติตำแหน่งผู้สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายภาษีเท่าไร ดังนั้นใคร่ขอใต้เท้าโจวโปรดระมัดระวังให้มาก”คราวนี้โจวผิงอันหันมามองเขาหนึ่งแวบแต่ก็เป็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น แล้วก็หันกลับไปอีก“อืม”เห็นโจวผิงอันเย็นชาขนาดนี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1156

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เฉินก็หัวเราะ “อืม ไม่เลว เป็นคำพูดจากใจจริง”“หากเจ้าบอกว่าคุ้นเคย ข้าคงคิดว่าเจ้ากำลังหลอกข้า เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมกะทันหัน ยังต้องสูญเสียอิสระด้วย อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าแต่ก่อนเจ้าพักอยู่ในจวน หากอยากออกไปข้างนอก พ่อของเจ้าก็ไม่เคยห้าม เพียงแต่ส่งคนอารักขาให้เจ้าอย่างดี แต่ในวังนั้นต่างกัน เจ้าคือพระชายารัชทายาท แค่จะก้าวออกจากวังก็ยากลำบากเหลือเกิน”ซูจิ่นพ่าตอบอย่างหงุดหงิด “ข้าจะหลอกเจ้าทำไมล่ะ ข้าก็แค่พูดตามจริงเท่านั้น”“ข้าหวังว่า ต่อจากนี้ไป จะได้ยินแต่คำพูดจากใจจริงจากเจ้า”หลี่เฉินลูบขมับเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ ข้าอยากได้ยินคำพูดจากใจจริงก็ยิ่งยากเข้าไปทุกที”“ผู้ที่อยู่สูงมักหนาวเหน็บรอบกาย คนที่อยู่รอบตัวเจ้ามีอยู่เพียงสองประเภท หนึ่งคือผู้ที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมประจบเจ้า อีกหนึ่งคือผู้ที่คอยวางแผนโค่นเจ้า ทั้งสองประเภทนี้ไม่มีวันพูดกับเจ้าด้วยใจจริง และในอนาคตที่พอคาดเดาได้ สภาพเช่นนี้จะยิ่งเลวร้ายลง ไม่มีวันดีขึ้นหรอก” ซูจิ่นพ่าพูดแทงใจโดยไม่ไว้หน้า“แต่ข้ายังมีเจ้า คนที่เข้าใจข้าอยู่นี่ไง” หลี่เฉินยิ้มทะเล้นซูจิ่นพ่าลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปพักกลางวัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1155

    หลี่เฉินยิ้มตาหยีพลางกล่าวว่า “บัญชาการน่ะเหรอ ข้าแน่ใจเลยว่าไม่ทำหรอก เรื่องของมืออาชีพ ก็ให้มืออาชีพทำไป เจ้าดูข้าแล้วคิดว่าข้าเหมาะจะบัญชากองทัพนับล้านไหมล่ะ?”หวงจี๋เทียนส่ายหน้าทันที “ไม่เหมาะ”“แต่เมื่อครู่เจ้าเพิ่งพูดว่าเจ้าจะจารึกนาม ณ เขาอู่ซวี…”“ใครจะบัญชาก็ช่าง แต่ผลงานนั้นต้องเป็นของข้า เข้าใจไหม?”หลี่เฉินมองหวงจี๋เทียนด้วยแววตาเวทนา “เจ้าไม่เข้าใจก็ไม่แปลก เพราะเจ้าก็แค่ องค์ชายธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น เรื่องวิธีคิดแบบจักรพรรดิ กลยุทธ์แบบเจ้าผู้ครองแผ่นดิน เจ้าก็ยังไม่อาจเข้าถึง เสด็จพ่อของเจ้าล่ะก็ ต้องเข้าใจแน่นอน”หวงจี๋เทียนถึงกับกระโดดลั่น “หลี่เฉิน! เจ้าอย่าล้ำเส้นนักนะ!”“ฮ่าๆๆ”หลี่เฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ รีบกลับไปติดต่อเสด็จพ่อของเจ้า พรุ่งนี้ข้าต้องการคำตอบ”เขาตบไหล่หวงจี๋เทียน พลางพูดว่า “บอกเสด็จพ่อของเจ้าด้วยว่า ศึกนี้คือศึกของเหลียวต่อฉิน แต่เกี่ยวพันโดยตรงถึงความอยู่รอดของแคว้นจิน”“วิสัยทัศน์ วิสัยทัศน์ต้องกว้างเข้าไว้”กล่าวจบ หลี่เฉินก็เดินจากไปจากเรือนรับรองอันอบอุ่นงดงามแห่งนั้นที่นั่นเป็นสถานที่ที่ชายใดก็ใฝ่ฝัน แต่หลี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1154

    “เจ้ามองข้าแบบนี้ทำไมกัน!?” หวงจี๋เทียนโกรธจัดตะโกนลั่นเขารู้สึกว่าสายตาของหลี่เฉินเป็นการดูถูกเขาอย่างที่สุดหลี่เฉินชี้ไปทางด่านเย่ว์หยา พลางกล่าว “ตอนนี้กองทัพเกราะม้าหกแสนของเหลียวกำลังบุกด่านเย่ว์หยาอยู่ ไม่แน่ว่าในขณะที่ข้ากำลังพูดกับเจ้านี่แหละ หรือไม่ก็พรุ่งนี้ ด่านเย่ว์หยาก็อาจแตกแล้ว ถึงตอนนั้นแม้แต่ดอกเก๊กฮวยก็เย็นชืดแล้ว ข้าจะไปรอพึ่งพาเจ้าได้อย่างไร?”หวงจี๋เทียนแค่นหัวเราะ “อย่ามาแกล้งพูดเช่นนี้เลย แต่เดิมเจ้าก็วางแผนจะปล่อยพวกเขาเข้ามาแล้วล้อมสังหารไม่ใช่หรือ? ตอนที่พวกเขายังไม่เคลื่อนไหว เจ้ากล้ายิ่งนัก วางแผนฟ้าแทงดินเช่นนั้น แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มแล้ว เจ้ากลับกลัวขึ้นมาหรือ?”“มิได้กลัว”หลี่เฉินกล่าว “เรื่องเช่นนี้ ต้องมีความเป็นฝ่ายรุกถึงจะมีความหวังที่จะสำเร็จ ดังนั้นเงื่อนไขของการปล่อยให้เข้ามาคือต้องเป็นข้าที่ปล่อยไม่ใช่พวกเขาบุกทะลวงเข้ามาเอง หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ห้ามพวกเขาไม่ได้ ฆ่าหมดน่ะฆ่าได้อยู่ แต่จะเป็นใครฆ่าใคร ยังบอกไม่ได้หรอก”หวงจี๋เทียนยิ้มเย้ย “แล้วถ้าข้าตั้งใจแน่วแน่จะนั่งดูเสือสู้กันล่ะ?”“ได้เลย!”หลี่เฉินตบมือดังฉาด หัวเราะลั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status